Xiaomi ได้ทำการแยกแบรนด์มือถือสายเกมออกมาในชื่อ Blackshark และทำตลาดแตกต่างกันชัดเจนรวมถึงรายละเอียดการออกแบบต่างๆและแน่นอนว่าตอนนี้ก็มาถึงรุ่น 2 Pro กันแล้วซึ่งเราก็ได้รีวิวไปทั้ง Blackshark ตัวแรก – Blackshark Helo / Blackshark 2 ทั้งหมดครับเรียกได้ว่ารีวิวครบทุกตัวเลยไปตามอ่านกันได้ และในปีนี้น่าสุดได้เปิดตัว Blackshark 2 Pro ที่มีการอัพเกรดสเปคขึ้นมาหลายๆส่วนหลักๆจะเป็น CPU Snapdragon 855+ และใช้งานอะไรที่ดีขึ้นรวมถึงตัวหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 และ ดีไซน์การออกแบบที่ว้าว ล้ำกว่าเดิมไปอีกขั้น ส่วนเรื่องของหน้าจออะไรต่างๆก็มีการพัฒนาขึ้นในแง่ของการสัมผัส รวมถึงตัวสีสันของเครื่องก็เยอะขึ้นมากๆ

Blackshark 2 Pro นั้น เปิดตัวเป็นคล้ายๆรุ่นอัพเกรดที่ ใช้งานชิปเซตรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 855+ และมีความจำภายในถึง 256GB แบบ UFS3.0 ส่วนหน้าจอของมันจะเป็นแบบ AMOLED ที่มีขนาด 6.39 นิ้ว FHD+ และรองรับ HDR ด้วย และยังมีการอัพเกรดการสัมผัสหน้าจอที่ดีกว่าเดิม ที่ 240Hz 34.7ms เลยทีเดียวครับ และใช้งานระบบ  liquid cooling 3.0 ที่มาพร้อมจานและหลอดระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ทำให้สามารถลดอุณหภูมิของ cpu ได้ดีกว่าเดิม ส่วนเรื่องของฝาหลังก็มีการออกแบบที่สวยและล้ำมากขึ้น และใช้งานไฟ RGB ที่เยอะกว่าเดิมเพิ่มเข้ามาทั้งด้านบนและด้านล่างของโลโก้ด้วยครับ ส่วนด้านอื่นๆนั้นยังไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไร ทั้งเรื่องกล้อง และ ลำโพงอะไรทั้งหลาย จะเป็นเหมือนรุ่นที่อัพเกรดสเปคความแรงซะมากกว่าครับในรุ่นใหม่นี้

Black shark2 Pro ตัว Ram12 256GB ร้านหิ้วในไทยนั้นเปิดราคามาที่ 20,900.- บาท ราคานั้นอ้างอิงวันที่รีวิว และ เป็นราคาที่ซื้อจาก TREEMOBILE MBK นะครับ 

UNBOX

ตัวกล่องนั้นมีการออกแบบเปลี่ยนแปลงดีไซน์ตรงด้านหน้าเพิ่มพื้นผิวสวยๆเข้ามาอิงกับการออกแบบของฝาหลังรุ่นใหม่ครับ ตัวกล่องนั้นมีขนาดคล้ายๆของเดิมไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนัก ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมีมาให้เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ และ ไม่มีจอยควบคุม ส่วนพวก สายชาร์จ อะแดปเตอร์ และ พวกคู่มือ ตัวแปลง 3.5มม.ทั้งหลายครับ

  • ตัวเครื่อง Blackshark 2
  • เคส แบบ TPU สีดำใส
  • อะแดปเตอร์ QC 4.0
  • สายชาร์จ Type-C
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ตัวแปลง 3.5มม.
  • ฟิล์มกันรอยติดมาแล้วบนเครื่อง

เคสนั้นจะเป็นเคสที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมือถือทั่วไปมากขึ้นสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายมาก ไม่ใช่เคสแบบพลาสติกแข็งแบบรุ่นแรกๆครับ แต่ก็ไม่รองรับ การเสียบจอยควบคุมแล้วนะเมื่อดูจากงานออกแบบครับ แน่นอนว่า  ส่วนการปกป้องนั้นค่อนข้างทำได้ดีมากทั้งหน้าและหลัง มีการเว้นส่วนลำโพงไว้บ้างนิดหน่อยบนขอบบนและขอบล่าง ถือว่าทำได้ดีครับเคสตัวนี้ เป็นเคสแบบเดียวกันกับตัว Blackshark 2 ที่เราเคยรีวิวไปแต่แค่คนละโทนสีกันครับ

DESIGN

ดีไซน์งานออกแบบนั้นต้องบอกว่ามองผ่านๆเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าแต่ถ้ามองชัดๆจะเห็นความเงาสะท้อนเข้าตาแบบเต็มๆขึ้นมากขึ้นมีการเล่นลวดลายเยอะแยะสวยงามและมีสีใหม่ๆเข้ามาเยอะมากและเด่นๆเลยครับ รูปทรงรวมๆตำแหน่งกล้องและขอบๆเครื่องจะเหมือนเดิมครับเพราะน่าจะอิงอุปกรณ์เสริมของรุ่นอื่นๆให้ใช้งานได้ ส่วนไฟ RGB นั้นมีการเสริมเข้ามาเพิ่มในด้านหลัง 2 จุด ทำให้มีไฟทั้งหมด 5 จุดทั้ง โลโก้ ขอบเครื่อง 2 ข้าง และ ข้างหลัง 2 จุดส่วนงานประกอบ หนักแน่นเหมือนเดิมและมีความเหลี่ยมๆในการจับถือตรงฝาหลัง และหน้าจอนั้นใกล้ๆของเดิม

หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมจอขนาด 6.39 นิ้ว AMOLED ที่รองรับ HDR DCI-P3 และ การตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีมากๆ ดีกว่ารุ่นเดิมทำได้ไวถึง 34.7ms หน้าจอนั้นยังมีขอบไว้ให้จับไม่มีติ่งหน้าจอ ไม่มีจุดอะไรทั้งนั้น เป็นการออกแบบที่เหมาะสำหรับสายเกมจริงๆมีพื้นที่ไว้พักมือกันนิดหน่อย การออกแบบโดยรวมนั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก

สำหรับขอบด้านล่างนั้นมีการเว้นพื้นที่ไว้เท่าๆกับด้านบนและเป็นที่อยู่ของลำโพงตัวล่าง อีกทั้งปุ่มควบคุมทั้งหมดก็อยู่บนจอครับสามารถเปลี่ยนเป็นใช้งานเต็มหน้าจอได้ด้วย  สแกนนิ้วย้ายมาอยู่บนหน้าจอและสแกนได้ค่อนข้างไวเลยนะในการใช้งานจริงๆและเหมือนจะมีการปรับแต่งทำให้รู้สึกว่าทำงานได้ไวกว่ารุ่นก่อนหน้าครับและแม่นยำมากขึ้น

ขอบด้านบนนั้นจะเห็นว่ามีพื้นที่อยู่นิดหน่อย และ ยังเป็นส่วนของลำโพงบน กล้องหน้า 20 MP และ เซนเซอร์ทั้งหลายยังคงมีไว้ครบครับ แต่ไม่มีไฟแจ้งเตือนแล้วครับ

ขอบด้านซ้ายก็เป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แน่นอนว่ายังคงมีแถบไฟด้านข้างมาให้ รวมถึงวัสดุขอบทั้งหมดจะเป็นชิ้นเดียวกันกับฝาหลังทำให้มันค่อนข้างแข็งแรงและเนียนมาก วัสดุการตัดขอบต่างๆค่อนข้างคมสวยทำได้ดีครับ

ในขอบด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม สำหรับเปิด Sharkspace เป็นแถบสไลด์ ส่วนถัดมาเป็นปุ่ม Power ครับ ส่วนแถบไฟด้านข้างยังคงมีสานต่อจากรุ่น 2 มาให้ครับ ครั้งนี้มีการเล่น Effect อะไรที่มากกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ก็ยังชอบนะไฟมันเนียนสวยดีมาก และมีการใส่ไฟข้างหลังเข้ามาเพิ่มอีก 2 จุดครับ

ขอบด้านบนนั้นเรียบๆจะเห็นว่ากล้องหลังนั้นนูนขึ้นมาเล็กน้อยครับและก็เป็นรูไมค์สำหรับบันทึกเสียง รวมถึงตัดเสียงรบกวนครับ

ขอบด้านล่างนั้นเป็นที่ชาร์จ Type-C และ ถาดใส่ซิมครับ เป็นแบบ Dual Sim ไม่สามารถเพิ่ม Micro SDได้นะครับ ส่วนรูไมค์นั้นจะฝังตรงลำโพงหน้าจอนั้นเอง

กล้องหลังเป็นกล้องหลังคู่ที่มีระยะแตกต่างกัน สเปค กล้องหลัก 48MP เซนเซอร์ Sony IMX586 ขนาด 1/2.0″, พิกเซล 0.8μm, f/1.75  กล้องตัวรอง 12MP เซนเซอร์ Samsung S5K3M5 ขนาด 1/3.6″, พิกเซล 1.0μm, f/2.2, 6P lens แน่นอนว่าการถ่ายทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับรวมถึงมีระยะเทเลมาให้ใช้งานกัน ส่วนฝาหลังนั้นจะไม่มีสแกนนิ้วแล้ว เพราะย้ายไปอยู่บนหน้าจอแทน ส่วนตัวไฟบนโลโก้ยังคงมีมาให้ปรับสีได้ค่อนข้างหลากหลาย และมีการเพิ่มไปจุดขีดๆ 2 อันบนล่างเข้ามาเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้าที่มีแค่โลโกครับ ทำให้เข้าถึงจิตวิญญาณ เกมมากขึ้นไปอีกขั้น

ทางด้านฝาหลังในภาพรวมนั้นแถบตรงกลางจะแคบลงและมีการเว้าลึกนูนต่ำมากขึ้น และมีการใส่ไปเข้ามาเหนือและล่างโลโก้ครับ ทำให้ตรงกลางมันไม่บวมไม่อ้วนแบบเดิม ทำให้มองในภาพรวมตัวเครื่องดูแคบและผอมขึ้นเยอะ และในบางสีนั้นจะทำให้ตรงกลางเด่นมากๆเช่นสีส้มน้ำเงินก็ทำให้เป็นการตัดกับของสีที่สวยมากๆ หรือ ดำส้มก็สวยเช่นกัน แต่ถ้าใครชอบเรียบๆนั้นสีที่เรารีวิวก็ใช้งานได้ดีอีกสีครับ และแถบข้างๆตรงกลางนั้นมีการใช้งานกระจกเงาเข้ามาเสริมทำให้เล่นกับแสงได้ดีและมีเส้นๆกราฟิกแฝงอยู่ข้างในถือว่าโดดเด่น ไปให้สุดสำหรับสายเกม ใครไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบไปเลยครับในการออกแบบที่เน้นลวดลายแบบนี้

SPEC

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.61×75.01×8.77 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 205 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : AMOLED กว้าง 6.35 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340×1080 พิกเซล) ความละเอียดพิกเซล 403PPI DCI-P3 color gamut สัมผัมหน้าจอ Refresh Rate 240Hz
  • ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 855 Plus ความเร็ว 2.96GHz
  • ชิปกราฟิก : Adreno 640
  • RAM : 12GB LPDDR4x Dual Channel
  • ROM : 128 / 256GB แบบ UFS 3.0
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 9 Pie
  • กล้องหลังคู่ : ความละเอียด 48+12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 + f/2.2 เลนส์แบบ 6P
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เลนส์แบบ 5P
  • รองรับซิมคู่แบบ Nano SIM ใช้งาน 4G ได้ทั้งคู่
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, พอร์ต USB Type-C
  • ระบบความปลอดภัย : สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ : 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 27W และรองรับ QC4+

 

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของตัวเครื่องในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 855+ ที่ทำงานร่วมกับ UFS 3.0 256GB และ RAM 12GB DDR4X ด้วยทำให้ประสิทธิภาพในงานเปิดตัวนั้นทำไปได้เกือบ 5 แสนครับ ส่วนในการทดสอบจริงๆนั้นถือว่าน้อยกว่าที่คิดไว้แต่ก็เยอะกว่าตัวเดิมชัดเจนครับในที่ผมได้ทดลองนั้นจะทำได้ 470000 คะแนน และ ทำคะแนนในส่วนของ Geekbench ไปได้ที่ แกนเดียว และ หลายแกน ส่วน UFS 3.0 ทำให้การอ่านเขียนพุ่งไปแตะ 1,400 MB/S และ ตัวความปลอดภัยนั้นเป็นปกติของแบรนด์ที่รองรับแค่ DRM L3 เท่านั้นครับ

SYSTEM UI

สำหรับระบบการทำงานตัวนี้มาพร้อม Android 9  JOY UI  ที่มีหน้าตาเรียบง่ายมาก และพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐาน MIUI ครับผม ระบบค่อนข้างเรียบและไม่รก ใช้งานง่ายและมาในธีมดำ เขียวเป็นหลักทั้งในหน้าตั้งค่าและโทนทั้งเครื่องเลยครับ แต่ก็สามารถปรับเป็นขาวได้นะ ไม่มี  App drawer และไม่มีเลขแจ้งเตือนบนแอพอื่นๆครับ

หน้าตาการแจ้งเตือนก็เหมือน Android ทั่วไปแต่ปรับโทนสีให้เข้ม เขียวครับ ปรับ Quick setting ได้เหมือนเดิมลากลงมา 1 ครั้งก็เป็น Quick setting เลยครับ มีปุ่มเคลียร์ในด้านล่าง และ สามารถแบ่งหน้าจอได้สบายครับ ตามปกติของ Android มีการย้ายตำแหน่งการปรับแสงนิดหน่อย และมีเวลาขึ้นมุมซ้ายแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า

ในเรื่องของ RAM 12 GB ใช้งานเฉลี่ยไป 3.8 GB และในหน่วยความจำ 256 GB เหลือให้ใช้งานได้ 242 GB ครับส่วนคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นของ Google ครับพิมพ์ไทยได้ แต่ไม่มีเมนูไทยนะครับในรุ่นนี้ คีย์บอร์ดต่างๆ ต้องโหลดมาเองนะครับ 

Gamedock เป็นจุดเด่นอีกอย่างของตัวนี้ครับคือเวลาเข้าเกมสามารถตั้งค่าอะไรได้ค่อนข้างเยอะ ปรับ Fps ให้ลื่นที่สุด หรือจะเป็นการโชว์อะไรต่างๆ ตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบไหน เป็นต้นครับ มีการตั้งการป้องกันการติดเกมอะไรได้ครับรวมถึง Shark Moment ซึ่งในส่วนนี้บางอันยังเป็นภาษาจีนอยู่ครับ

หน้าจอนั้นสามารถตั้งค่าให้สู้แสงได้เป็นพิเศษเวลาอยู่กลางแจ้ง รวมถึง DSP และ เปิดถนอมสายตา และ เปิด การถนอมสายตาเวลาเปิดแสงต่ำๆให้ความถี่แสงนั้นถนอมสายตาได้ดี รวมถึง HDR – CINEMA MODE และยกขึ้นเพื่อจอติดครับ ส่วนการนำทางนั้นสามารถใช้งานเต็มจอได้ ไม่มีปุ่มบนจอ และ มีการตั้งค่าอื่นๆเช่น 3 นิ้วถ่ายหน้าจอ ตั้งค่าแรงกด MAGIC PRESS และตั้งค่าว่า กด 2 ปุ่มพร้อมกันจะเป็นอะไรครับต่างๆ รวมถึงปุ่ม Power กด 2 ครั้ง

Magic Press หรือ  3D Touch นั้นจะสามารถตั้งค่าได้ 2 แบบว่าจะทำหน้าที่อะไรครับ และปรับแรงกดได้รวมถึงกดตรงไหนก็ได้ในส่วนข้างล่างของหน้าจอ และ สามารถกดได้ทุกแอพครับ สามารถตั้งค่าได้เยอะเลยนะตามภาพกลาง และ เมื่อใช้งานนั้นจะเป็นแบบภาพขวาสุดครับผม กดค้างแล้วเลือกทิศทางที่เราจะใช้งานได้เลยง่ายๆครับ

THEME

ธีมนั้นมีให้ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยครับ ประมาณ 8-9 ธีมมีความแตกต่างกันคนละแนวกันไปทั้งแบบน่ารักๆหรือแบบสายเกมก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เลย ส่วนธีมของโทนทั้งหมดก็สามารถเปลี่ยนได้โดยเปลี่ยนเป็น Light Theme หน้าตาเมนูตั้งค่าทั้งหมดจะเป็นโทนขาวเขียวแทนครับ ทำให้โดยรวมนั้นสว่างกว่าเดิมพอสมควรในการใช้งานรวมๆ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอที่เป็น AMOLED ขนาดนั้นเท่าเดิมกับรุ่น 2 แต่ในส่วนการสู้แสงแดดต่างๆนั้นก็ทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมครับ หน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอ ความละเอียดที่ Full HD+  อัตราส่วน 19.5:9  DCI – P3, และที่เด่นๆเลยคือรองรับการสัมผัสที่ 240Hz ! และ ความไวต่อการสัมผัสที่ 34.7 อีกทั้งความสว่างยังมากกว่าเดิมมาให้ที่ 430 Nits รองรับ HDR ด้วยถือว่าจัดเต็มมากและการออกแบบยังคงเหลือเนื้อที่ขอบข้างไว้ทั้ง 2 สำหรับเวลาเล่นเกมแล้วได้พักมือกันหน่อยไม่มีติ่งหรือรอยบาก จุดบนหน้าจอมากวนใจทั้งนั้นถือว่าเหมาะสำหรับสายเกมจริงๆ การสู้แสงแดดทำได้ดีมากเลยอันนี้ชอบครับ ใช้งานกลางแจ้งมองชัดขึ้นพอสมควรเลยแหละ แต่ที่เด่นๆคือการสัมผัสในการเล่นเกมที่แตะได้ไวมากๆและไม่มีหน่วงเลยครับ เป็นจุดหลักๆที่พัฒนาขึ้น และใช้กระจก Gorilla 6 ครับ ส่วนหน้าจอยังมีฟีเจอร์ที่จะช่วยเร่งแสงเวลาเจอการใช้งานกลางแจ้งให้สว่างพิเศษ ต้องเข้าไปเปิดและตั้งแสง Auto

สีที่ได้นั้นสามารถปรับโทนสี แนวภาพได้ค่อนข้างละเอียดต้องบอกกันก่อนว่าค่าเดิมๆนั้นสีค่อนข้างสดและเวอร์ไปนิด ถ้าเราได้มาลองปรับโทนใหม่สีจะค่อนข้างตรงและใช้งานได้ดีครับในส่วนของตัวสี มิติภาพต่างๆสื่อออกมาได้ดีและชัด สีทำได้ดีนะรวมๆค่อนข้างชอบมาก ซึ่งหน้าจอโดยรวมนั้นยังคงคุณภาพแบบเดิมกับตัว Blackshark 2 แต่ที่แตกต่างกัรจะเป็นเรื่องของการสัมปัส การเล่นเกม ความลื่นไหลมากกว่า เพราะในส่วนของหน้าจอเวลาปิดจอแล้วมองตัวเครื่องจอมันจะไม่ได้ดำสนิทกลืนไปกับเครื่องเท่าไรเหมือนเดิมครับ หน้าจอจะออกเทาๆน่าจะเป็นชนิดจอที่เอามาใช้ครับ ส่วนในการมองมุมต่างๆนั้นต้องบอกว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีกว่าเดิมคือมองมุมเอียงๆหรือเฉียงๆนั้น ภาพไม่ดรอปและไม่เพี้ยนเท่าไรถือว่าเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีและมีฟีเจอร์ลดแสงรบกวนเวลาหรี่แสง DC Dimmings อีกด้วยครับ

MAGIC PRESS 3D TOUCH 

ขอเรียกง่ายๆว่า 3D Touch เอาจริงๆไม่ค่อยเห็นค่ายเอามาใช้กันแล้วซึ่งอาจจะด้วยการใช้งานที่ไม่ได้หลากหลายเท่าไรในบรรดามือถือทั่วไป แต่ถ้าสายเกมแล้วเรามีปุ่มพิเศษเข้ามาเพิ่มด้วยนั้นเอง 2 ฝั่งในการกดเลยครับ ส่วนการเล่นเกมเดี๋ยวไปดูในส่วนข้างล่างต่อไปนะ แต่มาดูในการใช้งานทั่วไปกันก่อน สามารถกดได้ทุกหน้าการใช้งานครับ กดได้ส่วนล่างของหน้าจอทั้งหมด แน่นอนว่าเมื่อกดลงไปแล้วจะเหมือนปุ่มตัวเลือกให้เราเลือกอีกว่า 5 ทิศนั้นเราจะใช้งานอะไรกดค้างแล้วเลื่อนไปฝั่งนั้นได้เลย สามารถปรับเปลี่ยนหน้าที่ได้ครับว่าให้ทำอะไรบ้างในภาพคือ กดตรงกลางคือออกไปหน้าโฮม กดแล้วเลื่อนขึ้นไป เคลียร์แอพ กดแล้วเลื่อน ขวาไป สแกน QR เป็นต้นนั้นเองถือว่าน่าสนใจครับ

การแจ้งเตือนเวลาหน้าจอดับก็น่าสนใจเพราะมีความชัดและมีสีสันครบครับทำให้มองได้ง่ายและสแกนนิ้วได้เลยในหน้านี้ ด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบ AMOLED ทำให้รองรับการทำงานได้สบายๆในการแจ้งเตือนแบบนี้ รองรับในหลายๆแอพครับเป็นหน้าจอแจ้งเตือน แต่ยังไม่เห็นการปรับแต่งหรือตั้งหน้าจอแบบ Always on ของรุ่นนี้มาให้ครับ

รองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอในแบบ Optical ในตำแหน่งด้านล่างเหมือนกับรุ่นอื่นๆในค่ายและพัฒนาขึ้นไวกว่ารุ่น Blackshark 2 ครับแน่นอนว่าอาจจะเป็นตัว Software ที่ปรับเปลี่ยนไปทำให้สแกนนิ้วได้ไวและแม่นกว่าเดิมและสามารถเปลี่ยน ได้ทั้งหมด 4 แบบ และรองรับการสแกนนิ้วเพิ่มสูงสุด 5 นิ้วครับเหมือนระบบสแกนนิ้วปกติทั่วไปเลย สามารถสแกนนิ้วได้ตอนหน้าจอดับ หรือ ตอนที่มีโลโก้ขึ้นมานั้นเองครับ และรองรับสแกนใบหน้าพร้อมกันในตัว

SOUND

สำหรับเรื่องในการฟังเพลงตัวนี้ต้องบอกว่าไม่ได้เน้นในจุดนี้และต้องบอกว่ามันเหมือนเดิมกับรุ่นแรกและรุ่นอื่นๆของทาง Xiaomi เลยแหละการตัดรู3.5มม.ทำให้ต้องใช้ตัวแปลง และแน่นอนมันแถมตัวแปลงเหมือนกับรุ่นเดิมพอสมควร กำลังขับ ที่ให้ออกมาถือว่าใช้ได้แม้เสียงจะไม่ได้มาครบมากนักแต่ก็จะเน้นไปทางเบสมากกว่านิดหน่อย อาจจะปรับมาเพื่อการเล่นเกมส์เป็นหลักครับ เพราะเวลายิง หรือเกมส์ต่อสู้เสียงทำมาได้หนักแน่นดีครับ แต่ถ้าเอาเรื่องของการฟังเพลงความใส เคลียร์นั้นอาจจะไม่ได้ดีมากครับ เน้นเสียงแน่นๆสะใจมากกว่า เสียงไม่ได้นุ่มอะไรมากแข็งๆนิดหน่อยครับ รุ่นนี้มี Effect เสียง Biso เข้ามาจริงๆเข้ามาตั้งแต่ตัว Helo แล้วแต่ต้องเข้าไปเปิดกันนะครับช่วยเสียงให้แรงขับมากขึ้นนิดหน่อย ส่วน EFFECT ตัวไฟเวลาเปิดเพลงก็รองรับเหมือนเดิม สวยงามและรองรับ Spotify

LIGHT

ตัวไฟในรุ่นนี้มีการใส่เข้ามาเพิ่มอีก 2 จุดตรงด้านบนและด้านล่างของโลโก้ครับ ส่วน Effect ต่างๆ ยังมีเหมือนเดิมและยังมีไฟขอบข้างเครื่องอีกด้วย การทำงานของไฟขอบข้างนั้นจะแบ่งตามหน้าที่แบบภาพซ้ายสุดครับทำงานตอน มีคนโทรมา ชาร์จไฟ ตั้งปลุก เล่นเกม กดยิง หรือจะเป็นฟังเพลงครับ และมีโหมดสำหรับโชว์ ไฟสามารถตั้งได้ว่าจะให้โชว์เป็นเวลากี่นาที นานสูงสุด 1 ชั่วโมง คล้ายๆจะเป็น DEMOโชว์ไฟนั้นเองครับทำให้ติดตลอดเวลาก็ถือว่าสวยเลย

ส่วน Effect ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่เราเลือกเลยครับ ปรับได้เยอะพอสมควรเพราะมีไฟหลายดวงครับเล่นกันได้เยอะ  ส่วนไฟโลโก้นั้นสามารถปรับสี หรือจะให้มันวนสีเองได้เลย การเปิดเพลงนั้นก็จะ จังหวะตามเพลงของเราครับ อารมณ์แบบ RGB บน PC เลยนั้นเองทำให้ค่อนข้างน่าสนใจเลย เป็นรุ่นเดียวเลย จากที่ได้ลองมาทั้งหมดในบรรดามือถือสายเกมที่ทำแบบนี้ได้ครับ ทำงานทั้งตอนเปิดลำโพง และ เสียบหูฟังนะครับ ไฟจะไล่สีจังหวะกระพริบสวยเอาเรื่องเลยแหละครับของจริง และ เมื่อแบตจะหมดไฟจะเป็นสีแดงลดตามจำนวน % ของเครื่องด้วยครับ และสามารถเปิดปิดตั้งค่าได้ในส่วนนี้ใช้ประโยชน์จากไฟได้เต็มที่อย่างมากครับ แต่ไฟที่เพิ่มเข้ามา  2 จุดนั้นแอบเล็กไปนิดนึงครับ

SPEAKER 

ทางด้านลำโพงนั้นหลังจากรุ่นที่แล้วเราได้เทียบกันกับ Razer Phone 2 และครั้งนี้ก็เอามาเทียบกับอีกแล้วและมันกลับทำได้ดีกว่าไปแล้วครับจากที่รุ่นก่อนนั้นสู้ได้สูสี เด่นๆเลยคือเรื่องของเสียง ความดัง และ ชัดนั้นทาง Blackshark 2 Pro ทำได้ดีกว่า เสียงฟังชัดเจน และ เคลียร์กว่านะ ส่วนเรื่องของมิติเสียงสูสีกันมากขึ้น แต่ทาง Razer Phone 2 นั้นจะเด่นกว่าที่รองรับ Atmos และ เบสนั้นหนักกว่านิดหน่อย แต่เรื่องความใส ความดังนั้น แอบให้ทาง Blackshark 2 Pro นั้นพัฒนาดีกว่าเดิม และ ดีกว่า Blackshark 2 ไปด้วยครับถือว่าพัฒนาได้ดีมากจริงๆ

BATTERY 

อายุการใช้งานแบต 4,000 mAh ตัวนี้ยังคงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าครับ แต่ด้วยความแรงที่มากขึ้นจึงทำให้แบตอาจจะไม่ได้โหดเท่ารุ่น 2 จากที่ลองใช้งานแบบเปิดไฟอะไรทั้งหมด และรวมถึงเล่นเกมต่อเนื่อง 2 ชั่วโมงเอาจริงๆมันยึงอึดอยู่กว่าพวกเรือธงตัวอื่นๆครับ แต่เมื่อเทียบกับรุ่น 2 แอบรู้สึกว่ารุ่นนั้นอึดกว่า 1 ชั่วโมงคร่าวๆ จากที่ทดสอบนั้นจอเปิดทั้งหมด 6 ชั่วโมง เปิดไฟอะไรเต็มที่ เปิดเพลง Bluetooth ต่อเนื่องยาวๆ รวมถึงเล่นเกมต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง ก็ถือว่าอยู่ได้ทั้งวันกลับมาบ้านพอดีครับ และมีถ่ายรูปอะไรด้วยก็ถือว่าอึดอยู่นะ เล่นเกมเปิดสุดนี่กินแบตเอาเรื่องถ้าเทียบกับประสิทธิภาพของมัน รวมถึงตอนเล่นก็เปิด Bluetooth เล่นเกมไปด้วยนั้นเองครับ

GPS

แม้จะใช้งาน Snapdragon 855+ แต่เรื่องของ GPS ก็ยังไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรทำได้พอๆกับรุ่น 2 ครับ โดยใช้นำทางและใช้แอพทดสอบนะครับอย่างแรกในการนำทางจริงๆนั้นก็ไม่เจอปัญหาอะไรเท่าไรนัก แต่จะมีบางจังหวะที่ลงอุโมงค์ หรือ ที่ทึบๆทำให้ต้องหาสัญญาณกันใหม่และอาจจะมึนๆไปบ้าง แบบเดียวกับที่เจอในตัว 2 อาจจะเป็นที่รอมจีนด้วยก็มีส่วนครับผม ส่วนในการจับสัญญาณ ภาพกลางเป็นการทดสอบในที่ใต้ทางด่วนจับได้ 18 จาก 37 และ ที่กลางแจ้งจับได้ 22 จาก 40 ในที่กลางแจ้งบนถนนปกติครับ ซึ่งทำได้ระดับกลางๆแต่น้อยกว่าพวก 855+ 855 ตัวอื่น แบบรู้สึกได้ครับในการใช้งานแอพทดสอบ แต่ถ้าเอามานำทางจริงๆจะแตกต่างกันตอนลงอุโมงค์อะไรแบบนั้น

GAMING 

การเล่นเกมตัวนี้มีการรองรับ Magic Press หรือ 3D Touch มาให้ทำให้มันมีปุ่มเสริมเข้ามาในบริเวณที่สี่เหลี่ยมตั้งค่าของเราครับ แน่นอนว่าการกดลงไปแรงๆก็ทำให้ใช้งานได้สะดวกเช่นเวลาซูม เล็งอะไรแบบนี้ไม่ต้องเลื่อนนิ้วเลยครับ แต่เอาจริงๆชอบการใช้งานแบบ ขอบเครื่องแบบ Vivo iQOO – ROG Phone มากกว่า อันนี้จะพลาดไปโดนปุ่มอื่นได้บ้างครับ และบางทีกดแรงๆอาจจะไม่สะดวกเท่าไรในการเล่นเกมแบบจริงจัง แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจครับ

สำหรับการเล่นเกมส์บอกเลยรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทัช เฟรมเลท หรือว่าหน้าจอทำออกมาได้ดี เป็นมือถือที่สร้างมาเอาไว้สำหรับเล่นเกมส์จริงๆ สำหรับความร้อนบอกเลยว่าตัวเครื่องไม่ร้อนเท่าไร หลังจากที่ทดสอบสูงสุดที่เทสประมาณ 40 องศา ส่วนเเบตเตอรี่อาจจะกินหน่อยนะครับเพราะว่าที่ทดสอบ ครึ่งชั่วโมงกินไปประมาณ 12% เอาเป็นว่าลองไปชมในคลิปที่ผมทดสอบไว้กันดีกว่าจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

CAMERA 

ในตัวกล้องนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสเปคอะไรครับ กล้องหลัก 48MP f/1.75 เซ็นเซอร์ Sony IMX586   กล้องเลนส์เทเล 12MP f/2.2 แต่รู้สึกได้ว่าทางด้าน Software นั้นมีการพัฒนาสวยงามอะไรเยอะดีกว่าเดิม ทั้งเรื่องคุณภาพและความแม่นยำของตัวสี รองรับ ทั้งการโฟกัส PDAF – LASER เหมือนกับรุ่นก่อนทั้งหมดครับ ส่วนตัวภาพนั้นก็มีโหมดอะไรต่างๆเหมือนเดิม และรองรับการถ่าย 48MP และ Super Slowmotion 1920 FPS และรองรับ 4K 60 FPS อีด้วย แต่แนวทางของภาพยังคงเป็นความ Xiaomi ที่จะดึงสีสดไปนิดหน่อยครับ และปรับแต่งมาให้เยอะครับ ส่วนเรื่องของคุณภาพรู้สึกว่าภาพคม และถ่ายไวขึ้น แต่รวมๆนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่น 2 เท่าไรเลยครับ ส่วนการถ่าย Night Mode ก็มีมาให้ครบ รวมถึง Promode ที่รองรับการปรับ ชัตเตอร์  1/1000 – 32 วิ และ ISO 100-3200 และ สามารถปรับ ใช้เลนส์เทเล และ WB -FOCUS ด้วยเช่นกัน

Portrait 

Night Mode 

SELFIES

กล้องหน้ายังคงใช้งานตัวเดิม แบบเดียวกับ 2 รุ่นก่อนหน้าจริงๆก็ดีอยู่แล้วนะ แต่รุ่นต่อไปต้องมีการอัพเกรดในส่วนนี้ได้แล้วครับ ในรุ่นนี้มาในความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 Pixel Biningเหมือนกับในรุ่น Blackshark Helo  และ Blackshark 2  ก่อนหน้านี้แน่นอนว่ามันเป็นการรวมพิกเซลให้หนาแน่นขึ้นทำให้เก็บภาพได้ดีกว่าเดิมเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น โหมด AI Beautify ปรับภาพหน้าได้สวยธรรมชาติก็ยังคงมีมาให้ การถ่ายนั้นถือว่าทำได้ดีในการเก็บภาพมุมกว้างพอสมควร และทำการละลายหลังได้ค่อนข้างดีและหน้าเนียนไม่หลอกตาเกินไป กล้องหน้ารวมๆโอเคในการถ่ายทั้งกลางวันแสงน้อยทำได้ดีตั้งระยะ Focus ได้ดีกว่ารุ่นก่อน

VIDEO  4K 60FPS !

ในการถ่ายวีดีโอตัวนี้รองรับ 4K 60FPS แล้วในครั้งนี้จากที่รุ่นก่อนหน้านั้นไม่รองรับการถ่ายแบบ 60FPS ครับ แน่นอนว่าเป็นการพัฒนาที่ดีเพราะค่ายจีนหลายๆค่ายไม่ค่อยเน้นในเรื่องนี้ครับ ซึ่งตัวนี้รองรับการถ่ายที่ 4K 60FPS-30FPS และ FULLHD 60FPS-30FPS รวมถึงการถ่าย Superslowmotion 1920FPS ได้อีกด้วยครับ จากที่ได้ลองนั้นต้องบอกว่าสนใจที่รองรับได้มากขึ้น เรื่องของคุณภาพนั้นทำได้ดีครับในแง่ของการเก็บรายละเอียด การวัดแสงต่างๆของทั้งกล้องหน้ากล้องหลังไม่วืดวาด รวมถึงการโฟกัส แต่เรื่องที่แอบเสียดายคือ การกันสั่นที่ทำได้ดีแค่ในตัว FULLHD 30FPS เท่านั้นส่วนความละเอียดอื่นๆทำไม่ได้ดีเท่าไร และแน่นอนว่าการอัดเสียงนั้นไม่ดีเลยครับ เหมือนที่เจอในหลายๆรุ่นของค่ายนี้ และ ใน Xiaomi เสียงรอบข้างเข้ามาเยอะและเสียงคนไม่ได้ชัดมีมิติอะไรเท่าไร

BLACKSHARK 2 PRO 

“สายเกมตัวคุ้ม อัพเกรดไปอีกขั้นทั้ง CPU – UFS 3.0  และ หน้าจอตอบสนองไวขึ้นมาก ! “

เป็นรุ่นที่ทำออกมาปรับเปลี่ยนทำให้ตัวเครื่องนั้นมีความแรงมากขึ้นทั้งเรื่องของ CPU และ ตัวหน่วยความจำ USF 3.0 ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาทำให้การใช้งานทั้งเรื่องของการอ่านเขียนเวลาเปิดแอพ หรือจะเป็นเวลาดูรูป ถ่ายวีดีโอที่มีความจุเยอะก็ทำได้ไวมากขึ้นรวมถึงการย้ายข้อมูลจากคอมอะไรพวกนี้ก็ทำได้ไวกว่าตัวอื่นๆชัดเจนครับ ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วเพราะได้อัพเกรดทำให้แรงและไวขึ้นเยอะรวมถึงในการเล่นเกมต่างๆด้วยเช่นกัน ส่วนการออกแบบนั้นมีความล้ำมากขึ้นในด้านหลังเพิ่มไฟเข้ามาสวยงามขึ้นแน่นอนว่ามีการเล่นสีที่หลากหลายมากขึ้น แต่บางคนอาจจะไม่ชอบที่มีลวดลายเยอะเกินไป ส่วนเรื่องการอัดเสียงวีดีโอนั้นยังไม่ดีเท่าไร และตัวรอมยังไม่มีแบบ Global ออกมา และสเปคกล้องหน้าหลังนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่น 2 มากนักครับ

ข้อดี

  • ตัวเครื่องดีไซน์ สวยล้ำ และ มีการเพิ่มไฟ RGB มากขึ้น
  • อัพเกรด CPU เร็วแรงขึ้น เล่นเกมได้ลื่นมากๆ
  • ใช้งาน UFS 3.0 เร็วและแรงในการอ่านเขียน
  • ลำโพง พัฒนาได้ดีขึ้น เสียงดีขึ้น
  • รองรับ 3D Touch ในการใช้งานทั่วไป และ เล่นเกม
  • หน้าจอสัมผัสได้ไวขึ้น และ ตอนสนองได้ดีกว่าเดิมชัดเจน
  • ไฟ RGB ยังคงโดดเด่นและปรับแต่งได้เยอะที่สุด
  • แบตใช้งานหนักๆ เปิดไฟ ทำได้อึดพอสมควร
  • ระบายความร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มา
  • การใช้งานเครือข่ายในไทยปกติ ไม่มีปัญหาครับ
  • 4K 60FPS – SUPER SLOWMOTION 1920 FPS ถือว่าดีมากๆ

ข้อสังเกต

  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. แล้ว *แต่ยังแถมตัวแปลงมาให้
  • กล้องหน้าหลัง ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้า
  • ไม่รองรับการกันน้ำ
  • ยังคงเป็นรอมจีน ไม่มีเมนูไทย *แต่พิมพ์ไทยได้ปกติ
  • การอัดเสียงวีดีโอทำได้ไม่ดี

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

TREE MOBILE MBK  ชี้เป้า  TREEMOBILE เป็นร้านประจำของทีมงานเองไปซื้อเครื่องหิ้วครับ แอดแนะนำเลย ไว้ใจได้ ชี้เป้าให้เเล้วนะ เห็นถามกันมาหลายคน เพราะทางเราไม่มีขายนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares