Oneplus และ Samsung เองนั้นก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยกันดีสำหรับใครหลายๆคนที่ติดตามทางเพจเราหรือว่าจะเป็นคนที่เล่นมือถือหลายๆคนนั้นน่าจะรู้จัก Oneplus กันแน่นอนครับ ส่วนทางด้าน Samsung นั้นต้องบอกว่ามีความได้เปรียบมากกว่าถ้ามองกันในเรื่องของที่คนทั่วไปนั้นอาจจะรู้จักมากกว่า แต่ทั้ง 2 แบรนด์นี้ต้องบอกกันเลยว่าคุณภาพสินค้า การใช้งานรวมถึงเรือธงแต่ละรุ่นที่ออกมานั้นทำได้ดีสูสีกันอย่างมาก และครั้งนี้เองเราเลยขอเอามาเทียบกันระหว่างรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับสเปกอะไรไม่ได้หนีกันมากนัก รวมถึงการใช้งานด้วยคือตัว Oneplus 8T 5G รุ่นล่าสุด เทียบกับ Samsung Galaxy S20 FE 5G รุ่นล่าสุดจากทาง Samsung ที่ใช้งาน Snapdragon 865 เหมือนกันทั้งคู่ จุดนี้ทำให้น่าสนใจมากขึ้นและเรื่องหน้าจอ 120Hz เหมือนกันงานออกแบบหน้าจอเจาะรูเหมือนกัน มีอะไรหลายๆอย่างในคู่นี้ที่น่าสนใจมากๆด้วยเช่นกันครับ ส่วนทางด้านราคาเปิดตัวก็หนีกันไม่มากนักครับทั้ง 2 รุ่นนี้

Samsung Galaxy S20 FE 5G นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 865 เป็นครั้งแรกที่มาขายในไทยในสเปกแบบนี้เพราะทางค่ายนี้ปกติจะเน้นใช้งาน Exynos นั้นเอง แต่ก็เป็นรุ่นที่ทำออกมาเน้นราคาคุ้มค่า ลดสเปกวัสดุอะไร แต่ก็ใส่ในเรื่องของ CPU ตัวนี้เข้ามาแทนนั้นเองครับ ใช้งาน ส่วนทางด้าน Oneplus 8T 5G เองนั้นหลายๆคนคงจะทราบกันแล้วว่าใช้งาน Snapdragon มาตลอดในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 865 เช่นกันพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB ในรุ่นที่นำมาเทียบ พร้อมกับ หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้วใช้งาน 120Hz และ ความสว่าง 1,100 NITS พร้อมกับ Android 11 และ Oxygen OS รุ่นล่าสุด กล้องในรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 4 ตัวครับ  กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow motion 720p ได้ที่ 480fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 240fps และใช้งาน  กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS พร้อมกับ ลำโพงคู่ Dolby Atmos และ  แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับ Warp Charge 65W ถือว่าสเปกนั้นก็จัดเต็มไม่แพ้กัน และได้ชาร์จไว 65W

PRICE

ONEPLUS 8T 5G เปิดราคามาที่ 24,990 บาท RAM 8GB STORAGE 128GB 

SAMSUNG GALAXY S20 FE 5G เปิดราคามาที่ 23,900 บาท RAM 8GB STORAGE 128 GB

DESIGN

งานออกแบบในทั้ง 2 รุ่นนี้ถือว่ามีความแตกต่างกันชัดเจนครับ ทั้งเรื่องของการวางกล้องรวมถึงวัสดุและทางด้านหน้าจอด้วยเช่นกัน ทางด้าน 1+8T5G นั้นเราจะเห็นการใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายของตัวเครื่องพร้อมกับดีไซน์ที่มีความโค้งมนและในด้านหลังนั้นจะใช้งานวัสดุกระจกจริงๆแบบด้านเล่นแสงสีสวยงามพร้อมกล้องวางแบบ 2 แถวดีไซน์อะไรจะเน้นความโค้งมนต่างๆแต่ถ้ามองในตัว S20FE5G นั้นเราจะเห็นว่ามีความเหลี่ยมมากกว่า ทั้งรูปทรงและรายละเอียดต่างๆรวมถึงวัสดุฝาหลังของ S20FE5G นั้นจะเป็นวัสดุแบบพลาสติกทั้งหมดในฝาหลังทำแบบด้านครับ

หน้าจอนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของงานออกแบบ ทางด้าน Samsung มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 pixels) Full HD+, 407 PPI, รีเฟรชเรท 120Hz ใช้กระจก Gorilla Glass 3 และทาง 1+8T5G นั้นมาพร้อมกับ  หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+, 402 ppi, อัตราส่วน 20:9, มีรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR 10+, ความสว่าง 1100 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5 ถือว่ามีความสูสีมากๆในเรื่องของ 120Hz FHD+ แต่ถ้ามองเรื่องงานออกแบบนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อย

ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นเราจะเห็นว่าเป็นการใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูกล้องทั้งคู่ แต่แตกต่างกันในเรื่องของการวางตำแหน่งครับ และความโค้งมนนั้นทางด้าน Oneplus เองนั้นจะมีมากกว่าด้วย ส่วนความบางไม่ได้หนีกันมากครับ กล้องหน้านั้นทาง Oneplus 8T 5G นั้นใช้งาน  กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS ส่วนของทาง Samsung นั้นจะใช้งาน กล้องหน้ามุมกว้าง 80° 32MP (f/2.0) ถือว่าแตกต่างกัน

ขอบด้านล่างนั้นถ้ามองในแง่การออกแบบทาง Oneplus 8T 5G นั้นจะมีความหนาของขอบเครื่องมากกว่าเล็กน้อยครับ และตัวเครื่องมีความเหลี่ยมมากกว่า ส่วนปุ่มการควบคุมตัวเครื่องนั้นก็สามารถเปลี่ยนได้เหมือนกันทั้งคู่เลยครับ

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีไมค์อัดเสียง และ ตัดเสียงใส่เข้ามาให้พร้อมกับดีไซน์ขอบเครื่องแบบปัดเงาด้วยกันทั้งคู่ครับ แต่ทางด้าน Samsung เองนั้นจะใส่ถาดซิมเข้ามาให้ในด้านบนนี้ แต่ของทาง Oneplus นั้นไม่ได้ใส่

ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีการวางตำแหน่งปุ่มระยะใกล้เคียงกัน ส่วน Oneplus เองนั้นจะมีเอกลักษณ์การใส่ปุ่ม  Alert Slider เข้ามาสำหรับการเปิด ปิดเสียงเรียกเข้า และปุ่ม Power แต่ของ Samsung นั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่มลดเสียง และ ปุ่ม Power นั้นเอง ที่แตกต่างกันครับ

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็นลำโพงหลักของเครื่อง เป็นลำโพงคู่ทั้ง 2 รุ่นนะครับ อีกตัวนั้นจะเป็นตำแหน่งบนหน้าจอเหนือกล้องหน้า ส่วนพอร์ทด้านล่างนั้นจะเป็น USB-C เหมือนกันทั้งคู่ พร้อมรูไมค์ และ ทางด้าน Oneplus นั้นจะใส่ถาดซิมเข้ามา แต่ของ Samsung จะอยู่ขอบเครื่องด้านบนนั้นเอง

ด้านซ้ายนั้นทางด้าน Oneplus นั้นใส่เป็นปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียงใส่เข้ามาให้ แต่ของ Samsung เองนั้นจะไว้ทางขวา ความหนาอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก ฝาหลังมีการโค้งรับมือได้ดี แต่วัสดุนั้น Samsung จะเป็นฝาหลังพลาสติก

ถาดซิมนั้นรองรับการใช้งาน Dual SIM ทั้งคู่ แต่ทางด้าน Samsung นั้นจะเป็นถาดซิมแบบ Hybrid ที่รองรับการเพิ่ม Micro SD ด้วยนั้นเองที่แตกต่างกัน และจะเห็นว่าทั้ง 2 รุ่นนี้มีการใส่ใช้งานยางกันน้ำ ซีลมาให้ใช้งานด้วย

ฝาหลังนั้นเป็นจุดที่แตกต่างกันที่สุดระหว่าง 2 รุ่นนี้เพราะว่าวัสดุนั้นทางด้าน Oneplus นั้นใช้วัสดุสีเงินด้านเล่นแสงสีสวยงามและเป็นกระจกด้านครับทำให้ความรู้สึกในการจับถือเทียบกันนั้นมีความแตกต่างกันชัดเจนความพรีเมี่ยมนั้น Oneplus 8T 5G ทำได้ดีกว่าพอสมควร ส่วนการวางกล้องมุมซ้ายเหมือนกันทั้งหมด และ ฝาหลัง S20FE นั้นจะเป็น พลาสติกครับ แอบไม่พรีเมี่ยมและไม่สวยเท่าของทาง Oneplus รวมถึงเวลาจับถือนั้นมีความแตกต่างกันมากๆ

สำหรับกล้องหลังนั้นเราจะเห็นว่าจำนวนกล้องแอบแตกต่างกันและการวางกล้องรวมถึงขนาดต่างๆนั้นมีความแตกต่างกันด้วย และทาง Oneplus 8T 5G มีการใส่เซนเซอร์ Flicker Sensor มาให้สำหรับป้องการ การกระพริบ ที่เห็นสีขาวๆตรงกล้องเหนือแฟลชนั้นเอง ส่วนกล้องนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP, และทางด้าน Samsung S20 FE 5G นั้นจะมาพร้อมกับ กล้องหลังมุมกว้าง 79˚12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS + กล้องเทเล 8MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ Optical ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution 30x + กล้อง Ultra Wide 123° 12MP (f/2.2), LED Flash ถือว่าเน้นความแตกต่างกันชัดเจน S20FE จะได้เลนส์เทเลเข้ามา แต่ของ Oneplus นั้นจะเน้น มาโคร และ กล้อง จับระยะ ที่เสริมเข้ามาครับ

SPEC SAMSUNG GALAXY S20 FE

  • หน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 pixels) Full HD+, 407 PPI, รีเฟรชเรท 120Hz ใช้กระจก Gorilla Glass 3
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
  • RAM (LPDDR5) 6GB + หน่วยความจำ 128GB, RAM (LPDDR5) 8GB + หน่วยความจำ 128GB/256GB, ใส่ microSD เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI
  • ซิมเดียว หรือ Hybrid SIM
  • กล้องหลังมุมกว้าง 79˚12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS + กล้องเทเล 8MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ Optical ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution 30x + กล้อง Ultra Wide 123° 12MP (f/2.2), LED Flash
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 80° 32MP (f/2.0)
  • กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
  • ใช้พอร์ทหูฟัง USB Type-C,
  • ลำโพง Stereo ที่ปรับแต่งโดย AKG,
  • รองรับ Dolby Atmos
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วแบบ Optical
  • ขนาดตัวเครื่อง: 74.5 x 159.8 x 8.4มม. ;
  • น้ำหนัก: 190กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA Sub6, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5, GPS with GLONASS, NFC, MST
  • แบตเตอรี่ ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย WPC Qi,
  • รองรับฟีเจอร์ PowerShare แบบไร้สาย

SPEC ONEPLUS 8T 5G

  • หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+, 402 ppi, อัตราส่วน 20:9, มีรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR 10+, ความสว่าง 1100 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
  • RAM LPDDR4X 8GB + storage (UFS 3.1) 128GB / RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP, ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow motion 720p ได้ที่ 480fps, ถ่าย slow motion 1080p ได้ที่ 240fps
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • ขนาดตัวเครื่อง: 160.7×74.1×8.4mm; น้ำหนัก: 188 กรัม
  • ใช้พอร์ท USB Type-C, ลำโพง Stereo คู่, Dolby Atmos
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax 2X2 MIMO, Bluetooth 5.1, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS
  • แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับ Warp Charge 65W

SYSTEM UI

หน้าตาระบบนั้นแน่นอนว่าแตกต่างกันทั้ง Android 11 ในตัว Oneplus 8T 5G และ Android 10 ในตัว S20 FE 5G และหน้าตาการใช้งาน Oneplus Oxygen OS นั้นจะค่อนข้างอิงความเพียวมากๆเน้นเรียบๆ แต่ของ S20 FE 5G นั้นเราจะเห็นหน้าตาที่เป็น ONE UI  เน้นฟีเจอร์อะไรเยอะกว่าและมีการปรับแต่งเปลี่ยนแปลงจากเพียวไปเยอะ ทั้งนี้การใช้งานความลื่นไหลแน่นอนว่า Oneplus เองนั้นจะได้อัปเดตที่ไวมากกว่า การใช้งานที่นิ่งมากกว่าเพราะอิงความเพียวมากกว่า เสถียรนิ่งมากกว่า Samsung แบบรู้สึกได้ในการใช้งานทั่วไปถือว่าเป็นจุดที่แตกต่างกันพอสมควร แต่ทั้งนี้หน้าตาการใช้งานก็อาจจะแล้วแต่คนชอบกันว่าจะเน้นใช้งานด้านไหนอย่างไร แต่ Android 11 ใน Oneplus 8T 5G นั้นจะได้เปรียบกว่าในแง่ของการอัปเดตที่จะได้ระยะยาวมากกว่าและอัปเดตได้ไวกว่า S20 FE

หน้าตาจะค่อนข้างแตกต่างกันในหลายๆอย่างทั้งหน้าตา QuickSetting รวมถึงการใช้โทนสีอะไรเป็นต้น แต่ของทาง Oneplus เองนั้นจะปรับแต่งได้หลากหลายกว่าถ้าในเรื่องของ สีสัน ไอคอน และ โทนในภาพรวมครับ ซึ่งของ Sasmsung เองนั้นจะปรับได้แค่โหมดมืด แต่เรื่องของสีสันอะไรปรับแต่งไม่ได้เยอะและหน้าตาอื่นๆทั้ง App Drawer อะไรก็มีความแตกต่างกันด้วยเช่นกันครับ และอย่างที่แจ้งไปนั้นทาง Oneplus จะค่อนข้างใกล้เคียงเพียว

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพนั้นเอาจริงๆทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 865 เหมือนกันทั้งคู่รองรับการใช้งานใกล้เคียงกันอย่างมากครับ ทำให้เรื่องของคะแนนนั้นไม่ได้หนีกันเท่าไรรวมถึงใช้งาน UFS 3.1 เหมือนกันทั้งคู่ด้วยเช่นกัน และ RAM 8GB STORAGE 128 GB เท่ากัน ใช้งานหน้าจอ 120Hz ด้วยเช่นกันเรียกได้ว่าสเปกนั้นสูสีเอาเรื่อง แต่คะแนนจะดีแค่ไหนอยู่ที่ระบบของแต่ละเครื่องก็มีผลครับ ทำให้คะแนนของ Oneplus ทำได้สูงกว่าที่ 571164 คะแนนและ S20 FE 5G นั้นทำไปได้ 574892 คะแนน ในภาพรวมนั้นเองจะแตกต่างกันหลักๆคือระบบ OS ของแต่ละเครื่อง

ทางด้าน ANDROBENCH นั้นจะเป็นคะแนนการทดสอบที่เกี่ยวกับการใช้งานว่าใช้งานหน่วยความจำแบบไหนซึ่งตามสเปกนั้นจะใช้งาน UFS 3.1 และทำการอ่านเขียนไปได้ที่ 1,500 MB/s ทั้งคู่ถือว่าการอ่านเขียนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักครับเพราะใช้งานหน่วยความจุแบบเดียวกันทำให้คะแนนการทดสอบรวมถึงการใช้งานนั้นไม่หนีกันครับ

GPS

การทดสอบ GPS นั้นในแง่ของการนำทางต่างๆถือว่าไม่ได้หนีกันมากเช่นกันเพราะใช้งาน Snapdragon 865 เหมือนกันทำให้การจับ การนำทางในการใช้งานจริงๆนั้นถือว่าใกล้กันอย่างมากการทดสอบการนำทางผ่านแอปนั้นไม่ได้แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของการอัปเดตและการติดตามตัวรถ ส่วนการเช็คผ่านแอปนั้น การจับได้ Oneplus นั้นจะเจอ 74 ดวง จับได้ 22 ดวง และ Samsung เองนั้นเจอทั้งหมด 50 ดวง จับได้ 19 ดวงครับถือว่าไม่ได้หนีกันมากเลย

SCREEN

หน้าจอทางด้านสเปกนั้นมีความสูสีกันมากๆในแง่ของ 120Hz พร้อมกับ FHD+ เช่นเดียวกันแต่แตกต่างกันในเรื่องของ เทคโนโลยีหน้าจอชนิดหน้าจอของแต่ละค่ายด้วยว่ารุ่นไหนเป็นอย่างไรครับ ส่วนการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูเหมือนกันทั้งหมด พร้อมกับรองรับการเปลี่ยน 120Hz  ไป 60Hz เหมือนกันทั้งคู่ ไม่สามารถปรับ 90Hz  ได้นะครับ และหน้าจอนั้นรองรับ Always On Display  ด้วยกันทั้งคู่เลยการปรับแต่งรองรับได้หลากหลายและสีสันสวยงาม

สเปกหน้าจอทั้ง 2 รุ่นนี้ ทางด้าน Samsung มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 pixels) Full HD+, 407 PPI, รีเฟรชเรท 120Hzใช้กระจก Gorilla Glass 3 และทาง Oneplus 8T 5G นั้นมาพร้อมกับ  หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+, 402 ppi, อัตราส่วน 20:9, มีรีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR 10+, ความสว่าง 1100 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5 ถือว่ามีความสูสีมากๆในเรื่องของ 120Hz FHD+ แต่ถ้ามองเรื่องงานออกแบบนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อยครับ และเมื่อทดสอบเทียบกันนั้นเมื่อมุมมองตรงๆแอบเห็นว่าทางด้าน Oneplus ทำได้ดีกว่าในเรื่องของความสว่างที่สูงสุดนั้นทำได้สว่างชัดเจนกว่ามากครับ และภาพนั้นดูเคลียร์มากกว่าเมื่อมองในระดับเดียวกันรวมถึงพวกรายละเอียดจะเห็นชัดกว่า และเมื่อมองเอียงมุมมองเปลี่ยนไปนั้นทาง Oneplus จะดรอปลงน้อยกว่าจะแอบสว่างกว่าของทาง Samsung S20 FE 5G นิดหน่อยครับ Oneplus จะสว่างกว่า ซึ่งช่วยในทั้งการใช้งานอิสระมากกว่าและสู้แสงแดดได้ดีมากกว่าของทาง Samsung พอสมควรเลยนั้นเองครับ ซึ่งหน้าจอในภาพรวมการใช้งานทั้งหลายรอบนี้เลยทำให้ Oneplus ดีกว่า และกระจกที่ใช้งาน Gorilla Glass 5 นั้นแน่นอนว่าคุณภาพการปกป้องดีกว่าชัดเจนครับ

SOUND

ระบบเสียงนั้นไม่ได้หนีกันเพราะว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ได้ตัดรู 3.5 มม.ออกไปแล้วด้วยเช่นกันทำให้เรื่องของการขับเสียงนั้นตกเป็นหน้าที่ของการเชื่อมต่อไร้สาย และ ลำโพงเป็นหลักเสียงนั้นไม่ได้หนีกันมากเท่าไร รองรับ ระบบเสียง Dolby Atmos ด้วยกันทั้งคู่ เสียงเมื่อเปิดใช้งานนั้นกำลังขับและการส่งเสียงรอบทิศทางอะไรนั้นไม่ได้หนีกันมากเท่าไร เสียงเมื่อทดสอบผ่านหูฟังชุดเดียวกัน แหล่งเดียวกันเลยทำให้ไม่ได้หนีกัน ถ้าหากใครเน้นเรื่องเสียงทั้ง 2 รุ่นนี้รองรับได้เหมือนกันทั้งหมด แต่ถ้าเทียบลำโพงแล้วนั้นต้องบอกว่าเป็นลำโพงคู่เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นเลยแต่เมื่อเอามาเทียบกันนั้นลำโพงของทางด้าน S20 FE 5G จะดังกว่า ONEPLUS 8T 5G นิดหน่อยในหลายๆแนวเพลงที่ทดสอบครับแต่ถ้ามองในเรื่องของมิติเสียงความแน่น หรือคุณภาพ Oneplus จะเน้นเรื่องมิติเสียง ย่านเสียงที่มามากกว่าด้วยนั้นเอง

CAMERA 

กล้องหลังของทั้ง 2 รุ่นนี้ถือว่ามีความแตกต่างกันชัดเจนทั้งเรื่องของแนวคิดในการใส่เลนส์ต่างๆเข้ามา เพราะว่าทาง Samsung นั้นจะใส่มาให้ 3 ตัว เทเล มุมปกติ และ มุมกว้าง แต่ของทาง Oneplus เองนั้นจะเน้นจำนวนกล้องมากกว่า ใส่เข้ามาให้ มุมกว้าง มุมปกติ เลนส์มาโคร และ จับระยะ จะไม่มีเลนส์เทเลใส่เข้ามา แอบน่าเสียดายพอสมควรครับ และ  Oneplus 8T 5G มีการใส่เซนเซอร์ Flicker Sensor มาให้สำหรับป้องการ การกระพริบ ที่เห็นสีขาวๆตรงกล้องเหนือแฟลชนั้นเอง ส่วนกล้องนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 48MP (f/1.7) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586, ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ OIS + EIS Hybrid stabilization + กล้อง ultra-wide 123 องศา 16MP (f/2.2) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX481  + กล้องมาโคร 3ซม. 5MP + กล้องจับความลึก 2MP, และทางด้าน Samsung S20 FE 5G นั้นจะมาพร้อมกับ กล้องหลังมุมกว้าง 79˚12MP (f/1.8), รองรับ PDAF, OIS + กล้องเทเล 8MP (f/2.4), รองรับ PDAF, OIS, ซูมแบบ Optical ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution 30x + กล้อง Ultra Wide 123° 12MP (f/2.2), LED Flash ส่วนการถ่ายละลายหลัง โหมดกลางคืนและอื่นๆนั้นถือว่ามีความใกล้เคียงกันอย่างมาก และคุณภาพถือว่าสูสี และโทนสีอะไรนั้นก็แอบมีความแตกต่างกันอยู่เหมือนกันครับ ทั้งนี้ลองไปตัดสินใจกันดูเลยว่าในหลากหลายสภาพแสงนั้นจะชอบโทนภาพของตัวไหนมากกว่ากัน แล้วแต่สไตล์เลยครับ

ULTRAWIDE

PORTRAIT

SELFIE

กล้องหนั้าทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นเลนส์เดี่ยวด้วยกันทั้งหมด แต่ของ Samsung เองนั้นจะมีการใส่การครอปภาพเข้ามาให้ทำให้เหมือนมีการปรับเปลี่ยนเลนส์เพิ่มมุมกว้างได้แต่จริงๆแล้วนั้นเป็นแบบครอป นั้นเอง แต่ถ้ามองในมุมกว้างเทียบกัน แอบมีความสูสีกับพอสมควรครับแต่มุมกว้างนั้น S20 FE5G นั้นจะได้มากกว่านิดหน่อย ส่วนโทนสีนั้น สกินโทนมีความแตกต่างกันมากครับแล้วแต่คนชอบเลยอันนี้ แต่ถ้าเน้นความเนียนใส ในการปรับระดับเท่ากันทาง Oneplus เองนั้นแอบจัดการใบหน้าได้ดีกว่าเนียนตากว่าครับ ส่วนการละลายหลังนั้น S20 FE5G จะปรับแต่งได้หลากหลายกว่า กล้องหน้านั้นทาง Oneplus 8T 5G นั้นใช้งาน  กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471, รองรับ EIS ส่วนของทาง Samsung นั้นจะใช้งาน กล้องหน้ามุมกว้าง 80° 32MP (f/2.0) ถือว่าแตกต่างกัน

ONEPLUS 8T 5G VS SAMSUNG GALAXY S20 FE

สำหรับคู่นี้ทั้ง SNAPDRAGON 865 ใน ONEPLUS SAMSUNG ครับ ก็อยู่ในเรทที่เทียบได้สูสีที่สุดในทั้ง 2 แบรนด์ แต่ก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุด ต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน ได้แต่นำเสนอข้อเท็จจริงและสรุปจากประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกันครับ เรามาดูข้อสรุปนิดหน่อยกันครับว่ารุ่นไหนเด่นอะไร และ มีจุดไหนที่ทำได้ใกล้กัน ทั้งเรื่องของกล้องหน้า กล้องหลัง รวมถึง ระบบเสียง และหน้าจอที่แตกต่างกันนั้นเอง

ONEPLUS 8T 5G จุดเด่น

  • งานออกแบบ วัสดุกระจก มีความพรีเมี่ยมสวยงาม
  • หน้าจอสวย สู้แสงได้ดี มุมมองทำได้ดี
  • หน้าจอให้ค่าสีที่ครอบคลุมมากกว่า
  • หน้าตา UI มีความเรียบง่าย และ ลื่นไหล
  • ใช้งาน Android 11 ตัวล่าสุด
  • คุณภาพ กล้องหน้า และ หลังถือว่าทำได้ดี ในแง่ของรายละเอียดต่างๆ
  • รองรับการชาร์จไว 65W ที่ไวมากกว่า
  • ใช้งานกระจก Gorilla Glass 5

SAMSUNG GALAXY S20 FE จุดเด่น 

  • ฟีเจอร์การตกแต่งในการถ่ายภาพจากกล้อง มีความอิสระมากกว่า
  • ONE UI ฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายกว่า
  • รองรับการใส่ Micro-SD

สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares