มือถือในงบราคาไม่แรงมากนักและไม่ได้เน้นการใช้งาน 5G ยังคงมีอยู่ในตลาดมือถือ เป็นกลุ่มตลาดที่หลายๆคนที่ยังไม่ได้สนใจใช้งาน 5G อะไรมากนักยังคงมองหาอยู่ด้วยเช่นกันครับ ในครั้งนี้เลยมาอยู่ในรุ่นที่เป็น 4G คือในตัว SAMSUNG GALAXY A32 4G และเทียบกับทาง VIVO Y31 นั้นเอง หลังจากที่ครั้งที่แล้วเราเทียบไปกันหลากหลายรุ่นในตัว 5G ในตัว A32 5G และ Y72 5G ครั้งนี้เลยขอมาเทียบในรุ่น 4G กันเน้นๆบ้างแน่นอนว่าสเปกในภาพรวมก็ถือว่าใกล้เคียงกันครับ มาในความละเอียด FHD+ เช่นกันทั้งคู่และให้ RAM 8 GB STORAGE 128GB จัดเต็มเท่ากันทั้งหมด รวมถึงในเรื่องของความจุแบตนั้นให้มา 5,000 mAh รองรับการใช้งานทั้งวันสบายๆครับและหน้าจอนั้นมีขนาดใกล้กัน แต่ Vivo จะใหญ่กว่าเล็กน้อย มาในงานออกแบบแบบติ่งหยดน้ำเหมือนกันทั้งคู่เช่นกัน รวมถึงทางด้านราคาที่ต่างกัน 1,000 บาทแต่ถ้าใครที่กำลังตัดสินใจอยู่หรือกำลังลังเลใน2 รุ่นเรามาเทียบให้ชมกัน

SAMSUNG GALAXY A32 ในรุ่น 4G นั้นจะใช้งาน  MediaTek Helio G80 มาพร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 128GB พร้อมหน้าจอ Infinity-U Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 90 Hz ถือว่าน่าสนใจทั้งสเปกหน้าจอใช้งานทั้ง Super AMOLED และ 90Hz มาพร้อมกับกล้องหลังจัดเต็มที่  กล้องหลังหลัก 64MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP, กล้องมาโคร 5MP, เซนเซอร์ระยะชัดลึก 5MP และใช้งาน กล้องหน้า 20MP พร้อมกับสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอแบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 15W และ USB-C นั้นเอง มาพร้อมกับ Samsung One UI 3 บน Android 11 และ มีสีสันให้เลือกเยอะมาก ดำ, ขาว, ฟ้า, ม่วง จัดเต็มครับ

VIVO Y31 นั้นจะมาพร้อมกับ Snapdragon 662 RAM 8GB และ STORAGE 128GB และใช้งานหน้าจอ แบบ Halo FullView ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut  กล้องหลัง 3 ตัวมาพร้อมกับตัวเลนส์หลัก 48MP f1.79  และ มาโคร 2MP f2.4 จับระยะ 2MP f2.4 ด้านกล้องหน้ามาพร้อมกับ 8MP f1.8 ทางด้านความจุแบตนั้นมาพร้อมกับ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไวสูงสุด 18W และเป็น USB-C และใช้งาน Android 11 Funtouch OS11 สีดำ Racing Black และ Ocean Blue

PRICE

ทางด้านราคาต้องบอกว่าทั้ง 2 รุ่นถือว่าทำราคาได้ดี แต่ทาง Samsung เองนั้นจะแพงกว่า 1,000 บาทครับ รวมถึงสเปกที่มีความสูสีกันในหลายๆด้านโดยเฉพาะตัว RAM 8 GB STORAGE 128 GB ทั้งหมดเหมือนกัน และใช้งาน แบต 5,000 mAh ด้วยกันทั้งคู่ เป็นอีกคู่ที่ถือว่าสูสีและทำออกมาได้น่าสนใจ ทางด้าน SAMSUNG A32 LTE นั้นจะมาพร้อมกับ ราคา 8,499 บาท และ ทางด้าน VIVO Y31 นั้นมาพร้อมกับราคา7,499 บาทต่างกัน 1,000 บาท

DESIGN

งานออกแบบทั้ง 2 รุ่นเรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันชัดเจนทั้งการวางกล้อง แนวคิดของฝาหลังหรือว่าจะเป็นรูปทรงภาพรวมครับ ทางด้าน VIVO เองจะเดินหน้าออกแบบคล้ายกับรุ่นพี่ มาพร้อมเลนส์หลักขนาดใหญ่และฝาหลังแบบไล่สีเงางามและเล่นแสงสีเป็นหลัง มีความโค้งลงขอบเครื่อง แต่ทางด้าน Samsung นั้นจะเป็นฝาหลังสีเดียวไม่มีการเล่นแสงสีอะไร รวมถึงเป็นความเรียบทั้งหมดไม่มีขอบโค้งเสริมเข้ามา รวมถึงกล้องวางแยกกันไม่มีกรอบล้อมรอบ ส่วนทางด้านน้ำหนักนั้น VIVO จะหนักที่ 188 กรัม และหนา 8.38 มม. ส่วน Samsung จะหนัก 184 กรัม และหนา 8.4 มม. ครับ ซึ่งถือว่าไม่ได้แตกต่างกันแบบชัดเจนอะไรมากนัก ถ้าไม่มองสเปกจะแยกได้ยากพอสมควร

หน้าจอ VIVO นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่ามาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut ส่วนด้าน Samsung จะมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED Infinity-U ขนาด 6.4-inch FHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits, กระจก Gorilla Glass 5

ขอบข้างบนหน้าจอนั้นเราจะเห็นว่ามีการออกแบบติ่งหน้าจอเหมือนกันทั้งคู่ พร้อมกับขอบหน้าจอที่แอบมีความบางใกล้เคียงกัน ส่วนลำโพง เซนเซอร์ต่างๆนั้นจะไว้อยู่ขอบบนทั้งหมด  แตกต่างกันกล้องหน้า Samsung จะมาพร้อมกับ 20MP F2.2 ส่วนทาง VIVO มาพร้อมกับ 8MP F1.8 แตกต่างกันในเรื่องของความละเอียดและรูรับแสงครับ

ขอบจอด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีความบางใกล้เคียงกันทั้งหมดพร้อมกับมีฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้ ส่วนปุ่มควบคุมตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม 3 ปุ่มมาตรฐาน และสามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอหรือ Gesture ได้ด้วยเช่นกัน

ขอบเครื่องในส่วนล่างนั้นเราจะเห็นว่าการออกแบบแตกต่างกันชัดเจน ตัว Samsung นั้นจะเป็นการออกแบบสีเงาสวยงามพร้อมกับฝาหลังและกระจกหน้าจอแบบเรียบทั้งหมด พร้อมกับรู 3.5 มม. และ ไมค์ รวมถึง USB-C และ ลำโพงหลักในด้านขวา และ VIVO นั้นจะมีรู 3.5 มม. และ รูไมค์ รวมถึง USB-C และ ลำโพงหลักในฝั่งขวาครับ

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่า Samsung นั้นจะมีรูไมค์ตัดเสียงให้ พร้อมกับขอบเครื่องสีฟ้าเงาๆ และมีความบางมากกว่า VIVO นิดหน่อย ส่วน VIVO เองนั้นมีรูไมค์มาให้เหมือนกันพร้อมกับถาดซิมแบบ Hybrid Slot

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นจุดที่แตกต่างกันในแง่ของฟีเจอร์เพราะว่า Samsung สามารถสแกนนิ้วบนหน้าจอได้เลย แต่ VIVO จะใช้งานสแกนนิ้วขอบเครื่องครับ ทางด้านปุ่มเพิ่ม ลด เสียงตำแหน่งเหมือนกันทั้งหมดเลย ไม่หนีกันมาก ส่วนงานออกแบบขอบเครื่องจะเห็นว่า VIVO จะดูบางกว่าเพราะว่ามีการโค้งลงมาขอบฝาหลังทำให้ดูบางขึ้น

ส่วนขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นจะเรียบๆทั้งหมดแต่ Samsung จะมีถาดซิมใส่เข้ามาให้ในฝั่งนี้ครับ ส่วนการออกแบบแตกต่างกันทั้งความเงาในตัว Samsung และ ตัว Vivo นั้นจะออกสีด้านๆ แตกต่างกันแบบชัดเจน

กล้องหลังงานออกแบบแตกต่างกัน จำนวนกล้องแตกต่างกันครับ SAMSUNG นั้นจะให้มามากกว่าเป็นกล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED และรองรับการถ่ายโหมดต่างๆไม่ว่าจะเป็นโหมดกลางคืน หรือว่า มุมกว้างที่มีมากกว่าแน่นอนว่า Portrait อะไรใส่เข้ามาให้เช่นกันครับไม่หนีกันมากนัก แต่ที่ต่างกันเยอะมากๆนั้นจะเป็นเลนส์หลักที่ความละเอียดมากกว่า และ มีเลนส์มุมกว้างมาให้ใช้งาน เพราะว่าถ้าเรามองไป VIVO เองนั้น จะเป็น กล้องหลัก 48 MP f1.79 + สำหรับถ่ายมาโคร 2 MP F2.4 (Macro) + และเลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องจับความลึก) และวางเรียงคนละแบบ

ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าทาง Samsung จะเนีนความเรียบง่ายสีเดียวทั้งหมด สีออกแนวพาสเทลและไม่ได้มีการเล่นแสงเงาหรือสีสันอะไรมากนักเรียบๆไม่มีการโค้งอะไรแต่อย่างใด แต่ทาง Vivo เองนั้นจะเล่นแสงเงาสวยงามพร้อมกับเจอแสงจะออกสีเงินๆไล่ไปสีดำครับ ถือว่าเป็นแนวคิดการออกแบบที่แตกต่างกันแบบชัดเจน ส่วนตัวชอบของ Vivo มากกว่าทั้งการวางกล้อง และ เลเยอร์ชั้นของฝาหลัง ส่วนทาง Samsung เองแอบเรียบง่ายไปนิดหน่อย และกล้องดูไม่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเท่าไรครับ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่คนชอบกันอีกทีนะ ว่าจะเน้นเรียบๆสีสันสวยหรือเน้นหรูหราเงาๆ

SPEC VIVO Y31

  • Android 11 + Funtouch OS 11
  • หน้าจอ IPS LCD 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut
  • CPU Snapdragon 662
  • RAM 8 GB
  • ความจุ 128 GB รองรับ Micro SD Card Triple Slot
  • กล้องหลัก 48 MP f1.79 + สำหรับถ่ายมาโคร 2 MP F2.4 (Macro) + และเลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องจับความลึก)
  • กล้องหน้า 8 MP f1.8
  • พอร์ต USB-C
  • WIFI 2.4GHz,5GHz
  • Bluetooth 5.0
  • สแกนนิ้วด้านข้างตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W
  • ขนาด / น้ำหนัก 163.86×75.32×8.38 มม น้ำหนัก 188 กรัม

SPEC SAMSUNG GALAXY A32 LTE

  • หน้าจอ Super AMOLED Infinity-U ขนาด 6.4-inch FHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits, กระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล MediaTek Helio G80 12nm
  • การ์ดจอ Mali-G52 2EEMC2
  • RAM LPDDR4x 8GB + ความจุ 128GB, สามารถใส่ micro SD card เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3 ซิมคู่
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 20MP (f/2.2)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm,
  • รองรับ Dolby Atmos
  • ขนาดตัวเครื่อง: 73.6 x 158.9 x 8.4มม.; น้ำหนัก: 184กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS
  • พอร์ต USB Type-C แบตเตอรี่ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 15W

ANTUTU

คะแนนประสิทธิภาพการใช้งานหรือ Antutu นั้นแตกต่างกันแม้จะเป็น RAM 8 GB เท่ากันแต่ทั้งเรื่องของ การใช้งาน CPU MTK หรือว่า SNAPDRAGON เองนั้น การจัดการ การรีดพลังงานออกมานั้นแตกต่างกันแน่นอน ทำให้คะแนนทั้งหมดเทียบกัน VIVO Y31 ในการใช้งาน SNAPDRAGON 662 ทำไปได้ คะแนน  และ ทางด้าน SAMSUNG GALAXY A32 LTE นั้นจะใช้งาน  MTK HELIO G80 ทำไปได้ คะแนน ถือว่ามีความใกล้เคียงกันพอสมควรครับ และเป็น CPU ต่างค่ายแต่ก็ทำประสิทธิภาพออกมาได้น่าประทับใจทั้งคู่เลยทีเดียวในเรื่อง CPU นี้

ANDROBENCH 

ในเรื่องของ Androdbench นั้นจะเป็นการทดสอบหน่วยความจุ ว่าจะเป็นการใช้งานแบบไหนหรือถ้าบอกง่ายๆคล้ายกับ HDD SSD ในคอมพิวเตอร์นั้นเอง ต้องบอกว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นแอบมีความแตกต่างในเรื่องนี้เพราะว่าจะเป็น UFS เหมือนกัน แต่ก็อาจจะมีในเรื่องของความเร็วแรงที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นครับอาจจะเป็นตัว 2.1 กับ 2.0 เล็กน้อย ทำให้ในเรื่องนี้นั้นทางด้าน VIVO จะทำได้มากกว่าที่ 508 MB/S และ เขียน 216MB/S ส่วนทาง SAMSUNG เองนั้นทำได้ที่ 315MB/S และเขียนที่ 254MB/S แอบน่าสนใจว่าเขียนทาง Samsung ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยครับ แต่การอ่าน VIVO จะทำได้ดีกว่าเหมือนกัน ในทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับความจุ 128GB เท่ากันทั้งหมด

SYSTEM UI

หน้าตาระบบนั้นมีความแตกต่างกันซึ่งของทาง Samsung เองหน้าตามีการยกใช้งาน ONE UI 3.1 ใหม่ทั้งหมดแล้วทำให้ดีไซน์อะไรนั้นสวยงามพอสมควรครับมาพร้อมกับ Android 11ส่วนของทาง Vivo นั้นใช้งาน Funtouch OS 11.1 ทำให้ในแง่ของระบบหน้าตาในทั้ง 2 แบรนด์นี้นั้นจะเน้นฟีเจอร์ เป็นหลักหน้าตาปรับแต่งได้เยอะ และหลากหลายเช่นกันครับ ส่วน Vivo นั้นจะมีความเรียบสวยมากขึ้นแล้วสูสีกันทั้ง 2 ตัวครับอันนี้แล้วแต่คนชอบเลยจริงๆว่าจะไปในแนวทางไหนครับเพราะได้ Android 11 และระบบใหม่ล่าสุดทั้ง 3 ตัวเลย ถือว่าล่าสุดในตอนนี้

รวมถึงหน้าตา Quick Setting  นั้นเรียกได้ว่าตามแบบ Android 11 ทั้งหมดและมีการแยกส่วนอะไรชัดเจนครับ แต่จะชอบของ SAMSUNG ที่แยกส่วนได้ชัดเจนกว่า แต่ละการแจ้งเตือนครับ และดู Floating มากกว่า ส่วนของ Vivo เองนั้นจะมีความใกล้เคียงกับรุ่นก่อนๆเช่นกัน ส่วนในแง่ของความลื่นไหลต่างๆนั้น Samsung เหมือนจะทำได้ติดนิ้วมากกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าไม่เอามาเทียบกันก็ไม่ค่อยรู้สึกครับ ส่วนหน้าตาในแง่ของขนาดปุ่ม การใช้งานต่างๆใกล้เคียงกันทั้งหมด แต่การปรับเปลี่ยนความสว่างหน้าจอนั้นทาง Samsung จะต้องลากลงมาให้สุดถึงจะมีปรับ

SCREEN

ขนาดหน้าจอในทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันในหลายๆส่วนไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอ วัสดุหน้าจอ หรือว่าจะเป็นชนิดของหน้าจอรวมถึงความลื่นไหล ด้วยราคาที่แตกต่างกันทำให้ Samsung เองนั้นจะมาพร้อมกับ วัสดุกันรอยหน้าจอหรือว่ากระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ที่มีความแข็งแรง และปกป้องรอยขีดข่วนได้ดีกว่าแบบชัดเจนอีกทั้งเวลาสัมผัสใช้งานจะลื่นไหลมากกว่า แน่นอนว่ามาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตรารีเฟรช 90Hz FHD+ ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล (270 ppi) และหน้าจอแบบ Infinity U ส่วนทางด้าน VIVO Y31 นั้นเองจะใช้งาน IPS LCD ในขนาดที่ใหญ่กว่าที่ 6.58 นิ้ว อัตรารีเฟรช 60Hz  FHD+ (2408×1080) ความละเอียดไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เรื่องของชนิดหน้าจอ  การสแกนนิ้วบนหน้าจอ หรือว่าจะเป็นความลื่นไหลนั้นแตกต่างกันแบบชัดเจนครับทำให้ หน้าจอทาง Samsung A32 ตัวนี้ทำได้โดดเด่นกว่าในภาพรวมรวมถึงในการใช้งาน

หน้าจอทั้ง 2 ตัวมาพร้อมกับหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำแล้วแต่ชื่อแบรนด์ที่จะเรียกครับ ซึ่งไม่ได้หนีแตกต่างกันมากนักถ้ามองเทียบกันทั้ง 2 ตัว ส่วนมุมมองนั้นเราจะเห็นว่าการที่ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED เทียบกับ IPS LCD นั้นมีความแตกต่างกันเมื่อเราเริ่มมองในมุมมองเอียงๆ รวมถึงในการสู้แสงเป็นจุดที่เราต้องยอมรับว่า Super AMOLED นั้นทำได้ดีกว่าเป็นปกติในแง่ การสู้แสง มุมมองในการใช้งานจริงๆนั้นมีความแตกต่างกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะถ้ามองเทียบสีดำในหน้าจอที่แสดงผลแตกต่างกัน รวมถึงสีสันความเข้ม ซึ่ง AMOLED จะสีสันเด่นกว่า และแสดงผลสีได้ดูมีมิติเด่นกว่าแบบรู้สึกได้ทำให้ทาง Samsung เองนั้นจะดูสวยและสีสันจัดกว่า ส่วนของ VIVO จะเน้นสีธรรมชาติไม่ได้โดดมากนักตามสไตล์ของหน้าจอแบบ IPS LCD พวกนั้นครับ

GAMING 

เรื่องของการเล่นเกมส์ถ้าวัดการในเรื่องของประสิทธิภาพจริงๆ อันนี้ต้องขอยกให้ฝั่ง Samsung Galaxy A32 จะได้เปรียบกว่า เพราะเท่าที่เราได้ทดสอบชิปเซ็ท MTK HELIO G80 บน Samsung Galaxy A32 จะสามารถปรับภาพกราฟิกได้สูงกว่า Vivo Y31 ในหลายๆเกมส์ ยกตัวอย่างเช่น PUBG MOBILE แต่ก็อาจจะเสียเปรียบ VIVO Y31 ก็คือไม่สามารถเล่นเกมส์ ROV ได้ 60 FPS เเต่ถ้าเน้นความลื่นไหลเน้น FPS ลื่นๆจริงๆขอยกให้ Samsung Galaxy A32 จะเล่นเกมได้ลื่นกว่า ในส่วนของแบต เท่าที่ได้ลองทั้ง 2 รุ่น เรื่องของเเบตไม่ได้เเตกต่างกันสักเท่าไร อาจจะเเตกต่างกันราวๆ 2 – 3 % ทาง Samsung Galaxy A32 อาจจะลดไวกว่า ก็อย่างที่ทราบกันดีอาจจะเป็นเพราะว่าหน้าจอแบบ Super Amoled ที่ทำให้กินแบตกว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องของความร้อน เท่าที่ทดสอบ ทั้ง 2 รุ่นความร้อนจะอยู่ราวๆ 41 – 42 องศาเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นครับ

CAMERA

เรื่องของกล้องหลังคงจะมองเห็นกันได้ชัดเจนในเรื่องของจำนวนกล้องและแน่นอนว่าทางด้านสเปกด้วยเช่นกันจุดนี้ต้องบอกว่าทาง Samsung ทำได้ดีกว่ามาพร้อมกับ กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED และรองรับการถ่ายโหมดต่างๆไม่ว่าจะเป็นโหมดกลางคืน หรือว่า มุมกว้างที่มีมากกว่าแน่นอนว่า Portrait อะไรใส่เข้ามาให้เช่นกัน ไม่หนีกันมากนัก แต่ที่ต่างกันเยอะมากๆนั้นจะเป็นเลนส์หลักที่ความละเอียดมากกว่า และ มีเลนส์มุมกว้างมาให้ใช้งาน เพราะว่าถ้าเรามองไป VIVO เองนั้น จะเป็น กล้องหลัก 48 MP f1.79 + สำหรับถ่ายมาโคร 2 MP F2.4 (Macro) + และเลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องจับความลึก) และไม่มี เลนส์มุมกว้างใส่เข้ามาให้ทำให้เสียเปรียบไปครับแต่ทั้งนี้ ในเลนส์หลักก็ต้องดูภาพจริงกันว่าระบบ Software ใครจะประมวลผลออกมาได้ยังไงเราไปดูตัวอย่างกันได้เลย ซึ่งครั้งนี้เราถ่ายกันในหลากหลายโหมดไม่ว่าจะเป็นกลางคืน หรือ โหมด Portrait และถ่ายทั่วไปให้ชมกันครับ

SELFIE

กล้องหน้ามีความแตกต่างกันเช่นกัน ทั้งเรื่องของความละเอียดและมุมมองของภาพเล็กน้อย ทาง Samsung เองนั้นจะยังคงใส่การครอปภาพมาให้ทำให้เหมือนสามารถสลับเลนส์ได้ แต่จริงๆแล้วนั้นเป็นแค่การครอปภาพเท่านั้นครับ ส่วนเรื่องของมุมภาพถ้าเปิดกว้างสุดก็จะไม่ได้หนีจาก VIVO เท่าไร แต่ที่ดีกว่าชัดเจนคงจะเป็น ความละเอียดครับทางด้าน Samsung ให้มาที่ 20MP F2.2 และ ทางด้าน VIVO 8MP F1.8 ครับ เรียกได้ว่าดีเด่นกันคนละแบบ เพราะว่ารูรับแสง VIVO ทำได้ดีกว่า แต่ความละเอียดนั้น SAMSUNG ทำได้เด่นกว่าแบบชัดเจนเลยครับ ส่วนในการถ่ายจริงนั้นก็รองรับทั้งเรื่อง Portrait และ โหมดกลางคืน รวมถึง หน้าเนียนแต่งหน้าให้มาครบ แต่ความหลากหลายในการแต่งหน้าอันนี้ผมยังยอมให้กับ VIVO มากกว่าเพราะค่ายนี้กล้องหน้าเค้าสวยและแต่งได้เยอะมากจริงๆ แต่ในเรื่องของคุณภาพไม่ว่าจะกลางคืนกลางวัน ในการที่ใช้งาน 20MP เซนเซอร์นั้นทำได้ดีกว่า คมสวยกว่าชัดเจน

SAMSUNG VS VIVO Y31 

สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ทั้ง VIVO / Samsung ก็อยู่ในเรทที่เทียบได้สูสีที่สุดในทั้ง 2 แบรนด์ แต่ก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุด ต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน ได้แต่นำเสนอข้อเท็จจริงและสรุปจากประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกันครับ เรามาดูข้อสรุปนิดหน่อยกันครับว่ารุ่นไหนเด่นอะไร และ มีจุดไหนที่ทำได้ใกล้กัน ทั้งเรื่องของกล้องหน้าหลัง รวมถึง ระบบตัวเครื่องหน้าตา หน้าจอที่แตกต่างกัน 

สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares