CORSAIR แบรนด์นี้แน่นอนว่าคนหลายๆคนต้องรู้จักยิ่งเป็นพวก GamingGears หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่นักจัดสเปคนั้นต้องรู้จักกันอย่างแน่นอนครับ Corsair นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเลยทั้งในเรื่องคุณภาพที่ได้มาและความคงทนรวมถึงการออกแบบที่ไม่เป็นรองใครทำให้มันเป็นตัวเลือกสำหรับใครหลายๆคน เวลาจะเลือกซื้อ อุปกรณ์หรือสินค้าต่างๆครับ ในวันนี้เราจะมาอยู่กับสาย GamingGears ของทาง Corsair เป็นทาง GamingKeyboard นั้นเองซึ่งในรุ่นที่เราจะมารีวิวในวันนี้นั้นจะเป็นรุ่นใหม่และสูงที่สุดในตระกูลเลยคือ รุ่น CORSAIR K95 RGB PLATINUM ซึ่งเป็นรุ่นเทพเลยก็ว่าได้ครับ เรามาดูกันเลยว่าจะคุ้มราคาและเทพขนาดไหน

CORSAIR K95 RGB PLATINUM  นั้นเป็นรุ่นเทพของทางแบรนด์ CORSAIR เลยเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลากหลายจุด ที่อัพเกรดให้สุดกว่าเดิม คือ 8 MB on-board memory และยังมาพร้อมไฟ  LightEdge ที่มี 16 RGB เลยทีเดียว และยังมาพร้อมกับ ผิวสัมผัสเป็นอลูมิเนียมปัดทราย พร้อมกับที่พักฝ่ามือแบบยาง และใช้ Cherry MX Speed ที่มีความไวมากๆ เป็นการอัพเกรดในหลายๆจุดรวมถึง ความสวยงามด้านไฟด้วยนั้นเองใน Platinum

ราคา ของตัว CORSAIR K95 RGB PLATINUM นั้นเปิดราคาในประเทศไทยด้วย ราคา 6,990 บาทพร้อมการรับประกัน 2 ปี และเป็นคีย์ภาษาไทยนะครับ พร้อมกับ  Cherry MX Speed switches 

UNBOX 

ตัวกล่องมีอุปกรณ์มาให้เยอะพอสมควรครับ ตัวกล่องจะมาในโทนสีดำเหลืองเป็นหลัก ส่วนในอุปกรณ์นั้นจะมีมาให้

  • ตัวคียบอร์ด
  • ที่รองฝ่ามือแบบยาง
  • คู่มือ
  • คียแป้นพิมพ์ ทั้ง 2 ชุดอักษร สาย FPS / MOBA
  • ที่ถอด keycap

DESIGN

ด้านการออกแบบตัวคียบอร์ดของทาง CORSAIR รุ่นนี้เป็นรุ่นอัพเกรดความเทพเข้าไปจากรุ่น K95 ด้านการออกแบบโดยรวมนั้นไม่ได้ต่างกันมาในด้านรูปทรงโดยรวม แต่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องตัว คียด้านซ้ายที่มีเหลือแค่ 6 ปุ่ม จาก 18 ปุ่ม และ มีการเพิ่มแถบไฟเข้ามา และรวมถึงการใช้วัสดุ และยังมีตัว Onboard Mem อีกด้วยครับ ทางด้านวัสดุนั้นใช้เป็นเป็นอลูมิเนียมปัดสายสวยงามและมีความแข็งแรงมากๆ มีน้ำหนักพอสมควร และ ตัวไฟสวยมากๆ

ตัวคียบอร์ดนั้นเป็นคียบอร์ดที่มีปุ่มมาให้ค่อนข้างครบและจัดเต็มเลยทีเดียวการวางปุ่มระยะห่างต่างๆใช้งานได้ค่อนข้างดีมากๆมีขนาดไม่ใหญ่เกินไปด้วยรวมถึงสามารถเพิ่มที่รองฝ่ามือเข้าไปได้โดยเป็นสลักล็อคนั้นเองครับ ทำให้การใช้งานนั้นสบายขึ้นมากพอสมควร เป็นวัสดุแบบยางไม่ได้นิ่มหหรือไม่ใช่วัสดุหนังนะครับ เมื่อใส่แล้วก็สวยดีเหมือนกัน

ทางด้านขอบด้านบนจะเห็นจุดที่มีความแตกต่างเลยคือแถบไฟแนวยาวทางด้านขอบบนของตัวคียบอร์ดและก็รวมถึงตัวโลโก้ด้วยนั้นเองครับไฟทำได้ค่อนข้างสวยและเนียนสว่างมากๆ มี Effect ปรับได้หลากหลาย ในด้านซ้ายบนนั้นเป็นตัวควบคุมในเรื่อง ปุ่ม 3 ปุ่มที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน ปุ่มแรกที่เป็นรูปคน คือ Profile และ ปุ่ม ปิดไฟ ปรับแสงตัวคียบอร์ด สุดท้ายคือปุ่ม สำหรับล็อคตัวปุ่ม Windows นั้นเอง

ในด้านมุมขวา เป็นทางด้านปุ่มควบคุมเครื่องเสียง  Mute ปรับ Vol และ ควบคุม Media ทั้งหมดครับ ตัวลูกกลิ้งนั้นค่อนข้างลื่นมากๆไม่ได้มีจังหวะล็อคอะไรเลยก็ลื่นไหลดีแต่จะปรับให้ละเอียดๆอาจจะยากนิดนึง แต่ปุ่มควบคุม Media ทั้ง 4 ปุ่มนั้นมีไฟส่องสว่างมาให้นะครับอันนี้มองได้ชัดเจนดี ทางด้านไฟแจ้งเตือน Numlock / Caps / Scroll นั้นจะเป็นไฟสีขาว ทั้ง 3 จุดและอยู่ในส่วนบนขวาครับผม

ทางด้านปุ่มด้านซ้ายนั้นเป็นปุ่ม  6 ปุ่ม Macro ทั้งหมดสามารถปรับตั้งได้ ลดจำนวนจาก 18 ปุ่มในรุ่นก่อนหน้าจริงๆ 6 ปุ่มนั้นก็เพียงพอและไม่เกะกะเกินไปด้วยนะครับ แต่ก็แล้วแต่การใช้งานอีกที ตีวปุ่มนั้นมีสีเทามี Texture เล็กน้อยทำคล้ายๆพวกแผ่นเหล็กครับ ส่วนสายนั้นออกมา 2 หัว สำหรับใช้งานให้กำลังไฟกับตัว พอร์ท ที่มีตรงตัวคียบอร์ดอีก 1 ช่องนั้นเอง ตัวสายถักหนาแข็งแรงมากและตัวหัวก็สวยดีเหมือนกันครับ ดูแข็งแรงดีด้วย

ตัวแผ่นรองฝ่ามือนั้นเป็นวัสดุยางไม่ได้นิ่มมากนัก และมีพื้นผิว คล้ายๆ 3 เหลี่ยมเล็กๆทั่วแผ่นครับในการใช้งานจริงๆนั้นตัวแฝ่นอันนี้แอบไม่ค่อนสบายเท่าไรนักจริงๆชอบแบบหนังนิ่มๆมากกว่าแต่เรื่องของความทนทาน การรักษาแน่นอนว่าแบบยางแบบนี้ระยะยาวทนกว่าแน่นอนไม่มีขาดอะไรเท่าไร ส่วนการติดนั้นใช้แบบสลักเสียบเข้าไปครับ และ เวลาดึงออกก็งัดออกมาด้านล่างมันก็จะหลุดออกมาเองเลยครับ ด้านหลังเป็นสลัก 2 ข้างและมียางรองกันลื่นให้ครับ

ทางด้านหลังของตัวคียบอร์ดก็มียางรองกันลื่นมาให้ครับทั้ง 4 มุม มีขนาดใหญ่พอสมควร และตัวสายออกมาตรงกลางครับ มีช่องเก็บสาย USB สายอื่นๆมาให้เป็นตัว X เผื่อได้ไว้เก็บสายต่างๆ และแน่นอนว่ายกระดับได้แต่แค่ 1 จังหวะ

ด้านซ้าย และ ขวา ตัวนี้ไม่มีช่องเสริมอะไรมาให้ครับ รูปทรงทั้ง 2 ข้างดีไซน์ออกแบบมาแบบเดียวกัน รวมถึงเราจะเห็นตัวไฟ LED บริเวณขอบด้านหลังอีกด้วยครับ และวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นส่วนของด้านหน้าขึ้นรูป 1 ชิ้นสวยงาม และการออกแบบปุ่มให้รองรับกับการพิมพ์ต่างๆและ ระยะการกด การยกปุ่มเป็นแบบปุ่มลอยนั้นเองครับ สวยงามเลยแหละ

ในด้านขอบหลังของตัวคียบอร์ด ตัวนี้มีช่อง USB เสริมมาให้สำหรับใครที่ต้องการใช้งานเสียบที่ไม่ต้องไปเสียบที่เคสคอมนั้นเองสะดวกดีครับ และ จะเห็นแถบไฟสวยๆทั้งเส้นเนียนตาเป็นแนวยาวทั้งเส้นเลยครับ อันนี้ทำได้สวยและเนียนรวมถึงตัว โลโก้นั้นเป็นวัสดุเงาพร้อมโลโก้แบบเรืองแสงได้ด้วยไล่ตามสีที่ขอบไฟเลยนั้นเองวัสดุรอบๆเป็นอลูขัดลาย

สำหรับทางด้านตัว Switch Cherry MX Speed ซึ่งเน้นในเรื่องความไวเป็นพิเศษรวมถึง มีระยะ การทำงานที่ ที่ 1.2 mm เท่านั้นทำให้เวลาที่กดลงไปแล้วทำให้สามารถสั่งงานได้เร็วกว่าปกติ และใช้แรงน้อยลงกว่าเดิมอีกด้วย และยังสามารถเด้งกลับมาตำแหน่งเดิมต่ำกว่า 1 MS ด้วยเช่นกันครับ ตัวไฟนั้นส่องออกมารอบสวิทช์ ไฟจังทำให้เห็นคีย์ภาษาไทยทั้ง 2 แถว แต่แถวล่างนั้นจะเป็นแบบจางๆครับแต่ยังมองเห็นอยู่นะ น้ำหนักการกด ระยะ เสียงพวกนี้นั้นอยู่ในระดับที่ดี และ ไวสมกับชื่อครับเสียงจะแน่นๆหน่อยและไม่ได้ดังมากครับ และตัวไฟทำได้สว่างเลยทีเดียว

SPEC

  • Weight  1.324kg
  • Keyboard Backlighting  RGB
  • Macro Keys  6
  • HID Keyboard Report Rate  1000Hz
  • Key Switches  Cherry® MX Speed
  • USB 2.0 Type-A
  • 465mm x 171mm x 36mm
  • Full Key (NKRO) with 100% Anti-Ghosting
  • On-Board Memory Onboard profiles  3
  • Media Keys  Dedicated Buttons, Volume Roller

SOFTWARE

ทางด้าน Software นั้นใช้ CORSAIR ICUE ในการจัดการตั้งค่าทั้งหมดครับ ซึ่งก็สามารถดาวน์โหลดใช้งานกันได้เลยจากทางเว็บ CORSAIR สามารถปรับควบคุมได้ทั้ง  Gaminggears หรืออุปกรณ์อื่นๆก็ใช้งานได้กันหมดเลยนั้นเอง ตัวหน้าตานั้นก็ค่อนข้างใช้งานได้ไม่ยากนัก แต่ต้องยอมรับว่าทางด้านโปรแกรมของ CORSAIR ยังแอบมีมึนๆเองในบางครั้งที่ใช้งาน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนักครับ ตัวระบบก็ปรับเปลี่ยนได้เยอะเลยทั้งไฟ ปุ่มต่างๆตั้งได้เลย

หัวข้อ Setting นั้นเราก็สามารถปรับแต่ง Pooling rate ได้ครับ และ ความสว่างของไฟ รวมถึง Layout ตั้งค่าต่างๆครับ แน่นอนว่าสามารถปรับได้แล้วแต่ประเทศที่มี Layout แตกต่างกันครับ

ในหัวข้อเมื่อเข้ามาในส่วนการปรับแต่งแล้ว มันจะมีแถบทางด้านซ้ายออกมาครับ ปรับตั้งค่าหลักๆคือจะเป็นในส่วนของ Profile / Action / Lighting /Performance ซึ่งอันแรกนั้นเป็น Profiles และต่อมาคือหัวข้อการตั้งปุ่ม Macro สามารถปรับได้ว่าจะให้ทำงานยังไง เปิดอะไร เข้าอะไรต่างๆครับ ซึ่งถือว่าปรับได้ค่อนข้างเยอะและละเอียดมากๆ

หัวข้อต่อมาก็ถือว่าน่าสนใจ เป็นหัวข้อในส่วนของไฟปรับแต่งไฟบนตัวคียบอร์ดครับ มี Effect มาให้เลือกเยอะมากกก จะเห็นได้ในแถบที่แอดมินเลือกออกมาครับ และแต่ละหัวข้อก็ปรับได้ว่าเอาสีอะไรบ้าง ไฟวนเร็วแค่ไหน ทิศทางไหน และปรับโซนได้ทั้งหมดนะครับตามภาพที่เห็นเลยรวมถึงแถบไฟข้างหลังและปุ่มควบคุมเสียงมุมขวาด้วยครับ
อันสุดท้ายนั้นเป็นส่วนของ Perfomance ตัวนี้จะเป็นการปรับแต่งปุ่มคีย์ลัดทั้งหลายบนตัวปุ่มตามหัวข้อครับ และเมื่อทำงานไฟสถานะนั้นจะเป็นสีอะไรเป็นต้นครับ ว่าเมื่อกด Winlock แล้วนั้นจะยกเลิกการทำงานอะไรบ้างครับ

FEELING 

ในการใช้งานจริงกันเลยครับแน่นอนว่าตัวคียบอร์ดตัวนี้วัสดุอะไรไว้ใจได้แน่นอน ไม่ผิดหวังรวมถึงงานประกอบและตัวไฟคุณภาพวัสดุ ความสว่างทำได้ลงตัวทั้งหมดครับ วัสดุตัวปุ่มลูกกลิ้งนั้นเป็นเหล็กทั้งชินนะครับสำหรับที่เพิ่มลดเสียงปุ่มทั้งหมดการใช้งานและแน่นอนว่าระยะการกดและทำงานมันไวมากๆสมกับ MX Speed บอกตรงๆครับว่าใครไม่ชินอาจจะลั่นได้ง่ายมากๆ แต่ทางแอดมินก็ใช้พวกเน้นความไวมาก็ปรับตัวไม่ยากเลยและระยะการกด น้ำหนักมันทำได้พอดี ไม่ได้ลั่นง่ายเกินไป และ น้ำหนักการกดเวลาเล่นเกมพวก FPS  มันจะดีมากๆครับ ตัวปุ่มตำแหน่งการวางมือระยะห่างแต่ละปุ่มทำออกมาได้ดี และ เว้ารับกับมือได้ครับพิมพ์ทำงานก็สบาย และเล่นเกมแน่นอนมันไม่มีปัญหาเลย

ตัวปุ่มนั้นเป็นแบบ Linear (ไม่มี Click หรือ Tactile) แต่ละปุ่มมีน้ำหนัก 45 กรัม ความแตกต่างของมัน คือ ระยะรับคำสั่งทริกเกอร์สัญญาณอยู่ที่ 1.2 มม.น้อยกว่าของเดิมซึ่งอยู่ที่ 2 มม. ทำให้มันตอบสนองไวกว่าถึง 40% และแน่นอนว่าเสียงจะเงียบกว่าตัวอื่นๆ และจะเสียงจะแน่นๆหน่อยแต่บอกเลยว่ากดสนุก มันส์มากและไวมาก  ตัวไฟเมื่อใช้งานจริงแสงออกมาสวยงามและเมื่อส่องผ่านสวิทช์ที่แบบใสทำให้แสงนั้นออกมาได้สวยและสะท้อนกับอลูมิเนียมได้ดีเลยแหละ ตัวปุ่ม Spacebar พื้วผิวสวยงามและกดได้ง่ายและไม่ลื่นเท่าไรนัก โดยรวมใช้งานพึงพอใจอย่างมาก

CORSAIR K95 RGB Platinum Keyboard

“ตัวเทพจากทาง CORSAIR ไม่ทำให้ผิดหวัง และ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรไวๆ”

เป็นคีย์บอร์ดที่ต้องบอกว่าแอดมินได้ทำการส่องไว้ซักพักแน่นอนแบรนด์นี้ก็เป็นอีกแบรนด์ที่อยากลองครับ ในเรื่องของคุณภาพวัสดุและไฟบริเวณขอบก็ทำออกมาได้สวย แต่ด้วยความที่มันเป็นสวิทช์แบบไว Speed Switch นั้นเองทำให้หลายๆคนอาจจะไม่ได้ชอบอะไรที่ ลั่นๆ ไวๆ แบบนี้เท่าไรนักครับ และ การกด เสียงพวกนี้บางคนอาจจะชอบแบบ 2 จังหวะเสียงดังๆก็คงต้องมองตัวอื่น ซึ่งถ้าเรายอมรับได้กับความไวลั่นๆของมันและซอฟท์แวร์ที่ยังไม่ได้ดีมากนักนั้น ต้องบอกครับในหลายๆจุดตัวนี้นั้นทำออกมาได้สมราคาและสัมผัสได้ถึงวัสดุที่ ดูแพง สวย แข็งแรง และตัวไฟที่ทำได้สวยและปรับแต่งได้เยอะเลยเป็นรุ่นที่น่าเล่นและน่าลอง แต่ถ้าไม่ได้ชอบความไวมากนักตัวนี้อาจจะไม่ตอยโจทย์เท่าไรในการใช้งานอื่นๆนั้นเอง

ข้อดี

  • วัสดุโดยรวมทำออกมาสวยและเนี้ยบมาก
  • ตัวปุ่ม Macro ต่างๆมีใช้งานครบและสะดวก
  • ไฟ RGB  สวยงาม ทั้งบนปุ่มและขอบด้านหลัง
  • Switch ที่ไวมากๆในการเล่นเกม
  • มี Onboard Mem พร้อม Profile ที่ปรับได้ง่าย
  • ฟีเจอร์ในการใช้งานตอบโจทย์ สายเกมอย่างมาก

ข้อสังเกต

  • ตัวแผ่นรองฝ่ามือไม่ค่อยสบายมากนัก
  • Software iCUE ยังไม่ค่อยดีนัก
  • ช่องบนตัวคียบอร์ดยังเป็น USB 2.0

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares