มือถือที่รองรับ 5G ในเรทราคาต่ำกว่าหมื่นเริ่มลงมาลุยตลาดกันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการขยับขยายการใช้งานในประเทศไทยก็เริ่มที่จะแพร่หลายมากขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน ทำให้ถ้าเราจะซื้อมือถือซักรุ่นก็อาจจะต้องเริ่มมากมองว่ามันรองรับการใช้งาน 5G มากน้อยแค่ไหนยิ่งคนไหนซื้อและใช้งานยาวๆแน่นอนว่าต้องคิดเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว และในตลาดประเทศไทยเองนั้นหลายๆค่ายเริ่มที่จะลุยมาต่อเนื่อง และในครั้งนี้เราขอเอา 3 แบรนด์ที่เปิดราคามาเท่ากันทั้งหมด ที่ 9,999 บาท และ ยังมาพร้อมกับสเปกที่ต้องบอกว่าใกล้เคียงกันมากที่สุดแล้วกับ MTK Dimensity 700 5G และ 720 5G รวมถึงมาพร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 128GB เท่ากันทั้งหมด และใช้งาน 5,000 mAh ด้วยเช่นกันในเรื่องของความจุแบต บอกเลยว่าใกล้กันสุดๆ และยังใช้งานหน้าจอ 6.5 นิ้วด้วยนะเท่ากันหมดทางเราเลยเอามาเทียบกันซะหน่อยว่า หน้าจอ กล้อง การใช้งาน และ ดีไซน์งานออกแบบ จาก realme 8 5G และ Vivo Y72 5G และ Samsung Galaxy A32 5G มาเทียบกันตรงๆไปเลยว่า รุ่นไหน ค่ายไหนจะเป็นยังไงกัน !

realme 8 5G รุ่นนี้ยังคงสานต่อการรองรับ 5G จากรุ่นเดิมมาพร้อมกับการใช้งาน MTK  Dimensity 700 5G พร้อม Dual 5G Dual Standby พร้อมกับการ์ดจอ Mali-G57 MC2 พร้อมกับการใช้งานหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ สัมผัสลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรซเรท 90Hz  และใช้งาน  RAM 8GB STORAGE 128GB รวมถึง มาพร้อมกับ แบตใหญ่ 5000mAh ประหยัดพลังงานอัจฉริยะแม้จะใช้งาน 5G และชาร์จ 18W ส่วนทางด้านกล้องหลังใช้งาน 3 เลนส์หลัก  48MP Nightscape Camera พร้อมกับ กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4)  และ กล้องหน้า AI Beauty 16MP f2.1 และ ดีไซน์ฝาหลังเงาโดดเด่นพร้อมกับสี Supersonic Blue และ Supersonic Black ใช้งาน realme UI 2.0 พร้อมกับ Android 11 

VIVO Y72 5G มาพร้อมกับ MTK DIMENSITY 700 พร้อมกับ RAM 8 GB และหน่วยความจุแบบ UFS 128 GB พร้อมกับหน้าจอขนาด 6.58 นิ้ว IPS LCD รองรับความละเอียด FHD+ ใช้งานหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ HALO Fullview Display  ความละเอียด 2408×1080 ใช้งาน แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W พร้อมกับพอร์ตแบบ USB-C ครับ รองรับ Wifi 5Ghz และ Bluetooth 5.1 ด้วยเช่นกันครับ แน่นอนว่าเรื่องของกล้องก็ทำได้ดี มาพร้อม กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4 เลนส์หลักรองรับ Eye AF ในการจับโฟกัส และ กล้องหน้าความละเอียด 16MP F2.0 รองรับฟีเจอร์การถ่ายครบเช่นเดิม ทั้งโหมดกลางคืน Portrait  มาพร้อมสี Graphite Black และ Dream Glow ใช้งาน Android 11 Funtouch 11.1

Samsung A32 5G นั้นมาพร้อมกับ MediaTek Dimensity 720 พร้อมการ์ดจอ Mali-G57 MC3 ใช้งาน RAM 8GB + Storage 128GB  หน้าจอ Infinity-V TFT ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ กล้องตัวหลัก 48MP f/1.8 กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED และมาพร้อมกับกล้องหน้า 13MP (f/2.2) รวมถึงใช้งาน ปุ่มสแกนนิ้วด้านข้าง และยังคงมี ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm รองรับ Dolby Atmos Bluetooth 5.1 และใช้งาน USB Type-C ให้แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W อันนี้ถือว่าน้อยกว่าคู่แข่ง พร้อมกับสี 4 สีเยอะมากๆทั้ง Awesome Blue , Black , Violet,White ใช้งาน Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3 หลังจากอัปเดตล่าสุดนะครับถือว่าเท่ากันทั้งหมด

PRICE

ทางด้านราคาต้องบอกว่าทั้ง 3 รุ่นถือว่าทำราคาได้เท่ากันทั้งหมดเป๊ะๆ รวมถึงสเปกที่มีความสูสีกันในหลายๆด้านโดยเฉพาะตัว RAM 8 GB STORAGE 128 GB ทั้งหมดเหมือนกัน และใช้งาน MTK DIMENSITY ทั้งหมด โดยตัว  720 5G นั้นจะเก่ากว่าเล็กน้อยซึ่งจะอยู่ในตัว Samsung Galaxy A32 5G ครับ ส่วนทาง VIVO , Realme เองนั้นจะได้ใช้งาน MTK Dimensity 700 5G นั้นเองเรียกได้ว่าสูสี ส่วนการเพิ่มความจุรองรับได้ทั้งหมด แต่ realme นั้นจะเป็นค่ายเดียวที่ใส่ Triple Slot เข้ามานะครับ ทั้ง 3 รุ่นเปิดราคามาที่ 9,999 บาทเท่ากันทั้งหมด สูสีจริงๆครับ

DESIGN

งานออกแบบทั้ง 3 รุ่นมีความแตกต่างกันแบบชัดเจนมองจากไกลๆก็สามารถแยกออกได้ทันทีเลยนั้นเอง ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเทคนิคการใช้งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละค่ายทั้ง Vivo ที่เป็นสีสันแบบด้านๆสวยงาม ส่วนทาง realme สีดำเงา พร้อมกับ Effect เล่นแสงสีสะท้อนสวยงาม และ Samsung เน้นความเรียบง่าย สีเทาดำปกติไม่มีมิติแสง หรือ สีสันอะไรมากนักเป็นสีเรียบๆคลีนๆเลยนั้นเอง แต่ถ้าถามความบาง เบาที่สุดจะเป็น realme 8 5G แม้จะเป็นแบต 5,000 ก็ตามแต่ก็ทำได้ 185 กรัมเท่านั้น และหนา 8.5 มม. ส่วน Vivo จะบางเท่ากันแต่หนักกว่าที่ 193 กรัม ส่วน Samsung หนา และ หนักที่สุดที่ 9.1 มม. และ หนักแตะ 205 กรัมเลยทีเดียวในรุ่นนี้ครับ

หน้าจอทั้ง 3 รุ่นมีขนาดเดียวกันทั้งหมด 6.5 นิ้วแต่จะเริ่มมีความแตกต่างกันที่ ความคมชัด ความลื่นไหล รวมถึงงานรออกแบบการเจาะรูกล้องหน้า ถ้ามองด้วยสเปกและในภาพนั้น realme ทำได้ดีทั้งใช้งานหน้าจอ 6.5 นิ้ว FHD+ IPS LCD พร้อมกับ 90Hz และหน้าจอแบบเจาะรูสวยงาม ส่วน Vivo เองนั้นมาพร้อมกับ FHD+ IPS LCD เช่นกันแต่จะเป็น 60Hz และหน้าจอแบบติ่ง ส่วนตัว Samsung สเปกต่ำที่สุดหน้าจอ HD+ เท่านั้น และเป็น TFT ด้วยนะเป็นหน้าจอที่เทียบกันแล้วทำได้ต่ำที่สุดรวมถึง 60Hz เท่านั้นเลยทำให้ตัว realme ทำได้ดีและสเปกเด่นที่สุดครับ

ขอบล่างหน้าจอแน่นอนว่าสามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ทั้งหมดรวมถึงขนาดอะไรใกล้เคียงกันตามระดับเรทราคาแบบนี้ ส่วนทางด้านความสวยจริงๆ Vivo นั้นทำขอบได้ดูบางที่สุดเมื่อเทียบกันทั้ง 3 รุ่นนี้ และ realme Samsung จะหนาใกล้เคียงกันเลยนั้นเองครับในส่วนขอบหน้าจอส่วนล่างในทั้ง 3 รุ่นถือว่าแตกต่างกันนิดๆครับ

ขอบด้านบนต้องบอกว่าเป็นจุดที่ realme ทำได้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจน ทั้งงานออกแบบที่เป็นหน้าจอแบบเจาะรูใช้งานกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล แอบน้อยไปนิดๆ ส่วน อีก 2 รุ่นเป็นหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ มาในกล้อง 16 ล้านพิกเซลในตัว Vivo และ 13 ล้านพิกเซลในตัว Samsung ต้องบอกว่าหน้าจอเจาะรูจะสวยกว่าเมื่อเทียบกัน แต่กล้องหน้าน้อยไปนิดหน่อยครับ ส่วนบรรดาลำโพง หรือว่าเซนเซอร์อะไรนั้นจะอยู่ขอบด้านบนเหมือนกันทั้งหมด 3 รุ่นนี้ครับ

ขอบเครื่องในส่วนล่างนั้นต้องบอกว่าตำแหน่งการจัดวางนั้นเหมือนกันทั้งหมดเลยนั้นเอง แต่การออกแบบมีความแตกต่างกันทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมลำโพงหลัก รู USB-C และ รูไมค์ รวมถึง รู 3.5มม. ยังคงใส่เข้ามาให้ใช้งานกันทั้งหมด แต่ความบาง Samsung นั้นจะหนาที่สุด และฝาหลังเรียบไม่มีความโค้ง แต่จะได้ขอบเครื่องแบบเงาๆมาแทนครับ ส่วน realme นั้นจะโค้งลงมาทำให้จับถือได้ง่าย และมีการใช้งานเทคนิคพิเศษกับกระบวนการ Microcrack ทำให้ขอบเครื่องแข็งแรงมากขึ้น และ บาง เบาที่สุด ส่วน Vivo จะมีความใกล้กันแต่จะหนักกว่า และขอบเครื่องจะโทนสว่างกว่า

ขอบเครื่องส่วนบนนั้นจะเริ่มแตกต่างกันชัดเจน realme เรียบๆไม่มีไมค์ตัวที่ 2 มาให้อันนี้แอบน่าเสียดายจริงๆ ส่วน Samsung Vivo ให้มาทั้งหมด ไมค์ให้มาเหมือนกัน และ ถาดซิม Vivo นั้นจะอยู่ในขอบด้านบนและมีซีลกันน้ำ

ขอบด้านขวานั้นจะเป็นการใช้งานสแกนนิ้วแบบขอบเครื่องทั้งหมดพร้อมกับเป็นปุ่ม Power ในตัวเหมือนกันทุกรุ่น แต่ปุ่มเพิ่ม ลด เสียงของ realme จะย้ายไปอยู่อีกฝั่ง แต่  Samsung และ Vivo เพิ่มลด เสียงอยู่ในด้านขวาครับ จะแตกต่างกันชัดเจนเลย ส่วนความหนาและแบนไม่มีความโค้งทำให้ Samsung ดูหนามากจริงๆเมื่อเทียบกันทั้ง 3 ตัว

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้น realme 8 5G จะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลด เสียง และถาดซิม เช่นเดียวกัน Samsung A32 5G ส่วน Vivo Y72 5G นั้นจะเรียบทั้งหมดไม่มีอะไรในฝั่งนี้เลยนั้นเอง และขอบหน้าจอมีการกินเข้ามาเยอะกว่าทั้ง 2 ตัว

ถาดซิมนั้นแตกต่างกันมากๆ  realme 8 5G นั้นจะเป็นค่ายเดียวที่ได้แบบ Triple Slot และรองรับได้สบายๆทั้ง 2 ซิม และ Micro-SD พร้อมกัน ส่วน Vivo เป็น Hybrid Slot พร้อมกับซีลกันน้ำถือว่าดี และ Samsung Hybrid Slot เช่นกันและไม่มีซีลกันน้ำครับ ทำให้การรองรับ realme 8 5G ทำได้ดีสุด แต่น่าเสียดายไม่มีซีลยางกันน้ำ

กล้องหลัง 3 รุ่นนี้มีการวางการออกแบบแตกต่างกันแบบชัดเจน มาที่ Vivo นั้นวางสวยงามแบบรุ่นพี่พร้อมกับ 3 ตัวหลักที่จะใช้งานได้ทั้งเลนส์มุมกว้าง เลนส์หลัก และ มาโคร จะใช้งาน กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล f1.79 และ กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล f2.2 และกล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f2.4 ครับ ถือว่าครบๆ ส่วน realme นั้นมาแค่ 3 ตัวเช่นกันและเป็นตัวเดียวที่ไม่มีมุมกว้างมาให้ แต่จะมาพร้อมกับ กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f1.8 และ กล้องจับระยะ 2 ล้านพิกเซล f2.4 และกล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f2.4 ครับ  แต่ถ้าจัดเต็มที่สุด Samsung ให้มาครบ 4 เลนส์หลัง มุมกว้างครบ และมาพร้อม กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f1.8 และ กล้องจับระยะ 2 ล้านพิกเซล f2.4 และกล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล f2.4 และ กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล f2.2 เรียกได้ว่าครบที่สุดนั้นเองในทั้งหมด

ฝาหลังแตกต่างกันในแง่ของสีสันและงานออกแบบจริงๆ Vivo ที่เด่นๆเพราะว่าจะเป็นโทนสีสว่างและสีสันเยอะที่สุดนั้นเอง แต่ถ้าสีดำก็จะไม่ได้เด่นเท่านี้ครับ แต่ก็ยังคงเล่นสีสันและดูหรูหราได้ดีนะ Vivo มาพร้อมกับฝาหลัง โลโก้แนวนอนและสีสันสะดุดตามากๆพร้อมกับดีไซน์แบบด้านและเลนส์กล้องหลังแบบรุ่นพี่เลยทำให้ดีไซน์ส่วนตัวชอบสีนี้ของ Vivo ที่สุดและดูดีมากจริงๆ ส่วน realme 8 5G นั้นสีดำเงาถือว่าดูหรู เรียบ เล่นกับแสงสะท้อนได้สวยแถมได้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกิดเป็น Dynamic Speed ​​Light เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงเมื่อแสงตบกระทบไปยังสมาร์ตโฟน อันนี้เจอแสงจะเด่นมากๆ ส่วน Samsung A32 5G ดูเรียบและธรรมดาที่สุด สีเทาดำแบบเรียบไม่มีการสะท้อน ไม่มีสีสันรวมถึงไม่มีความโค้ง

REALME 8 5G SPEC 

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว 90Hz ตอบสนองที่ 180Hz (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 600nits
  • MediaTek Dimensity 700 5G
  • มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G57 MC2 950MHz
  • RAM (LPPDDR4x) 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Triple Slot
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8)รองรับ UIS กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.1)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้ว ขอบเครื่องด้านขวา
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 162.5×74.8×8.5มม. ; น้ำหนัก: 185 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 5G , 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จ 18W

Y72 5G SPEC

  • Android 11 + Funtouch OS 11.1
  • หน้าจอ IPS LCD FHD+ 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2408×1080
  • ใช้งาน MTK DIMENSITY 700 5G  2.2GHz
  • รองรับ 5G NSA / SA
  • Hybrid Slot 
  • RAM 8 GB STORAGE 128 GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4
  • เลนส์หลักรองรับ Eye AF ในการจับโฟกัส
  • กล้องหน้าความละเอียด 16MP F2.0
  • สแกนลายนิ้วมือในขอบข้างเครื่อง
  • USB-C พร้อมรองรับ BT 5.1 และ WIFI 2.4Ghz และ 5Ghz
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 18W
  • ลำโพงตัวเครื่อง Super Linear และ Speaker Boost 3
  • มาพร้อมสี Graphite Black และ Dream Glow

Samsung Galaxy A32 5G

  • หน้าจอ Infinity-V ใช้งานหน้าจอแบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ 60Hz
  • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 720 7nm
  • พร้อมการ์ดจอ Mali-G57 MC3
  • RAM LPDDR4x 4GB/6GB/8GB + Storage (UFS 2.1) 64GB/128GB, ที่ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3
  • กล้องหลัก กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8) กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 13MP (f/2.2)
  • ปุ่มสแกนนิ้วด้านข้าง
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, รองรับ Dolby Atmos
  • ขนาดตัวเครื่อง: 76.1 x 164.2 x 9.1มม.; น้ำหนัก: 205 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac, Bluetooth 5.1, GPS/ GLONASS/ Beidou USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W

ANTUTU

แม้จะเป็น CPU ตัวเดียวกันหรือค่ายเดียวกันก็ตามแต่คะแนนประสิทธิภาพการใช้งานหรือ Antutu นั้นแตกต่างกันแม้จะเป็น RAM 8 GB เท่ากันแต่ทั้งเรื่องของ หน้าจอ ระบบ การจัดการ การรีดพลังงานออกมานั้นแตกต่างกันแน่นอน ทำให้คะแนนทั้งหมดเทียบกัน realme 8 5G ในการใช้งาน MTK DIMENSITY 700 ทำไปได้สูงที่สุด 301095 คะแนนเลยทีเดียว และรองลงมาเป็น Vivo Y72 5G ในการใช้งาน MTK DIMENSITY 700 ทำไปได้ 273459 คะแนน และ น้อยที่สุด จะเป็น Samsung A32 5G ที่ใช้งาน MTK DIMENSITY 720 ที่เก่ากว่า ทำไปได้ 249198 คะแนนนั้นเอง ทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมการทำงานทั้งหมด realme ถือว่าดีกว่าตัวอื่นด้วยเช่นกัน

ANDROBENCH

ในเรื่องของ Androdbench นั้นจะเป็นการทดสอบหน่วยความจุ ว่าจะเป็นการใช้งานแบบไหนหรือถ้าบอกง่ายๆคล้ายกับ HDD SSD ในคอมพิวเตอร์นั้นเอง ต้องบอกว่าทั้ง 3 รุ่นนั้นสูสีกันมากๆเพราะว่าใช้งาน UFS 2.1 เหมือนกันทั้งหมดทำให้การอ่านเขียนนั้นอยู่ในระดับ 900+ เหมือนกันทุกตัวบอกเลยว่าทำได้ดีและน่าประทับใจทุกตัวครับ

SYSTEM UI

หน้าตาระบบนั้นมีความแตกต่างกันซึ่งของทาง Samsung เองหน้าตามีการยกใช้งาน ONE UI 3.1 ใหม่ทั้งหมดแล้วทำให้ดีไซน์อะไรนั้นสวยงามพอสมควรครับมาพร้อมกับ Android 11 รวมถึง realme 8 5G เช่นกัน realme UI 2 หน้าตาใช้งานเพียวและคลีนที่สุด รวมถึงมีความลื่นไหลและนิ่งกว่าของทาง Samsung แบบชัดเจนเมื่อใช้งานเทียบกันครับ ส่วนของทาง Vivo นั้นใช้งาน Funtouch OS 11.1 ทำให้ในแง่ของระบบหน้าตา realme จะเพียวลื่นไหล Samsung จะเน้นฟีเจอร์ มากกว่านั้นเอง ส่วน Vivo นั้นจะมีความเรียบสวยมากขึ้นแล้วสูสีกันทั้ง 3 ตัวครับอันนี้แล้วแต่คนชอบเลยจริงๆว่าจะไปในแนวทางไหนครับเพราะได้ Android 11 และระบบใหม่ล่าสุดทั้ง 3 ตัวเลย

รวมถึงหน้าตา Quick Setting  นั้นเรียกได้ว่าตามแบบ Android 11 ทั้งหมดและมีการแยกส่วนอะไรชัดเจนครับ แต่จะชอบของ realme ที่แยกส่วนได้ชัดเจนกว่า แต่ละการแจ้งเตือนครับ และดู Floating มากกว่า ส่วนของ Vivo Samsung เองนั้นจะมีความใกล้เคียงกันมากๆทั้งโทนสี หน้าตาและการใช้งานทั้งหมดแต่ Samsung จะปรับหน้าจอความสว่างไม่ได้ในการลากลงมาครั้งแรก ต้องลากลงมาสุดนั้นเองแอบลำบากกว่าตัวอื่นๆเล็กน้อยในจุดนี้

SCREEN 

หน้าจออย่างที่อิงตามสเปกนั้นต้องยอมรับว่า realme ยังคงทำได้ดีเมื่อเทียบกับแบรนด์ 3 แบรนด์นี้ครับ มาพร้อมกับ 90Hz และ หน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายบนเป็นค่ายเดียวเลยที่ให้มา ส่วนตัวอื่นๆจะเป็น 60Hz  และหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ ส่วน Vivo ได้ FHD+ IPS LCD แต่ทางด้าน Samsung ใช้งานแค่ TFT และ HD+ เท่านั้นบอกเลยว่าดรอปมากจริงๆ และยิ่งมาเทียบกันแบบนี้ครับ ส่วนสเปกทางการนั้น realme 8 5G ใช้งาน หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว Refresh rate 90Hz ตอบสนองที่ 180Hz (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 600nits และ ทาง VIVO Y72 5G นั้นใช้งาน หน้าจอ IPS LCD FHD+ 6.58 นิ้ว ความละเอียด (2408×1080) Refresh rate 60Hz และ ทางด้าน Samsung A32 5G นั้นใช้งาน  หน้าจอ Infinity-V ใช้งานหน้า จอแบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ (720 x 1600 ) Refresh rate 60Hz ถือว่า realme จะเด่นสุด

แต่ในการใช้งานจริงหน้าจอจริงๆ แน่นอนว่าก็ตรงตามกันสเปกที่เทียบกันครับในแง่ของความสว่างสู้แสง realme Vivo ทำได้เท่ากันโทนสีมีความสวยและอิ่มเหมือนกัน รวมถึงความสว่างที่ใช้งานปรับเท่ากันสูงสุดได้เท่ากันไม่หนีกันมาก แต่จะเป็นการแตกต่างกันที่การออกแบบที่  realme ได้หน้าจอแบบเจาะรูทำให้ดูสวยกว่าชัดเจนครับ และการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ไวกว่าแบบรู้สึกได้เลย ทำให้ realme หน้าจอเด่นที่สุดในการใช้งานจริง และ สเปกที่ให้มา แต่ถ้าถามว่าสเปกอ่อนที่สุดเป็น Samsung A32 5G ที่มาพร้อมกับ TFT เริ่มมีผลในการใช้งาน ทั้งสู้แสงไม่ดี และ มุมมองแย่ที่สุดในทั้ง 3 ตัว แค่เอียงหน้าจอ หรือเปลี่ยนมุม จอภาพจะดรอปลงเยอะมาก สีอ่อนลง แสงอ่อนลงชัดเจน และ HD+ เท่านั้นความคมชัดอะไรสู้ไม่ได้เลยนั้นเองเมื่อเทียบกัน 3 ตัวทำให้ Samsung นั้นแย่ที่สุดเลยนั้นเอง

CHARGING 

แบตทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับความจุหนักแน่นถึง 5,000 mAh เหมือนกันทั้ง 3 ตัวแต่ที่จะแตกต่างคงจะเป็นการชาร์จไฟเข้า ทั้ง 3 รุ่นใช้งาน USB-C ในการชาร์จไฟเข้าแต่รุ่นที่รองรับไฟ 18W นั้นจะเป็นแค่ realme และ Vivo ครับและทั้ง 2 ตัวให้มาพร้อมใช้งานในตัวกล่องเลยนะ แต่ Samsung นั้นเป็นแค่ 15W เท่านั้นและให้มาในกล่อง 15W เท่านั้นเช่นกันเลย เมื่อเทียบกันแล้วเวลาในการชาร์จไฟเข้านั้น GALAXY A32 5G จะใช้เวลานานกว่าตัวอื่นๆเช่นกัน

CAMERA

กล้องหลังนั้นเป็นจุดที่แตกต่างกันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกล้องหลัง หรือแม้แต่ความละเอียดของตัวเลนส์หลัก รวมถึง เลนส์มุมกว้างต่างๆ แต่ทั้งนี้โหมดการถ่ายไม่ได้หนีกันมากครับ ทั้งโหมดกลางคืน การถ่าย Portrait หรือว่าจะเป็น มาโคร การถ่ายหน้าสวย AL Beauty ต่างๆ  หรือแม้แต่การมี AI เข้ามาช่วยในการหาฉาก เพิ่มแสงสีให้สวยทั้ง 3 รุ่นนั้นมีทั้งหมดครับ ส่วนสเปกนั้นเริ่มจาก realme 8 5G ที่ขอบ่นก่อนเลยคือการตัดเลนส์มุมกว้างออกไป ทำให้เป็นตัวเดียวที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างอันนี้ไม่โอเคเท่าไรนัก ส่วนสเปกมาพร้อมกับ ใช้งาน 3 เลนส์หลัก  48MP Nightscape Camera พร้อมกับ กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาดระยะ 4ซม. 2MP (f/2.4) ส่วนทางด้าน Vivo มาเป็น 3 เลนส์แต่ มีมุมกว้าง และ มาโครมาให้ครับ ใช้งาน พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4 ถือว่าสเปก คุณภาพเลนส์หลักถือว่าดีมากๆ และ ทาง Samsung Galaxy A32 5G นั้นให้มาเยอะที่สุด 4 ตัว  กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8) กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) กล้องมาโคร 5MP (f/2.4) แฟลช LED ส่วนการจัดการภาพโทนสีนั้น จำนวนกล้องเยอะอาจจะไม่ได้เด่นเสมอไปนะครับ ลองไปดูตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยว่าตัวไหนถูกใจกันบ้าง มีความแตกต่างกันชัดเจนเลยทีเดียวแหละ

SELFIES

กล้องหน้าทั้ง 3 ตัวให้มาตัวเดียวพร้อมกับการออกแบบที่แตกต่างกันไป ทางด้าน realme  เป็นตัวเดียวที่มาพร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรู แต่ก็เป็นรุ่นที่ความละเอียดน้อยที่สุดคือ 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f2.0 ส่วนทางด้าน Vivo นั้นยังคงทำได้ดีกับค่ายที่เน้นกล้องหน้าคือ 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f2.0 และ Samsung นั้นอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล แต่รูรับแสงแคบที่สุดที่ f2.2 ทำให้การถ่ายกลางคืนอาจจะไม่เด่นเท่าไร ส่วนสกินโทน โทนสีนั้นแตกต่างกันทั้ง 3 ตัวเลยแล้วแต่ชอบเลยว่าจะเน้นไปรุ่นไหนครับ เพราะว่าฟีเจอร์การถ่ายเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ละลายหลัง หรือแม้แต่โหมดการถ่ายกลางคืนในกล้องหน้าก็ใส่เข้ามาให้ทั้ง 3 ตัวรองรับได้สบายๆในเวลาแสงน้อย

REALME 8 5G VS VIVO Y72 5G VS SAMSUNG A32 5G

สำหรับทั้ง 3 รุ่นนี้ทั้ง VIVO / realme / Samsung ก็อยู่ในเรตที่เทียบได้สูสีที่สุดในทั้ง 3 แบรนด์ แต่ก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุด ต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน ได้แต่นำเสนอข้อเท็จจริงและสรุปจากประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกันครับ เรามาดูข้อสรุปนิดหน่อยกันครับว่ารุ่นไหนเด่นอะไร และ มีจุดไหนที่ทำได้ใกล้กัน ทั้งเรื่องของกล้องหน้าหลัง รวมถึง ระบบตัวเครื่องหน้าตา หน้าจอที่แตกต่างกัน รวมถึงการชาร์จไวทั้งหลาย 

สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares