realme เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่มาอีกแล้วกับ realme 9 Pro และ 9 Pro+ โดยทั้งสองรุ่นเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมชิปประมวลผลระดับกลาง ดีไซน์สวยหรู บางเบามากๆ แต่ถึงจะมีความบางเบานั้นแต่ยังคงให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาให้ใช้งานกันยาวๆตลอดทั้งวัน อีกทั้งรองรับการชาร์จเร็วอีกด้วย รวมทั้งใช้เซนเซอร์กล้อง 50MP ระดับเรือธง ไม่ต้องพูดเยอะสำหรับเรื่องกล้อง ต้องบอกว่าปังเหมือนระดับมือโปรเลย ได้ภาพสวยๆด้วยมือเรา และที่น่าสนใจอีกอย่างเลยคือดีไซน์ใหม่ๆล้ำสมัยกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีฝาหลังเปลี่ยนสีได้จากแสงอาทิตย์ น่าสนใจแปลกตาและเพิ่มลูกเล่นในการใช้งานให้เรา หน้าจอทั้ง 2 รุ่นนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างกันโดยเฉพาะขนาดและโทนสีของภาพ แต่ก็สวยเหมาะสมทั้งคู่เลยนะ คุณภาพดีพอๆกันเลย ใช้งานได้ลื่นไหลมากพอสมควร โดยรวมแล้วสเปกก็ต้องบอกว่ายังคงทำได้ดีทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างโดดเด่นกันไป วันนี้เลยขอมาแกะกล่องกันเล็กน้อยก่อนที่จะมารีวิวแบบละเอียดยิบให้ทุกคนได้ชมกัน ทั้งในรุ่น realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ในทุกการใช้งาน

realme 9 Pro +

ในรุ่นนี้จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนอง 360Hz ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Dimensity 920 รองรับเครือข่าย 5G ที่เร็วแรง ทางด้านของซอฟต์แวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ที่ทางบริษัทสัญญาว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ Android เป็นเวลา 2 ปี มาพร้อม RAM 8GB ที่มี RAM เสมือนอีก 5GB นอกจากนั้นระบบระบายความร้อนมาพร้อม Vapor Chamber จำนวน 5 ชั้น ที่มี heat sink ขนาดใหญ่ถึง 13,029 ตร.มม. สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 10 องศาเซลเซียส ส่วนระบบเสียงตัวเครื่องมีลำโพง stereo และช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ

กล้องหลังของ 9 Pro+ ประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ที่รองรับ OIS แบบเดียวกับในสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง Oppo Find X3 Pro + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP + กล้องมาโคร 2MP ทางบริษัทเพิ่มฟีเจอร์ ProLight Imaging และฟีเจอร์ AI Noise Reduction Engine 3.0 ที่เพิ่มคุณภาพของรูปถ่ายในสภาพแสงน้อย นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ถ่ายภาพ low exposure, Peak & Zoom และฟิลเตอร์ 90’s Pop ตัวเครื่องในสีฟ้า (Sunrise Blue) สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม โดยเมื่อสัมผัสแสงแดดหรือแสง ultraviolet ตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลา 3 วินาที ส่วนเมื่อนำออกจากแสงแล้วสีแดงจะจางกลับไปเป็นสีฟ้าในเวลา 2-5 นาที แบตเตอรี่มีความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 60W สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลา 15 นาที เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันเลย

UNBOX

  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro+
  • เคสใส
  • สายชาร์จ USB Type-C + Adapter SuperDart Charge 60W
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

DESIGN

งานออกแบบในรุ่นนี้ก็ยังคงออกแบบดีไซน์มาในลักษณะคล้ายๆรุ่นก่อนๆอยู่ แต่ดูทันสมัยมากขึ้น ดูเรียบๆแต่ฟาดเรียบกับทุกสายตาที่มองเลย ตัวฝาหลังมีความวิ้งวับ ประกายๆ เล่นกับแสงไฟหรือแสงอาทิตย์ได้ดีเลยแหละ มีการเล่นสีสันเป็นลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาให้ดูมีอะไรมากยิ่งขึ้น ขึ้นมือสุดๆขณะที่ถือ ที่สำคัญฝาหลังในรุ่นนี้สามารถเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงด้วยนะเป็นฟีเจอร์  Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue การวางตำแหน่งกล้องด้านหลังก็จะยังคงอยู่ในมุมซ้ายบนของด้านหลัง วางเรียงกันทั้ง 3 เลนส์อย่างเป็นระเบียบพร้อมไฟแฟลช ตำแหน่งของกล้องก็ยังคงคล้ายรุ่นเดิมๆเช่นเคย รวมๆแล้วดูดีขึ้นมากๆ ไฮโซขึ้นเยอะเลย และที่สำคัญน้ำหนักและขนาดตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ น้ำหนักรวมๆอยู่ที่ 182 กรัมเท่านั้น สีมีมาให้เลือกถึง 3 สีเลย ได้แก่ สีดำ สีเขียว และสีฟ้า ซึ่งแต่ละสีก็มีความสวยโดดเด่นที่ไม่แพ้กันเลย เห็นแล้วตกหลุมรักทันที

หน้าจอรุ่นนี้จะเป็น AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+ มีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 90Hz ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ใช้กระจก Gorilla Glass 5 สังเกตจะเห็นว่าขอบหน้าจอนั้นจะบางมากๆ จะมีเพียงขอบด้านล่างเท่านั้นที่จะหนากว่าด้านอื่นๆ แต่ก็มากกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น และบริเวณด้านบนทางซ้ายจะเป็นบริเวณของรูกล้องที่มีมาให้

ต้องยอมรับเลยว่าขอบหน้าจอมีความบางมากจริงๆ ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่เลย ในส่วนของขอบด้านหลังที่หนากว่าด้านอื่นๆก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ส่วนขอบด้านบนนั้นถึงจะมีความบางเฉียบแต่ยังคงเจาะรูกล้องมาให้ใช้งานเช่นเดิม

ขอบเครื่องด้านบนจะเป็นในส่วนของไมค์ตัดเสียงที่มีมาให้ และจะเห็นได้ว่าเมื่อมองจากด้านบน มุมของขอบเครื่องจะมีความโค้งมนแต่ยังคงความเหลี่ยมไว้อยู่ ดูดีมากๆ

ขอบเครื่องด้านล่างจะเป็นในส่วนของลำโพงตัวหลัก ถัดไปก็คือพอร์ตชาร์จที่เป็นแบบ USB Type-C ส่วนต่อไปก็คือไมค์ที่มีมาให้ รวมไปถึงรูสุดท้ายจะเป็นหูฟังที่เป็นรู 3.5 มม. มาให้ใช้งาน

ขอบจอด้านซ้ายจะเห็นได้ว่าตัวเครื่องมีความบางมากจริงๆ น้ำหนักเบาสุดๆ ด้านบนจะเป็นถาดใส่ซิม และถัดลงมาจะเป็นปุ่มสั่งงานเพิ่ม-ลดเสียง ที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ขอบจอด้านขวาจะไม่ค่อยมีปุ่มสั่งงานใดๆมาให้เลย จะมีเพียงปุ่ม Power ที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือมาให้เท่านั้น โดยรอบๆบริเวณขอบเครื่อง ค่อนข้างเกลี้ยงดูสะอาดตามากๆ

และในส่วนของฝาหลังของตัวเครื่องนี้ทำให้เรามูฟออนไปไหนไม่ได้จริงๆ มีความสวยงาม ประกายวิบวับเล่นกับไฟให้ชวนหลงไหลมากๆ ด้วยความสามารถพิเศษที่เป็นฟีเจอร์ Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue ทำให้ฝาหลังมีปฎิกิริยาเปลี่ยนสีเมื่อเจอกับแสงอาทิตย์หรือแสงธรรมชาติ ฝาหลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเจอไฟภายใน 3 วินาที และจะกลับมาเป็นปกติในเวลา 2-5 วินาที วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็แข็งแรงทนทาน การดีไซน์ต่างๆลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของกล้องหรือจะเป็นในส่วนของชื่อค่ายที่สลักมาไว้สวยๆด้านซ้ายล่างของฝาหลัง

SPEC 

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 6nm ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G68 MC4
  • RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB, RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB / 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0
  • กล้องหลัง
    • กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766, OIS
    • กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355
    • กล้องมาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่วัดอัตราการเต้นหัวใจได้
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพง Stereo, Dolby Atmos
  • ขนาดตัวเครื่อง: 160.2×73.3×7.99มม.; น้ำหนัก: 182 กรัม
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS/ Beidou
  • USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 60W

realme 9 Pro 

ในส่วนของ realme 9 Pro นั้นจะมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 120Hz แบบปรับอัตโนมัติตามเนื้อหาได้ระหว่าง 30Hz/48Hz/50Hz/60Hz/90Hz/120Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 695 ที่รองรับ 5G และมีระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ตัวเครื่องมี RAM 8GB ที่มี dynamic RAM สูงสุดอีก 5GB ส่วนซอฟต์แวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ที่ทางบริษัทสัญญาว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ Android เป็นเวลา 2 ปี

กล้องหลังของ 9 Pro นั้นจะประกอบไปด้วยกล้องตัวหลักความละเอียดสูงถึง 64MP Omnivision OV64B  + กล้อง ultra-wide ความละเอียด 8MP และกล้องมาโครขนาด 4 ซม. ที่ให้ความละเอียด 2MP และมีกล้องหน้า 16MP ตัวเครื่องในสีฟ้า (Sunrise Blue) สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม โดยเมื่อสัมผัสแสงแดดหรือแสง ultraviolet ตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลา 3 วินาที ส่วนเมื่อนำออกจากแสงแล้ว สีแดงจะจางกลับไปเป็นสีฟ้าในเวลา 2-5 นาที แบตเตอรี่มีความจุถึง 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge 33W

UNBOX

  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro
  • เคสใส
  • สายชาร์จ USB Type-C + Adapter Dart Charge 33W
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

DESIGN

งานออกแบบดีไซน์นั้นจะคล้ายๆกับตัว 9 Pro+ เลย ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ยังคงความสวยหรู ทันสมัยอยู่เช่นเดิม รวมไปถึงตัวฝาหลังเช่นกันที่มีความวิบวับ เล่นกับแสงได้ดี ไม่ว่าจะถือรุ่นไหนก็ขึ้นมือสุดๆ เพียงแต่ว่าในรุ่นนี้ตัวฝาหลังนั้นไม่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อเจอแสง เลยทำให้ตรงนี้เป็นข้อเสียเปรียบนิดหน่อย แต่รวมๆแล้วนั้นสีธรรมดาของเครื่องก็สวยกินขาดอยู่แล้ว การวางตำแหน่งกล้องด้านหลังก็วางเรียงกันเหมือน 9 Pro+ เลย น้ำหนักและขนาดตัวเครื่องมีความบางเบามากๆเช่นกันแต่จะหนักกว่านิดหน่อย น้ำหนักรวมๆอยู่ที่ 195 กรัม สีมีมาให้เลือกถึง 3 สีเลย ได้แก่ สีดำ สีเขียว และสีฟ้า โดดเด่นสวยงามตามความชอบของแต่ละบุคคลเลย

หน้าจอในรุ่นนี้เป็นแบบ หน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+ มีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz ขนาดของหน้าจอจะใหญ่กว่าตัว 9 Pro+ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ขอบจอรวมๆก็มีความบางเฉียบเหมือนกันเลย

ขอบจอด้านบนจะเป็นในส่วนของกล้องแบบเจาะรูกล้องเช่นเคย ที่อยู่บนขอบบางๆของเครื่อง หน้าจอใหญ่จุใจ ทำกิจกรรมอะไรก็เต็มที่สุดๆ

ในส่วนของขอบด้านล่างก็จะมีความหนาขึ้นมานิดหน่อยจากบริเวณขอบอื่นๆ แต่ก็ไม่มีผลอะไร หากพูดกันตรงๆขอบก็ไม่ได้หนาเลยนะ โดยรวมเรื่องขอบเครื่องรอบๆหน้าจอทำได้ดี

ด้านล่างในรุ่นนี้จะมีมาให้เหมือน 9 Pro+ เลย แต่จะสลับตำแหน่งกันนิดหน่อย โดยตัวนี้จะเรียงเป็นรู 3.5 มม. ตามมาด้วยพอร์ตชาร์จ USB Type-C และจบท้ายด้วยช่องลำโพง

ในส่วนด้านบนรุ่นนี้ก็จะมีเพียงไมค์ตัดเสียงเช่นกัน ขอบโค้งมนดูมีมิติมากๆ

ขอบเครื่องด้านซ้ายจะเป็นในส่วนของถาดใส่ซิมที่มีมาให้บริเวณด้านบนสุด ตามมาด้วยปุ่มสั่งงาน ลด-เพิ่มเสียง ที่อยู่ในตำแหน่งกำลังพอดีมือเลย

และสุดท้ายคือขอบเครื่องด้านขวาที่จะเป็นส่วนของปุ่ม Power แต่ในรุ่นนี้จะแตกต่างจากรุ่น 9 Pro+ ตรงที่ดีไซน์บริเวณรอบๆจะเป็นเหมือนหลุมลงไป ดูสวยแปลกตาดีเหมือนกันนะ

ในส่วนของฝาหลังนี้ก็ต้องยกนิ้วให้เช่นกัน สีสันชัดเจนทะลุออกมาเลย มีความประกายวิบวับๆ เมื่อโดนแสงแล้วไม่ต้องพูดถึงความประกายเลย ทำให้ดูโดดเด่นมากๆขณะใช้งาน ในส่วนของตำแหน่งกล้องก็จะวางในตำแหน่งเดียวกันกับ 9 Pro+ เลย พร้อมสลักชื่อ realme ด้านล่างเช่นกัน วัสดุอุปกรณ์ก็แข็งแรงทนทานไว้ใจได้ โดยรวมแล้วรอบนี้ฝาหลังของทั้ง 2 รุ่นสวยมากๆ ชอบความประกายเล่นแสงเล่นไฟสุดๆ มองกี่ทีก็หลงไหล

SPEC

  • หน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 120Hz
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 695 8nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 619L
  • RAM LPDDR4x 6GB/8GB + storage (UFS 2.2) 128GB ที่ใส่ microSD card เพิ่มได้
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • กล้องหลัง
    • กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ที่ใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B
    • กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซนเซอร์ Omnivision OV08D10
    • กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Galaxycore GC02M1
    • แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.05) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพงตัวเดียว
  • ขนาดตัวเครื่อง:164.3×75.6×8.5มม.; น้ำหนัก: 195 กรัม
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/ GLONASS/ Beidou
  • USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W

LIGHT SHIFT ฝาหลังเปลี่ยนสีได้ !

การพัฒนาดีไซน์ใหม่ๆแบบไม่หยุดยั้งต้องยกให้ค่ายนี้เลยจริงๆ เพราะรอบนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue สามารถเปลี่ยนสีฝาหลังได้ จากการโดนแสงอาทิตย์ ฝาหลังจะเปลี่ยนสีเป็นสีออกแดงๆ ภาพในเวลาเพียง 3 วินาที และจะกลับมาเป็นสีปกติภายใน 2-5 วินาที ใช้หลักการ Photo chromic โดยเติมวัสดุ OCA เข้าไปในขั้นตอนของการเคลือบผิวทำให้ฝาหลังจะมีปฎิกิริยาเมื่อโดนแสงนั้นเอง เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ชอบมากๆ เสมือนมีโทรศัพท์ 2 เครื่องในเวลาเดียวกันเลย มอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน หยิบใช้ยังไงใครๆก็มองแน่นอน อย่างนี้ใครจะอดใจไหว

ANTUTU

ประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่าไม่ได้หนีกันมากเลยทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งานหน่วยประมวลผลระดับกลางๆทั้งคู่เลย จึงทำให้คะแนนภาพรวมรวมถึงทางด้าน CPU นั้นทำประสิทธิภาพไม่หนีกันเท่าไร ต่างกันไม่เยอะมากเรียกได้ว่าไม่มีผลอะไรเท่าไร ทำให้ทั้ง realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ไม่หนีกันในเรื่องของการใช้งานเลย คะแนนทางด้าน realme 9 Pro ทำไปได้ 398119 คะแนน และ realme 9 Pro+ นั้นจะทำไปได้ 490168 คะแนน ใกล้เคียงกันมากๆ ไล่เรียงกันมาติดๆเลย ในส่วนนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่เลย

STORAGE BENCH

ในด้านของหน่วยความจำของทั้งสองรุ่นนี้ก็ไม่ได้มาเล่นๆเลยนะ ในตัว 9 Pro นั้นมาพร้อม RAM LPDDR4x 6GB/8GB + Storage 128GB ที่สามารถใส่ microSD card ได้ด้วย และในส่วนของ 9 Pro+ นั้นจะมาพร้อมกับ RAM LPDDR4x 6GB + storage 128GB และ RAM LDDR4x 6GB + storage 128GB/256GB โดยรวมแล้วการใช้งานของทั้งสองรุ่นทำได้ดีเลย รองรับการใช้งานได้อย่างเพียงพอ แต่ในส่วนของตัว 9 Pro+ นั้นจะมีตัวเลือกให้หลากหลายกว่า จะดีกว่าตัว 9 Pro นิดหน่อย แต่จากที่ได้ลองใช้งานจริงทั้ง 2 รุ่นแล้ว การใช้งานต่างๆโอเคเลยนะ รองรับอะไรต่างๆได้เพียงพอมากๆ

SCREEN 

หน้าจอของทั้ง 2 รุ่นนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างแตกต่างกันมาก โดย realme 9 Pro จะมาพร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว Full HD+ รีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz ความถี่ตอบสนองที่ 240Hz และ realme 9 Pro+ นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาดให้มาที่ 6.43 นิ้ว Full HD+ รีเฟรชเรทแค่ 90Hz ความถี่ตอบสนอง 360Hz ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1000 nits เลย จะเห็นได้ว่าจะแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดและประเภทของหน้าจอเลยแหละ และแน่นอนว่าหนีไม่พ้นความแตกต่างในเรื่องของโทนสีแน่นอน ทำให้ที่เห็นชัดๆในเรื่องของหน้าจอเลยคือขนาดและโทนสีภาพที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่โดยภาพรวมแล้วนั้นขึ้นอยู่กับความชอบเลยนะ สวยทั้ง 2 ตัวเลยตัดสินใจไม่ได้จริงๆ

CAMERA 

กล้องใน realme 9 Pro นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ตัวเลนส์หลักให้ความละเอียดมาสูงถึง 64MP F1.79 ที่ใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B พร้อมกับกล้อง ultra wide ความละเอียด 8MP F2.2 ที่ใช้เซนเซอร์ Omnivision OV08D10 และกล้องมาโคร 2MP F2.4 ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1 พร้อมแฟลช LED กล้องหน้าที่ให้มาความละเอียด 16MP F2.05 ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471 แอบพัฒนามาจากรุ่นก่อนๆเยอะมาก และในรุ่น realme 9 Pro+ นั้นกล้องจะจัดเต็มแบบระดับเทพสุดๆ มีมาให้ทั้งหมด 3 เลนส์เช่นกัน เลนส์หลัก 50MP F1.8 ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 8MP F2.2 ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355 และกล้องมาโครขนาด 4ซม. 2MP F2.4 ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1 กล้องหน้าที่ให้มาความละเอียดสูงถึง 16MP F2.4 ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471 ส่วนฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นมีความใกล้เคียงกันทั้งหมดในเรื่องภาพนิ่ง และวีดีโอการถ่าย มีมาให้ครบจบทั้ง 2 รุ่น เรื่องของกล้องจะเด่นไปในเรื่องของลูกเลนส์เซนเซอร์ที่ให้มาแบบไม่ซ้ำ จัดมาให้แบบจุกๆทั้ง 2 รุ่น  ภาพที่ออกมาของแต่ละเลนส์ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างตามความเหมาะสมของเซนเซอร์ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และต้องบอกว่ารอบนี้กล้องให้มาแบบโหดมาก พัฒนาได้ดีแบบยกนิ้วให้เลย คุ้มมากๆในราคาแบบนี้ เหมือนระดับเทพมาถ่ายเองเลย

REALME 9 PRO / REAMLE 9 PRO+ 

เปิดตัวกันออกมาแบบจุกๆปังๆเลยสำหรับสองตัวนี้ การใช้งานนั้นรองรับการใช้งานได้ดีทั้งคู่เลย จะแตกต่างกันไปในเรื่องของดีไซน์และสเปก จะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป และจะเด่นๆไปในเรื่องของดีไซน์ฝาหลังที่มีความพิเศษสามารถเปลี่ยนสีได้จากการโดนแดด เป็นงานออกแบบฟีเจอร์ Light Shift Desigh ที่ใช้เวลาเปลี่ยนสีภายในไม่กี่นาที เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจเลยสำหรับซีซั่นนี้ และความแตกต่างที่เห็นชัดๆเลยคือในเรื่องของลำโพงที่ทั้ง 2 รุ่นให้มาไม่เท่ากัน รวมไปถึงเซนเซอร์ที่ตัว 9 Pro+ จะมีความสามารถพิเศษมากกว่าที่จะสามารถสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ส่วน 9 Pro จะเป็นเพียงเซนเซอร์สแกนนิ้วมือเท่านั้น และกล้องที่ให้จัดเต็มมาทั้งคู่เลยจะมีเป็นเซนเซอร์ที่เข้ามาเป็นลูกเล่นที่แตกต่างกันแทน ทำให้ในส่วนนี้ภาพจะมีความแตกต่างกันไปบ้าง จากการใช้งานทั้ง 2 รุ่นนี้โอเคเลยนะ ใช้งานลื่นไหล ภาพรวมต่างๆทำได้ดีเลย การดีไซน์ก็พัฒนาขึ้นให้ล้ำสมัยสุดๆ โดยรวมแล้วดีทั้งคู่เลย อยู่ที่ความชอบส่วนตัวด้วย รวมๆแล้วแอดเองก็อยากจะเก็บไว้ทั้งสอง เพราะพัฒนา Series นี้ออกมาได้ปังมาก สำหรับใครที่สนใจรอรีวิวแบบละเอียดๆกว่านี้ได้เลย

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares