Sony นั้นเรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ยังคงมีสาวกค่อนข้างเหนียวแน่นมาโดยตลอด และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งสำหรับ Xperia 1 และเราจะมาพรีวิวกันก่อนครับตัวนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงการออกแบบจากรุ่นก่อนที่เป็นหลังเต่า Ambient Flow ที่กระแสตอบรับอาจจะไม่ได้ดีเท่าไรนัก และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แค่ดีไซน์แต่รวมถึงกล้องหลังที่พัฒนาขึ้นร่วมกับทีม Alpha และหน้าจอแบบใหม่อัตราส่วนแบบ 21:9 พร้อม 4K HDR ด้วยถือว่าอะไรหลายๆอย่างนั้นทำออกมาตอบโจทย์สิ่งที่แฟนๆถามหาครับ จะน่าสนใจจริงๆไหม มาชมพรีวิว กันก่อนเลยครับว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Sony นั้นจะทำได้ดีแค่ไหนกันสำหรับ SONY XPERIA 1

SONY XPERIA 1 นั้นเปิดตัวมด้วยจุดเด่นที่จัดเต็มเยอะมากๆเป็นการกลับมาที่โหดขึ้นแบบชัดเจนอย่างที่บอกไปหลังจากพวก XZ2 XZ3 นั้นโดนกระแสค่อนข้างเยอะรวมถึงเต่าอ้วนของเรา XZ2 Premium ด้วย แน่นอนว่า SONY ก็ไม่ได้ปล่อยไปแต่ก็พัฒนารุ่นนี้ขึ้นมาและชื่อใหม่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่นับ 1 ใหม่ในชื่อ XPERIA 1 ที่ปรับปรุงทั้ง ดีไซน์ กล้อง หลายๆอย่างที่ดีขึ้นเยอะ ทั้งหน้าจอแบบใหม่ 21:9 4K HDR เป็นเจ้าแรกที่ทำออกมาและยังได้เรื่องคุณภาพที่ตรงแบบ จอ MONITOR เทพๆได้ DCI P3 100% เป๊ะๆกันไปเลย และ กล้องหลังยังมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว 3 ระยะพร้อมกับ Dual OIS รวมถึงมีเลนส์มุมกว้างเข้ามา และ Focus  แบบใหม่รองรับ Eye AF อีกด้วยนั้นเอง ถือว่าเป็นการพัฒนากล้องร่วมกับทีม Alpha ได้ดีมากๆเลยแหละ ส่วนเรื่องอื่นๆสเปคนั้น Snapdragon 855 มาจัดเต็ม RAM 6GB, STORAGE 128 GB ไม่กั๊กแล้ว และกันน้ำ  IP68, Gorrilla Glass 6  เป็นอีกรุ่นที่ค่อนข้างครบในแง่ของสเปค และ จัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆเยอะ แต่เสียดายตัดชาร์จไร้สายออกไป และ แบตนั้นมาให้แค่ 3330 mAh อาจจะดูน้อยกันไปหน่อยแต่ยังไงเราต้องมาลองใช้งานกันจริงๆกันอีกทีนึงครับ

สำหรับตัวนี้ยังเป็นเครื่องหิ้ว ราคา 27,500 บาท อ้างอิงจากร้านหิ้ว TREE MOBILE MBK  นะครับ มาพร้อมทั้งหมด black/grey/purple/white ครบทั้งหมด 4 สีเลยซึ่งสีสวยๆทั้งนั้นเลยแหละครับ 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง SONY XPERIA 1
  • สายชาร์จ TYPE-C ไป TYPE-C
  • Adaptor PD 18W หัวรับแบบ TYPE-C
  • สายแปลง TYPE-C ไป 3.5 มม.
  • หูฟัง InEar แบบ 3.5 มม. พร้อมจุก 3 ขนาด
  • คู่มือ
  • เคสใส TPU

ตัว Adaptor ชาร์จไฟนั้นจะเป็น USB-C สำหรับชาร์จไฟ และมีเขียนบอกชัดเจนว่า USB ไฟจ่ายแบบ Power Delivery กำลังไฟสูงสุดที่ 18W และสายที่ให้มานั้นเป็นสายแบบ USB-C ทั้ง 2 หัวเลยนั้นเองสำหรับเสียบไฟเข้า

ส่วนตัวแปลงนั้นเนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้แล้วจึงต้องใช้ตัวแปลงสำหรับฟังเพลงครับ ซึ่งตัวแปลงนั้นหน้าตาเหมือนของเดิมที่เคยแถมมาก่อนหน้านี้และในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นต้องบอกว่าใกล้กับตัวก่อนหน้าเลย

ทางด้านหูฟังรุ่นนี้มาแบบ 3.5มม. จริงๆถ้าแถมเป็น Type-C นั้นก็น่าจะมีฟีเจอร์หรือคุณภาพที่ดีขึ้นได้แต่ทาง SONY ยังคงแถมมาให้แบบเป็น 3.5มม.หูฟังเป็นแบบ สายไม่เท่ากัน 2 ข้างนะครับ และ มีปุ่มควบคุม 1 ปุ่มตรงตัวสาย

เคสที่แถมมานั้นเป็นเคสแบบ TPU ใสซึ่งก็ถือว่ากระชับกับตัวเครื่องและไม่หนามากเกินไปส่วนเรื่องของการปกป้องนั้นต้องบอกว่าทำได้กลางๆครับตัวเคสนั้นหุ้มครบทั้มหมด 4 ด้านแต่แน่นอนว่าความหนามันไม่ได้มากนักเมื่อเราสังเกตดูว่าฝาหลังตรงเลนส์กล้องนั้นไม่ได้ปกป้องได้ดีเท่าไรตัวเคสนั้นทำออกมาพอดีกับเลนส์ไม่ได้เกินมาปกคลุมเท่าไร

ในส่วนของด้านหน้านั้นเคสคลุมทั้งมาในส่วนขอบหน้าจอได้นิดหน่อยแต่เรื่องของความหนานั้นไม่ได้มากนักทำให้เวลาวางคว่ำของตัวเครื่องนั้นอาจจะโดนหน้าจอได้ถ้าหากไม่ระวัง ส่วนหน้าจอถ้าหากเราติดฟิลม์นั้นจะพอดีแต่ถ้าฟิลม์แบบกระจกนั้นอาจจะเลยกับตัวเคสไปได้ครับ ซึ่งเคสจริงๆอาจจะเหมาะสำหรับคนชอบอะไรบางๆไม่หนักมากนัก

DESIGN

ด้านการออกแบบเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นเป็นฝาหลังแบบโค้งๆหลังเต่าหรือเรียกกันว่า Ambient Flow แน่นอนว่ากระแสตอบรับค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยโอเคกันเท่าไร แต่มาครั้งนี้ SONY จัดเต็มให้ในการออกแบบที่หลายๆคนชอบคือเหลี่ยมๆตามสไตล์รุ่นก่อนหน้าและผสมผสานการออกแบบจอแบบใหม่ที่ 21:9 และใช้ฝาหลังเรียบๆแล้วนั้นเอง ขอบหน้าจอนั้นไม่มีติ่งสำหรับค่ายนี้และทำขอบได้ค่อนข้างบางพอสมควรเลยแหละ  ส่วนเรื่องสแกนนิ้วนั้นกลับมาใช้ตรงสแกนนิ้วขอบข้างเครื่องแล้วแต่น่าเสียดายยังไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอในค่ายนี้ครับ แต่งานประกอบนั้นยังคงทำได้ดีและแข็งแรงเหมือนเดิมรวมถึงรอยต่อวัสดุและคุณภาพวัสดุยังเป็นสิ่งที่ทำได้ประทับใจ

หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ อัตราส่วนแบบ 21:9 และ หน้าจอเป็นหน้าจอแบบ  OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K  CinemaWide ระบบประมวลผลภาพ BRAVIA X1. ด้วยถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้หน้าจอแบบนี้และยังคงไม่มีติ่งหน้าจอถือว่ารักษาการออกแบบที่ดีไว้ได้ ขอบหน้าจอล่างทำได้บาง แต่ด้านบนนั้นยังมีพอสมควรครับหน้าจอแบนไม่โค้ง

ขอบด้านล่างหน้าจอนั้นทำได้บางขึ้นเยอะเลยเพราะการออกแบบหน้าจอทำได้ดีขึ้นและไปหนาในส่วนข้างบนแทนที่เป็นที่อยู่ขอบพวกลำโพง กล้องหน้าต่างๆ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นก็เป็นปกติแบบ Android 9 ครับ

ส่วนขอบด้านบนนั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทนและ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมซ้าย เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวที่ 2 พวกนี้ครับยังมีความหนานิดหน่อย

ในส่วนของขอบด้านล่างเครื่องนั้นจะเป็นการออกแบบที่สมมาตรมากขึ้นทั้งหน้าและหลัง เป็นลำโพงหลัก รู Type-C และ ไมค์ครับ ส่วนวัสดุขอบเครื่องนั้นจะเป็นแบบเงาและมีขีดเสาสัญญาณในส่วนนี้ครับ

ในด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมดทุกอย่างรวมถึงสแกนนิ้ว เริ่มจากด้านล่างก่อนนั้นจะเป็นปุ่ม Shutter มันกลับมาแล้ว และ ถัดมา เป็นปุ่ม Power และ ถัดมาเป็นสแกนนิ้ว ไม่สามารถกดได้ นะครับ แยกกับปุ่ม Power ชัดเจน และ ถัดมาซ้ายสุดจะเปนปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง ของตัวเครื่อง จะเป็นด้านเดียวกันหมดเลยครับสำหรับปุ่มทั้งหมด

ส่วนในด้านซ้ายตัวเครื่อง เรียบมากๆเพราะปุ่มทั้งหมดของตัวเครื่องไปอยู่ด้านขวากันหมดเลยด้านนี้เลยมีแค่พวกขีดเสาสัญญาณ และ เห็นวัสดุเงาๆสวยๆของตัวของเครื่องทั้งหมดครับ ครั้งนี้ฝาหลังไม่นูน ไม่หลังเต่าแล้วนะ

ส่วนขอบด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์ และ ถาดซิมแบบ ใช้มือเปิดได้เลยไม่ต้องจิ้มครับยังคงเป็นข้อดีของค่ายนี้และ เมื่อถอดถามซิม เครื่องไม่รีเครื่องแล้วไม่รีตัวเองแล้วนะ รวมถึงมีซีลยางกันน้ำและรองรับ Hybrid Slot ได้ปกติ

ฝาหลังตัวเครื่องมาแบบเรียบๆ มีการเล่นกับแสงนิดหน่อยเวลาอยู่ภายนอกภายในอาคารก็จะเหลือบๆม่วงครับสวยงามเลยแหละ ส่วนฝาหลังนั้นจะมีโค้งตรงมุมเครื่องทำให้จับได้ง่ายไม่ใช่ตัดเหลี่ยมแบบตัวเดิมๆครับ โลโก้ตรงกลาง พร้อมกับ XPERIA ล่างสุด สแกนนิ้วไปด้านข้างแทน ทำให้ฝาหลังนั้นเรียบๆสวยเลยแหละ กล้องหลังมาพร้อม 3 ตัว

ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมาพร้อมกับ เซนเซอร์ และ ไฟแฟลชด้านบน และกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงแนวตั้ง พร้อมกับมี 3 เลนส์ 3 ระยะ  กล้องหลัก f/1.6, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.6″ มี OIS  กล้องเทเล  f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″ มี OISกล้องมุมกว้าง 16mm, f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″, มุมกว้าง 135 องศา ไม่มี OIS ไม่มี AF นะครับเลนส์มุมกว้าง แต่ทั้งหมดมาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งหมด จัดเต็มมากๆ

แอบเทียบกับดีไซน์เหลี่ยมๆ เช่น RAZER PHONE 2 กันนิดหน่อยครับ เป็นรุ่นที่หลายๆคนชอบบอกกันว่าคล้ายกับ SONY ยุคก่อนๆ แน่นอนว่า RAZER PHONE 2 มาพร้อมกับอัตราส่วนแบบเก่า 16:9 และ เทียบ XPERIA 1 นั้นความอ้วนหนา แตกต่างกันชัดเจน แต่ความสูงกลับแตกต่างกันไม่มากครับเอาจริงๆ XPERIA 1 จับถนัดกว่าแบบชัดเจนนะ เพราะตัว RAZER PHONE 2 นั้นค่อนข้างอ้วนและเหลี่ยมไป แต่ XPERIA 1 นั้นทำออกมาพอดีมากๆ

SPEC

  • ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie + SONY UI
  • หน้าจอแสดงผล 4K HDR OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ความละเอียด 1644×3840 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
  • Qualcomm Snapdragon 855
  • RAM ขนาด 6GB
  • STORAGE 128GB + microSD สูงสุดที่ 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล / กล้องตัวหลัก ระยะปกติ (F/1.6) เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.6 นิ้ว เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน + OIS  / กล้องตัวที่สองเลนส์ Telephoto (F/2.4) / กล้องตัวที่สาม Wide-Angle 135 องศา (F/2.4) โหมด Cinema Pro, การตั้งค่าสีแบบ LOOK colour Setting, ฟีเจอร์ Eye AF, Bokeh Effect, ระบบการโฟกัสแบบ Hybrid Autofocus
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 1/4 นิ้ว  F/2.0
  • แบตเตอรี่ความจุ 3330 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว USB Power Delivery (USB PD) Fast Charging
  •  เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
  • ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อม High-Resolution Wireless Audio (LDAC)
  •  รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 4×4 MIMO, Bluetooth 5.0 และ NFC
  •  รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
  • ไม่รองรับ ชาร์จไร้สาย ** ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.

SCREEN

ในรุ่น Xperia 1 นั้นมาพร้อมหน้าจอ OLED  4K  3840 x 1644 ในอัตราส่วน 21:9 นั้นเรียกกันว่า CinemaWide เป็นอัตราส่วนเดียวกับหนังโรง และ ในรุ่นอื่นๆก็จะใช้ชื่อคล้ายๆนี้กัน เพราะเป็นอัตราส่วนสำหรับคนทำหนังส่วนใหญ่นั้นเองครับ และมี  Creator mode ทำให้นักถ่ายภาพถ่ายหนังนั้นได้สีที่ตรงมากๆตามระดับ  ITU-R BT.2020 และ DCI-P3 รองรับการแสดงผล HDR และมีชิปประมวลผล BRAVIA X1 for mobile เรียกได้ว่าคุณภาพหน้าจอน่าจะโหดสุดๆแล้วครับทั้งเรื่อง คุณภาพ และความละเอียด แต่ยังเป็น 60Hz นะครับ ถ้ารุ่นต่อไปคงต้องพัฒนาในส่วนนี้แน่ๆ หน้าจอเมื่อเราดูหนังนั้นจะพอดีเป๊ะๆกับอัตราส่วนแบบโรงหนังเต็มตาไม่มีอะไรมาบดบัง และ พัฒนาร่วมกับ NETFLIX ทำให้ดูหนังที่รองรับได้ดีขึ้นในอัตราส่วนนี้ ซึ่งจากที่ลองต้องบอกว่าจอทำได้ดีมากๆ ทั้งความคมชัด สีสันต่างๆเป็นสีที่ตรงและไม่เวอร์เกินไป ลองเทียบกับจอ Mac นั้นก็ทำได้ใกล้เคียงอย่างมากเลยแหละ

หน้าจอยาวๆแบบนี้นั้นมีผลในเรื่องของการดูหนังแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการดู 2 หน้าจอได้แบบสบายขึ้นเพราะมันจะแบ่งเป็น 4 เลี่ยมจัตุรัสได้แบบพอดีเวลาใช้งานแนวนอนทำให้ใช้งานได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆเพราะไม่เล็กเกินไป รวมถึงเวลาเล่นเกมนั้นทำให้ได้มุมมองภาพกว้างกว่ารุ่นอื่นๆเช่นเกมที่รองรับแบบ FORTNITE นั้นเอง และจะมีเกมอื่นๆตามมาด้วย ส่วนการสัมผัสต่างๆนั้นไม่มีปัญหาเลยและรวมถึงมุมมองเอียงๆยังไงก็รองรับได้ดีมากๆ และการที่เป็นหน้าจอเรียบแล้วไม่มีขอบโค้งทำให้การจับถือไม่โดนขอบแบบรุ่น XZ3 และ รุ่นนี้ก็ยังมี SideSense มาให้แต่แอบแตะยากไปนิด

SOUND

ในเรื่องของเสียงนั้นเป็นอีกจุดที่น่าเสียดายเพราะว่าเสียงนั้นไม่ได้มีการพัฒนาอะไรขึ้นเท่าไรในเรื่องของคุณภาพเสียง กำลังขับพวกนี้ เมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นแทบจะเหมือนกันเลยนั้นเองเมื่อฟังผ่านหูฟังครับ หูฟังรุ่นนี้แถมมาให้เป็นแบบ 3.5 มม. และ เป็นแบบธรรมดา InEar ปกติ สายค่อนข้างเล็ก และไม่มีอะไรเท่าไรครับปุ่มควบคุม 1 ปุ่ม และ สาย 2 ข้างยังยาวไม่เท่ากันอยู่ ไม่ค่อยเห็นหูฟังแบบนี้เท่าไรแล้วที่สายยาวไม่เท่ากันครับ ส่วนการฟังก็ต้องผ่านตัวแปลงไม่ได้แถมหูฟังแบบ Type-C มาให้อันนี้น่าเสียดายมาก ส่วนฟีเจอร์เสียงก็มี Atmos เข้ามาช่วยขับได้ดีขึ้นหน่อยเปิดไว้ได้ครับเสียงดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นตัวช่วยแบบ Software มากกว่าถ้าอยากเสียงดีๆต้องซื้อตัวแปลงเทพๆเข้ามาช่วยในจุดนี้ครับ ส่วนเรื่องของลำโพงนั้นเป็นลำโพงคู่แบบเดิม แต่มีการย้ายตำแหน่งใหม่ ไม่ใช่ยิงตรงแบบด้านหน้าแล้ว อันนี้ก็เป็นจุดที่แตกต่างเพราะเสียงยังไงก็ไม่สู้รุ่นเดิมเท่าไรครับ ลำโพงด้านล่างนั้นดังกว่าด้านบนแบบรู้สึกได้และความดังนั้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนก็ใกล้ๆกันครับ และถ้าหากเทียบกับเรือธงเช่น S10+ พวกนั้นรุ่นนี้ยังด้อยกว่าครับผมสำหรับด้านของลำโพง ความดัง และความแน่นของเสียง แต่รุ่นนี้ดีที่มีระบบสั่นตามเบสเข้ามาให้อยู่ ทำให้ฟังเพลินๆสนุกได้ครับเพราะมันสั่นตามจังหวะเวลาดูหนัง ฟังเพลงอะไรพวกนี้เหมือนกับมีซัพอยู่ในเครื่อง

VIDEO MODE

เป็นอีกโหมดที่ค่อนข้างว้าว และ แตกต่าง เป็นอีกค่ายที่เน้นเรื่องวีดีโอมานานมากๆ และ เป็นค่ายที่ 2 ต่อจาก LG ที่มีโหมดถ่ายวีดีโอแบบโปรกันมาให้ครับ แน่นอนว่า ของทาง SONY นั้นสามารถปรับได้ค่อนข้างเยอะมากๆเหมือนกันเป็นแอพแยกเลยนะครับ จะบอก เวลาถ่าย กราฟเสียง การครอปภาพ ความละเอียด 2K-4K Framerate ต่างๆ การย้อมสี เลนส์ตัวไหน ISO Shutter WB Focus ครับผม และ บอก Codec H.256 ด้วยนั้นเอง และเมื่อถ่ายไปหลายๆไฟล์นั้น มันจะเป็นแถบ Timeline อยู่ด้านล่างหน้าจอนั้นเองครับ ถือว่าเป็นอีกค่ายที่เน้นเรื่องวีดีโออย่างมากและไม่แน่อาจจะเอาไปใช้งานจริงจังถ่ายหนังสั้นได้สบายๆเลยขอแค่กันสั่นเข้ามาช่วยอีกหน่อยจะลงตัวมากๆครับ 

ภาพด้านบนนี้เป็น ตัวอย่างการถ่ายวีดีโอแบบ Manual ของ LG V40 ที่ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเหมือนกันและ สามารถดูกราฟเสียงอะไรได้ด้วยครับถือว่าเป็น 2 ค่ายที่เน้นเรื่องวีดีโออย่างมาก แต่ของ LG สามารถฟังเสียงที่อัดได้เลยผ่านหูฟังครับแบบสดๆ ก็ถือว่าดีกันคนละแบบกันไปเลยสำหรับ 2 รุ่นนี้ 

CAMERA 

ในเรื่องของกล้องหลังรุ่นนี้จัดเต็มมาถึง 3 ตัวครับ มาพร้อมกับความละเอียดเท่ากัน 12 ล้านพิกเซล และ ระบบกันสั่น OIS ทั้ง 2 เลนส์ และมีการพัฒนาร่วมกับทีม กล้องใหญ่ Alpha และ ระบบ โฟกัสดดวงตาคน Eye Auto Focus แบบกล้อง Alpha นั้นเอง และรองรับ Burst 10 fps AF/AE ได้เลยแหละ รวมถึง การปรับโหมดโปรนั้นรองรับการปรับที่มากกว่าเดิมแล้ว ! สามารถลากชัตเตอร์ได้ยาวขึ้นเยอะ 30 วิ – 1/4000 ครับ และ ISO 64-3200 และ Dual Photo Diode เทคโนโลยีในการถ่ายภาพมืดนั้นทำได้ดีกว่าเดิม คล้ายๆหลักกการ Dual Pixel นั้นแหละ จริงๆจากที่ลองคุณภาพกล้องนั้นดีกว่าแบบรู้สึกได้ แต่ การจัดการบางสภาพแสงนั้นยังแอบแปลกๆ เรื่องของ  Software พวกนี้ครับ ลองไปดูตัวอย่างภาพถ่ายกัน และ ละลายหลังนั้นยังไม่เป๊ะเท่าไร ส่วนเรื่องความร้อนนั้นร้อนไวนิดหน่อย แต่ยังไม่เจออาการกล้องดับเองอะไรนะครับ อาจจะเป็นการจัดการที่ดีกว่าเดิมครับ แต่ยังไม่เจอถ่ายไฟล์ RAW นะครับ อาจจะต้องพึ่งแอพข้างนอกเอา

PORTRAIT 

SONY XPERIA 1

ก็เป็นพรีวิวกันก่อนสำหรับรุ่นนี้ก่อนที่รีวิวจัดเต็มจะมากันครับ ถือว่าน่าสนใจสำหรับสาวกที่รอรุ่นใหม่ที่จะเปลี่ยนรุ่นนี้แหละตอบโจทย์ที่สุดแล้วครับทั้งเรื่องการออกแบบ กล้อง และรวมๆแม้จะเสียดายชาร์จไร้สายที่หายไปและแบตน้อยไปหน่อยแต่รวมๆนั้นเป็นรุ่นที่อาจจะจัดเต็มที่สุดในยุคหลังๆแล้วลงตัวที่สุดและน่าใช้งานที่สุดเลยแหละ เพราะเอาจริงๆสาวกค่ายนี้ หรือคนที่เคยใช้ค่ายนี้มันจะมีจุดบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถไปค่ายอื่นๆได้ ความเป็น SONY ที่อาจจะไม่ได้เด่นเรื่อง สเปค ฟีเจอร์ว้าวๆ แต่การใช้งานที่เรียบง่าย และ งานประกอบความแข็งแรงต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์นั้นทำให้หลายๆคนต้องกลับมาใช้งาน และรุ่นนี้เป็นอีกตัวที่ดี แต่น่าเสียดายไม่มีศูนย์ไทยเข้ามาในตอนนี้ครับ ยังไงในส่วนอื่นๆนั้นต้องรอดูการใช้งานรีวิวจริงๆเต็มๆก่อนอีกทีว่าจะเป็นยังไง ครับสำหรับ Sony Xperia 1 รุ่นล่าสุดนี้

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares