เมื่อพูดถึงแบรนด์ที่เติบโตได้ไวมากๆแบรนด์นึงแน่นอนว่าแบรนด์ realme นั้นถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่ เปิดตัวมือถือใหม่ๆเยอะมาก และลุยตลาดแบบเต็มที่ไม่ใช่แค่ในไทย แต่รวมถึงตลาดโลก แถมล่าสุดนั้นยังไปลุย ญี่ปุ่นอีกด้วยเช่นกันครับ เมื่อมาดูในไทยนั้นทาง realme เตรียมเปิดตัว realme 8 Series น้องใหม่รุ่นล่าสุด ทั้ง realme 8 และ realme 8 5G ที่น่าสนใจทั้งคู่ทั้งเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งาน 5G และ ยังมีการออกแบบใหม่ทั้งหมดถ้าหากเทียบกับรุ่น 7 ก่อนหน้าครับ และงานออกแบบฝาหลังอะไรนั้นสวยงามพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับการรองรับการชาร์จไวในรุ่น realme 8 รวมถึงในรุ่น realme 8 5G นั้นรองรับหน้าจอ 90Hz ใช้งานได้ลื่นไหลมากพอสมควรครับ ส่วนทางสเปคก็ต้องบอกว่ายังคงทำได้ดีทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างโดดเด่นกันไป วันนี้เลยขอมาแกะกล่องกันเล็กน้อยก่อนเปิดตัวในไทยในไม่กี่วันข้างหน้าครับ ทั้งในรุ่น realme 8 และ realme 8 5G พี่น้องตัวล่าสุด

realme 8 นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งานหน้าจอ AMOLED ที่จะโดดเด่นขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ รองรับความสว่างสูงสุด 1,000 Nits พร้อมกับใช้งาน MTK HELIO G95 เทคโนโลยี 12nm และใช้งาน Mali G76 และมาพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB และใช้งาน 5,000 mAh พร้อมกับชาร์จไว Dart Charge 30W จัดเต็มเลยทีเดียว ส่วนทางด้านกล้องหลังให้มา 4 ตัว  กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED มาพร้อมกับ Tilt-shift Mode , Starry Mode , Neon Portrait , Dynamic Bokeh&Dual-view Video ส่วนกล้องหน้านั้น ให้มาที่ 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471  และดีไซน์ตัวเครื่องที่โดดเด่นเช่นเดิม และรุ่นนี้จะมาพร้อมกับสี Cyber Silver และ Cyber Black

realme 8 5G รุ่นนี้ยังคงสานต่อการรองรับ 5G จากรุ่นเดิมมาพร้อมกับการใช้งาน MTK  Dimensity 700 5G พร้อม Dual 5G Dual Standby พร้อมกับการ์ดจอ Mali-G57 MC2 พร้อมกับการใช้งานหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ สัมผัสลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรซเรท 90Hz  และใช้งาน  RAM 8GB STORAGE 128GB รวมถึง มาพร้อมกับ แบตใหญ่ 5000mAh ประหยัดพลังงานอัจฉริยะแม้จะใช้งาน 5G และชาร์จ 18W ส่วนทางด้านกล้องหลังใช้งาน 3 เลนส์หลัก  48MP Nightscape Camera พร้อมกับ ล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4)  และ กล้องหน้า AI Beauty 16MP f2.1 จะคนละตัวกับ realme 8 นะครับ และ ดีไซน์ฝาหลังเงาโดดเด่นพร้อมกับสี Supersonic Blue และ Supersonic Black แน่นอนว่าเรื่องของ ระบบ UI ใช้งาน realme UI 2.0 พร้อมกับ Android 11 เหมือนกันทั้งคู่ครับ พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆเช่นเดียวกันทั้งคู่นั้นเอง

UNBOX

ตัวกล่องนั้นเราจะเห็นว่ายังคงดีไซน์รูปแบบอะไรเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ และยังคงเป็นสีเหลืองและดำเช่นเดิมพร้อมกับชื่อรุ่นชัดเจน ยังคงไม่ได้ใส่ใช้งานรูปตัวเครื่องอะไรเข้ามา และมีเขียนแตกต่างกันแค่ 5G เท่านั้นทั้ง 2 รุ่น และทางด้านอุปกรณ์ ขนาดกล่องต่างๆนั้นเหมือนกันทั้ง  2 รุ่น ทั้งเรื่องของเคส การติดฟิลม์มาให้ พร้อมกับที่ชาร์จ

UNBOX REALME 8

  • ตัวเครื่อง realme 8
  • เคส TPU realme 8
  • ฟิลม์กันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
  • สาย USB-C ไป USB-A
  • ที่ชาร์จ 30W Dart Charge
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

UNBOX REALME 8 5G 

  • ตัวเครื่อง realme 8  5G
  • เคส TPU realme 8 5G
  • ฟิลม์กันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
  • สาย USB-C ไป USB-A
  • ที่ชาร์จ 18W
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสนั้นยังคงทำได้ดีในเรื่องของความหนา วัสดุและการป้องกันตัวเคสสีเข้มๆเล็กน้อยเช่นเดิมรวมถึงมีความหนาปกป้องรอบตัวเลนส์กล้อง และ หน้าจอได้เป็นอย่างดีครับ ถือว่าเป้นเคสแถมที่ทำออกมาใช้งานได้ดีมากๆตัวนึงเลยทีเดียวรวมถึงตัวเคสจะไม่ได้ใสขาว ทำให้ใช้งานไปนานๆจะไม่ได้เหลืองมากนักด้วยเช่นกัน การปกป้องหน้าจอมีมุมขึ้นมา 4 มุมพร้อมกับมีความหนาขึ้นมาเล็กน้อยครับทำให้เวลาตกหรือกระแทกป้องกันได้ระดับนึงเลยทีเดียว และตัวเครื่องก็ไม่ได้หนาหรือว่าหนักกว่าเดิมมากเกินไป เป็นเคสที่เอาไว้ใช้งานประจำวันได้เลยถ้ายังหาเคสใหม่ไม่ได้ครับ

DESIGN 

งานออกแบบใน realme 8 Series ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่น 7 ทั้งหมดทั้งเรื่องของงานออกแบบ ดีไซน์ฝาหลังหรือแม้จะเป็นการออกแบบขอบเครื่องทั้งหมดเราจะเห็นว่า มีการเล่นสีสันหรือว่าจะเป็นพื้นผิวที่แตกต่างกว่าเดิมหรือแม้จะเป็นการวางตำแหน่งกล้องด้านหลังแบบใหม่และมีการเล่นส่วนเลนส์แต่ละเลนส์ให้มีวงแยกแตกต่างกันในรุ่น 8 ครับ ส่วนสีทั้ง 2 เครื่องนี้จะเป็นสีดำทั้งคู่ แต่จะเป็นโทนสีที่แตกต่างกันในชื่อ Supersonic Black ในรุ่น realme 8 5G ที่จะออกโทนฟ้าๆเล็กน้อย และ สี Cyber Black สีดำเทาในรุ่น 8 ที่จะเป็นกล้อง 4 ตัวขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องของขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วเท่ากันรวมถึงรูปทรง ขนาดนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนักครับในรุ่น 8 นี้

หน้าจอในทั้ง 2 รุ่นมาในขนาดเดียวกัน 6.5 นิ้ว ซึ่งในรุ่น 8 5G จะใช้งานหน้าจอที่มีความลื่นไหล 90Hz และใช้งานเป็น IPS LCD FHD+ พร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรู ส่วนในรุ่น 8 นั้นจะเป็นหน้าจอ 60Hz เท่านั้นมาพร้อมกับ AMOLED ที่รองรับการใช้งานสแกนนิ้วบนหน้าจอ และรองรับความสว่าง 1,000 nits ในการออกแบบแบบเดียวกัน

ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะเห็นกล้องหน้ามุมเครื่องเหมือนกันทั้งหมดพร้อมกับขนาดที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ ขอบด้านบนทั้ง 2 รุ่นจะมีลำโพงในขอบเครื่องหลักที่ขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนกล้องหน้า 8 นั้นจะมาพร้อมกับ 16 MP F2.1 ส่วนทางด้าน 8 5G จะมาพร้อมกับ 16MP F2.45 แตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของ เซนเซอร์ รูรับแสง

ส่วนขอบหน้าจอในด้านล่างจะเห็นว่ามีขนาดและงานออกแบบใกล้เคียงกันทั้งหมดรวมถึงปุ่มควบคุมที่สามารถใช้งานแบบในภาพ หรือจะใช้งานแบบ Gesture เต็มจอได้ด้วยเช่นกันครับถือว่าไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรในทั้ง 2 รุ่นนี้ครับ

ขอบเครื่องในด้านล่างงานออกแบทั้งหมดมีความคล้ายกันทั้งเรื่องของเส้นสายงานออกแบบที่มีความเหลี่ยมมากขึ้นตัดขอบสวยงาม และ ลำโพงตัวหลัก พร้อมกับ USB-C รวมถึง ไมค์ในด้านล่าง และยังคงมีรู 3.5 มม. ให้ใช้งาน

ขอบเครื่องในด้านซ้ายในรุ่น realme 8 5G จะมีปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงใส่เข้ามาพร้อมกับถาดซิม Triple Slot รองรับการใช้งานปกติ และขอบเครื่องมีดารเล่นพื้นผิววัสดุแบบใหม่ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ดีขึ้นในเทคโนโลยี พ่นที่เรียกว่า Microcrack เพื่อความแข็งแรงมากขึ้นในการใช้งาน และก็ใช้งานในรุ่น 8 เช่นกัน แต่ทาง 8 นั้นในฝั่งซ้ายจะมีแค่ ถาดซิมเท่านั้น ไม่ได้มีปุ่มเพิ่ม ลดเสียงเข้ามาในฝั่งนี้ รวมถึงขนาด และ ความหนาไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากครับ

ขอบเครื่องในด้านบนนั้นจะเห็นว่าตัวขอบเครื่องในทั้ง 2 รุ่นมุมโค้งลงมาเหมือนกันทั้งคู่พร้อมกับการใช้งานที่ดีขึ้นในการขับถือใช้งาน แต่จะมีส่วนที่แตกต่างกันในเรื่องของ ไมค์ตัดเสียง ที่รุ่น 8 ใส่เข้ามาให้ในด้านบน แต่ 5G นั้นไม่มีและจะเห็นการออกแบบขอบเครื่องที่ วัสดุงานออกแบบ พื้นผิวที่ดูดีขึ้น สัมผัสดี แข็งแรงและทนทานกว่ารุ่นก่อนๆครับ

ขอบเครื่องด้านขวาในรุ่น realme 8 5G จะมาพร้อมกับสแกนนิ้วที่ขอบข้างเครื่อง ที่เป็นปุ่ม Power ในตัวครับ และไม่มีปุ่มเพิ่ม ลด เสียงในด้านนี้ ส่วนทางด้าน 8 นั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงพร้อมกับปุ่ม Power ซึ่งขนาดอะไรไม่แตกต่างกันเช่นกันในเรื่องของความบางของตัวเครื่อง และ น้ำหนักความหนาในภาพรวมทั้งหมดของ realme 8

ฝาหลังและงานออกแบบทั้งหมดจะมีความแตกต่างกันชัดเจน ในรุ่น realme8 5G ในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความเงา สะท้อนแสงและโทนสีฟ้าสวยงามแม้จะเป็นสีดำก็ตามครับจะอมฟ้าเล็กน้อย ฝาหลังจะสะท้อนแสงสีสวยงามเวลาเจอแสงต่างๆ โดยได้แนวคิดมาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกิดเป็น Dynamic Speed ​​Light เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงเมื่อแสงตบกระทบไปยังสมาร์ทโฟน ใช้กระบวนการรูปแบบ lenticular เพื่อนำเสนอเอฟเฟกต์กระจกเงาระดับพรีเมี่ยมเพื่อดึงความรู้สึกของแสงออกมาให้ดีขึ้น พร้อมกล้อง 3 ตัวมุมซ้ายในโมดูลเดียวกันทั้งหมด ส่วนในรุ่น 8 นั้นจะเป็นฝาหลังสีเทาดำเข้มกว่า พร้อมกับกล้อง 4 ตัวแยกโมดูลขึ้นมา และฝาหลังจะแบ่งเป็น 2 ส่วนสี โซนทีดำปกติ และสะท้อนแสงสีรุ้งในส่วนที่เขียนว่า Dare to Leap นั้นเองครับซึ่งถ้าโดนแสงอาทิตย์จะเป็นสีรุ้งๆสวยงามเลยทีเดียวในส่วนตรงแถบด้านล่าง และ บริเวณกล้องข้างบน

กล้องหลังมีการออกแบบแตกต่างกันชัดเจนรวมถึงในเรื่องของสเปค และ จำนวนกล้อง ในรุ่น realme 8 5G นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ตัวเลนส์หลัก 48MP F1.8 พร้อมกับล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) น่าเสียดายอย่างมากที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามา และในรุ่น realme 8 นั้นกล้องจะจัดเต็มมากกว่ามาให้ทั้งหมด 4 เลนส์หลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED ส่วนฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นมีความใกล้เคียงกันทั้งหมดในเรื่องภาพนิ่ง และ วีดีโอการถ่าย แต่ทางด้าน realme 8 นั้นจะรองรับการถ่าย Dual-View Video นั้นเองและมีเลนส์มุมกว้างเข้ามาเพิ่มเติมนั้นเอง

REALME 8 SPEC

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 1000nits
  • MediaTek Helio G95 12nm
  • มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G76 3EEMC4
  • RAM (LPPDDR4x) 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 160.5×73.9×7.99มม. ; น้ำหนัก: 177 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge 30W

REALME 8 5G SPEC 

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว 90Hz ตอบสนองที่ 180Hz (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 600nits
  • MediaTek Dimensity 700 5G
  • มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G57 MC2 950MHz
  • RAM (LPPDDR4x) 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8)รองรับ UIS กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.1)
  • เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว ขอบเครื่องด้านขวา
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 162.5×74.8×8.5มม. ; น้ำหนัก: 185 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 5G , 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จ 18W

ANTUTU 

ประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่าไม่ได้หนีกันมากเลยทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับ RAM 8GB ทั้งคู่ และใช้งาน STORAGE 128GB ทำให้คะแนนภาพรวมรวมถึงทางด้าน CPU ค่ายเดียวกันทำให้ประสิทธิภาพไม่หนีกันเท่าไรนัก ต่างกันไม่เยอะมากเรียกได้ว่าไม่มีผลอะไรเท่าไร ทำให้ทั้ง realme 8 5G และ realme 8 ไม่หนีกันในเรื่องของการใช้งานครับคะแนนทางด้าน realme 8 ทำไปได้ 3000634  คะแนน และ realme 8 5G นั้นจะทำไปได้ 299456 คะแนน สูสีกันมากๆ จะโดดเด่นกันในเรื่องของ  CPU GPU ที่แตกต่างกันไปครับในทั้ง 2 รุ่น

ANDROBENCH 

ความเร็วในการอ่านเขียนแน่นอนว่าเป็นอีกจุดที่สำคัญในการใช้งานเพราะว่า จะมีผลในเรื่องของการอ่านเขียน เวลาเล่นเกม หรือแม้แต่การลงแอปใช้งาน รวมถึงการดูข้อมูลรูปภาพเยอะๆการอ่านเขียนไว้ก็ยิ่งมีผลด้วยเช่นเดียวกันครับทางด้าน realme 8 นั้นทำการอ่านเขียนไปได้ 520 MB/S และ 200 MB/S ส่วน realme 8 5G นั้นทำได้ไวพอสมควรที่ 964 MB/S และ 200 MB/S ครับ เรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญในทั้ง 2 รุ่นที่เน้นการใช้งานแตกต่างกันนั้นเอง

SCREEN

หน้าจอในทั้ง 2 รุ่นนี้มีขนาดและงานออกแบบใกล้เคียงกันครับจะเห็นว่ามีความแตกต่างกับในรุ่นของรูกล้องหน้ากันนิดหน่อย หน้าจอในรุ่น realme 8 5G ในตัวเครื่องด้านล่าง จะมีรูกล้องขนาดใหญ่กว่า และ หน้าจอสเปคในรุ่น 8 5G นั้นจะเป็นหน้าจอ IPS LCD ที่รองรับการใช้งานที่มีความลื่นไหลมากกว่าที่ 90Hz และตอบสนองที่ 180Hz และ รองรับความละเอียด FHD+ รวมถึงความสว่างสูงสุดนั้นจะเป็น 600 nits ส่วนทางด้าน relame 8  นั้นจะเป็นหน้าจอแค่ 60Hz จะได้เป็น AMOLED พร้อมกับ รองรับการสแกนนิ้วในหน้าจอ รวมถึงเป็นหน้าจอ 6.5 นิ้ว FHD+ เช่นกัน รองรับความสว่างสูงสุด 1,000 nits ครับ แน่นอนว่าหน้าจอทั้ง 2 ชนิดย่อมมีความแตกต่างกันในเรื่องของโทนสี

CAMERA 

กล้องใน realme 8 5G นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ตัวเลนส์หลัก 48MP F1.8 พร้อมกับล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) น่าเสียดายอย่างมากที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามา และในรุ่น realme 8 นั้นกล้องจะจัดเต็มมากกว่ามาให้ทั้งหมด 4 เลนส์หลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED ส่วนฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นมีความใกล้เคียงกันทั้งหมดในเรื่องภาพนิ่ง และ วีดีโอการถ่าย แต่ทางด้าน realme 8 นั้นจะรองรับการถ่าย Dual-View Video นั้นเองและมีเลนส์มุมกว้างเข้ามาเพิ่มเติมนั้นเอง ส่วนโทนภาพหรือว่าภาพรวมของการถ่ายแอบมีความแตกต่างกัน แน่นอนว่าเซนเซอร์หลักนั้นแตกต่างกันทำให้ คุณภาพ โทนสี ก็มีความแตกต่างกันไปครับ แต่ฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นไม่ได้ต่างกันในแง่ของ Portrait หรือว่า การถ่ายกลางคืนในตัวกล้อง Night Scape พร้อมกับ Effect โทนสีต่างๆยังคงใส่เข้ามาครบ

REALME 8 5G 

REALME 8 

REALME 8 & REALME 8 5G 

realme 8 series นั้นเปิดตัวกันออกมารองรับการใช้งานตอบโจทย์กันคนละแบบกันอย่างชัดเจนว่าจะเน้นการใช้งาน 5G หรือว่าแค่ 4G ก็เพียงพอทำให้เรื่องของสเปคอะไรในบางส่วนก็มีความแตกต่างกันด้วยเช่นกันครับ ถ้ามองไปนั้นในเรื่องของหน้าจออะไรขนาดถือว่าเท่ากันทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ยากนัก แน่นอนว่า 5G ในยุคนี้ก็สำคัญเช่นกันในการจะเลือกซื้อมือถือต่างในการใช้งานระยะยาว หรือว่าจะเป็น การรองรับกล้องต่างๆ งานถ่ายวีดีโอที่แตกต่างกันแล้วแต่ว่าจะเน้นไปทางด้านไหนมากกว่า และราคาก็อาจจะเป็นส่วนสำคัญในรุ่นนี้ว่าจะตัดสินใจยังไงครับ แต่คงทำราคาได้ดีเช่นเดิม ในงบ 10,000 บาทในทั้ง 2 รุ่นนี้ ต้องมารอดูกันว่าจะเปิดราคาในไทยเท่าไรและมีโปรอะไรยังไง

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares