iPhone 12 Pro Max นั้นมาพร้อมกับการเปิดตัวที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงงานกล้องใหม่อีกครั้งแน่นอนว่าจำนวนเลนส์นั้นมีการเพิ่ม LiDAR เสริมเข้ามา ส่วนทางด้าน HUAWEI เองนั้นได้เปลี่ยนเลนส์ทั้งหมดใหม่เป็นเลนส์ที่รองรับการใช้งานได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ Mate 30 Pro และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงระยะการซูมด้วยเช่นกันครับ ที่น่าสนใจคือทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับการที่กล้องหลัง พัฒนาขึ้นมาชัดเจนถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนๆหรือว่าจะเป็นการรองรับการถ่ายวีดีโอที่เทพขึ้น โดยเฉพาะของทาง iPhone ที่เน้นงานวีดีโอมากขึ้นเช่นกัน ส่วนงานภาพนิ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับ Dynamic Range ที่ดีกว่าเดิมแบบชัดเจนการเก็บแสงสี ระยะต่างๆนั้นทำได้น่าประทับใจ แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีโทนสีของภาพ ความสวยงามหรือการเก็บรายละเอียดต่างๆนั้นเป็นยังไงบ้าง ชอบแบบไหนมากกว่า เราเลยขอเอามาเทียบในเรื่องของงานภาพหลากหลายเลนส์ หรือ ว่าทดสอบกล้องหน้า ลำโพง วีดีโอกันซักนิดครับ

กล้องในรุ่นนี้ถือว่าในเรื่องของคะแนนต้องบอกเลยว่า มีความใกล้เคียงกันทางด้าน Huawei Mate 40 Pro มาพร้อมกับ 136 คะแนน และทางด้าน iPhone 12 Pro Max ที่ 130 คะแนน อยู่ในอับดับที่ 4 เมื่อเทียบกับที่ 1 ในตัว Huawei Mate 40 Pro แน่นอนว่าทางด้านกล้องนั้นก็แอบมีความใกล้เคียงกันทั้งเรื่องของ จำนวนและแนวคิดการใส่เลนส์เข้ามาทั้ง 3 เลนส์ 3 ระยะ เป็น เทเล – มุมกว้าง – เลนส์หลัก และทางด้านกล้องหน้าเรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงกันทั้ง มุมหลัก และ เป็นเลนส์ 3D สำหรับจับระยะเรียกได้ว่าเป็นคู่ที่ค่อนข้างสูสีกันมากพอสมควร แต่จะเด่นแตกต่างกันเพราะว่า เป็นสมาร์ตโฟนที่ระบบแตกต่างกันแต่กล้องจะมีความแตกต่างกันเยอะมากน้อยแค่ไหน และจะเลือกแนวทางของภาพเป็นยังไงบ้างนั้น ตัวเทพของแต่ละฝั่งมาเจอกัน เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่หลากหลายคนแอบมีเลือกกันยาก หรือว่าอยากรู้เทียบกันว่าตัวเทพของแต่ละฝั่งนั้นจะเป็นยังไงทั้ง วีดีโอ งานภาพ หรือ จะเป็นระบบเสียงลำโพง

CAMERA SPEC

IPHONE 12 PRO MAX 

  • กล้องตัวหลัก: 12MP (1.7µ photo sites), ขนาดเลนส์เทียบเท่า 26 mm (f/1.6), รองรับ OIS, รองรับ PDAF
  • กล้อง Ultra-wide: 12MP ขนาดเซนเซอร์ 1/3.6 นิ้ว, ขนาดเลนส์เทียบเท่า 13 mm (f/2.4)
  • กล้อง Tele: 12MP ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4 นิ้ว, ขนาดเลนส์เทียบเท่า 65 mm (f/2.2), รองรับ PDAF, รองรับ OIS
  • รองรับการซูม 2.5X-12X
  • เซนเซอร์ตรวจจับความลึก LiDAR
  • ไฟแฟลช LED
  • รองรับการถ่ายวีดีโอ Dolby Vision HDR 4K ที่ 24/30/60 fps
  • กล้องหน้า ตัวหลัก 12MP ขนาดเซนเซอร์ 1/3.6 ขนาดเลนส์เทียบเท่า 23 mm  (f/2.2)
  • เซนเซอร์ SL 3D sensor จับระยะ และ สแกนใบหน้า
  • กล้องหน้ารองรับการถ่าย 4K 2160p Dolby Vision HDR video at 24/30/60 fps, 1080p at up to 120 fps, gyro-EIS

HUAWEI MATE 40 PRO

  • กล้อง RYYB Ultra Vision 50MP (f/1.9), 27mm ขนาดเซนเซอร์ 1/1.28″ ระบบโฟกัส  full-pixel Octa-PD / Laser Focus + รองรับ OIS
  • กล้อง Cine ultra-wide 20MP (f/1.8) PDAF  รองรับมุมกว้าง 18mm 135 องศา ขนาดเซนเซอร์  1/1.54″
  • กล้องเทเล 12MP Periscope (f/3.4) optical ได้ 5x รองรับสูงสุด Digital 50X  + PDAF OIS ขนาดเซนเซอร์ 1/3.56″  รองรับ 125mm
  • color temperature sensor
  • รองรับการซูม 5X-10X-50X
  • กล้องหน้า ความละเอียด 13MP (f/2.4) 1/2.8″ sensor มุมกว้าง 18 มม.
  • กล้องหน้า รองรับ 4K 60FPS
  • เซนเซอร์ตรวจจับความลึก ToF 3D
  • รองรับการถ่ายวีดีโอ กันสั่นพิเศษ 
  • รองรับการถ่าย 4K 60FPS  FHD 30/60FPS  รองรับ การถ่าย HDR
  • Super Slow Motion 960-7680 FPS   

CAMERA

กล้องหลังทั้งคู่มาพร้อมกับเลนส์หลัก 3 ตัวเช่นกัน แต่จะมีเซนเซอร์ LiDAR เสริมเข้ามาสำหรับทาง iPhone และ ทางด้าน Huawei เองนั้นมาพร้อมกับ Laser focus ส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นแตกต่างกันชัดเจน แต่แนวคิดในการใส่เลนส์ การพัฒนาเลนส์เสริมเข้ามานั้นเรียกได้ว่าแนวเดียวกันทั้งหมด เป็นเลนส์หลัก เลนส์เทเล และ เลนส์มุมกว้างพิเศษทำให้ 3 เลนส์หลักนั้นแตกต่างกัน 3 ระยะด้วยกันทั้งหมด และมุมกว้างต่างๆนั้นก็มีคุณภาพพอสมควร ทางด้าน Huawei ก่อนเลยนั้นจะมาพร้อมกับเลนส์ กล้อง RYYB Ultra Vision 50MP (f/1.9), 27mm ขนาดเซนเซอร์ 1/1.28″ ระบบโฟกัส  full-pixel Octa-PD / Laser Focus + รองรับ OIS เป็นเลนส์หลัก พร้อมกับ มุมกว้างในตัว กล้อง Cine ultra-wide 20MP (f/1.8) PDAF  รองรับมุมกว้าง 18mm 135 องศา ขนาดเซนเซอร์  1/1.54″ และสุดท้ายนั้นจะเป็น กล้องเทเล 12MP Periscope (f/3.4) optical ได้ 5x รองรับสูงสุด Digital 50X  + PDAF OIS ขนาดเซนเซอร์ 1/3.56″  รองรับ 125mm ทำให้ระยะการซูมนั้นสูงสุด 5X Optical – 10X Hybrid และได้สูงสุดถึง 50X แบบ Digital ส่วนทางด้าน iPhone 12 Promax นั้น มาพร้อมกับ กล้องตัวหลัก 12MP (1.7µ photo sites), ขนาดเลนส์เทียบเท่า 26 mm (f/1.6), รองรับ OIS, รองรับ PDAF และ กล้อง Ultra-wide  12MP ขนาดเซนเซอร์ 1/3.6 นิ้ว, ขนาดเลนส์เทียบเท่า 13 mm (f/2.4) และทางด้าน กล้อง Tele 12MP ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4 นิ้ว, ขนาดเลนส์เทียบเท่า 65 mm (f/2.2), รองรับ PDAF, รองรับ OIS จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันเรื่องของ ความละเอียดและระยะการซูม เพราะว่าของ iPhone นั้นรองรับ 2.5X Optical – 12X Digital สูงสุดนั้นเอง เรียกได้ว่าระยะแตกต่างกันเยอะมากๆเพราะว่า Huawei นั้นใช้งาน Periscope ทำให้ระยะของเลนส์และการซูมนั้นทำได้ดีมากและโดดเด่น ส่วนเรื่องของการถ่ายต่างๆนั้นจะเป็นอย่างไร มุมเลนส์กว้าง เลนส์หลัก โทนสีผิว หรือว่าจะเป็นการจัดการ รายละเอียดแสง ดีเทลหลายๆส่วนของกล้อง

PORTRAIT 

WIDEANGLE 

CROP DETAIL 

SELFIES 

กล้องหน้าทั้ง 2 รุ่นนี้มีความใกล้เคียงกันเช่นเดียวกันในเรื่องของแนวคิดการใส่เลนส์กล้องทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์หลักเดี่ยวด้วนกันทั้งหมด แต่จะมีการเสริมเลนส์ 3D ในการจับระยะหรือสแกนใบหน้าเข้ามาให้ทั้งคู่ ส่วนเลนส์หลักนั้นก็มาพร้อมกับการรองรับการครอปมุมได้ทำให้รองรับมุมมองมุมกว้างได้ด้วยกันทั้งคู่ในเลนส์หลักนั้นเอง ของทาง Huawei นั้นจะได้ 3 ระยะครอป ส่วนทาง iPhone นั้นเป็น 2 ระยะครอปนั้นเอง ทางด้านฟีเจอร์การละลายหลัง Portrait ก็ใส่เข้ามาให้ในระยะ 1X เท่ากันครับรองรับการละลายหลังปรับแต่งได้ แต่ของ Huawei ลูกเล่นจะเยอะกว่าพอสมควร ส่วนทางด้านการถ่ายย้อนแสง หรือ สีผิวก็ต้องลองดูเทียบกันไปเลยว่าชอบแนวไหนมากกว่า แต่ระยะมุมกว้างนั้นของ HUAWEI ทำได้กว้างกว่าแบบชัดเจนครับ

VIDEO

การถ่ายวีดีโอนั้นต้องบอกเลยว่ามีความแตกต่างกันชัดเจนทั้งเรื่องของ คุณภาพ หรือ โทนสีและมุมมอง แต่ที่แอบคล้ายกันนั้นจะเป็นการรองรับการถ่าย 4K 60FPS สูงสุดเช่นเดียวกันเลย และมาพร้อมกับ มุมกว้าง เทเล และ เลนส์หลัก แน่นอนว่าการซูมนั้น ทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันไปเพราะว่าทาง iPhone มาพร้อมกับระยะสูงสุด แค่ 7X เท่านั้น ส่วนของ Huawei นั้นรองรับการซูมได้มากถึง 15X แน่นอนว่าจัดเต็มพอสมควร ส่วนเสียงนั้นก็มีความแตกต่างกันด้วย รวมถึง โทนสีของภาพ ทาง iPhone นั้นจะค่อนข้างดิบๆ เรียลๆเอาไปทำต่อได้ง่าย แต่ Huawei เองนั้นจะเน้นสวยจบมากกว่านั้นเอง แต่ถ้ามองในแง่ของการเอาไปใช้งานต่อ ทำจริงจังทางด้าน iPhone ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนครับ

SPEAKER 

ทางด้านลำโพงนั้นเป็นจุดที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นมาเยอะมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าและมาพร้อมกับลำโพงคู่ที่มีความดังพอสมควรยิงตรงขอบเครื่องทั้งหมดทำให้รองรับการใช้งานได้ดี ส่วนทาง iPhone นั้นต้องบอกว่าในรุ่น Pro Max นั้นออกมาได้ดีเสมอทั้งเรื่องของความดัง มิติเสียง และในรุ่นนี้ก็ถือว่าต่อยอดพัฒนาได้ดี เสียงมีความใส ชัด และมีความกังวานมิติเสียงทำได้ดีกว่า แต่ความดังอาจจะไม่ได้หนีกันมากชัดเจนถ้าฟังจากคลิป แต่ของจริงนั้นทางด้าน Huawei จะมีเสียงที่อ่อนกว่าถ้าไม่มีส่วนสะท้อนเสียงตัวผนังมาช่วย ส่วนมิติเสียง ความใสนั้นจะไม่เด่นเท่าไร อาจจะต้องบอกว่าเสียงนั้นเป็นคนละแนวโทนกันแต่ถ้าเน้นรายละเอียด มิติเสียง ดีเทลนั้น iPhone เด่น

IPHONE 12 PRO MAX VS HUAWEI MATE 40 PRO 

iPhone 12 Pro Max ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงอะไรหลากหลายอย่างในเรื่องของคุณภาพกล้องได้ดีขึ้น ถ้าใครถือ 11 Pro Max มาเทียบกันนั้นต้องบอกเลยว่าเลนส์กล้องใหญ่ขึ้นเท่าตัว และฟีเจอร์การถ่ายอะไรหลากหลายอย่างนั้นพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกันเป็นรุ่นที่กล้องพัฒนาขึ้นเยอะมากๆ ภาพที่ออกมานั้นถือว่ายังคงความเป็น iPhone เป็นความดิบ ความเรียลในการเอาไปทำต่อได้แบบสบายๆ แต่น่าเสียดาย การซูมนั้นยังคงไม่เด่นครับ แต่มุมกว้างนั้นกว้างสะใจอย่างมาก ส่วนทางด้าน Huawei เองยังคงเด่นมากๆเรื่องของการซูมที่เยอะโหดที่สุดพร้อมกับเลนส์มุมกว้างที่เน้นคุณภาพ แต่ไม่ได้กว้างมากเท่าไรนัก ค่อนข้างแคบไปเมื่อเทียบกับ iPhone และสิ่งที่ต่างอีกส่วนนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องขอโทนภาพ ทาง Huawei เองนั้นสีสันตรงขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็น Huawei อยู่มีคอนทราสต์จัดพอสมควรครับ เรียกได้ว่า เน้นสวยจบมากกว่า ส่วนของ iPhone เน้นเอาไปทำต่อได้ง่ายก็แล้วแต่ชอบกันเลยว่าจะเน้นแบบไหนครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือการทดสอบในทั้งการถ่าย ภาพนิ่ง ในหลายๆสภาวะแสงครับ ทั้ง 2 รุ่นระหว่าง iPhone 12 Pro Max  vs Huawei Mate 40 Pro ว่ากันตรงๆไปเลยจะเป็นยังไง สมราคาไหม หรือมีเด่นด้อยแตกต่างกันยังไง ต้องบอกว่าเรื่องความสวยนั้นแล้วแต่คนชอบจริงๆ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานอยู่ดี เราไม่สามารถตัดสินใจให้ได้ หรือ คะแนนไม่สามารถตัดสินใจแทนเราได้อยู่ที่ความชอบเราล้วนๆเลย  ยังไงก็ ฝากเพจ TECHHANGOUT กันไว้ด้วยกดติดตามกันไว้ด้วยนะครับผม ให้กำลังใจทีมงานกัน และใน YOUTUBE ก็ฝาก SUBSCRIBE กันด้วยน้าา

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และลิขสิทธิ์ภาพถ่ายเป็นผลงานของ ผู้เขียน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอบคุณครับ

BY Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares