ในยุคนี้หลายๆค่ายมือถือเราจะเห็นว่ามีการใช้งาน 5G กันได้ทุกๆรุ่นและทุกๆค่ายแล้วด้วยเช่นกันแต่ทั้งนี้ตลาดมือถือในตัว 4G LTE เองนั้นก็ไม่ได้ลดหายไป ยังคงมีอยู่ในตลาดและมีคนมากมายที่ยังคงใช้งานกันอยู่แม้ว่ารุ่นใหม่ๆจะออกมาเป็น 5G กันทั้งหมดแล้วก็ตาม และในครั้งนี้มีอยู่คู่นึงที่น่าสนใจ ในแบรนด์ OPPO และทาง SAMSUNG ที่ออกมาสู้กันตรงๆ ในรุ่น 5G และ LTE ด้วยเช่นกันคือตระกูล OPPO Reno5 ทั้ง 5G – LTE และ SAMSUNG Galaxy A52 ทั้ง 5G LTE นั้นเองเรียกได้ว่าเป็นคู่ที่สูสีและน่าจับตามองครับ เลยขอมาจัดหนักจัดเต็มเทียบกันทั้งรุ่น 5G ทั้งคู่ และ 4G LTE ทั้งคู่ด้วยเช่นกัน ทั้งหมด 4 เครื่องเน้นๆให้ชมกันสักเล็กน้อยว่ารุ่นไหนดีเด่นอย่างไรกันบ้าง

ทางด้านสเปกในทั้ง 4 รุ่นนั้นจริงๆสเปกหลักๆทั้งเรื่องของกล้องหลัง และกล้องหน้าจะแอบมีความคล้ายกัน แต่ก็มีเปลี่ยนแปลงในส่วนของกล้องหน้า หน้าจอ แบต การชาร์จไวแตกต่างกันด้วย แต่ถ้า ค่ายเดียวกันในรุ่น 5G -LTE นั้นสเปกแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น งานออกแบบ กล้องหลัง ขนาดหน้าจอ แบตต่างๆ แต่กล้องหน้ามีความแตกต่างกัน หรือว่า ชาร์จไฟเข้าแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ภาพรวมนั้นถ้ามองเทียบ A52 4G VS A52 5G นั้นถือว่ามีความแตกต่างกันน้อยมากๆ รวมถึงทางค่าย OPPO Reno5 ด้วยเช่นกันครับ และในการเทียบกันครั้งนี้เราจะมาเทียบกันเป็นคู่ 5G และ 4G นะครับ เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจแต่ละรุ่นนั้นก็ดีเด่นแตกต่างกัน ทั้งชาร์จไว หรือ หน้าจอนั้นเอง แต่ถ้ามองเทียบง่ายๆ การชาร์จไว OPPO จะเด่นกว่า แต่หน้าจอ กล้อง ลำโพง SAMSUNG ทำได้ดี

DESIGN 

เนื่องจากงานออกแบบทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่ว่าจะเป็น 5G – LTE นั้นดีไซน์ทุกอย่างเหมือนกันแตกต่างกันแค่การรองรับ 5G  เท่านั้น เราเลยจะเห็นว่าทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมดในค่ายตัวเอง เลยขอเอามาเทียบแค่รุ่นละแบรนด์นะครับเพราะในแบรนด์ตัวเอง 4G 5G นั้นไม่ต่างกันเลย เมื่อมาดูงานออกแบบแอบมีความคล้ายกันมากๆในการวางกล้อง แต่ดีไซน์ฝาหลัง ความโค้งมน หรือว่าการวางกล้องตัวที่ 4 นั้นแตกต่างกัน รวมถึงการเล่นพื้นผิวบริเวณกล้องด้วยที่แตกต่างกัน ส่วนขนาดนั้นถือว่ามีความใกล้เคียงกันมากๆ ส่วนทางด้านงานประกอบ ความแน่นอะไรนั้นทำได้ดีทั้งคู่ แต่ Samsung นั้นจะรองรับการกันน้ำนะอันนี้เด่นๆเลย ส่วนทางด้านความหนานั้น SAMSUNG หนา 8.4 ด้วยกันทั้ง 2 รุ่น และหนัก 189 กรัม ส่วน OPPO นั้นจะหนา 7.7 และ 7.9 และหนัก 171 และ 180 กรัม แอบแตกต่างกันนิดๆในเรื่องของน้ำหนัก และ ความหนานั้นเหมือนว่าทาง OPPO จะเบาและบางกว่า ในเรื่องนี้ถือว่าเน้นพกพาได้ดีเลยครับ

ทางด้านหน้าจอนั้นเราจะมาดูในเรื่องของขนาดหน้าจอ ส่วนสเปกนั้นเดี๋ยวเราไปเจาะลึกแต่ละรุ่นกันอีกทีครับ ทางด้าน SAMSUNG A52 นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอ 6.5 นิ้ว Infinity-O sAMOLED FHD+ (1080×2400) 405ppi ส่วนทาง OPPO นั้นจะอยู่ที่ 6.4 นิ้ว FHD+ และ 6.43 นิ้ว FHD+ แตกต่างกันนิดหน่อยครับ แต่สเปกถือว่าใกล้กันเป็นAMOLED ทั้งทาง SAMSUNG และ OPPO รวมถึงความคมชัด แต่มี Refreshrate ที่แตกต่างกันในรุ่นย่อย แต่งานออกแบบนั้นเราจะเห็นว่ากล้องหน้าเจาะรูตรงกลาง Samsung นั้นเล็กกว่า ส่วน OPPO ไว้มุมซ้ายใหญ่กว่า

หน้าจอส่วนบนนั้นเราจะเห็นว่ากล้องของ Samsung ให้มาเป็นหน้าจอเจาะรูพร้อมกับกล้อง 32MP f/2.2 ทั้งคู่ แต่ของ OPPO นั้นจะไว้มุมเครื่อง แอบมีขนาดใหญ่กว่าให้มาที่ 44MP f/2.4 ในรุ่น 4G และ 32MP f/2.4 ในรุ่น 5G ครับ แอบมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ถ้าเทียบรุ่น OPPO RENO 5 4G ครับในเรื่องของความละเอียดกล้องหน้า

ขอบด้านล่างเราจะเห็นว่ามีความหนาใกล้เคียงกันทั้งหมด การควบคุมอะไรต่างๆนั้นสามารถปรับได้เหมือนกันครับ แต่ความมุมโค้งนั้นทาง Samsung จะมีความเหลี่ยมมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาในการใช้งานทั้งคู่นะครับ

มากันที่ขอบฐานล่างเครื่องกันบ้าง ตัวเครื่องมาพร้อมกับ รู 3.5 มม. ด้วยกันทั้งคู่ พร้อมกับ ไมค์ และ USB-C รวมถึงลำโพงหลัก แต่ทาง OPPO จะใช้งานลำโพงตัวเดียว แต่ SAMSUNG นั้นมาพร้อมลำโพง 2 ตัวบนล่างนั้นเอง

ขอบส่วนบนนั้นมีมาให้ทั้งไมค์ตัดเสียงด้วยกันทั้งคู่ ทางด้านถาดซิมนั้น SAMSUNG จะอยู่ในส่วนบนเครื่องครับ แต่ทางด้าน RENO 5 จะเรียบๆไม่ได้มีถาดซิมอะไร และจะเห็นว่าขอบฝาหลังนั้นจะโค้งลงไปมากกว่าพอสมควรเลย

ขอบเครื่องด้านซ้าย OPPO นั้นจะยังคงมีปุ่ม เพิ่ม ลด เสียง รวมถึงถาดซิมแบบ Triple Slot และขอบเครื่องมีความบางใกล้เคียงกัน ส่วนขอบเครื่อง SAMSUNG ในฝั่งซ้ายนั้นจะเรียบๆ และไม่ได้มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรใส่เข้ามาครับ

ขอบเครื่องทางด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power ทั้ง 2 รุ่นแต่ทาง Samsung เองนั้นจะมีเพิ่ม / ลด เสียงมาให้ฝั่งขวาครับ ทางด้าน Samsung จะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องฝาหลัง แต่ OPPO นั้นจะเป็นสีเงาๆโครเมี่ยมหรูหราครับ

ฝาหลังนั้นเรียกได้ว่าแนวคิดในการทำแตกต่างกันชัดเจน OPPO ในเครื่องขวานั้นจะเป็นพื้วผิวแบบด้านพร้อมกับเล่น TEXTURE ที่คล้ายกับเม็ดทรายเวลาสะท้อนแสง และเล่นแสงสีได้สวยงามพร้อมกับสะท้อนได้หลายสีมากๆ และบริเวณกล้อง นั้นจะเป็นกระจกเงานูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทาง SAMSUNG นั้นจะเป็นแบบมินิมอล สีม่วงด้านๆพร้อมกับโทนสี พาสเทลเรียกได้ว่าออกไปทางน่ารัก และ เนียนตา วัสดุฝาหลังนั้นเป็นพลาสติกด้วยกันทั้งคู่นะครับ แต่แนวทางแตกต่างกันจริงๆ หรูหรา หรือจะเน้นความโมเดิร์นเรียบๆ พาสเทลก็แล้วแต่ชอบเลย ส่วนกล้องวางคล้ายกันมากๆ

กล้องหลัง 2 รุ่นนี้ให้มา 4 ตัวเหมือนกันแถมยังวางกล้องหลังไว้มุมซ้ายเหมือนกันทั้งหมด เรียกได้ว่าต้องมีแซวกันบ้างแน่นอนในการวางกล้องที่คล้ายกันแบบนี้ ส่วนกล้องหลัง ในรุ่นของแบรนด์ตัวเองนั้นเหมือนกันทั้ง 5G LTE นะครับ ทางด้าน SAMSUNG เองนั้นจะมาพร้อมกับ กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP f/1.8 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 12MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.2) กล้องมาโคร 5MP (f/2.2) และ ทางด้าน OPPO RENO 5 นั้นจะมาพร้อมกับ กล้องหลัง 64MP (f/1.7), LED flash + กล้อง Ultra Wide 119° 8MP (f/2.2) + กล้องมาโคร 2MP + กล้องโมโน 2MP (f/2.4) เรียกได้ว่าไม่ยอมกันเลยทีเดียวในคู่ใน แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของฟีเจอร์แล้วนั้นเอง จะเป็นยังไงบ้างนั้นเดี๋ยวไปติดตามกันในส่วนข้างล่างของบทความได้เลย รวมถึงตัวอย่างภาพ

SPEC SAMSUNG GALAXY A52 5G ราคา 13,499 บาท

  • สเปกของ Samsung Galaxy A52 5G หน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ (1080×2400พิกเซล) ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 750G 8nm
  • ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 619
  • RAM 4GB/6GB + หน่วยความจำภายใน 128GB / RAM 8GB + หน่วยความจำภายใน 256GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย Samsung One UI 3.1
  • ซิมคู่แบบ Hybrid (nano + nano / microSD)
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP f/1.8 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 12MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.2) กล้องมาโคร 5MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.2)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ รองรับ Samsung Pay
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm,
  • ลำโพง Stereo, ระบบเสียงโดย AKG, รองรับ Dolby Atmos
  • ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP67
  • ขนาดตัวเครื่อง: 159.9×75.1×8.4มม.; น้ำหนัก: 189 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G SA / NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz),
  • Bluetooth 5, GPS + GLONASS, NFC, MST USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W

SPEC OPPO RENO 5 5G ราคา 13,990 บาท

  • หน้าจอ OLED 2.5D ขนาด 6.43 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 765G 7nm EUV มาพร้อมการ์ดจอ Adreno 620
  • RAM LPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB  / RAM LPDDR4x 12GB + storage (UFS 2.1) 256GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย ColorOS 11.1
  • ซิมคู่
  • กล้องหลัง 64MP (f/1.7), LED flash + กล้อง Ultra Wide 119° 8MP (f/2.2) + กล้องมาโคร 2MP + กล้องโมโน 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.4)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • Dimensions:159.1×73.4×7.9mm; Weight: 172กรัม
  • ใช้พอร์ต USB Type-C, รูแจ็ค 3.5mm
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/ NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS/Beidou
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 65W

SPEC SAMSUNG GALAXY A52 LTE ราคา 11,990 บาท

  • หน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ (1080×2400พิกเซล) ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 720G 8nm
  • ใช้การ์ดจอ Adreno 618
  • RAM 4GB/6GB + หน่วยความจำภายใน 128GB / RAM 8GB + หน่วยความจำภายใน 256GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย Samsung One UI 3.1
  • ซิมคู่แบบ Hybrid (nano + nano / microSD)
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 12MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.2) กล้องมาโคร 5MP (f/2.2)
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.2)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ รองรับ Samsung Pay
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm,
  • ลำโพง Stereo, ระบบเสียงโดย AKG, รองรับ Dolby Atmos
  • ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP67
  • ขนาดตัวเครื่อง: 159.9×75.1×8.4มม.; น้ำหนัก: 189 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS, NFC, MST USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W

SPEC OPPO RENO 5 LTE ราคา 10,990 บาท

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9, ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 720G 8nm
  • การ์ดจอ Adreno 618
  • RAM LPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย ColorOS 11.1
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง 64MP ที่รองรับ EIS + กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) + กล้องมาโคร 2MP + กล้องโมโน 2MP (f/2.4), LED flash
  • กล้องหน้า 44MP
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • รูแจ็ค 3.5mm
  • ความหนาตัวเครื่อง 7.7mm; น้ำหนัก: 171กรัม
  • รองรับ Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.0, GPS/GLONASS/Beidou
  • ใช้พอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,310 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperVOOC 50W

COMPARE 4G LTE

ในรุ่น 4G กันก่อนเลยครับทางด้าน 4G เองนั้นถือว่าสำหรับเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เน้นใช้งานความเร็วอะไรมากนักแต่อยากได้สเปกใหม่ ที่ใช้งานได้ทั่วไปคุ้มๆแรงๆ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจและถ้าเรามองเทียบกับ 2 ตัวนี้ OPPO RENO 5 และ SAMSUNG GALAXY A52 LTE นั้นมีราคาที่แตกต่างกันเล็กน้อย 1 พันบาทแต่ส่วนต่างที่เพิ่มมานั้นก็มีหลายๆจุดที่น่าสนใจ แต่ทั้งนี้ในเรื่องของสเปกก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละท่านอีกทีนะ ว่าจะเน้นด้านไหนยังไง ถ้ามองเทียบสเปกกันนั้น OPPO จะมีเด่นในเรื่องของที่ชาร์จที่ไวกว่า และ กล้องหน้าที่ 44MP  แต่ CPU RAM ต่างๆนั้นตัวเดียวกับ SAMSUNG เลยนั้นเอง แต่ถ้ามองในจุดที่ SAMSUNG GALAXY A52 นั้นได้เพิ่มเข้ามา ถือว่าน่าสนใจในราคาเพิ่ม 1,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น ลำโพงคู่ที่รองรับ Atmos รวมถึง แบตที่มากกว่า และ การกันน้ำ IP67 รวมถึง หน้าจอที่สว่างกว่า ถือว่ามีหลายๆส่วนแตกต่างกัน แต่กล้องหลังนั้นสูสีให้มาที่ 64MPเท่ากันครับทั้ง 2 รุ่น

SCREEN 

หน้าจอในทั้ง 2 รุ่นนี้เรียกได้ว่าสเปกสูสีกันมาทั้งคู่ รวมถึงความลื่นไหล และขนาดหน้าจอ ทางด้าน Samsung นั้นจะมาพร้อมกับ หน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ (1080×2400พิกเซล) ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits ถือว่าค่ายนี้เป็นค่ายที่เน้นๆในเรื่องของหน้าจออยู่แล้ว และความสว่างทำได้ดี เมื่อมามองกับ OPPO เองนั้น มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9, ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และความสว่างสูงสุด 600nits ครับ จะเห็นว่า OPPO จะเล็กกว่า และ ความสว่างน้อยกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกัน แต่ความลื่นไหลในการใช้งาน การสัมผัสนั้นใกล้เคียงกันอย่างมาก อีกทั้ง 2 ตัวนี้มาพร้อมกับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ และการออกแบบแบบหน้าจอหยดน้ำด้วยกันทั้งคู่ แต่วางคนละมุมกันนั้นเอง

PERFORMANCE CPU 

ทางด้านประสิทธิภาพนั้นทั้ง 2 ตัวนี้ใช้งานเหมือนกันทั้งหมดไม่มีอะไรแตกต่างกันเท่าไรนัก ทางด้านประสิทธิภาพเลยใช้งาน SNAPDRAGON 720G 8NM พร้อมกับการ์ดจอ Adreno 618 และใช้งาน RAM LPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB พร้อมกับใช้งาน Android 11 แต่ทางด้าน Software นั้นจะแตกต่างในการขับประสิทธิภาพของแต่ละแบรนด์ ความลื่นไหล หรือการกินทรัพยากรตัวเครื่องอันนี้แตกต่างกันว่าค่ายไหนจะรีดออกม่ได้ดีกว่า ส่วนเรื่องคะแนนนั้นเราจะเห็นว่าไม่ได้หนีกันมากนัก ในเรื่องของการเล่นเกม ทำงานเลยทำได้ดีทั้งคู่เลยนั้นเอง

STORAGE UFS 2.1

ในเรื่องของหน่วยความจำ UFS 2.1 เหมือนกันทั้งคู่ทำให้เรื่องของการอ่านเขียนนั้นมีความใกล้กัน ถ้ามองไปในตัวเลขการอ่านเขียน นั้นถือว่ามีความแตกต่างกัน  การเขียนนั้น จะทำได้ และ การอ่านทำได้  ส่วนของ OPPO เองนั้นทำได้ และ อ่านทำได้ เรียกได้ว่าไม่หนีกันมาก แต่จะไปแตกต่างกันในการเขียน random ที่ทาง OPPO เด่นกว่าทำให้คะแนนภาพรวมนั้นเลยสูงกว่านั้นเองครับ แม้จะใช้งาน UFS เหมือนกันแต่การจัดการก็เรียกได้ว่ามีผลด้วยครับ

SPEAKER 

จุดที่สายเสพคอนเทนต์นั้นให้ความสนใจต้องบอกว่าเรื่องของระบบเสียงแน่นอนว่าลำโพงคู่จะเด่นกว่าในเรื่องของความดัง หรือว่า มิติเสียง การแยกซ้ายขวาเวลาเล่นเกม ดูหนังต่างๆครับ จุดนี้เป็นจุดตัดสินใจได้เลยว่าแต่ละคนจะเน้นมากน้อยแค่ไหน และ SAMSUNG GALAXY A52 นั้นจะมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ บน ล่างทำให้เสียงคมชัด พร้อมระบบ Dolby ATMOS  ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักๆของตัวนี้ที่เสริมเข้ามาทำให้เสียง ดังและชัด รวมถึงมิติเสียงดีกว่าทาง OPPO แบบรู้สึกได้ครับ ถ้าใครเน้นเรื่องเสียงลำโพง เล่นเกม และหนังนั้นตัวนี้ทำออกมาได้ดีในตัว A52

CAMERA 

เรื่องของกล้องหลังนั้นจริงๆทั้ง 2 รุ่นของแต่ละค่ายจะเหมือนกันทั้งหมดครับแต่ทางเราก็ขอแยกชุดจะได้เทียบกันได้ง่ายๆ ในรุ่น 4G เองนั้น ทางด้าน SAMSUNG GALAXY A52 จะมาพร้อมกับจุดเด่นๆคือเรื่องของกันสั่น OIS ที่ให้มาในเลนส์หลักทำให้เรื่องของ การถ่ายวีดีโอ การถ่ายภาพนิ่งนั้นนิ่งกว่าแบบชัดเจน ส่วนสเปกนั้นไม่ได้หนีกับ OPPO มากนักในเรื่องของความละเอียด ทางด้าน SAMSUNG GALAXY A52 มาพร้อมกับ กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 12MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.2) กล้องมาโคร 5MP (f/2.2) และทางด้าน OPPO Reno5 นั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 64MP ที่รองรับ EIS + กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) + กล้องมาโคร 2MP + กล้องโมโน 2MP (f/2.4), LED flash เรียกได้ว่าสเปกสูสีกันมากๆ แต่ OIS เป็นตัวหลักเลยที่ส่งผลในเรื่องของการถ่ายซึ่งทาง Samsung นั้นเป็นตัวเดียวที่ให้มาเทียบกับราคาที่ต่างกัน

PORTRAIT 

FRONT CAMERA 

CAMERA FEATURE 

อีกจุดนึงที่ทาง Samsung ใส่เข้ามาคือยกฟังก์ชันจากมือถือเรือธงอย่าง S-Series ทั้ง Single Take, My Filter, Fun Mode และ Pro Video ทำคอนเทนต์ได้สนุกกว่าเดิมเยอะมากๆ คือเด่นมากในเรื่องของ Single Take ที่ถ่ายทีเดียวเราจะได้ทั้งภาพนิ่ง วีดีโอ และ คลิปสั้นๆ หรือจะเป็นการจับจังหวะเด่นๆที่เราถ่ายรวมมาให้ครบเลยอันนี้เป็นจุดที่ยังไม่มีค่ายไหนทำ รวมถึง My Filter ที่ดึงโทนสีของคนอื่นมาใช้งานได้ง่ายๆ อันนี้เป็นจุดที่ชอบมากครับ แต่ทาง OPPO เองก็ไม่น้อยหน้านะ มาพร้อมกับ So Loop ที่เป็นการตัดต่อแบบเร่งด่วนง่ายๆหรือว่าจะเป็น Mixed portrait ที่ซ้อนคนไปกับวิว ซึ่งแต่ละฟีเจอร์เป็นจุดที่ อีกค่ายนึงล้วนไม่มีใส่เข้ามา แตกต่างกันคนละแบบเลยทีเดียว

IP RATING 

Samsung Galaxy A52 ทั้ง 2 รุ่นนั้นรองรับการกันน้ำมาตรฐาน IP67 ที่ความลึก 1 เมตร นาน 30 นาที ลดความเสี่ยงที่เครื่องจะพังเมื่อเจอฝนหรือทำตกน้ำนั้นเอง ถือว่ามีความพิเศษและทนทานในเรื่องของการใช้งานที่เด่นกว่าชัดเจน จุดนี้จริงๆอยากให้มือถือทุกๆค่ายทำเป็นมาตรฐานได้น่าจะดีไม่น้อยครับและทาง Samsung เองก็เป็นค่ายแรกๆที่เอามาใส่ในตระกูลกลางหรือเล็กราคาไม่แพงแบบนี้ถือว่าส่งผลดีต่อการใช้งานมากๆ และไว้ใจได้มากขึ้น

SOFTWARE 

ทางด้านระบบนั้นใช้งาน Android 11 ด้วยกันทั้ง 4 รุ่น แต่ละค่ายมีระบบหน้าตาแตกต่างกันไปครับ รวมถึงในเรื่องของ สิทธิประโยชน์เฉพาะลูกค้า Samsung ไม่ว่าจะเป็น   Galaxy Gift YouTube Premium ฟรี 2 เดือน และศูนย์บริการใกล้บ้านทั่วประเทศ  และทาง OPPO เองก็มีธีมหน้าตาของตัวเอง แต่ถ้าเรื่องของฟีเจอร์การได้รับสิทธิพิเศษต่างๆนั้น SAMSUNG GALAXY จะมีการจับมือร่วมกันกับค่ายอื่นๆเยอะมากกว่าทั้ง Youtube , Microsoft หรือว่าจะเป็นการรองรับต่างๆที่ต้องยอมในเรื่องนี้ครับ แต่ถ้าระบบหน้าตาต่างๆนั้นลื่นไหล และ อัปเดตได้ไวไม่ต่างกัน

COMPARE 5G 

ในรุ่น 5G ถือว่าน่าสนใจเพราะแต่ละค่ายมีการเปลี่ยนสเปกเมื่อเทียบกับรุ่น 4G หรือ LTE เล็กน้อยครับ แน่นอนว่าด้วยราคาที่สูงขึ้นสเปกย่อมใส่เข้ามาให้ดีกว่าแน่นอน ในค่าย SAMSUNG ก่อนเลยตัวนี้สเปกหลักๆเหมือนกันทั้งหมดแต่มีการเปลี่ยนมาใช้งาน Snapdragon 750G 5G ที่ใหม่กว่าแรงกว่า และปรับหน้าจอเป็น 120Hz เลยทีเดียวใน sAMOLED แต่สเปคส่วนอื่นๆนั้นเหมือนเดิมทั้งหมดครับเมื่อเทียบกับ 4G LTE ส่วนทางด้าน OPPO เองนั้นเราจะได้ ชาร์จไว 65W ที่แรงกว่าตัว 4G และแรงกว่า SAMSUNG และหน้าจอ 6.43 นิ้วจากเดิม 6.4 นิ้ว และสว่างมากขึ้น แต่ยังคงเป็น 90Hz รวมถึงในเรื่องกล้องหน้าโดนลดมาเหลือ 32MP เท่ากับ Samsung ครับจากที่รุ่น 4G นั้นได้กล้องหน้า 44MP นั้นเอง เป็นจุดต่างภาพรวมคร่าวๆระหว่าง 4G 5G และ ทั้ง 2 รุ่นที่เราจะเอามาเทียบกัน

SCREEN 120Hz ! 

หน้าจอเป็นจุดที่ปรับหลักๆจากรุ่น 4G แน่นอนว่า SAMSUNG GALAXY A52 5G นั้นมาพร้อมกับ 120Hz พัฒนาขึ้นจาก 90Hz ในรุ่น 4G และดีกว่าทาง OPPO ที่ยังคงเป็น 90Hz ครับ เรื่องหน้าจอถือว่าไว้ใจค่าย SAMSUNG ได้เลย ทางด้านสเปกนั้นมาพร้อมกับ หน้าจอ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ (1080×2400พิกเซล) ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 800nits ส่วนทางด้าน OPPO นั้นมีแค่ขนาดที่เพิ่มมาเป็น 6.43 นิ้ว และ สู้แสงได้ดีขึ้นจากตัว 4G LTE มาเป็นสเปก หน้าจอ OLED 2.5D ขนาด 6.43 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz ความสว่างสูงสุด 750nits ครับถือว่าดีขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้นนิดๆอาจจะด้วยกล้องหน้าที่เปลี่ยนตัวทำให้ขนาดเล็กลง แต่การสัมผัสความลื่นไหล นั้นเท่าเดิมกับรุ่น 4G LTE ครับ ทำให้เมื่อเทียบกับสเปกภาพรวมทั้ง 2 ค่ายแบบนี้หน้าจอยังคงต้องยอม SAMSUNG GALAXY A52 5G ตัวนี้ครับ

PERFORMANCE CPU 

การปรับมาใช้งาน 5G ทำให้ทั้ง 2 ค่ายต้องปรับมาใช้งาน CPU ที่แรงขึ้นและรองรับ 5G แน่นอนว่าทาง SAMSUNG เองนั้นปรับมาใช้งานชิปเซ็ต Snapdragon 750G ที่ใหม่กว่า เร็วกว่า และกินไฟน้อยลง และ ทาง OPPO เองนั้นใช้งาน 765G นั้นเอง จริงๆถ้ามองในรหัส 750G นั้นจะใหม่กว่านั้นเองครับ และถ้าหากพูดถึงในรุ่น 5G ของทั้ง 2 ค่ายถือว่ามีความเเตกต่างอยู่พอสมควร ซึ่งเเน่นอน ทาง Samsung Galaxy A52 5G ถ้าเปรียบเทียบเรื่องของผลคะแนน เราจะเห็นได้ว่าจะมีผลคะแนนโดยรวม Antutu เยอะกว่าทาง OPPO RENO 5 5G เเต่ถ้าเทียบเรื่องของผลคะแนน GPU ทาง OPPO RENO 5 5G จะมีผลคะแนนที่เเรงกว่าอยู่พอสมควร ซึ่งหมายความว่าหากใครที่เน้นเล่นเกม ทาง OPPO จะปรับภาพได้สูงกว่า เเละเล่นเกมได้ลื่นกว่าในรุ่น Samsung Galaxy A52 5G ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ PUBG ที่ปรับกราฟิกได้สูงกว่า ROV ที่ได้ FPS ดีกว่าจากที่ได้ลอง ส่วนเรื่องเเบตเตอรี่ เท่าที่ได้ลองก็ถือว่าไม่ได้เเตกต่างกันเท่าไรในทั้ง 2 รุ่นนี้ครับรวมถึงงานภาพ ความลื่นไหลอะไรนั้นไม่ได้หนีกันมากนักครับ

SPEAKER 

จุดที่สายเสพคอนเทนต์นั้นให้ความสนใจต้องบอกว่าเรื่องของระบบเสียงแน่นอนว่าลำโพงคู่จะเด่นกว่าในเรื่องของความดัง หรือว่า มิติเสียง การแยกซ้ายขวาเวลาเล่นเกม ดูหนังต่างๆครับจุดนี้เป็นจุดตัดสินใจได้เลยว่าแต่ละคนจะเน้นมากน้อยแค่ไหน และ SAMSUNG GALAXY A52 5G นั้นจะมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ บน ล่างทำให้เสียงคมชัด พร้อมระบบ Dolby ATMOS  ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักๆของตัวนี้ที่เสริมเข้ามาทำให้เสียง ดังและชัด รวมถึงมิติเสียงดีกว่าทาง OPPO แบบรู้สึกได้ครับ ถ้าใครเน้นเรื่องเสียงลำโพง เล่นเกม และหนังนั้นตัวนี้ทำออกมาได้ดีในตัว A52 5G และทั้ง A52 5G และ A52 LTE นั้นเป็นลำโพงคู่ด้วยกันทั้งหมดทำให้เรื่องลำโพงนั้นโดดเด่นในทั้ง 2 ตัว

CAMERA 

ทางด้าน SAMSUNG GALAXY A52 5G จะมาพร้อมกับจุดเด่นๆคือเรื่องของกันสั่น OIS ที่ให้มาในเลนส์หลักทำให้เรื่องของ การถ่ายวีดีโอ การถ่ายภาพนิ่งนั้นนิ่งกว่าแบบชัดเจน ส่วนสเปกนั้นไม่ได้หนีกับ OPPO มากนักในเรื่องของความละเอียด ทางด้าน SAMSUNG GALAXY A52 5G มาพร้อมกับ กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 รองรับ OIS กล้อง ultra-wide 12MP (f/2.2) กล้องจับความลึก 5MP (f/2.2) กล้องมาโคร 5MP (f/2.2) และทางด้าน OPPO Reno5 5G นั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 64MP ที่รองรับ EIS + กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) + กล้องมาโคร 2MP + กล้องโมโน 2MP (f/2.4), LED flash เรียกได้ว่าสเปกสูสีกันมากๆและได้กล้องตัวเดียวกับรุ่น 4G ด้วยนะ แต่ถ้าถามว่าจุดต่างนั้นจะเป็นกล้องหน้าที่ OPPO ให้มาไม่เท่ากันในรุ่น 5G 4G นั้นเอง

PORTRAIT 

FRONT CAMERA 

GALAXY A52 SERIES VS OPPO RENO 5 SERIES 

สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ทั้ง OPPO / Samsung ก็อยู่ในเรทที่เทียบได้สูสีที่สุดในทั้ง 2 แบรนด์ แต่ก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุด ต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน ได้แต่นำเสนอข้อเท็จจริงและสรุปจากประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกันครับ เรามาดูข้อสรุปนิดหน่อยกันครับว่ารุ่นไหนเด่นอะไร และ มีจุดไหนที่ทำได้ใกล้กัน ทั้งเรื่องของกล้องหน้าหลัง รวมถึง ระบบตัวเครื่องหน้าตา หน้าจอที่แตกต่างกัน 

สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares