สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Techhangout ทุกท่านบทความนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งกับการพรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งเลยก็ว่าได้กับสมาร์โฟนเรือธงจากแบรนด์ OPPO กับในรุ่น OPPO Reno 10x Zoom เพราะในรอบนี้ทาง OPPO ได้นำเข้ารุ่น Ram 12GB เข้ามาว่าจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเฉดสีใหม่ที่มีชื่อว่า Ocean Blue มาพร้อมเฉดสีใหม่ที่สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญในรุ่นนี้ทาง OPPO วางจำหน่ายในราคาเท่าเดิมอีกด้วย

แน่นอนว่า OPPO Reno 10x Zoom เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของทาง OPPO ทางมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชิปเซ็ตชีพียู Snapdragon 855 ที่ยังถือว่าเป็นชีพียูตัวท็อปของปีนี้นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับกล้องหลังคุณภาพที่จัดเต็มมาพร้อมกับกล้องหลังถึง 3 เลนส์ Triple Camare ที่มาพร้อมความละเอียด 48 MP + 13MP + 8MP ที่รองรับการถ่ายภาพทั้งเลนส์มุมกว้าง รองรับการซูมได้ใกล้สูงสุดถึง 60x เรียกได้ว่าซูมได้ใกล้ที่สุดเเล้วในตอนนี้

นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 16MP แบบ Pivot Rising แบตเตอรี่ความจุ 4065 mAh รองรับระบบชาร์จไว Vooc 3.0 W อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว แบบ OLED Panoramic Screen ที่มีสีสันสดใสแถมยังมาพร้อมกับหน้าจอที่ไร้รอยบากมากลัวใจอีกด้วย อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพกลางคืนอย่าง Ultra Night Mode 2.0 อีกด้วย

UNBOX

เริ่มต้นกันที่ตัวกล่องของ OPPO Reno 10x Zoom 12GB Limited Edition เฉดสีใหม่ Ocean Blue กันก่อนดีกว่า ดีไซน์กล่องโดยรวมที่ใส่มาในรุ่นนี้โดยรวมจะเหมือนก่อนในรุ่นก่อน มีลักษณะกล่องที่เป็นสีขาว รูปทรงยาวๆ

ด้านหน้าจะมีลักษณะรูปแบบคล้ายๆกับกล้องที่เรียงลงมาทั้งหมด 3 เลนส์เหมือนกับด้านหลังของตัวเครื่อง มีตัวหนังสือที่ระบบชื่อรุ่นใหม่อย่างชัดเจน

ด้านหลังตัวเครื่องรายละเอียดอื่นๆโดยรวมก็จะคล้ายๆกับรุ่นเดิม เเต่จะมีชื่อสีของตัวเครื่องที่เปลี่ยนไปบอกชื่อสี Ocean Blue อย่างชัดเจน มีการบอกรายละเอียด RAM 12GB + ROM 256GB อย่างชัดเจน

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง OPPO Reno 10x Zoom
  • อะแดปเตอร์ VOOC 3.0
  • สาย USB Type-C
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • หูฟัง USB Type-C
  • เคส
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • ตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้เเล้ว

OPPO Reno 10x Zoom 12GB Limited Edition เฉดสีใหม่ Ocean Blue แรงบันดาลใจจากท้องสมุทร

DESIGN

การออกแบบของรุ่นนี้จริงๆในรุ่นก่อนก็ถือว่าทำได้ดีอยู่เเล้ว เเต่เมื่อเป็นเฉดสีใหม่อย่าง Ocean Blue ทำให้ตัวเครื่องที่มีความพรีเมียมอยู่เเล้วสวยงามขึ้นไปอีก ในสีนี้ทาง OPPO ได้รับเเรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลจากสีน้ำในมหาสมุทร เมื่อโดนเเสงตัวเครื่องจะไล่เฉดสี สีน้ำเงินเหลือบสีม่วง เเละในบางมุมก็จะมีสีเขียวคราม พร้อมกับการสะท้อนเเสงที่มีเเสงเเละเงาเหมือนกับคลื่นในท้องทะเล

ด้วยดีไซน์ที่ทาง OPPO ทำออกมาได้พรีเมียมอยู่เเล้วในรุ่นนี้มีการออกแบบตำแหน่งกล้องที่ไม่มีการนูนออกมาจากตัวเครื่อง เลยทำให้สีนี้ดูดีเเละเด่นกว่าในรุ่นก่อน อีกทั้งทาง OPPO ยังใช้ฝาหลังที่เป็นกระจกกันรอยแบบ Corning Gorilla Glass 6 รับรองได้ว่ามีความทนทานในระดับนึง นอกจากนั้นขอบของตัวเครื่องยังเป็นวัสดุที่เป็นโลหะ มีการเคลือบพื้นผิวที่เป็นสีเขียวดูด้านๆ ทำให้ตัวเครื่องดูสวยงามเเละหน้าใช้เข้าไปอีก

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED หน้าจอแบบ Panoramic Screen ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ( 1080×2340 พิกเซล : 387 ppi ) อัตราส่วน19.5:9 สัดส่วนจอแสดงผลที่ 93.1% และรองรับ DCI-P3 รวมถึง HDR 10+ มีการ Gorilla Glass 6 ตัวล่าสุดกันเลยสำหรับรุ่นนี้

ด้านขอบบนของหน้าจอนั้นจะไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเเละเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ และมีการฝังเซนเซอร์ไว้ใต้หน้าจอทั้งหมด

เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นจะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า 16MP แบบ Pivot Rising Camara มีลำโพงสนทนา มีไฟแฟลช LED สำหรับเวลาถ่ายเซลฟี่ในตอนกลางคืน

 นอกจากนั้น OPPO OPPO Reno 10x Zoom 12GB Limited Edition ในเรื่องของระบบความปลอดภัยยังรองรับการสแกนใบหน้า ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผลอีกด้วย หรือที่ทาง OPPO เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Hidden Fingerprint 2.0

มากันที่ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะขึ้นมา และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงก็อยู่ตรงส่วนนั้นด้วย และตรงขอบหน้าจอสีดำนั้นจะเห็นว่าตรงกลางมีเว้าๆเข้าไปเพื่อจะเป็นช่องสำหรับเสียงส่งมาจากตรงกล้องหน้านั้นเอง

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นส่วนที่ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆที่ออกมา และรองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant ได้ด้วยนะ

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ไม่มีถาดซิมนะครับเพราะ ช่องใส่นั้นไว้ด้านล่างแล้ว ส่วนความหนาก็มีพอสมควรในรุ่นนี้น่าจะต้องใส่กล้องที่เลื่อนขึ้นลงนั้นแหละ และวัสดุเป็นแบบด้านโทนเดียวกับฝาหลัง

ขอบด้านล่างเครื่องกันบ้าง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของ ถาดซิมแบบ Hybrid Slot นะครับ และ ช่อง  Type-C  และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ ซึ่งลำโพงรุ่นนี้จะเป็นแบบคู่ ทำงานร่วมกันกับขอบบนหน้าจอครับ

ด้านหลังเครื่องกันบ้าง ใช้การออกแบบ แนวคิดแบบ Symmetry Design คือการออกแบบโดยคำนึงถึงความงามอย่างสมมาตร และ สมดุล แบบไร้รอยต่อ การออกแบบฝาหลังนั้นสวยงามมีการเล่นไล่สีสวยงาม วัสดุที่ใช้จะเป็นแบบเงาสวยงามมีการเล่นสี เหลื่อมๆเล็กน้อยถ้าโดนแสง พร้อมกับเขียนชื่อแบรนด์และ Design by OPPO เอาไว้

ตรงส่วนของกล้องนั้นมาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวในแนวตั้งที่ตรงกลาง และ ไฟแฟลชนั้นจะไปอยู่ตรงส่วนของ Pivot Rising ที่ขึ้นมาจากข้างบนครับ กล้องหลัง 48MP f1.7 + เทเล แบบ Periscope 13 MP f3.0 +  มุมกว้าง 8 MP f2.2 เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX586  ในตัวหลักครับ และ โฟกัสทำงานแบบ Laser ร่วมกับ PDAF และถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามี ปุ่มกลมๆ ใต้กล้องสี่เหลี่ยม และไมค์ นั้นจะเรียกว่า O-Dot   ซึ่งทำมาจากเซรามิก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปกป้องเลนส์กล้องหลังโดยยกตัวเครื่องด้านหลังให้สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ไม่ให้ฝาหลังนั้นสัมผัสกับพื้นทำให้ไม่เป็นรอย

SPEC

  • ระบบ Android 9 ครอบด้วย ColorOS 6
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+
  • CPU Snapdragon 855 + GPU Adreno 640
  • RAM 8GB STORAGE 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว  48MP f/1.7มีกันสั่น OIS + เลนส์ระยะเทเล รองรับสูงสุด 5x ความละเอียด 13MP f/3.0 มีกันสั่น OIS  , ระบบโฟกัส PDAF  +  เลนส์ Ultrawide 8MP f/2.2 Fix Focus
  • กล้องหน้า Pivot Rising ความละเอียด  16MP f/2.0
  • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
  • Bluetooth 5.0, USB-C
  • ไม่มี รูหูฟัง 3.5 มม.
  • สแกนนิ้วบนหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ 4065 mAh รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
  • ขนาด 162.0มม.*77.2มม.*9.3มม. 210กรัม
  • ราคาจำหน่าย 28,990 บาท

PERFORMANCE

ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้น ในรุ่นก่อนที่มาเด็ดเเล้ว ในรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าสเปคจัดเต็มมาก CPU Snapdragon 855 + RAM 12GB LPDDR4x ร่วมกับ Storage 256GB UFS 2.1 เรื่องความปลอดภัย ยังได้ DRM L1 ทำให้ดู Netflix แบบ HD ได้ นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับซอฟแวร์เวอชั่นใหม่ล่าสุดของทาง OPPO อย่าง ColorOS 6 พร้อมกับรันบนระบบ Andriod 9 Pie รับลองว่าสเปคระดับนี้ใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมส์ เหลือๆอย่างแน่นอน

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Max

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares