Xiaomi ยังคงเดินหน้าลุยตลาดอุปกรณ์สวมใส่เน้นๆและในบรรดาตระกูล Mi Band ถือว่าเป็น Smartband ที่ได้รับความนิยมมากๆในบรรดา Smartband ทั้งหมด และ แน่นอนว่าแม้จะมีคู่แข่งอะไรเยอะแยะมากขึ้นแต่ความโดดเด่นความเก๋าของรุ่นนี้ยังคงนำหน้าคู่แข่งในงบราคาเท่ากัน ทั้งเรื่องของสเปก ฟีเจอร์ คุณภาพ และหน้าจอใช้งานต่างๆที่หาคู่แข่งได้ยาก และล่าสุดในไทยก็ได้เปิดตัว Mi Band 5 ไปแล้วนั้นเอง ในรุ่นนี้ต้องบอกว่าพัฒนาเพิ่มเติมจากเดิมจากรุ่น 4 มาแบบชัดเจนครับทั้งหน้าจอ และ ฟีเจอร์รวมถึงการพัฒนาการชาร์จแบบใหม่แล้วในรุ่นนี้ครับ

Xiaomi Mi Band 5 เปิดตัวมาด้วยการปรับปรุงจากรุ่นเดิมพอสมควรทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 1.1 นิ้ว  ซึ่งถือว่ามีขนาดหน้าจอใหญ่กว่ารุ่นที่ผ่านมาถึง 20% ทำให้สามารถแสดงผลได้ละเอียดมากขึ้น สำหรับฟังก์ชันกีฬาของเจ้า Mi Band 5 จะมีให้เลือกใช้งานถึง 11 โหมด และตัวเครื่องของมันยังกันน้ำได้ถึง 5ATM หรือว่า 50 เมตรนั่นเอง การตรวจจับการนอน 24 ชั่วโมงทั้งการงีบหลับ, light sleep และ REM deep sleep อีกทั้งยังมีการตรวจจับความเครียด, การฝึกการหายใจ และการตรวจจับ activity ต่าง ๆ นอกจากนี้ Mi Band 5 ยังมีการตรวจวัดสุขภาพของสุภาพสตรีอีกด้วย เช่น ช่วงเวลาการมีประจำเดือน เป็นต้น และมันยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถอยู่ได้นานสูงสุดถึง 20 วัน และ ยังออกแบบที่ชาร์จแบบใหม่ที่ไม่ต้องถอดสายเวลาชาร์จแล้วด้วยเช่นกันครับ และ ทางด้านราคาจำหน่ายในไทยนั้นจะอยู่ที่ 1,190 บาท พร้อมกับการรับประกับศูนย์ไทยครับผม 

UNBOX

  • ตัว  MiBand 5
  • สายยาง ซิลิโคน สีดำ
  • ที่ชาร์จ แบบใหม่
  • คู่มือ

DESIGN

การออกแบบนั้นถือว่าไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้มากถ้าดูรวมๆครับแต่จะแตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียดต่างๆของตัวเรือน และ ข้างในซะมากกว่าแน่นอนว่าหน้าจอนั้นที่แตกต่างกันชัดๆเลย จะเป็นหน้าจอแบบสีที่ใหญ่ขึ้นและมีความโค้งมนมากขึ้น ดูออกเลยว่ารุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า และยังคงใช้งานหน้าจอเรียบๆแบบนี้นั้นติดฟิล์มอะไรได้ง่ายๆและทำให้รักษาได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย ส่วนขนาดต่างๆไม่ได้แตกต่างอะไรมาก แต่ะจะเห็นการออกแบบตัวสายรัดแบบใหม่ที่จะโชว์ตัวเรือนมากขึ้นกว่าเดิม และ มีความเป็นสายโมดูลแยกกันชัดเจนแต่มีเอกลักษณ์เดิมได้อย่างดีเลยครับ

ในส่วนของด้านหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นเซนเซอร์การวัดชีพจรอะไรต่างๆ และ ในรุ่นนี้ก็ได้เพิ่มเซนเซอร์ต่างๆเข้ามาในตัวเรือน การชาร์จนั้นยังคงใช้แบบ แถบทองแดง 2 จุดครับ และที่ชาร์จแบบใหม่ทำให้ไม่ต้องถอดสายชาร์จแล้วนั้นเอง แม้จะเป็นตำแหน่งชาร์จแบบเดิมแต่ก็เปลี่ยนหัวใหม่ใช้ง่ายขึ้นเยอะ ส่วนด้านข้างนั้นจะเห็นว่าเรียบๆเช่นเดิมแต่มีการออกแบบสายใหม่ทำให้ตัวเครื่องดูบางขึ้น เห็นด้านหลัง และ หน้าจอได้พอดีกัน 

ตัวเรือนยังคงสามารถถอดออกจากตัวสายได้เหมือนเดิมครับ ตัวสายอย่างที่บอกหน้าตาอะไรคุ้นๆกันรุ่นก่อนหน้าสามารถใช้งานด้วยกันได้ และการล็อกอะไรต่างๆนั้นยังทำได้ดีแน่นพอสมควรครับ ตัวสายวัสดุต่างๆยังทำได้ดีเหมือนเดิมเป็นซิลิโคนที่นิ่ม และ ใช้งานได้ดีเวลาสวมใส่ไม่ระคายหรือแพ้อะไรครับ ตัวล็อกต่างๆของสายนั้นยังเป็นแบบเดิมที่สามารถปรับได้ค่อนข้างเยอะและล็อกได้ดี ตัวสายสามารถเปลี่ยนได้ค่อนข้างหลากหลายทั้งสีและแบบสามารถสั่งได้ตามร้านข้างนอกทั่วไปที่ขายกับตามเว็บได้เลยครับ หรือจะสั่งออนไลน์จากต่างประเทศพวกนั้นก็มีให้เลือกเยอะมากๆ

ตัวเรือนของ Mi band 5 เมื่อถอดออกมาแล้วนั้นมีขนาดเล็กๆรูปทรงที่คุ้นเคยกันวัสดุเป็นพลาสติกหลักๆและหน้าจอนั้นก็เป็นวัสดุเงาที่มีขอบโค้งรอบๆแต่หน้าจอนั้นเรียบขึ้น และใหญ่กว่าเดิมเนื่องจากมันเป็นหน้าจอสี และเต็มตามากขึ้นกว่ารุ่น 4 และตัดขอบโค้งสวยงามมากครับ ก็ถือว่ายังมองได้ชัดเจนและสู้แสงได้ดีครับ สามารถสัมผัสได้แบบเต็มรูปแบบ และ มีปุ่มตรงด้านล่างคล้ายๆปุ่ม Home หลักนั้นเอง ด้านหลังก็เป็นเซนเซอร์ทั้งหมด และ แถบชาร์จแบต รวมถึงโลโก้ Mi ด้วย ส่วนตรงกลางนั้นจะเป็นเว้าเข้าไปเมื่อมองจากด้านข้างทำให้เพื่อที่จะล็อกกับตัวสายได้เมื่อเสียบเข้าไปครับงานออกแบบตัวเรือนนั้นคล้ายกับรุ่นก่อนๆแต่จะเปลี่ยนแนวสายที่ล็อกแบบใหม่ในด้านข้างเท่านั้นเองครับ

SPEC

  • หน้าจอ AMOLED สี 24bit ขนาด 1.1 นิ้ว (126 x 294 พิกเซล) ที่มีความสว่างมากกว่า 450 nits, ใช้กระจกกันรอยแบบ 2.5D, เคลือบ AF coating
  • แสดงเวลา, จำนวนก้าว, อัตราการเต้นของหัวใจ, activity, สภาพอากาศ, การแจ้งเตือนจากแอปและการโทร ฯลฯ
  • เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ มีเซนเซอร์ PPG
  • ตรวจจับการนอน, การขยับร่างกาย และการอยู่นิ่งตลอด 24 ชั่วโมง
  • โหมดกีฬา 11 โหมดได้แก่ วิ่งกลางแจ้ง, การเดิน, การปั่นจักรยาน, การวิ่งในร่ม, การว่ายน้ำ, การออกกำลัง, ปั่นจักรยานในร่ม, การใช้เครื่อง elliptical machine, การกระโดดเชือก, โยคะ และการใช้เครื่อง rowing machine
  • ระบบวิเคราะห์ค่า PAI, การตรวจจับสุขภาพของสตรี : ช่วงเวลามีประจำเดือน, ช่วงเวลาตกไข่
  • ระบบ AI ผู้ช่วยส่วนตัว Xiao Ai’s voice assistant (ในรุ่น NFC )
  • กันน้ำ 5ATM (50 เมตร)
  • Bluetooth 5.0 LE, NFC (ในรุ่นที่มี)
  • ขนาดตัวเครื่อง: 47.2 x 18.5 x 12.4mm; น้ำหนัก: 11.9g / 12.1g (ในรุ่น NFC)
  • แบตเตอรี่ 125 mAh ที่ใช้งานได้ถึง 14 วันในโหมดปกติ และ 20 ในโหมดประหยัดแบตเตอรี่

SOFTWARE

ทางด้านระบบหน้าตาของตัวแอพยังคงใช้งานหลักๆเป็นแอพของ Mi Fit ครับ แต่หน้าตาดูดีใช้งานได้ง่ายขึ้นสามารถหาโหลดใช้งานได้จากทาง Playstore – Appstore ได้เลยสามารถลงทะเบียนและใช้งานได้ครับ ส่วนเรื่องของการเชื่อมต่อก็ทำตามขั้นตอนไม่ยุ่งยากครับ แต่แนะนำให้ชาร์จแบตไว้ก่อนสำหรับตัว Mi band ก่อนที่จะทำการซิงค์ ส่วนหน้าตาก็การใช้งานนั้นก็เข้าใจได้ง่ายครับไม่ยุ่งยากรองรับภาษาไทยได้สำหรับตัวแอป ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ตามภาษาหลักของเครื่องครับ แต่ถ้าบนตัวนาฬิกาพวกเมนูชื่อเมนูการใช้งานอาจจจะยังไม่รองรับในตอนนี้ รออัปเดตจะรองรับแน่นอนครับ แต่ถ้าการแจ้งเตือนอะไรพวกนี้นั้นสามารถใช้งานภาษาไทยได้ทันทีเลยครับไม่ต้องรออัปเดต

ตัวหน้าตาหลักๆนั้นจะเป็น 3 ส่วนครับคือหน้าหลัก บอกข้อมูล – หน้าเพื่อน – และหน้าการตั้งค่าครับ ซึ่งก็สามารถปรับแต่งและดูข้อมูลได้ง่าย หน้าตาใช้งานไม่ยากครับผม รองรับภาษาไทยได้ด้วยตามภาษาตัวเครื่อง และข้อมูลต่างๆนั้นเราต้องป้อนน้ำหนักส่วนสูงไปด้วยเพื่อที่จะคำนวณข้อมูลอะไรต่างๆออกมาได้ง่ายขึ้นเยอะครับ

ส่วนหน้าแรกนั้นถ้าเราเลือกแทบด้านบนก็จะสามารถเข้าไปในส่วนการออกกำลังได้เลยครับทั้งวิ่ง เดิน หรือ ปั่นจักรยาน และ ถ้าเข้ามาในตั้งค่าส่วนของตัว นาฬิกาสามารถปรับแต่งได้เยอะมากก ทั้งเรื่องข้อมูล การแจ้งเตือนอีกมากมายครับ เช่นในภาพตรงกลางก็จะสามารถตั้งค่าเรื่องการล็อกแบนด์ได้ แจ้งสายเรียกเข้า แจ้งกิจกรรม ปลุก แอปต่างๆได้ทั้งหมด รวมถึงการตั้งค่าการสวมใส่ โหมดกลางคืนที่จะหรี่แสงหน้าจอเอง หรือจะเป็นการยกข้อมือที่จะหน้าจอติดเองครับผม เป็นการตั้งค่าที่ปรับแต่งได้เยอะมากๆเลยครับ และหน้าตาของ  Watchface ก็พัฒนาขึ้นเยอะด้วย

Watchface นั้นมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ และ มีแบบขยับได้ด้วยเช่นกันครับรวมถึงในบางหน้าตานั้นจะสามารถเปลี่ยนส่วนที่โชว์ได้ว่าจะให้โชว์อะไรทั้ง แคล ก้าว หรือ ชีพจรครับหลักๆที่เปลี่ยนได้จะเป็นหน้าตาเดิมๆจากเครื่องนั้นเอง ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีเพราะในรุ่นก่อนเราบ่นกันไปว่า ควรจะปรับเปลี่ยนเองได้บ้างและในรุ่นนี้ทำได้แล้วนั้นเองครับ 

การตั้งค่านั้นปรับแต่งได้เยอะขึ้นครับในส่วนของฟีเจอร์รวมถึงการรองรับการออกกำลังที่จัดเต็มมากขึ้น และ ปรับแต่งหน้าตาได้เยอะพอสมควร รวมถึงดารตั้งค่าการแจ้งเตือนตามแอป แน่นอนว่าตัวนี้รองรับภาษาไทยพร้อมใช้งาน

SCREEN

อีกจุดของเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดคงเป็นเรื่องของหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.10 นิ้ว AMOLED พร้อมกับ  126 x 294 pixels และรองรับความสว่าง สูงสุด  450 nits และสามารถปรับความสว่างได้ ครอบทับด้วยกระจก 2.5D และแน่นอนว่าการเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบสีต่อยอดจากเดิม เพิ่มเติมคือขนาดใหญ่กว่าเดิมชัดเจน ของเดิม 0.96 นิ้วครับ และแน่นอนว่าขอบหน้าจอตัดมุมโค้งสวยงามขึ้นดูดีขึ้นมา และในเรื่องของความสว่างและการสู้แสงครับ หน้าจอนั้นสู้แสงได้ดีมากๆเมื่อปรับระดับสูงสุด มองเห็นได้สบายๆครับ ส่วนเรื่องของสีสันต่างๆนั้นทำได้ดีสมกับ AMOLED และสีค่อนข้างสวยและมีความละเอียดอยู่ในระดับที่รับได้และไม่ได้แย่เลยครับ และโทนสีสวยชัดเจนมาก

ส่วนเรื่องของการสู้แสงแดดนั้น ปรับทั้งหมด 5 ระดับและบอกเลยว่าระดับสูงสุดนั้นสู้แสงแดดกลางแจ้งได้ดีมากๆ หรือเจอแสงสะท้อนก็ทำได้ดีแบบในภาพแม้จะเจอแสงรบกวนก็สามารถมองเห็นตัวเล็กได้ดีและสีสันอะไรยังคงมาครบ ตัวจอรองรับมุมมองได้กว้างมากๆครับคือมองแบบเอียงๆหรือเฉียงๆแค่ไหนก็ยังไม่เจอผิดเพี้ยนหรือมองไม่เห็นเลยแม้จะเอียงเยอะแล้วก็ตามครับ ส่วนหน้าจอนั้นเปลี่ยนให้มีการออกแบบสวยขึ้นเต็มมากขึ้นขนาดใหญ่กว่าเดิม ขอบโค้งสวย

TOUCH

การสัมผัสนั้นรุ่นนี้จะสามารถแตะสัมผัสได้ทั้งหมด และอิสระมากกว่าเดิมไม่ใช่แค่ปุ่มข้างล่างหรือแตะเลื่อนแล้วยังสามารถกดเป็นส่วนๆ ปุ่มได้เช่นเวลากดควบคุมเพลงอะไรแบบนั้นเนื่องด้วยการใช้หน้าจอแบบสี AMOLED ที่ใหญ่ขึ้นทำให้การสัมผัสนั้นทำได้ดีขึ้นเยอะครับ ปุ่มหลักๆด้านล่างก็ยังคงมีมาให้อยู่ นอกเหนือจากการสัมผัสด้านหน้าจอครับ การควบคุมหลักๆคือ หน้าหลัก ปัดมาซ้ายเป็นแจ้งเตือน วนไปเรื่อยๆจนมาหน้าหลักได้ ปัดไปขวาจะเป็นควบคุมเพลง ส่วนปัดขึ้นลงก็เป็นการเข้าโหมดเมนูข้างๆครับ ส่วนถ้าจะเข้าหน้าหลักก็กดปุ่ม โฮมด้านล่างครับ และถ้าจะดับหน้าจอก็เอามือทับนาฬิกาทั้งหมดก็จะดับไปเลยครับเป็นการปิดหน้าจอแบบเร็วครับทำได้ดีตอบสนองได้ไวเช่นเดิมเลย

FEATURE

สำหรับฟีเจอร์รองรับทั้งหลายๆอย่าง ทั้ง ออกกำลัง ตรวจจับการนอน ชีพจร นับแคลทั้งหลายครับ เช่นในภาพข้างบนนี้ เป็นส่วนของการแจ้งเวลานอนของเราครับ อย่างเช่นแอดมินใส่เวลานอน แต่ปิด Bluetoothไว้นะครับไม่ได้เชื่อมต่อ พอตอนเช้ามันก็ซิงค์ให้ครบทั้งคืนเราไม่ต้องเชื่อมตลอดก็ได้ครับส่วนนี้ มันจะบอกเลยว่าเรานอนกี่ชั่วโมง หลับลึกกี่ชั่วโมงและตื่นตอนไหนบ้าง อีกทั้งยังแนะนำว่าควรนอนไวกว่านี้ ตื่นไวกว่านี้ หลับปกติไหมเทียบคนอื่นให้ด้วย และบอกสรุปเป็นวันๆให้ได้ครับว่า วันไหนเป็นยังไงบ้างถือว่าเป็นประโยชน์และค่อนข้างตรงมากๆในส่วนนี้ครับ

หน้านี้จะเป็นส่วนของการทำกิจกรรมให้เราสามารถ TRACK ได้ และสามารถกดเริ่มการออกกำลังจากตัวได้เลย ถ้าจะเอาเส้นทางดีๆนั้นต้องพกมือถือไว้กับตัวนะครับ เพราะต้องใช้งาน GPS บนตัวมือถือครับ สามารถเลือกได้มากมาย วิ่ง ขี่จักรยานต่างๆ เมื่อกดเริ่มก็จะบอก ชีพจรตลอดเวลา และ เวลาระยะทาง ซึ่งตัว Band ก็จะโชว์วัดชีพจรแบบ REALTIME ให้เลยนะครับ และบอกระยะทางเวลาด้วย ส่วนตั้งค่าสามารถตั้งค่า Heartrate ได้ว่าไม่เกินเท่าไรและ แสดงผลอะไรบ้างครับ สามารถกดหยุดผ่านตัว Band ได้เลยง่ายๆครับ และ ดู Maps ได้ในแอป เมื่อเราวิ่งเสร็จแล้วหรือออกกำลังกายเรียบร้อยก็จะสามารถดูสรุปข้อมูลเป็นส่วนๆได้ครับเป็นกราฟแสดงว่าเราวิ่งอะไรไปเท่าไร ชีพจรเต้นประมาณไหน เรทช่วงไหนบ้างเป็นหลักครับ และ บอกทั้งความเร็วในแต่ละช่วง หรือจะเป็น ข้อมูลสรุป อื่นๆเช่นความสูงในแต่ละระดับของการขี่ที่แตกต่างกันอะไรพวกนี้ครับ ถือว่ามีประโยชน์แม่นพอสมควรเมื่อเทียบกับที่วัดที่ติดบนตัวจักรยานครับ ทั้งเรื่องความเร็วและระยะทางทั้งหมด

เรื่องของการวัดชีพจรตัวนี้ก็ยังคงมีมาให้และทำได้แม่นตามเรทราคาของมันครับ วัดชีพจรนั้นสามารถตั้งได้ว่าให้วัดทุก 1 นาที 5 นาที ทุกครึ่งชั่วโมงเป็นต้น หรือ ไม่ต้องวัดตลอดเวลาก็สามารถปิดได้ในตั้งค่าครับ มันก็จะบอกว่าชีพจรเราเป็นยังไงปกติไหม ช่วงพักเต้นแรงไปไหมหรือออกกำลังไม่ควรเกินเท่าไรเป็นต้นครับผม ถือว่ามีประโยชน์มากๆเลย และฟีเจอร์ที่ใสเพิ่มเข้ามาคือตัว PAI การวัดประสิทธิภาพในการออกกำลังกายครับ มันตะให้ระดับการออกกำลังว่าสม่ำเสมอไหม และ ควรออกมากขึ้นมากน้อยแค่ไหนครับ จะเห็นว่ามันแจ้งว่า เพื่อถึงเป้าหมายควรออกกำลัง 24 นาที และให้ชีพจร 155 โดยประมาณนั้นเองครับใน วันนี้รวมถึงการวัดระดับความเครียดก็ใส่เข้ามาให้ด้วยและมีกราฟพร้อม

FEATURE MI BAND 

ฟีเจอร์การทำงานนั้นต้องบอกว่ายังคงโดดเด่นจากการใช้งานหน้าจอแบบเต็มรูปแบบทำให้การใช้งานแบบเดี่ยวๆนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ทำให้รองรับการทำงานได้สบายๆครับทั้งการเข้าโหมดต่างๆการตั้งค่า การวัดชีพจรทั้งหลายรวมถึง การเช็คเวลา แจ้งเตือน อีกมากมายและจุดเด่นๆที่เข้ามาคือการควบคุมเพลงที่รองรับในหลายๆแอปทั้ง Youtube – Spotyify และแอปเล่นเพลงอื่นๆก็รองรับที่สามารถใช้งานควบคุมได้ รวมถึงมีวัดความเครียด และหน้าตาที่แปลกแตกต่างกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ แต่สำหรับการวัด ออกซิเจนในเลือดนั้นยังไม่เจอให้เลือกใช้งาน

หน้าหลักภาพซ้ายสุดครับจะเห็นว่าหน้าจอใหญ่ขึ้น และ ขอบจอนั้นมีการเข้าโค้งสวยงามขึ้นเยอะและฟีเจอร์หลักๆนั้นจะเป็น Status รวมของการใส่ใช้งาน หน้าต่อไปเป็น PAI คือตัววัด ประสิทธิภาพการออกกำลังกาย ของเรานั้นเอง

หน้า Notification ก็จะรวมการแจ้งเตือนล่าสุดของแต่ละแอปขึ้นมาให้ดูได้ครับ ส่วน Events เป็นการแจ้งเตือนกิจกรรมที่เราสามารถตั้งค่าได้ด้วยเช่นกัน และ การวัดชีพจรนั้นยังคงใส่เข้ามากดวัดใช้งานได้เลยทันทีครับตัวนี้

สภาพอากาศก็สามารถดูได้รวมถึง การดูวันที่อื่นๆได้เพิ่มเติมมากขึ้น และยังมีการตั้งค่าเพิ่มเติม รวมถึงการวัดความเครียดอะไรก็ใส่เข้ามาครับ และ การออกกำลังสามารถกดเริ่มได้จากตัว Band เลยตรงๆง่ายใช้งานได้ทันที

ในส่วนของการออกกำลังเมื่อเข้าไปก็จะสมารถเลือกได้ว่าจะออกกำลังกายแบบไหน และเมื่อเข้าเลือกแล้วมันจะแจ้งเตือนว่าให้เปิดแอปบนมือถือเพื่อที่จะเชื่อมต่อ GPS นั้นเองครับจากนั้นก็จะจับข้อมูลทั้งหมดพร้อมกับบอกสถานะล่าสุดได้เลย แต่น่าเสียดายว่าเมื่อออกกำลังนั้นหน้าจอมันไม่ใช่แบบ Always on หรือติดตลอดครับต้องหมุนข้อมือมาดูทุกครั้งนั้นเอง แม้จะเป็นการดูชีพจรก็ตามครับ ส่วนการใช้งานถือว่าง่ายและสะดวกเช่นเดิมเลยในส่วนนี้ครับ

การวัดชีพจรนั้นก็สามารถกดวัดได้เลยพร้อมกับบอกค่าได้ด้วยว่าของเรานั้นอยู่ในระดับไหน ถือว่าดูข้อมูลได้มากกว่าเดิมและทำงานได้ดีมากๆ บอกเวลาการเช็คล่าสุดได้ด้วยครับ และในภาพขวาสุดนั้นจะเป็นการวัดความเครียดนั้นเอง

หน้าจอเวลาดูสภาพอากาศนั้นมีหน้าตาสวยงาม และใช้งานได้ดีมากขึ้นจากเดิม มาพร้อมการบอก อุณหภูมิ สูงสุด ต่ำสุด และ ค่าความชื้น รวมถึง ลมแรงไหม และค่าUV มากน้อยแค่ไหน และในภาพขวาสุดคือหน้าตาของส่วน Status ว่าอัปเดตอะไรไปบ้างล่าสุดทั้งวันนี้ และวันอื่นๆสามารถเลื่อนดูค่าได้เลย ก็ถือว่าหน้าตาหลายๆอย่างอัปเดตใหม่ สวยงาม ดูได้เยอะขึ้นมากและใช้งานได้ถนัดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากครับสำหรับ Mi Band 5 ผลจากจอใหญ่ขึ้น

CALLING

การแจ้งเตือนเวลามีคนโทรเข้ามาก็แจ้งเตือนได้แรงและไวดีครับอีกจุดที่ชอบคือการสั่นของตัว Band ก็แรงและสามารถปรับได้ครับ อันนี้ปรับไว้แรงที่สุดเลยทำให้แจ้งเตือนได้ดีมากๆ เมื่อมีคนโทรเข้ามานั้นก็จะบอกชื่อคนที่โทรเข้ามารวมถึงสามารถกดวางสายได้ และ สามารถปิดไม่ให้สั่นแต่ไม่ได้ตัดสายได้ครับ คือปิดสั่นบนตัว นาฬิกา แต่บนมือถือก็ยังดังอยู่ครับ แต่ถ้าชื่อเป็นคนไทยนั้นก็จะแสดงไม่ได้เหมือนเดิมครับผม การแจ้งเตือนถือว่าทำได้ไวเมื่อเทียบกับระยะที่คนโทรเข้ามาซึงต้องบอกว่าสั่นพอๆกันกับหน้าจอตอนคนโทรมาเลยไม่มี ดีเลย์ เลยทำได้ดีมากๆครับจุดนี้

MUSIC

อันนี้คือสิ่งที่หลายๆคนรอคอยคือการควบคุมเพลงที่ใส่เข้ามาตอนรุ่น 4 และ ในรุ่นนี้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอได้เต็มที่มากๆคือสามารถควบคุมเพลงได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแอปอะไรก็รองรับครับ กดเปลี่ยนเพลงได้ หยุดเล่นได้ และ ดูชื่อเพลง รวมถึงการเพิ่มลดเสียงได้ด้วยครับ เหมือนดึงจากส่วน Noti บนมือถือมาลง จึงไม่สามารถเปลี่ยน Playlist อะไรได้นั้นเอง จะไม่เหมือนแอปพวก Spotify บนตัว Smartwatch อะไรพวกนั้น แต่แค่นี้ก็ดีมากๆแล้วครับสำหรับ Mi band ที่ใส่จุดนี้เข้ามา และยังคงควบคุมได้ง่ายพอสมควรครับแตะอะไรได้ง่ายเหมือนเดิมเลยในตัวนี้

CAMERA

การควบคุมการถ่ายภาพก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้ดึงภาพมาบนBand อะไรแค่ทำหน้าที่เหมือนกับกดปุ่ม ลดเสียงบนตัวเครื่องครับเพราะว่า เมื่อเราเข้า CAMERA บนตัว Band นั้น บนมือถือจะไม่ได้เปิดแอปกล้องให้นะครับ มันจะแค่ทำหน้าที่กดถ่ายให้เท่านั้น เราต้องเข้าแอปกล้องเองบนมือถือและใช้ Band กดถ่าย

NOTIFICATION

การแจ้งเตือนหลักๆนั้นรองรับทุกแอปครับ และรองรับภาษาไทย ครับเป็นการดึงจากแจ้งเตือนมานั้นเอง และ ดูได้อย่างเดียวดูย้อนหลังไม่ได้และตอบแบบด่วนไม่ได้ครับแค่บอกชื่อคนส่ง และ ข้อความเท่านั้น และสั่นแจ้งเตือนครับ สามารถตั้งได้ว่าจะสั่นแจ้งตอนหน้าจอมือถือดับ หรือ จะสั่นทั้งตอนหน้าจอดับและติดได้ ก็ถือว่ารองรับภาษาไทยทันทีไม่ต้องอัปเดตหรือเปลี่ยนแอปอะไรครับส่วนข้อความชัดเจน สระอักษร ไม่ตกหล่นครับในการแจ้งเตือนทำได้ดีมากๆ

BATTERY 

แบตนั้นขอเทียบกับการใช้งานหนักหน่วง คือเล่นตลอดแจ้งเตือนบ่อยๆก็ยังทำได้ดีมากๆ ถ้าใครใช้งานน้อยๆหรือไม่ได้แจ้งเตือนเยอะยิ่งลดช้ากว่าที่ทดสอบอีกครับ เป็นจุดเด่นที่ยังคงทำได้ดีสำหรับตัวนี้ครับและแบตนั้นคาดว่าจะได้งานได้อีกนานเลยแหละ นับจาก 35% ในตอนนี้น่าจะได้อีก 7 วันเป็นอย่างน้อยครับก็ตามสเปกนั้นคือ 20 วันพอไหวครับอาจจะได้ 14 วันขึ้นไปแล้วแต่การใช้งาน ส่วนการชาร์จแบตนั้นก็รองรับเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนแท่นชาร์จใหม่ครับไม่ต้องถอดสายแล้ว เป็นฟีเจอร์ที่พัฒนาที่สำคัญที่สุดของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ พร้อมกับใช้งานง่ายขึ้นเยอะมากๆครับตัวนี้

FEELING 

การใส่ใช้งานนั้นยังคงโดดเด่นเหมือนเดิมในแง่ของดีไซน์ที่เล็ก และ เบาครับทำให้การใส่ใช้งานแม้จะเป็นข้อมือผู้หญิงก็สามารถใช้งานได้ดีรวมถึงวัสดุสายซิลิโคนนั้นยังคงมีความนุ่มและเป็นรูปร่างได้ดี ไม่เจออาการแพ้อะไรในสายตัวนี้ สามารถใส่ออกกำลังกายได้ดีไม่มีแพ้อะไรครับ รวมถึงความแน่นของตัวสายเองนั้นยังล็อคได้ดีเช่นเดิมเลยถ้าเป็นสายแท้ๆจากทางโรงงานของมันครับ การสัมผัสใช้งานนั้นไม่เจอปัญหาอะไรสามารถรองรับการใช้งานได้ดี แต่ถ้ามือเปียกหรือมีน้ำบนหน้าจออาจจะใช้งานได้ไม่ไวมากนัก ก็เป็นเรื่องปกติของหน้าจอสัมผัสเวลาเจอน้ำบนจอนะครับ

MI BAND 5

” ปรับหน้าจอ ที่ชาร์จ เพิ่มเติมจากรุ่นเดิม พร้อมฟีเจอร์แน่นๆเกินหน้าเกินตาคู่แข่งชัดเจน “

ยังคงเป็น Smartband ที่แนะนำให้ใช้งานมากที่สุดในงบราคานี้ครับ เพราะแน่นอนว่าทั้งเรื่องของการใช้งาน ฟีเจอร์ที่อัดแน่นเกินหน้าเกินตาตัวอื่นๆ รวมถึงคุณภาพการใช้งาน หน้าจอ วัสดุ รวมถึงตัวแอปที่ไว้ใจได้ทำให้มันโดดเด่นกว่าตัวอื่นในงบเรทราคานี้อย่างมาก แต่ถ้าหากถามสายออกกำลังกายจริงจังอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องของฟีเจอร์หรือการโยนข้อมูลไปแอปอื่นๆพวกนี้ และการใช้งานแม่นยำโหดๆยังไงตามงบก็ย่อมมีตัวที่ดีกว่าครับ แต่เจ้า MiBand นั้นมันเหมาะสำหรับคนเริ่มต้นมากกว่า เน้นใช้งานทั่วไป จับชีพจรออกกำลังกายทั่วไป ทีไว้แจ้งเตือนใช้งานทั่วไปใส่สวยๆก็ได้เช่นกันและราคาไม่แพงแน่นอนว่าไม่มีตัวไหนทำได้ดีเท่านี้ในตอนนี้แล้วต้องยอมรับในตัวนี้เลยทีเดียวครับ

ข้อดี

  • หน้าจอใหญ่ขึ้น สวยงามขึ้น ขอบโค้งสวยงาม
  • งานออกแบบคล้ายเดิมแต่ลงตัวขึ้น
  • ที่ชาร์จออกแบบใหม่ ไม่ต้องถอดสายแล้ว
  • แบตยังคงทำได้อึดเช่นเดิม
  • รองรับภาษาไทยเรียบร้อย
  • หน้าจอปรับแต่งได้เยอะ และ แต่งเองได้มากขึ้น
  • หน้าจอสู้แสงได้ดีมองเห็นชัดเจน
  • ควบคุมเพลงได้หลากหลายเช่นเดิม
  • แจ้งเตือนได้ไว ทั้งโทรเข้า และ แอปอื่นๆ
  • โหมดการออกกำลังกายทำได้ดี
  • ระบบสั่น สั่นแรงและรู้สึกตัวได้ง่าย
  • แอป Mi Fit ทำได้ดีเช่นเดิม

ข้อสังเกต 

  • หน้าจอตอนพลิกข้อมือยังดีเลย์นิดหน่อย
  • หน้าจอติดตลอดเวลาไม่ได้แม้จะจับชีพจร
  • ไม่มีฟีเจอร์ SPO2 วัดออกซิเจนในตอนที่รีวิว

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares