HUAWEI เองนั้นแม้จะมีปัญหาในหลายๆอย่างจากประเทศอเมริกา แต่ต้องบอกเลยว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ และกล้าที่จะพัฒนาเดินหน้าต่อแบบต่อเนื่องรวมถึง ตัวระบบ OS เองก็ตาม เราอาจจะคุ้นๆในชื่อ HARMONY OS ที่จะเป็นชื่อเรียกระบบของตัวเองมาปรับใช้งานแทน Android แบบที่เรารู้จักกันและหลายๆคนอาจจะอยากรู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรและใช้งานรุ่นไหนตัวแรก และโอกาสนั้นมาแล้วเพราะว่า HUAWEI ได้เปิดตัว MATEPAD PRO 12.6 ที่จะเป็น Tablet ระดับเทพตัวแรกของค่ายที่จะมาพร้อมกับระบบ HARMONY OS 2.0 เต็มๆและมีสเปกการใช้งาน ฟีเจอร์ที่เน้นๆมากในการทำงาน รวมถึงการใช้งานวาดรูป จดงานเป็นต้นพร้อมกับ ลำโพง หน้าจอ การทำงานร่วมกับ HUAWEI ECOSYSTEM ได้แบบเน้นๆเต็มที่ ทั้ง Smartphone – Notebook ทั้งหลายนั้นเอง

HUAWEI MATEPAD PRO 12.6 ตัวนี้มาพร้อมกับการใช้งาน CPU Kirin 9000E (5nm) ประมวลผล Octa-core พร้อมกับ GPU Mali-G78 MP22 ให้ RAM 8 GB และ UFS 3.1 256GB รองรับการเพิ่มความจุแบบ Nano Memmory ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านหน้าจอแบบ OLED 2K ความละเอียด 2560 x 1600 รีเฟรชเรท 60Hz รองรับการแสดงผล HDR10, ค่า Contrast 1,000,000 : 1 และ ให้สีตรงตามมาตฐาน DCI-P3 ถือว่าขอบบาง และ รองรับทั้งปากกา และ สัมผัสเน้นๆเลยทีเดียวครับ และใช้งานกล้องหน้า 8ล้านพิกเซล f/2.0 และมาพร้อมกับ กล้องหลัง 13ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 AF, และกล้องมุมกว้าง 8MP, F/2.4, มุมมองรับภาพ 120 องศา, และกล้องตัวที่ 3 นั้นจะเป็น กล้อง 3D Depth Sensing Camera ส่วนลำโพงนั้นไม่ธรรมดา ลำโพงปรับแต่งโดย Harman Kardon 8 ตัว จัดเต็ม และ ไมค์รับเสียง ตัดเสียงให้มา 4 ตัวรอบตัวเครื่องบอกเลยว่าโดดเด่น พร้อมกับแบตเตอรี่ 10,050 mAh หัว Type-C รองรับการชาร์จไว 40W และ รองรับการชาร์จไร้สาย  27W รวมถึงชาร์จย้อนกลับไปยังมือถือ หูฟังได้ด้วยเช่นกันแบบไร้สายบอกเลยว่าจัดเต็ม และมาพร้อมกับ HarmonyOS 2.0

HUAWEI MATEPAD PRO 12.6 : RAM 8 GB STORAGE 256GB : 28,990 บาท Matte Grey 

UNBOX

กล่อง HUAWEI MATEPADPRO 12.6 เองนั้นจะแยกเป็นทั้ง SmartMagnetic Keyboard และ M-Pencil  2 แยกกันทั้งหมดนะครับ จะไม่ได้รวมอยู่ในกล่อง ส่วนในตัว Matepad Pro 12.6 นั้นจะให้มาครบทั้งหมด หัวชาร์จและตัวแปลง ตัวกล่องออกแบบมาเรียบๆทั้งหมดไม่มีรูปตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นแต่จะเน้นความเรียบๆชื่อรุ่นเท่านั้นครับ

  • HUAWEI MATEPAD PRO 12.6
  • Adaptor HUAWEI SuperCharge  USB-A
  • สายชาร์จ USB-C ไป USB-A
  • ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
  • คีย์บอร์ด Huawei Smart Magnetic Keyboard
  • ปากกา Huawei M Pencil

DESIGN

งานออกแบบนั้นถ้าประกอบร่างกับ Keyboard ถือว่าดูดีคล้ายกับการพกพาคอมพิวเตอร์เลยทีเดียวครับและรองรับการปรับระดับรวมถึงใช้งานแป้นพิมพ์ได้สบาย และมีความแข็งแรงรวมถึงสามารถวางพิมพ์งานบนตักได้และแข็งแรงส่วนตัว Matepad Pro 12.6 เองนั้นบอกเลยว่าดีไซน์สวยงามหน้าจอเต็มตัวเครื่อง ขนาด 12.6 ขอบทั้งหมดบางเท่ากัน และมีความบางในการพกพาได้ดีรวมถึงงานประกอบแน่นแข็งแรง ขนาดเครื่องบาง 6.7 มม. และมีน้ำหนัก ประมาณ 609 กรัม ตัวเครื่องสามารถถือพกพาไปไหนมาไหนได้ไม่เกะกะ และรวมๆสะดวกกว่าพอคอมพิวเตอร์ชัดเจน

ทางด้านหน้าจอตัวนี้สวยและเต็มขอบมากๆตัวนึงและสามารถจับถือได้อยู่ไม่ได้บางมากเกินไปสามารถซ่อนเซนเซอร์ กล้องหน้าได้แบบเนียนๆและบาง มาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผล ขนาด 12.6 นิ้ว แสดงผลเต็มพื้นที่หรือ Huawei OLED FullView Display ความละเอียด 2K QHD (2560 x 1600px) อัตราส่วน 16:10 มาตรฐาน DCI-P3

ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้าใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันในสเปกความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

ส่วนขอบด้านล่างนั้นบางเท่ากันในด้านบนเลยทีเดียวเรียกได้ว่าสวยงาม ส่วนการควบคุมนั้นรองรับแบบ Gesture เช่นกันใช้งานได้ง่ายและเข้ากับขนาดหน้าจอได้ดี ส่วนตัวแอปเองนั้นมีการออกแบบ Dock ใหม่ชิดขอบมากขึ้นและมีแอปล่าสุดในมุมขวาบอกเลยว่าการออกแบบหน้าตาใช้งานได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้นแม้จะคล้ายกับอีกค่ายอยู่ก็ตาม

ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นจะมาพร้อมกับช่องใส่ถาดซิมที่รองรับการเพิ่มความจุ Nano Memory และ Nano SIM นั้นเอง จะเห็นว่าขอบตัวเครื่องนั้นเป็นสีดำเหมือนกับฝาหลังและมีความบางระดับนึงและหน้าจอเรียบๆใช้งานได้ง่าย

ทางด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีลำโพงแน่นๆทั้ง 2 ฝั่ง และแทรกลำโพง 8 ตัวไว้รอบเครื่องครับ พอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะเป็น USB-C รองรับได้สบายๆ

ส่วนทางด้านขวานั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียงให้ใช้งานพร้อมกับ ไมค์ 3 ตัวครับรองรับการใช้งานได้สบายส่วนกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาเล็กน้อยครับ และมีโครเมี่ยมรอบๆของกล้องใส่เข้ามาให้พอหรูหราเช่นกันในตัวนี้ครับ

ส่วนขอบเครื่องด้านบนเองนั้นเราจะเห็นว่า ลำโพงใส่เข้ามาให้ทั้ง 2 ฝั่งขนาดใหญ่สมมาตรกันและออกจริงทั้งหมด และปุ่ม Power เปิด ปิดเครื่อง นั้นจะมีการเล่นสีแดงไว้ด้านบนตัวเครื่องตำแหน่งอะไรใช้งานได้ง่ายตรงมุมพอดีครับ

ฝาหลังมาพร้อมกับสีดำด้าน หรือ ชื่อจะมาพร้อมกับ Matte Grey หรือ สีเทาด้านนั้นเองโทนสีจะค่อนข้างเข้มและแอบติดรอยนิ้วมือคราบมันได้ง่ายเหมือนกัน ฝาหลังไม่ได้มีการเล่นลวดลายสีสันอะไรเท่าไรนักเน้นการใช้งานมากกว่า แต่จริงๆจะมีรุ่นฝาหลังหนังก็จะเน้นความสวยหรูหรามากขึ้น ในไทยน่าจะตามมาด้วยเช่นกันพร้อมโลโก้ในแนวนอน

ตัวกล้องเองนั้นมาพร้อมกับการออกแบบที่คล้ายๆกับฝั่ง Smartphone เรียงกัน 2 ตัวแนวตั้ง และ กล้องแยกสำหรับจับระยะต่างๆ เราจะเห็นว่ามีรูไมค์ตัวที่ 4 เข้ามาในตรงกล้อง พร้อมกับไฟแฟลช และ ภายในกล้องมีเล่น 2 สีนิดหน่อย มาพร้อมกับ กล้องหลัง 13ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 AF, และกล้องมุมกว้าง 8MP, F/2.4, มุมมองรับภาพ 120 องศา, และกล้องตัวที่ 3 นั้นจะเป็น กล้อง 3D Depth Sensing Camera  สำหรับการจับมิติพื้นผิวต่างๆครับ

HUAWEI Smart Magnetic Keyboard

ทางด้านคีย์บอร์ดที่ให้มานั้นจะเป็นการออกแบบที่จะเรียบไปกับตัวเครื่อง ดีไซน์ถือว่าดูสวยและหรูพอสมควรตัวเคสแบบนี้นั้นจะไม่ได้เน้นการปกป้องอะไรมากนักอยู่แล้ว แต่จะได้เรื่องของการพับใช้งาน การปกป้องหน้าจอ และที่สำคัญคือ คีย์บอร์ดที่เสริมเข้ามานั้นเอง และถ้าเรื่องของเวลาตก กระแทกอะไรนั้นอาจจะไม่ได้ช่วยปกป้องอะไรได้เยอะครับ ส่วนเรื่องของน้ำหนักเมื่อใส่ใช้งานเคสนั้นเราจะเห็นได้ว่าไม่ได้หนักมากแต่ก็แอบหนักกว่าเครื่องปกติเหมือนกันครับ แต่ต้องบอกกันก่อนว่ารุ่นที่ขายในไทยเองนั้น จะมีการพิมพ์ภาษาไทยมาให้บนแป้นนะครับ แต่ตัวรีวิวนั้นจะเป็น Eng

วัสดุตัวเคสเองนั้นถือว่าทำได้ดีในเรื่องของความแข็งแรงการใช้งานทั่วไปรวมถึงสีค่อนข้างเรียบร้อยและทนทานต่อการสัมผัสหรือว่าเลอะได้ดี สามารถเช็ดออกได้ง่ายเวลาพกพาหรือว่าวางใช้งานต่างๆ ตัวปรับระดับต่างๆก็รองรับได้ 2 ระดับครับ รวมถึงการเชื่อมต่อ หรือว่า ยึดติดนั้นเป็นแบบแม่เหล็กทั้งหมดไม่ต้องมีพอร์ตเชื่อมอะไรกับตัวเครื่องแม้แต่น้อยถือว่าสะดวกมากๆ และการติดเคสก็แค่แปะเข้าไปในด้านหลังเท่านั้นมีความแน่นกำลังดีและไม่ขยับเลยครับ ส่วนตรงกล้องอะไรนั้นปกป้องได้ดีระดับนึงเวลาวางคว่ำต่างๆ และตัวปากกาเองนั้นจะแปะขอบเครื่องได้เลยครับ

คีย์บอร์ดจริงๆนั้นถือว่าระยะการวางแป้นพิมพ์หรือว่าระยะกดแอบทำได้ดีกว่าที่คิดเลยนะ ทำให้การใช้งานนั้นจะไปคล้ายๆกับพวก Ultrabook แบบบางๆได้เลยแหละแต่แค่ไม่มีไฟเท่านั้น ส่วนปุ่มจริงๆนั้นจะมีภาษาไทยมาให้นะครับในตัวขายจริง และมีแถมสำหรับคนที่ซื้อช่วงแรกๆด้วยเช่นกันมาพร้อมกับปุ่มครบๆไม่ว่าจะเป็น ปรับเสียง แสงหน้าจอ หรือว่า ถ่ายหน้าจอต่างๆด้วยเช่นกัน ส่วนตัวเป็นเคสคีย์บอร์ดที่ดีมากๆตัวนึงในบรรดา Tablet ด้วยกันด้วยนะตัวนี้

SPEC

  • หน้าจอ OLED โค้ง 2.5D ขนาด 12.6 นิ้ว (2560 x 1600 พิกเซล) WQXGA, อัตราส่วน 16:10, รองรับสี 16.7 สี, DCI-P3 wide colour gamut, อัตราส่วน contrast ratio 1000000:1
  • ชิปประมวลผล HUAWEI Kirin 9000E
  • ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G78 MP22, Big Core + Tiny Core NPUs
  • RAM LPDDR4x 8GB + storage 128GB/256GB, ที่ใส่ NM การ์ดเพิ่มได้ถึง 256GB
  • ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2
  • กล้องหลัง 13MP (f/1.8) ออโต้โฟกัสรองรับ PDAF + กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 3D
  • กล้องหน้า 8MP (f/2.0)
  • ขนาดตัวเครื่อง: 286.5x 184.7×6.7มม.; น้ำหนัก: 609 กรัม
  • ลำโพง 8 ตัว, HUAWEI Histen 7.0 Sound Effect, ไมโครโฟน 4 ตัว
  • รองรับเครือข่าย 5G / 4G LTE, Wi-Fi 802.11 ax (2.4/5GHz),
  • Bluetooth 5.2 LE, GPS / GLONASS / BeiDou / GALILEO / QZSS
  • USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 10,050mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 40W, รองรับชาร์จไร้สาย 27W, รองรับ reverse charging 10W

PERFORMANCE 

ประสิทธิภาพเองนั้นตัวนี้มาพร้อมกับ Kirin 9000E ถือว่าทำเรื่องของคะแนนการใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ และ ประสิทธิภาพในการเล่นเกมหรือว่าการขึ้นโมเดลการทำงานต่างๆนั้นไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย รองรับการทำงานระดับเริ่มต้น และ ระดับสูงได้สบายๆหรือว่ารองรับการทำงานหลายหน้าต่าง หลายแอปพร้อมกันได้สบายมากๆครับ หรือจะใช้งานการตัดต่อ หรือ ทำคลิปต่างๆได้แบบไม่มีปัญหาเพราะว่าตัว KIRIN 9000E นั้นคะแนนทำได้สูงเลยทีเดียว รวมถึงการใช้งาน Androbench ทดสอบ UFS 3.1 เองนั้นก็ทำการอ่านเขียนได้ดี อ่านได้ 2030MB/S และ เขียน 1561MB/S ด้วย ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 704669 คะแนน เช่นกันส่วนการดูหนังจริงๆ NETFLIX นั้นถ้าเครื่องจากจีนพวกนี้ ที่ไม่มี GMS เองนั้นจะไม่รองรับในตัวแอปและไม่ชัดครับ

SCREEN 2K 

หน้าจอถือว่าโดดเด่นทำขอบเครื่องได้บางมากๆและมีความสวยใช้งานขนาดหน้าจอ 12.6 นิ้ว แบบ 2K QHD ในเรื่องของความละเอียดเองนั้นถือว่าทำได้ดีสวยคมและสู้แสงได้ดีมากๆ และแน่นอนว่ารองรับการใช้งานปากกาได้หลายระดับและเนียนมากๆ ตอยสนองได้ไว แม้ว่าหน้าจอจะแค่ 60Hz ก็ตามแอบเสียดายนิดๆ มาพร้อมกับสเปกความละเอียดสูง 2560 x 1600 พิกเซล สัดส่วนต่อตัวเครื่องที่ 90% และมีขอบจอบางพิเศษเพียง 6 มิลลิเมตร รองรับการแสดงผล HDR10, ค่า Contrast 1,000,000 : 1  ถือว่าเป็นหน้าจอที่เทพมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ และ สู้แสงได้ดีระดับนึงในการใช้งานทั่วไป ความสว่าง 400 nits รองรับได้สบายครับ แต่ถ้าเทียบตัวอื่นๆในอีกแบรนด์จะแตะหลัก 1,000 ต้องบอกว่าแอบต่างกันเยอะเหมือนกันถ้าเจอแสงแดดจัดๆ แต่ Tablet นั้นน่าจะไม่ได้เดินถือทำงานแบบ Smartphone จุดนี้อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักเพราะว่าใน indoor เองนั้นใช้งานได้สบายมาก

หน้าจอในแง่ของการใช้งานจริงนั้นถ้าพื้นที่แบบ INDOOR เองนั้นต้องบอกว่าสบายๆครับรองรับมุมมององศาได้ดีนะ แต่ถ้ากลางแจ้งหรือว่าแสงสะท้อนหน้าจอเยอะๆด้วยความเป็นหน้าจอแบบเงานั้นอาจจะมองได้ยากครับลองเทียบในภาพวางตำแหน่งเดียวกันแต่มุมมองเจอแสงกับไม่เจอนั้นดรอปไปพอสมควรเลย และ ด้วยความสว่างที่ 400-500Nits ในการใช้งานพื้นฐานอาจจะไม่ได้เด่นมากนักครับ แต่ถ้ารับเรื่องนี้ได้ก็โอเคเพราะว่าจอสีสวยและสดมาดคมชัดจริงๆ แต่ขาดแค่ 120Hz ไม่งั้นมันจะเป็นจอที่เทพมากๆตัวนึงในเรื่องสเปกและการใช้งานจริงเลยทีเดียวในรุ่นนี้

SOUND SPEAKER 

ลำโพงนั้นต้องบอกว่าเป็นจุดที่เทพมากๆของรุ่นนี้และถ้าเทียบกับคู่แข่งต้องบอกว่าตัวนี้ทำได้สุดมากๆครับมาพร้อมกับลำโพงทั้งหมด 8 ตัวที่ปรับแต่งโทนเสียงจากทาง HARMAN/KARDON ดัง 79 เดซิเบล เลยทีเดียวและยังรองรับระบบเสียงรอบทิศทางได้ด้วย ลำโพงตัวนี้แทรกตามมุมเครื่องทั้งหมด จะเห็นตามช่องที่มี 4 ช่อง แต่จะเป็นช่องละ 2 ตัวที่จะมาพร้อมกับลำโพงแบบความถี่สูง 4 ตัว เน้นเสียงย่านสูงเป็นหลัก และ ลำโพงปกติที่ใช้งานทั่วไปให้มาอีก 4 ตัวและขับออกมาได้ดีมากจริงๆ เวลาเล่นเกม หรือว่าดูหนังเสียงคนพูดชัด และเสียงเบสทำได้ดีเด่น จะไม่ปนกันเลยและไม่บวมด้วยเช่นกัน แต่ละย่านเสียงจะไม่ปนกันไม่ทับกันถือว่าเป็นจุดดีของการแยกลำโพงออกมาชัดๆแบบนี้ด้วยเช่นกัน เวลาวางใช้งานก็ไม่บังลำโพงอะไรด้วยครับถือว่า เป็น Tablet ที่ทำลำโพงออกมาได้โหดมากๆในตอนนี้

SYSTEM UI : HARMONY OS 2.0

HUAWEI ได้พัฒนาระบบของตัวเองมาซักพักและได้ปล่อยมาบนอุปกรณ์ใหม่เป็นครั้งแรกในตัว MatePad Pro 12.6 ตัวนี้นั้นเองครับ แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะคิดว่ามันพัฒนาใหม่หมดแต่พอได้ลอง สัมผัสจริงๆมันก็ยังคงสร้างบนพื้นฐานของ Android และ Linux Kernal เช่นเดิม แต่เหมือนการเปลี่ยนหน้าตาอะไรเท่านั้น แต่ในอนาคตอาจจะปรับจนเป็นระบบใหม่ก็เป็นไปได้ครับน่าติดตามกันต่อไป ทั้งนี้ตัวนี้มาพร้อมกับหน้าตาแบบใหม่ทั้งหมดเลยเช่นกัน

ในหน้าตั้งค่านั้นเราจะเห็นว่าหน้าตาก็เป็นหน้าตาที่คุ้นเคยกันดีครับใช้งานได้ง่าย และแยกสัดส่วนแต่ละอันชัดเจน พร้อมกับแบ่ง 2 ข้างเช่นกันส่วนนี้ยังไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างกับรุ่นก่อนๆมากนัก แต่ฟอนต์ สีสันอะไรแตกต่างนิดๆ

ในส่วน Dock ข้างล่างนี้แอบดึงข้อดีมาจาก iPad OS เลยทีเดียวเพราะว่าเป็นหน้าตาที่ใช้งานได้จริงและสะดวกมากๆในการเรียงแอปล่าสุดให้มามุมขวา และแยกกับ Dock ปกติตรงกลางครับ ส่วนไอคอนอะไรต่างๆนั้นไม่ต่างกัน

ส่วนหน้าตาการควบคุม Quicksetting เองนั้นใช้งานได้ง่ายมากขึ้น Control Centre ถือว่าสะดวกครับ ปัดจากมุมขวาบนลงมาได้ง่ายๆ ส่วนการแจ้งเตือนปกติจะเป็นตรงกลางนะ แต่ถ้าอยากจะทำหลายหน้าจอก็ปัดจากขอบข้างได้ง่ายๆเลยครับ ตัวนี้สามารถแบ่งหน้าจอได้เยอะและอิสระมากๆ ในการใช้งานและตัวเครื่องก็รองรับได้แบบสบายๆ

HUAWEI SHARE

อีกฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นของ Huawei Ecosystem คือตัว Huawei Share นั้นเองที่ตัวนี้จะทำให้เราแชร์ข้อมูล หรือว่าโยนหน้าจอไป Tablet ได้แบบง่ายๆทำให้เราใช้งานมือถือโดยที่สัมผัสสั่งงานผ่าน Matepad Pro 12.6 แทนได้เลย รวมถึงดูข้อมูล ลากข้อมูลย้ายลง Matepad ได้แบบสบายมากๆ ถือว่าเป็นจุดที่แอดชอบมากๆครับ และ สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายมากๆแค่เปิด Huawei Share หรือแตะไปตรง แป้นคีย์บอร์ดได้เลยครับสะดวกจริงๆ และ รองรับทั้ง Matebook – Matepad ได้ทั้งหมดเลยครับตัวนี้ อย่างที่เห็นในภาพจอมือถือไปอยู่ใน Matepad ได้แบบสบายๆและสัมผัส โยนรูปภาพ ข้อมูลทำงานต่อเนื่องได้ง่ายมากครับเป็นส่วนที่ทำงานได้ดีจริงๆ

MULTI-SCREEN COLLABORATION WITH LAPTOP 

เป็นฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้จริงและน่าสนใจทำงานร่วมกันได้แบบลื่นไหลมากๆโยนไฟล์ต่างๆ หรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกันสำหรับการทำงานที่อื่นๆหรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอที่ 2 ทำให้เรามหน้าจอเพิ่มอีกอันได้เแบบสบายๆครับ รวมถึงรองรับการโยนไฟล์ระหว่างไฟล์บน Matepad และ Matebook ได้ทันทีเลยไม่ต้องเสียบสายอะไรทั้งนั้นและแท็บเล็ตและแล็ปท็อปสามารถใช้เมาส์และคีย์บอร์ดร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ไฟล์และข้อความสามารถส่งผ่านไปมาระหว่างสองอุปกรณ์ได้ง่ายดายเลยจริงๆ สามารถเปิดใช้งานได้บน PC MANAGER บนคอมพิวเตอร์

  • เมื่อเปิด Mirror Mode หน้าจอแล็ปท็อปของคุณจะถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอแท็บเล็ตที่สามารถพร้อมใช้ในการเขียนได้ทันที ไม่ว่าคุณจะเขียนหรือวาดรูปบนแท็บเล็ตด้วย M-Pencil จะแสดงผลทันทีไปยังหน้าจอแล็ปท็อปของคุณ นี่คือตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานการออกแบบอย่างมืออาชีพ เป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกัน สั่งงานได้ทั้งหมดเลยนั้นเองครับ
  • เมื่อเปิด Extend Mode สามารถลาก แอปฯ/หน้าต่าง บนแล็ปท็อปสู่แท็บเล็ตได้ทันที ขณะประชุมหน้าจอหนึ่ง คุณสามารถเช็คไฟล์หรือแก้ไขงานในอีกหน้าจอไปพร้อมกัน ตอบสนองการทำงานอันหลากหลายได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับการต่อจอที่ 2 ในคอมพิวเตอร์ต่างๆ และสามารถโยนไปมาได้ในแอปต่างๆด้วยเช่นกัน

APPS

ตัวแอปเองนั้นรองรับการใช้งานได้ดีแต่ด้วยความที่ไม่มี Playstore ทำให้การรองรับ GMS ยังคงไม่รองรับเช่นเดิมแต่ก็สามารถใช้งานแอปได้หลากหลายกว่ายุคแรกๆเยอะมากแล้ว รวมถึงโหลด APK มาลงได้ หรือว่าจะเป็น Huawei App Gallary เองก็ตามครับ รวมถึงตัว Google Maps เองนั้นก็ใช้งานได้โดยไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเลยครับ ใช้งานนำทาง หรือว่า เข้าหาสถานที่ได้ปกติด้วยเช่นกัน หรือจะเป็น Petal Maps ก็รองรับได้ดีไม่แพ้กันจากทาง Huawei เองด้วยเช่นกันถือว่าเรื่องของแอปเองนั้นพัฒนามาเยอะมากขึ้น รองรับได้ง่ายและหลากหลายกว่าเดิมเยอะ

M-PENCIL 2 : DRAWING 

ปากกาในรอบนี้ได้ยกระดับการใช้งานไปอีกครั้งแน่นอนว่านอกเหนือจากการออกแบบแล้วนั้นการใช้งานก็ดีขึ้นตามไปอีกขั้นครับ ในเรื่องของงานออกแบบกันก่อนตัวนี้วัสดุสีเงินสวยงามพร้อมกับหัวปากกาแบบใส่ทำให้เราเห็นข้างในได้แบบเดียวกับทาง นาฬิกาแพงๆที่เห็นระบบกลไกข้างใน ถือว่าสวยงามหรูหรา และแน่นอนว่านอกเหนือจากดีไซน์เองจริงๆมีฟีเจอร์เยอะมากขึ้น รองรับการ รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ รวมถึง รองรับการเขียนแบบเอียงปากกา  อีกทั้งยังมีความหน่วงต่ำมากๆค่า Latency ต่ำเพียง 9 มิลลิวินาทีเท่านั้น ถือว่าการใช้งานเทพเอาเรื่องเลยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าครับ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆก็ให้มาครบ ทั้ง Double Tap ที่สามารถสลับไปยางลบได้ง่ายๆ หรือ สลับไปอุปกรณ์ก่อนหน้าได้เลยในแอปที่รองรับแค่เคาะตรงหัวปากกาเท่านั้น และรวมถึง Free Script แปลงลายมือเป็นตัวอักษรได้เลย รองรับการค้นหาในเว็บ หรือว่าแอพที่รองรับได้หลายๆแอปและใช้งานได้หลากหลายทีเดียวครับตัวนี้

การเชื่อมต่อหรือว่าการชาร์จนั้นไม่ยากเลยครับตัวนี้รองรับการชาร์จไร้สายแค่เอาไปแปะไว้ที่ขอบเครื่องแบบแม่เหล็กง่ายๆเลยทีเดียว และชาร์จ 30 วิ วาดได้ 10 นาที และ ชาร์จเต็มใช้งานได้ 10 ชั่วโมงเลยแหละ และ ใช้งานกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้าได้ และ เชื่อมได้ 4 เครื่องพร้อมกันครับในปากกาตัวเดียว ตัวเดิม รวมถึง การเชื่อมต่อก็แค่แปะเข้าไปกับตัว Matepad ก็จะเชื่อมต่อได้เลยทันทีครับ และจะบอกสถานะ แบต และการใช้งานขั้นมาบอกเลยว่าสะดวกมาก

ปากกาเองนั้นต้องบอกว่าดีไซน์การใช้งานต่างๆนั้นรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมสวยงามและเบาแม้จะดูคล้ายกับอลูมิเนียมต่างๆแต่บอดี้นั้นก็ถือว่าเบากว่าที่คิดไว้ครับรูปทรงขนาดอะไรนั้นใหญ่กำลังดีกับการวาดหรือว่าลงเส้นครับแน่นอนว่าอาจจะลื่นมือได้ง่ายนิดๆแต่ถ้าปรับตัวซักระยะก็ทำงานได้ดีเลยทีเดียวครับ หัวปากกานั้นเป็นแบบใส ขนาดกำลังดีและมีความลื่นไหลกำลังดีเลยทีเดียว แต่ถ้าส่วนตัววาดภาพงานอะไรที่เน้นรายละเอียดความแม่นยำนั้นต้องบอกว่าในบางจังหวะนั้นปากกาลื่นมากๆจนเส้นไม่ค่อยตรงและควบคุมได้ยากพอสมควรในการวาดเส้นแนวดิ่งหรือแนวนอนต่างๆ แต่ถ้าถามว่าเรื่องการไล่น้ำหนัก หรือว่าการวางเอียงต่างๆลงสีหรือว่าไล่สีนั้นทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมเยอะมากๆและความหน่วงนั้นทำได้ดีเช่นกัน เวลาวาดเส้นไวๆก็ไม่เจออาการหน่วงหรือเส้นไม่ต่อเนื่องเลยครับ เส้นเนียนและสวยพอสมควร ทดสอบการวาดรถออกแบบ การลงเส้นสายอะไรทำได้ดี และไล่ลงสีทับกันได้ผสมสีกันเนียนลงตัวเช่นกันครับ

CHARGING 40W + WIRELESS 

การชาร์จไฟเข้านั้นต้องบอกว่าไวมากๆถ้าเทียบกับบรรดา Tablet ด้วยกัน และรุ่นนี้รองรับได้สูงสุด 40W พร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่แกะกล่อง เพราะว่ารุ่นนี้ให้ที่ชาร์จไวมาในกล่องไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มอะไรทั้งนั้นครับรองรับ 40W SuperCharge  และ สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 2 ชั่วโมง 10 นาที และ รองรับการชาร์จไร้สาย สูงถึง 27W และ สามารถชาร์จไฟย้อนกลับไปยัง มือถือ นาฬิกา หูฟัง ที่รองรับชาร์จไร้สาย Qi ได้แบบสบายๆเช่นในภาพแอดชาร์จมือถือ Mate 30 Pro ได้สบายๆแม้จะใส่เคส UAG ก็ตามถือว่ากำลังไฟสูงและรองรับได้สูงสุดถึง 10W ไร้สายนั้นเอง

CAMERA

เรื่องกล้องนั้นแม้จะเป็น Tablet แต่ทางค่ายก็ยังใส่เลนส์มุมกว้างใส่เข้ามาให้จัดเต็ม พร้อมกับเลนส์หลักรูรับแสง f1.8 รวมถึงการใช้งานเลนส์ 3 มิติสำหรับการใช้งาน AR ด้วยเช่นกันถือว่าไม่น้อยหน้ารุ่นอื่นๆและบางค่ายเองนั้นกล้องแค่ตัวเดียวเท่านั้นด้วยครับ ทำให้ HUAWEI Matepad Pro 12.6 นั้นใส่กล้องหลัง 13ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 AF, และกล้องมุมกว้าง 8MP, F/2.4, มุมมองรับภาพ 120 องศา, และกล้องตัวที่ 3 นั้นจะเป็น กล้อง 3D Depth Sensing Camera  และรองรับการถ่าย Portrait หรือว่า โหมดกลางคืนครบๆรวมถึง Panorama และ Pro Mode ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังใส่โหมดถ่ายลากแสงไฟเข้ามาให้ แม้ว่าจะโอกาศถ่ายได้ยากเพราะด้วยขนาดตัวเครื่องต่างๆ แต่ก็ยังไม่ตัดฟีเจอร์การถ่ายอะไรออกไปเลยแม้แต่น้อยจุดนี้ต้องขอชมทางค่ายรวมถึงกล้องหน้าให้มา 8 ล้านพิกเซลด้วยเช่นกันครับจัดเต็มและมี Portrait Mode รวมถึงโหมดกลางคืน และ วีดีโอ 4K กล้องหลังจัดเต็ม

HUAWEI MATEPAD PRO 12.6

” ลงตัวที่สุดตัวนึง ลำโพง หน้าจอสวย  ระบบทำงานร่วม ECOCSYSTEM ได้แบบจัดเต็ม “

ถือว่าเป็น Tablet ที่มาพร้อมปากกาและคีย์บอร์ดที่ลงตัวมากๆตัวนึงทั้งเรื่องของอุปกรณ์เสริม การออกแบบภาพรวมทั้งหมด หรือว่าจะเป็น หน้าจอ ลำโพงต่างๆ รวมถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่อง อีกทั้งการทำงานระบบของมันไม่ว่าจะเป็นร่วมกับบรรดา Huawei Ecosystem ของตัวเองที่ไหลลื่นและรองรับได้ดี หรือว่าจะเป็นการเชื่อมต่อมาตรฐานส่วนอื่นๆก็รองรับได้ทั้งหมด และปากกาที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆบอกเลยว่า HUAWEI เป็นแบรนด์ที่พัฒนาและออกสินค้ามาแบบต่อเนื่อง และเราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงตลอดนั้นเอง รวมถึง HARMONY OS ที่กล้าพัฒนาขึ้นแต่ตอนนี้เหมือนจะอิง Android อยู่ต้องรอดูว่าอนาคตจะเป็นยังไง ทุกอย่างนั้นลงตัวไปหมด แต่ถ้าใครที่เน้นใช้งาน Google ทั้งหลายไม่ว่าจะแอป หรือ ID อาจจะยังคงไม่ตอบโจทย์เช่นเดิมครับรวมถึงการรองรับกับของที่ซื้อแอปที่ซื้อต่างๆ

ข้อดี

  • หน้าจอสวย ขอบบาง ใหญ่ คมชัด และรองรับ HDR10
  • งานออกแบบดีไซน์สวย เนียน งานประกอบแน่นแข็งแรง
  • แบตอึด KIRIN จัดการพลังงานได้ดีเช่นเดิม
  • รองรับชาร์จไว 40W ชาร์จไร้สาย และ ชาร์จย้อนกลับจัดเต็ม
  • ลำโพง HARMAN/KARDON 8 ตัวเสียงแน่น คุณภาพสูง
  • กล้องหน้า หลัง ทำได้ดี คุณภาพดี โหมดการถ่ายเยอะ
  • Harmony OS ทำได้ดีกว้าที่คิด ความนิ่ง ลื่นไหล และ การรองรับแอป
  • Huawei Share – Collaboration ทำงานร่วมกับ Ecosystem ได้ดีมาก
  • Huawei M Pencil ไล่น้ำหนักได้ดี ความหน่วงต่ำ วาดออกแบบได้ลื่นไหล
  • Kirin 9000E จัดการพลังงานได้ดี แต่ก็ยังคงแรง และ ไม่ร้อน
  • ไมค์รับเสียงทำได้ดี 4 ตัว ตัดเสียง รับเสียงชัด เคลียร์
  • เคสคีย์บอร์ดแข็งแรง ใช้งานได้แม่นยำ ปุ่มทำได้ดี ระยะกดดี

ข้อสังเกต

  • หน้าจอยังคงเป็น 6OHz เท่านั้น
  • ไม่มีสแกนลายนิ้วมือให้ใช้งาน
  • Harmony OS ยังไม่แตกต่างกับ Android มากนัก
  • HMS ยังคงต้องปรับตัวกันอีกซักพัก ถ้าใครเน้น Google จะไม่แนะนำ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares