HUAWEI ช่วงนี้กำลังคึกเป็นพิเศษ เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องและครั้งนี้มาถึงคิว Huawei MatePad 11 ที่มาพร้อมกับหน้าจอ 10.95 นิ้ว เข้ามาเสริมตลาดระหว่าง Matepad Pro 12.6 และ MatePad Pro 10.8 ก่อนหน้านี้ ซึ่งรุ่นนี้จะไม่ได้ใช้งานชื่อ Pro แต่ก็มีความน่าสนใจอะไรหลายๆอย่างรวมถึงการรองรับ ปากกา คีย์บอร์ด เหมือนรุ่นพี่แถมยังทำราคาได้ถูกกว่า และได้หน้าจอที่มีความลื่นไหลมากกว่าถึง 120Hz ด้วยนั้นเองและได้ความละเอียดเท่ากับตัว 10.8 ส่วนทางด้านการใช้งานต่างๆยังคงจัดเต็มใช้งาน Snapdragon 865 พร้อมกับ ลำโพง 4 ตัวจัดเต็ม บนล่าง Harman/Kardon อีกทั้งยังคงใส่ฟีเจอร์การทำงานร่วมกันทั้งหมดเหมือนกับรุ่นพี่เป๊ะๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อหน้าจอ โยนไฟล์ต่างๆทำได้ง่ายมากๆ และใครที่ใช้งานกับ Huawei Smartphone – Notebook ตัวนี้ออกมาตอบโจทย์แน่นอน และเป็นการทำราคาไม่เกิน 2 หมื่นแต่ได้ หน้าจอ ฟีเจอร์มาทั้งหมด ถือว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยครับ

MatePad 11 ที่พึ่งเปิดตัวไปนั้นมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 10.95 นิ้ว WQXGA ซึ่งจะสูงก่อนจะไป 4K และมากกว่า FHD นะครับ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz และรองรับการใช้งานปากกา M-Pencil stylus นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับและมีดีเลย์เพียง 2ms เท่านั้น ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 865 และระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2 ที่มาพร้อม widgets, โฟลเดอร์ และกล่องข้อมูล โดยใช้บริการ Super Service Widgets นอกจากนั้นตัวแท็บเล็ตสามารถเชื่อมต่อกับเมาส์และคีย์บอร์ดเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ เช่น การตัดต่อวีดีโอด้วย เจ้า MatePad 11 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13MP ที่มีระบบ autofocus และมีกล้องหน้าความละเอียด 8MP อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมลำโพง 4 ตัวและมีแบตเตอรี่ 7,250 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 22.5W แต่ไม่รองรับการแชร์แบตให้กับเครื่องอื่นได้นะครับ แน่นอนว่าด้วยรุ่นนี้จะเน้นราคาทำได้ดีกว่า และไม่ใช่รุ่นPro นั้นเอง แต่การรองรับปากกา คีย์บอร์ดอะไรนั้นจัดเต็มไม่ต่างกันเลยครับ ถือว่าไม่น้อยหน้ารุ่นพี่เลย  HUAWEI MATEPAD 11 มาพร้อมกับ ราคาขายในประเทศไทย เริ่มต้นที่ 15,990  มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี Matte Grey  , Isle Blue และในความจุ 128GB 

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://bit.ly/3wVkc9y

UNBOX

ตัว Huawei MatePad 11 นั้นจะมีโปรที่ซื้อพร้อมกับ คีย์บอร์ด และ ปากกาได้ด้วยเช่นกัน มาพร้อมกับ 3 กล่องแยกกันต่างหากเลยนั้นเองเหมือนกับรุ่นก่อนๆ แน่นอนว่าปากกาจะใช้งานร่วมกับตัวอื่นๆได้เพราะว่าเป็นตัวเดียวกัน แต่เคส Smart Magnetic Keyboard เองนั้นจะเป็นของใครของมันด้วยขนาดที่แตกต่างกันส่วนอุปกรณ์ให้มาครบ

  • ตัวเครื่อง HUAWEI MATEPAD 11
  • ที่ชาร์จ HUAWEI 22.5W
  • สาย USB-A ไป USB-C
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
  • ปากกา Huawei M-Pencil 2
  • หัวปากกาสำรอง 2 ชิ้น
  • เคสคีย์บอร์ด Huawei Smart Magnetic Keyboard

DESIGN

งานออกแบบเองนั้นไม่ได้หนีจากรุ่น 10.8 เท่าไรทั้งด้านหน้าและด้านหลังแต่รุ่นนี้จะเห็นว่าขอบหน้าจอจะใหญ่กว่าและไม่มีกล้องหน้าเจาะรูเสริมเข้ามานั้นเอง แต่ทางด้านฝาหลังงานออกแบบตัวเลนส์กล้องอะไรนั้นเรียกได้ว่าใกล้เคียงกันอย่างมาก ตัวนี้จะมาในขนาด 11 นิ้ว ขนาดหน้าจอ 10.95 นิ้วนั้นเองจะใหญ่กว่ารุ่นนั้น 10.8 เล็กน้อยแต่การพกพาไม่ได้หนีกันมากนักครับ รวมถึงมาพร้อมกับ เคส Huawei Smart Magnetic Keyboard เช่นเดิม และ ปากกาซึ่งยังคงมีการออกแบบ ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่น Pro และบอกเลยว่าทำให้รุ่นนี้ใช้งานได้เทียบเท่าตัวพี่เลยทีเดียว

ทางด้านหน้าจอตัวนี้สวยและเต็มขอบไม่มีกล้องหน้าเจาะรูมาเกะกะ สามารถจับถือได้อยู่ไม่ได้บางมากเกินไปสามารถซ่อนเซนเซอร์ กล้องหน้าได้แบบเนียนๆและบางมาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผล จอโค้ง 2.5D ขนาด 10.95 นิ้ว (2560 x 1600) WQXGA, อัตราส่วน 16:10, รีเฟรชเรท 120Hz

ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้าใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันในสเปกความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เหมือนจะได้ตัวเดียวกับรุ่น MatePad Pro 12.6 มาเลยนั้นเองครับ  และปากกาวางแปะไว้ขอบขวาชาร์จไฟได้ทันที

ส่วนขอบด้านล่างนั้นบางเท่ากันในด้านบนเลยทีเดียวเรียกได้ว่าสวยงาม ส่วนการควบคุมนั้นรองรับแบบ Gesture เช่นกันใช้งานได้ง่ายและเข้ากับขนาดหน้าจอได้ดี ส่วนตัวแอปเองนั้นมีการออกแบบ Dock ใหม่ชิดขอบมากขึ้น

ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นจะมาพร้อมกับช่องใส่ถาดซิมที่รองรับการ เพิ่มความจุ MicroSD ไม่รองรับการใส่ซิม นั้นเอง จะเห็นว่าขอบตัวเครื่องนั้นเป็นสีดำเหมือนกับฝาหลังและมีความบางระดับนึงและหน้าจอเรียบๆใช้งานได้ง่าย

ทางด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีลำโพงแน่นๆทั้ง 2 ฝั่ง และแทรกลำโพง 4 ตัวไว้รอบเครื่องครับ พอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะเป็น USB-C รองรับได้สบายๆ

ส่วนทางด้านขวานั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียงให้ใช้งานพร้อมกับ ไมค์ 3 ตัวครับรองรับการใช้งานได้สบายส่วนกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาเล็กน้อยครับ ตัวขอบเครื่องเรียบๆทั้งหมดและหน้าจอเรียบเช่นกัน เครื่องจะมีความบางพอสมควร

ส่วนขอบเครื่องด้านบนเองนั้นเราจะเห็นว่า ลำโพงใส่เข้ามาให้ทั้ง 2 ฝั่งขนาดใหญ่สมมาตรกันและออกจริงทั้งหมด และปุ่ม Power เปิด ปิดเครื่อง นั้นจะมีการเล่นสีแดงไว้ด้านบนตัวเครื่องตำแหน่งอะไรใช้งานได้ง่ายตรงมุมพอดีครับ

ฝาหลังมาพร้อมกับสีดำด้าน หรือ ชื่อจะมาพร้อมกับ Matte Grey หรือ สีเทาด้านนั้นเองโทนสีจะค่อนข้างเข้มและแอบติดรอยนิ้วมือคราบมันได้ง่ายเหมือนกัน ฝาหลังไม่ได้มีการเล่นลวดลายสีสันอะไรเท่าไรนักเน้นการใช้งานมากกว่า

ส่วนกล้องหลังนั้นให้มาตัวเดียววางแนวตั้ง พร้อมกับ 13MP auto focus (f/1.8)  อาจจะไม่ได้เน้นอะไรมากนักในกล้องหลัง แต่คุณภาพก็ถือว่าใช้งานได้สบายๆแล้วเพราะว่า Tablet จริงๆนั้นเรื่องกล้องอาจจะไม่ได้เป็นจุดหลักเท่าไร แต่รุ่นนี้มีการใส่ไมค์เข้ามาให้ทั้งหมด 4 ตัว และ 1 ในนั้นเองจะอยู่ตรงบริเวณกล้องหลังด้วยเช่นกันครับ

HUAWEI Smart Magnetic Keyboard

ทางด้านคีย์บอร์ดที่ให้มานั้นจะเป็นการออกแบบที่จะเรียบไปกับตัวเครื่อง ดีไซน์ถือว่าดูสวยและหรูพอสมควรตัวเคสแบบนี้นั้นจะไม่ได้เน้นการปกป้องอะไรมากนักอยู่แล้ว แต่จะได้เรื่องของการพับใช้งาน การปกป้องหน้าจอ และที่สำคัญคือ คีย์บอร์ดที่เสริมเข้ามานั้นเอง และถ้าเรื่องของเวลาตก กระแทกอะไรนั้นอาจจะไม่ได้ช่วยปกป้องอะไรได้เยอะครับ ส่วนเรื่องของน้ำหนักเมื่อใส่ใช้งานเคสนั้นเราจะเห็นได้ว่าไม่ได้หนักมากแต่ก็แอบหนักกว่าเครื่องปกติเหมือนกันครับ แต่ต้องบอกกันก่อนว่ารุ่นที่ขายในไทยเองนั้น จะมีการพิมพ์ภาษาไทยมาให้บนแป้นนะครับ แต่ตัวรีวิวนั้นจะเป็น Eng

วัสดุตัวเคสเองนั้นถือว่าทำได้ดีในเรื่องของความแข็งแรงการใช้งานทั่วไปรวมถึงสีค่อนข้างเรียบร้อยและทนทานต่อการสัมผัสหรือว่าเลอะได้ดี สามารถเช็ดออกได้ง่ายเวลาพกพาหรือว่าวางใช้งานต่างๆ ตัวปรับระดับต่างๆก็รองรับได้ 2 ระดับครับ รวมถึงการเชื่อมต่อ หรือว่า ยึดติดนั้นเป็นแบบแม่เหล็กทั้งหมดไม่ต้องมีพอร์ตเชื่อมอะไรกับตัวเครื่องแม้แต่น้อยถือว่าสะดวกมากๆ และการติดเคสก็แค่แปะเข้าไปในด้านหลังเท่านั้นมีความแน่นกำลังดีและไม่ขยับเลยครับ ส่วนตรงกล้องอะไรนั้นปกป้องได้ดีระดับนึงเวลาวางคว่ำต่างๆ และตัวปากกาเองนั้นจะแปะขอบเครื่องได้เลยครับ

คีย์บอร์ดจริงๆนั้นถือว่าระยะการวางแป้นพิมพ์หรือว่าระยะกดแอบทำได้ดีกว่าที่คิดเลยนะ ทำให้การใช้งานนั้นจะไปคล้ายๆกับพวก Ultrabook แบบบางๆได้เลยแหละแต่แค่ไม่มีไฟเท่านั้น ส่วนปุ่มจริงๆนั้นจะมีภาษาไทยมาให้นะครับในตัวขายจริง และมีแถมสำหรับคนที่ซื้อช่วงแรกๆด้วยเช่นกันมาพร้อมกับปุ่มครบๆไม่ว่าจะเป็น ปรับเสียง แสงหน้าจอ หรือว่า ถ่ายหน้าจอต่างๆด้วยเช่นกัน ส่วนตัวเป็นเคสคีย์บอร์ดที่ดีมากๆตัวนึงในบรรดา Tablet ด้วยกันด้วยนะตัวนี้

SPEC

  • หน้าจอโค้ง 2.5D ขนาด 10.95 นิ้ว (2560 x 1600) WQXGA, อัตราส่วน 16:10, รีเฟรชเรท 120Hz
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 865 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 650
  • RAM LPDDR4x 6GB
  • ความจำภายใน 128GB ที่สามารถใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 1TB
  • HarmonyOS 2.0
  • กล้องหลัง 13MP auto focus (f/1.8) + แฟลช LED flash
  • กล้องหน้า 8MP (f/2.0)
  • ขนาดตัวเครื่อง: 253.8 x 165.3×7.25มม.; น้ำหนัก: 485 กรัม
  • ลำโพง 4 ตัว, Sound Effect HUAWEI Histen 7.0 
  • Sound By Harman/Kardon
  • ไมโครโฟน 4 ตัว
  • รองรับเครือข่าย Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1 LE, GPS / GLONASS / BeiDou / GALILEO / QZSS
  • ไม่รองรับการใส่ซิม 
  • USB Type-C USB 3.0
  • แบตเตอรี่ 7,250mAh ที่รองรับการชาร์จ 22.5W

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 865 ที่เป็นการปรับมาใช้งานค่ายมังกรแน่นอนว่าเรื่องของความแรงอะไรนั้นไว้ใจได้เลยทีเดียวรวมถึงการเล่นเกมต่างๆ แต่รุ่นนี้เหมือนจะทำเรื่องของแบตได้ดีด้วยเหมือนกันนะ ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงานนั้น ทดสอบโดย Antutu เองนั้นได้คะแนน 629803 คะแนน ส่วน การอ่านเขียนหน่วยความจุของตัวเครื่องทำได้ 1630MB/S และ เขียนไป 715MB/S แน่นอว่าเป็น UFS3.0 สบายๆแรงไว้ใจได้เลยครับ และในตัวบรรดา Tablet เรื่องการอ่านเขียนถือว่าสำคัญเวลาเก็บไฟล์งาน ไฟล์วาดต่างๆ และสามารถเพิ่มความจุได้อีกโดยเป็น Micro-SD Card ถือว่าใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเป็น NMCard แล้วนะครับ ส่วนทางด้าน Geekbench เองนั้นทำไปได้ 921 / 3330 คะแนน ทำได้ดีกับเรทราคาตัวนี้ และ Snapdragon 865 ตัวนี้

SYSTEM HARMONY OS 

HUAWEI ได้พัฒนาระบบของตัวเองมาซักพักและได้ปล่อยมาบนอุปกรณ์ใหม่เป็นครั้งแรกในตัว MatePad Pro 12.6 และต่อเนื่องมาที่รุ่น 11  แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะคิดว่ามันพัฒนาใหม่หมดแต่พอได้ลอง สัมผัสจริงๆมันก็ยังคงสร้างบนพื้นฐานของ Android และ Linux Kernal เช่นเดิม แต่เหมือนการเปลี่ยนหน้าตาอะไรเท่านั้น แต่ในอนาคตอาจจะปรับจนเป็นระบบใหม่ก็เป็นไปได้ครับน่าติดตามกันต่อไป ทั้งนี้ตัวนี้มาพร้อมกับหน้าตาแบบใหม่ทั้งหมด

ในส่วน Dock ข้างล่างนี้ข้อดีมาจากรุ่นก่อนๆเลยทีเดียวเพราะว่าเป็นหน้าตาที่ใช้งานได้จริงและสะดวกมากๆในการเรียงแอปล่าสุดให้มามุมขวา และแยกกับ Dock ปกติตรงกลางครับ ส่วนไอคอนอะไรต่างๆนั้นไม่ต่างกัน

ส่วนหน้าตาการควบคุม Quicksetting เองนั้นใช้งานได้ง่ายมากขึ้น Control Centre ถือว่าสะดวกครับ ปัดจากมุมขวาบนลงมาได้ง่ายๆ ส่วนการแจ้งเตือนปกติจะเป็นตรงกลางนะ แต่ถ้าอยากจะทำหลายหน้าจอก็ปัดจากขอบข้างได้ง่ายๆเลยครับ ตัวนี้สามารถแบ่งหน้าจอได้เยอะและอิสระมากๆ ในการใช้งานและตัวเครื่องก็รองรับได้แบบสบายๆ

HUAWEI SHARE

อีกฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นของ Huawei Ecosystem คือตัว Huawei Share นั้นเองที่ตัวนี้จะทำให้เราแชร์ข้อมูล หรือว่าโยนหน้าจอไป Tablet ได้แบบง่ายๆทำให้เราใช้งานมือถือโดยที่สัมผัสสั่งงานผ่าน Matepad 11 แทนได้เลย รวมถึงดูข้อมูล ลากข้อมูลย้ายลง Matepad ได้แบบสบายมากๆ ถือว่าเป็นจุดที่แอดชอบมากๆครับ และ สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายมากๆแค่เปิด Huawei Share หรือแตะไปตรง แป้นคีย์บอร์ดได้เลยครับสะดวกจริงๆ และ รองรับทั้ง Matebook – Matepad ได้ทั้งหมดเลยครับตัวนี้ อย่างที่เห็นในภาพจอมือถือไปอยู่ใน Matepad ได้แบบสบายๆและสัมผัส โยนรูปภาพ ข้อมูลทำงานต่อเนื่องได้ง่ายมากครับเป็นส่วนที่ทำงานได้ดีจริงๆยกฟีเจอร์มาครบ

MULTI-SCREEN COLLABORATION WITH LAPTOP 

เป็นฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้จริงและน่าสนใจทำงานร่วมกันได้แบบลื่นไหลมากๆโยนไฟล์ต่างๆ หรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกันสำหรับการทำงานที่อื่นๆหรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอที่ 2 ทำให้เรามหน้าจอเพิ่มอีกอันได้เแบบสบายๆครับ รวมถึงรองรับการโยนไฟล์ระหว่างไฟล์บน Matepad และ Matebook ได้ทันทีเลยไม่ต้องเสียบสายอะไรทั้งนั้นและแท็บเล็ตและแล็ปท็อปสามารถใช้เมาส์และคีย์บอร์ดร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ไฟล์และข้อความสามารถส่งผ่านไปมาระหว่างสองอุปกรณ์ได้ง่ายดายเลยจริงๆ สามารถเปิดใช้งานได้บน PC MANAGER บนคอมพิวเตอร์

  • เมื่อเปิด Mirror Mode หน้าจอแล็ปท็อปของคุณจะถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอแท็บเล็ตที่สามารถพร้อมใช้ในการเขียนได้ทันที ไม่ว่าคุณจะเขียนหรือวาดรูปบนแท็บเล็ตด้วย M-Pencil จะแสดงผลทันทีไปยังหน้าจอแล็ปท็อปของคุณ นี่คือตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานการออกแบบอย่างมืออาชีพ เป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกัน สั่งงานได้ทั้งหมดเลยนั้นเองครับ
  • เมื่อเปิด Extend Mode สามารถลาก แอปฯ/หน้าต่าง บนแล็ปท็อปสู่แท็บเล็ตได้ทันที ขณะประชุมหน้าจอหนึ่ง คุณสามารถเช็กไฟล์หรือแก้ไขงานในอีกหน้าจอไปพร้อมกัน ตอบสนองการทำงานอันหลากหลายได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับการต่อจอที่ 2 ในคอมพิวเตอร์ต่างๆ และสามารถโยนไปมาได้ในแอปต่างๆด้วยเช่นกัน

APPS

ตัวแอปเองนั้นรองรับการใช้งานได้ดีแต่ด้วยความที่ไม่มี Playstore ทำให้การรองรับ GMS ยังคงไม่รองรับเช่นเดิมแต่ก็สามารถใช้งานแอปได้หลากหลายกว่ายุคแรกๆเยอะมากแล้ว รวมถึงโหลด APK มาลงได้ หรือว่าจะเป็น Huawei App Gallary เองก็ตามครับ รวมถึงตัว Google Maps เองนั้นก็ใช้งานได้โดยไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเลยครับ ใช้งานนำทาง หรือว่า เข้าหาสถานที่ได้ปกติด้วยเช่นกัน หรือจะเป็น Petal Maps ก็รองรับได้ดีไม่แพ้กันจากทาง Huawei เองด้วยเช่นกันถือว่าเรื่องของแอปเองนั้นพัฒนามาเยอะมากขึ้น รองรับได้ง่ายและหลากหลายกว่าเดิมเยอะ

SCREEN 120HZ 

มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 10.95 นิ้ว WQXGA ซึ่งจะสูงก่อนจะไป 4K และมากกว่า FHD นะครับผม ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz และรองรับการใช้งานปากกา M-Pencil stylus ขอบจอบาง 7nm. นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับและมีดีเลย์เพียง 2ms เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าหน้าจะจะได้ขนาดใหญ่แทรกกลางระหว่างรุ่น Pro 12.6  และ 10.8 นั้นเอง แน่นอนว่าอีกจุดเด่นที่แตกต่างกันคือมาพร้อมกับ รีเฟรชเรทที่สูงกว่าทั้ง 2 ตัวคือ 120Hz และความละเอียดนั้นจะเท่ากับตัว Pro 10.8 นั้นเองถือว่าเป็นหน้าจอที่ทำออกมาได้ดีมากๆตัวนึง แม้จะเป็น IPS LCD ก็ตามถือว่ายังคงตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ทั้งสัมผัสติดนิ้ว แสดงผลได้ลื่นไหลส่งผลเวลาวาดภาพใช้งานปากกาได้ดี อีกทั้งในเรื่องของ คุณภาพหน้าจอสู้แสงได้สบายๆแม้จะเป็น IPS LCD ก็ตามและสามารถปรับเรื่องของ Hz ได้ระหว่าง 60Hzกับ120Hz ส่วนตัวเท่าที่ลองเห็นได้ชัดว่ามันลื่นไหลเวลาสัมผัสใช้งานมากกว่ารุ่นพี่และความคมชัดก็สบาย

และด้วยขอบเขตของสี DCI-P3 จึงให้สีสันสดใสและเต็มอิ่มยิ่งกว่า ยังผ่านผลการรับรอง TÜV Rheinland ช่วยในเรื่องการถนอมสายตาลดแสงสีฟ้าตลอดจนการกระพริบของภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโหมดแสดงผลหน้าจอและปรับสีถือว่าหน้าจอในยุคใหม่ๆนั้นควรจะได้มาตรฐานนี้ถึงจะดีครับ และในการใช้งานจริงนั้นมุมมองแอบทำได้ดีกว่าที่คิดไว้แม้จะเป็น IPS LCD ก็ตามแต่มุมมองนั้นบอกเลยว่าโทนสีอะไรไม่ได้ดรอปแม้จะมองจากมุมเอียงๆก็ตาม รวมถึงการสู้แสง หรี่แสงอะไรนั้นทำได้อิสระและสามารถใช้งานในหลายๆสถานที่ได้ไม่มีปัญหา รวมถึงรุ่นนี้การย้ายมาจากรุ่น 12.6 บอกเลยว่าแอบชอบหน้าจอ 120Hz มากกว่าในแง่ของการใช้งาน วาดรูป สัมผัสมันดูลื่นไหลกว่าแบบชัดเจน แต่ถ้าถามเรื่องของความสด สีดำสนิทพวกนั้นแน่นอนว่าตัว Matepad Pro 12.6 ยังคงทำได้ดีกว่าตามระดับราคา

SPEAKER HARMAN / KARDON

ทางด้านเสียงรุ่นนี้ก็ยังคงใส่เข้ามาให้ถึง 4 ตัวแบบ Quad-Speaker และระบบเสียง Quad-Channel เบสหนักแน่นทรงพลัง และเสียงสูงเคลียร์ใส ปรับแต่งโดย harman/kardon แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก แน่นอนว่าโทนเสียงนั้นจัดเต็มทำได้ดี ทั้งในเรื่องของความดัง และ มิติของเสียง แต่ที่ชอบมากๆคือทิศทางเสียงนั้นชัดเจนและรอบทิศทางได้ดีในการวางตั้งดูหนังต่างๆจุดนี้โดดเด่นเช่นเดิม ส่วนทางด้านไมค์นั้น ไมโครโฟนที่ติดตั้งภายใน 4 ตัว จับเสียงได้อย่างแม่นยำ พร้อมเทคโนโลยี AI ลดเสียงรบกวนรอบด้าน เช่น เสียงพิมพ์และเสียงแทรกต่างๆ จะถูกตัดออกเพื่อการพูดและการฟังที่ชัดเจนมากขึ้นเหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์ หรือว่าคุยต่างๆได้สบายเลยแม้จะตั้งไว้ก็ตาม แต่น่าเสียดายว่ารุ่นนี้ไม่มีการรองรับการใส่ซิมอะไรครับ ก็เป็นจุดที่เน้นการใช้งานแตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่าย

M-PENCIL 2 : DRAWING 

ปากกาในรอบนี้ได้ยกระดับการใช้งานไปอีกครั้งแน่นอนว่านอกเหนือจากการออกแบบแล้วนั้นการใช้งานก็ดีขึ้นตามไปอีกขั้นครับ ในเรื่องของงานออกแบบกันก่อนตัวนี้วัสดุสีเงินสวยงามพร้อมกับหัวปากกา แบบใส่ทำให้เราเห็นข้างในได้แบบเดียวกับทางนาฬิกาแพงๆที่เห็นระบบกลไกข้างใน ถือว่าสวยงามหรูหรา และแน่นอนว่านอกเหนือจากดีไซน์เองจริงๆมีฟีเจอร์เยอะมากขึ้น รองรับการ รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ รวมถึง รองรับการเขียนแบบเอียงปากกา  อีกทั้งยังมีความหน่วงต่ำมากๆค่า Latency ต่ำเพียง 2 มิลลิวินาทีเท่านั้น ถือว่าการใช้งานเทพเอาเรื่องเลยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าครับ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆก็ให้มาครบ ทั้ง Double Tap ที่สามารถสลับไปยางลบได้ง่ายๆ หรือ สลับไปอุปกรณ์ก่อนหน้าได้เลยในแอปที่รองรับแค่เคาะตรงหัวปากกาเท่านั้น และรวมถึง Free Script แปลงลายมือเป็นตัวอักษรได้เลย รองรับการค้นหาในเว็บ หรือว่าแอปที่รองรับได้หลายๆแอปและใช้งานได้หลากหลายทีเดียวครับตัวนี้ และเมื่อทำงานกับหน้าจอแบบ 120Hzรู้สึกว่าเวลาลากเส้นมันตอบสนองได้ดีกว่าไวกว่าเวลาวาดภาพใช้งานต่างๆครับในตัวนี้

การเชื่อมต่อหรือว่าการชาร์จนั้นไม่ยากเลยครับตัวนี้รองรับการชาร์จไร้สายแค่เอาไปแปะไว้ที่ขอบเครื่องแบบแม่เหล็กง่ายๆเลยทีเดียว และชาร์จ 30 วิ วาดได้ 10 นาที และ ชาร์จเต็มใช้งานได้ 10 ชั่วโมงเลยแหละ และ ใช้งานกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้าได้ และ เชื่อมได้ 4 เครื่องพร้อมกันครับในปากกาตัวเดียว ตัวเดิม รวมถึง การเชื่อมต่อก็แค่แปะเข้าไปกับตัว Matepad ก็จะเชื่อมต่อได้เลยทันทีครับ และจะบอกสถานะ แบต และการใช้งานขั้นมาบอกเลยว่าสะดวกมาก

ปากกาเองนั้นต้องบอกว่าดีไซน์การใช้งานต่างๆนั้นรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมสวยงามและเบาแม้จะดูคล้ายกับอลูมิเนียมต่างๆแต่บอดี้นั้นก็ถือว่าเบากว่าที่คิดไว้ครับรูปทรงขนาดอะไรนั้นใหญ่กำลังดีกับการวาดหรือว่าลงเส้นครับแน่นอนว่าอาจจะลื่นมือได้ง่ายนิดๆแต่ถ้าปรับตัวซักระยะก็ทำงานได้ดีเลยทีเดียวครับ หัวปากกานั้นเป็นแบบใส ขนาดกำลังดีและมีความลื่นไหลกำลังดีเลยทีเดียว แต่ถ้าส่วนตัววาดภาพงานอะไรที่เน้นรายละเอียดความแม่นยำนั้นต้องบอกว่าในบางจังหวะนั้นปากกาลื่นมากๆจนเส้นไม่ค่อยตรงและควบคุมได้ยากพอสมควรในการวาดเส้นแนวดิ่งหรือแนวนอนต่างๆ แต่ถ้าถามว่าเรื่องการไล่น้ำหนัก หรือว่าการวางเอียงต่างๆลงสีหรือว่าไล่สีนั้นทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมเยอะมากๆและความหน่วงนั้นทำได้ดีเช่นกัน เวลาวาดเส้นไวๆก็ไม่เจออาการหน่วงหรือเส้นไม่ต่อเนื่องเลยครับ เส้นเนียนและสวยพอสมควร ทดสอบการวาดรถออกแบบ การลงเส้นสายอะไรทำได้ดี และไล่ลงสีทับกันได้ผสมสีกันเนียนลงตัวเช่นกันครับตัวนี้

Free Script เปลี่ยนลายมือให้เป็นตัวพิมพ์ได้ง่ายๆและ รองรับการใช้งานทั้งในช่องการค้นหาผ่านเบราว์เซอร์ หรือการจดบันทึกในแอปพลิเคชัน HUAWEI Notepad, JNotes และ Noteshelf รวมทั้งแอปฯ ยอดนิยมอย่าง Line, Facebook Messenger, HUAWEI Browser รวมถึง รองรับภาษาไทย เมื่อตั้งค่าภาษาในตัวเครื่องเป็นภาษาไทยถือว่าดีมากๆครับ และมาพร้อมกับ ฟีเจอร์ Instant Shape ที่ช่วยเปลี่ยนรูปทรงจากการวาดเขียนด้วยลายมือ ไม่ว่าจะเส้นตรง วงกลม หรือ รูปทรงเลขาคณิตต่างๆ ให้เป็นรูปทรงมาตรฐานไม่ว่าจะร่างด้วยลายมือเร็วๆ หยาบๆได้

CAMERA 

ทางด้านกล้องรุ่นนี้อาจจะเป็นจุดหลักๆที่ไม่ได้เน้นมากนักถ้ามองเทียบกับรุ่น 12.6 แน่นอนว่าตัวนั้นมาเต็มกว่าแต่ก็ราคแตกต่างกันเท่าตัวครับ ทำให้รุ่นนี้กล้องเพียงพอต่อการใช้งานแล้วในเรื่องของการถ่ายเก็บข้อมูล เลคเชอร์ต่างๆหรือแม้แต่เอามาทำงานก็ถือว่าใช้งานได้ดี มาพร้อมกับ กล้องหลัง 13MP auto focus (f/1.8) + แฟลช LED flash ส่วน กล้องหน้า 8MP (f/2.0) ก็ทำได้ดีกว่าที่คิดนะเพราะว่ายุคสมัยนี้ กล้องหน้าอาจจะใช้งานได้บ่อยมากกว่าทั้งการ ประชุมออนไลน์ การเรียนการสอนต่างๆก็เอามาปรับใช้งานกันได้และมาพร้อมกับมุมกว้างพอสมควร และ ยังคงมีโหมด Beauty ใส่เข้ามาให้ด้วย ส่วนกล้องหลังก็โหมดพื้นฐานแต่จะไม่มีโหมดกลางคืนอะไรใส่เข้ามาให้นะครับ

HUAWEI MATEPAD 11 

”  น้องเล็ก แต่ทำได้ดี ทั้งเรื่องของฟีเจอร์ คุณภาพ และการรองรับที่จัดเต็มมาก “

HUAWEI เดินหน้าลุยตลาด Tablet อย่างต่อเนื่องล่าสุดได้ส่ง MatePad 11 เข้ามาเสริมในตลาด Tablet เป็นรุ่นที่ 3 ในช่วงนี้ต่อจาก MatePad Pro 12.6 และ 10.8 ถือว่าเติมเต็มทุกช่วงราคา และสเปกเลยทีเดียวทั้งนี้รุ่นนี้แม้จะไม่ได้เป็น Pro แต่ประสิทธิภาพ การใช้งาน งานออกแบบรวมถึง อุปกรณ์เสริมเองนั้นไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็นปากกา M-Pencil 2 และ Smart Magnetic Keyboard นั้นเอง อีกทั้งยังมีหน้าจอ 120Hz ที่เทพกว่า และใช้งาน Snapdragon 865 ค่ายมังกรที่หลายๆคนชื่นชอบนั้ันเอง อีกทั้งงานออกแบบถือว่าใกล้เคียงและสวยไม่ต่างกัน พร้อมกับระบบ HARMONY OS ด้วยเช่นกันครับ ทำให้มันเป็นรุ่นที่น่าสนใจสำหรับคนเริ่มใช้งาน และเน้นปากกา คีย์บอร์ด และใช้งานร่วมกันกับบรรดา Huawei Device ทั้งหลายได้อย่างลงตัวเลยนั้นเองทำให้น่าสนใจตัวนึงเลย

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้ลื่นไหล สวยงาม และ ตอบสนองการใช้งานได้ดี 120Hz
  • งานออกแบบตัวเครื่องสวย เรียบง่าย และ ขอบหน้าจอทำได้สวยแบบรุ่นพี่
  • ประสิทธิภาพตัวเครื่อง Snapdragon 865 ถือว่าตอบสนองต่อการใช้งานสบาย
  • อุปกรณ์เสริม ครบ พร้อมใช้งานทั้ง M-Pencil 2 และ Magnetic Keyboard
  • ฟีเจอร์รองรับกับ Ecocsystem ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
  • ยกฟีเจอร์การทำงานจากรุ่นพี่มาทั้งหมด แต่อยู่ในราคาที่จับต้องได้ง่าย
  • ระบบหน้าตา ใช้งานได้ง่าย และ มีความหลากหลายในการปรับแต่ง
  • รองรับการทำงาน Multi-tasking ด้วย Multi-window เปิดหน้าต่างได้สูงสุดถึง 4 แอปพลิเคชัน และ App-Multiplier
  • ปากกา สามารถตอบสนองต่อการ วาด เขียน และ ใช้งานกับจอ 120Hz ได้ลื่นมากกว่าตัวอื่นๆ
  • ระบบเสียง ลำโพง 4 ตัวถือว่าโดดเด่นและมิติเสียงดี ทิศทางดี

ข้อสังเกต 

  • ไม่รองรับการใส่ ซิมใช้งาน
  • ยังคงใช้งาน HMS เป็นหลัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares