กลับมาอีกครั้งหลังจากที่เราได้ทำการ พรีวิวแกะกล่องกันไปในบทความที่เเล้วกับโดรน DJI MAVIC AIR นั้นเอง ซึ่งใครที่ยังไม่ได้ชมบทความของเราก่อนหน้าก็สามารถตามไปอ่านกันได้เลยที่นี้  PREVIEW DJI MAVIC AIR สำหรับบทความนี้เราจะมาเริ่มรีวิวเเละทดสอบการใช้งานกันจริงๆว่าเจ้าโดรน DJI MAVIC AIR รุ่นนี้นั้นจะเจ๋งแค่ไหนกัน แล้วเวลาที่ใช้งานจริงจะเป็นอย่างที่เค้าบอกกันหรือไม่ ว่ารุ่นนี้ได้ไฟล์ภาพที่โหดในตัวเครื่องที่สามารถพกพาง่าย โดยในการรีวิวครั้งนี้ทางเราก็ได้ทดลองโหมดทั้งหลาย ทุกโหมดในตัวเครื่องเลย แล้วเรามาดูกันว่ามันจะโหดแค่ไหนกัน

DJI MAVIC AIR COMBO SET นั้นเป็นชุดที่ค่อนข้างคุ้มค่า และ มีของมาให้ค่อนข้างครบในเรทราคา 37,500 บาท ชุดนี้เรียกว่าเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการซื้อแบบจบในชุดเดียว ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติ่มอีกแล้ว โดยแหล่งซื้อก็หาได้ทั่วไปแต่ถ้าให้เราแนะนำเราขอแนะนำร้าน MJG THAILAND ร้านนี้จำหน่ายโดรนของ DJI และ อุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆมาร้านนี้ร้านเดียวจบ !!

UNBOXING ของเยอะจัดเต็ม

ในชุดคอมโบกล่องจะมีขนาดใหญ่ และรูป Mavic AIR บนตัวกล่องจะเป็นสีเดียวกับสินค้าในกล่อง ซึ่งตอนนี้มีออกมา 3 สี คือ ขาว  , ดำ , แดง เมื่อเราแกะตัวกล่องแล้วเราจะเห็นอุปกรณ์ที่เรียกว่าครบแบบจัดเต็ม ที่มีมาให้เยอะมากกกกกกเรียกได้ว่าจบในชุดนี้เลย !

  1. กระเป๋าใส่ตัวโดรน พกน้อยๆ เป็นกล่องซิปกันกระแทก ใส่ตัวโดรน
  2. กระเป๋าสะพายข้างพกชุดใหญ่ เหมือนกระเป๋ากล้อง ด้านในมี รีโมท และ อุปกรณ์ ต่างๆ
  3. กล่องใส่ใบพัดสำรอง ตัวกันใบพัด guard, สาย และ คู่มือ

UNBOX เต็มๆไปรับชมกันได้ที่ UNBOXING DJI MAVIC AIR 

DESIGN DJI MAVIC AIR 

เรามาเริ่มพูดถึงเรื่องดีไซ์กันก่อน ตัวเครื่องมีดีไซน์โค้งสวยงามและลงตัว อีกทั้งการออกแบบยังมีความลงตัวในการใช้เฉดสี หรือ วัสดุที่ดูดีกว่าตัว DJI Spark ค่อนข้างมาก และ ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ส่วนขาสามารถพับได้เช่นเดียวกับรุ่นใหญ่นั้นเอง ทำให้ขนาดมันเล็กมากๆและพกพาได้สะดวก

ด้านหน้าตัวโดรน : มาพร้อมกล้อง GIMBAL 3 แกน ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่ยื่น ออกมา และ ช่วยลดการเสียหายเวลาตก หรือ ชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ การตรวจจับสิ่งกีดขวาง หรือแสดงการควบคุม Gesture ได้ด้วยอีกทั้งยังมีฝาปิดมาให้เพื่อเอาไว้ล็อคตัว Gimbal และ ป้องกันเลนส์เวลาที่เรายังไม่ใช้งาน

ด้านหลังตัวโดรน : จะมีเชนเซอร์ตัวเซนเซอร์ด้านหลังที่ใส่มา จะช่วยให้เวลาที่ตัวโดรนบินถอยหลังไม่ชนพวกต้นไม้หรือสิ่งต่างๆ เวลาที่โดรนบินออกไปจากตัวเรากว้างๆหรือไกลๆนั้นเอง ส่วนไอขีดยาวๆคือ ไฟแสดงสถานะ และ เป็นปุ่ม Function ในตัวเอาไว้กดเชื่อมต่อหรือเข้า Gesture นั้นเองมีช่องใส่ Microsd และ ช่องเสียบสาย Type-c ที่สามารถทำให้เราย้ายข้อมูลได้ง่ายและไวยิ่งขึ้น อีกทั้งในตัวโดรนจะมีความจุมาให้ 8 GB นะครับ และ มีช่องระบายอากาศอยู่ข้างบนของตัวเครื่อง

ด้านข้างตัวโดรน : ถัดมาด้านข้างเราจะเห็นตัวเครื่องที่มีความสวยงาม ออกแบบให้รูปทรงนั้นค่อนข้าง ลู่ลม และในส่วนของตัวแบตเตอร์รี่เราต้องกดปุ่มปลดล็อคทั้ง 2 ข้าง ถึงจะสามารถดึงแบตเตอร์รี่ออกมาได้ และ มั่นใจได้มากกว่าเดิมว่าบินๆอยู่แบตเตอร์รี่จะไม่หลุดออกมาครับส่วนใกล้ๆกันเราจะเห็น QR CODE ที่เอาไว้สแกนเพื่อเชื่อมต่อ

ใต้ท้องตัวโดรนจะมีตำแหน่งของเซนเซอร์ทั้งหมด 2 ตัวที่เอาไว้ใช้สำหรับหลบลีก และ วัดระยะต่างๆ มีไฟแสดงสถานะ Battery และปุ่ม Power อยู่บนตัว Battery เวลาเราจะกดเปิดตัวโดรนนั้นให้เรากดปุ่ม 1 ครั้ง แล้วกดปุ่มค้างไว้อีก 1 ครั้งนะครับ (บินได้ 21 นาที)

ด้านบนของตัวโดรน : เมื่อเรามองเราจะเห็นว่ามันมีดีไซน์ที่สวยงามมากๆการเล่นสี 3 โทนหลักๆ ขาว เทา ดำ และ มีการเล่นสีเงาด้าน พร้อมทั้งความโค้งของตัวเส้นสายที่ออกมาเเบมาเป็นอย่างดีมีการเชื่อมตัดกันได้อย่างลงตัวมีโลโก้ DJI เล็กๆดูหรูมากจริงๆอีกทั้งสำหรับตัว Landing Gear ที่สามารถพับได้ และยังเป็นเสาสัญญานในตัวออกแบบมาได้ดี และ เป็นตัวรับสัญญานที่ดีมากๆหลังจากได้ใช้งานเเล้วจริง ๆ

DESIGN CONTROLLER 

พูดถึงเรื่องของรีโมทบังคับเป็นอีก 1 อย่างที่ DJI มีการพัฒนาแม้หน้าตาอาจจะดูคล้ายๆรุ่น DJI SPARK ซึ่งยังไม่มีจอ แต่ก็ยังมีการพัฒนาทั้งเรื่องของการออกแบบตัวก้าน CONTROLLER ที่สามารถถอดได้ถือว่าเป็นรุ่นแรก และ มีขนาดพกพาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม สำหรับตัวปุ่มนั้นยังคงคล้ายๆกับตัว SPARK ครับ แต่จะมีช่องเชื่อมต่อหรืออะไรมากกว่าเดิมนิดหน่อย จะมีช่องเชื่อมมือถืออยู่ทางด้านซ้าย และ โลโก้ของ DJI อยู่ด้านหลังรวมถึงเขียนคำว่า MAVIC AIR ในด้านบนครับพร้อมไฟสถานะ

ถ้าจะให้พูดเรื่องของจุดเด่นๆของเจ้ารีโมทตัวนี้ผมว่ามันสามารถพกพาได้ง่ายขึ้นกว่า มันสามารถถอดก้านควบคุมได้และนำไปเก็บตามภาพด้านบนนั้นเอง

พูดถึงปุ่มต่างๆบนตัว รีโมทนั้นมีหลากหลาย ฟังกชั่นให้เราได้ใช้งานรวมถึงสามารถตั้งค่าตามแบบที่เราต้องการได้ด้วยในบางปุ่ม เมื่อเราใช้งานตัวรีโมทจะทำให้เราสามารถควบคุมตัวโดรนได้ง่ายขึ้น ไกลขึ้น และ โดรนบินได้นิ่งกว่าเดิม อีกทั้งเมื่อโดรนหลุดการเชื่อมต่อเรายังสามารถใช้การควบคุมให้โดรนลงจอดเองได้ไม่เหมือนกับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ถ้าเราเชื่อมกับสมาร์ทโฟนนั้น เวลาที่โดรนหลุดการเชื่อมต่อเราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ส่วนตัวผมถือว่าใช้รีโมทสบายใจกว่าเยอะ 5555

DJI MAVIC AIR SPEC 

  • ขนาดเซนเซอร์ 1/2.3″ CMOS ถ่ายภาพนิ่งขนาด 12 ล้านพิกเซล  35mm  f/2.8
  • iso100-1600 (video) 100-3200(ภาพนิ่ง)
  • โหมด spherical panorama ถ่าย 25 ภาพและรวมกันให้เป็นพาโนรามาขนาด 32 ล้านพิกเซล
  • กันสั่น 3 แกน / โหมด HDR / 360 องศา
  • วีดีโอ 4K/30p /วีดีโอ Full HD  120fps – slowmotion
  • หน่วยความจำภายใน 8GB + Micro SD
  • บินได้ไกล 4 กม. ส่งข้อมูลได้สูงสุด 4 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด  68 กม.ต่อชม.
  • บินได้สูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,000 ม.
  • พัฒนาเทคโนโลยี ActiveTrack สามารถโฟกัสวัตถุเป้าหมายได้หลายจุด และตามวัตถุได้แม่นยำขึ้น
  • Flight autonomy 2.0 ระบบช่วยบินที่มีเซนเซอร์หลบหลีกสิ่งกีดขวาง 7 จุด สามารถแสกนสิ่งกีดขวางระบบ 3D ในระยะ 20 เมตร
  • ระบบช่วยบิน Advanced Pilot Assistant System ที่ช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางแบบ real time ป้องกันการชน 3 ทิศทาง

SOFTWARE DJI GO 4.0 

พูดถึงเรื่องแอพที่ใช้เชื่อมต่อแอพตัวนี้คือหัวใจหลักในการทำงานทั้งหมด ทั้งเรื่องของการควบคุม แบ่งปั่นรูป แต่งรูปหรือตัวต่อคลิปของเรา ถ้าไม่มีแอพนี้มันก็ไม่สามารถใช้งานโดรนได้เต็มที่ครับ เปิดมาหน้าแรกมันจะให้เราเลือกรุ่นของเราเพื่อทำการเชื่อมต่อ ถัดมาหน้าที่สองก็คือพวกตัดต่อ ต่อมาหน้าที่สามก็แชร์พวกรูป และถัดมาหน้าสุดท้ายคือข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นเองครับ และตัวแอพหลังจากใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อค่อนข้างไวเมื่อเราใช้รีโมท ต่อง่ายและสะดวกมากๆ อีกทั้งเวลาดูรูปต่อรูปนั้นต้องใช้ตัวแอพสำหรับรวมรูปพาโนรามาทั้งหลายหรือแก้ไขพวกคลิปวีดีโอ ต่างๆครับ

HOW TO FLY ? มี 3 วิธี ง่ายไม่ยุ่งยาก 

  • BATTERY แนะนำ ชาร์จให้เต็ม ทั้งมือถือ หรือ โดรน รีโมท และ ควรมีแบตมากกว่า 1 ก้อนไว้เลย
  • Smartphone ที่เราจะเชื่อมต่อ Wifi ของ DJI ไว้ให้เรียบร้อยไว้ดูเช็คกันพลาดครับผม
  • โดรนจะบินขึ้นสูง 1.2 เมตร ตอน TAKE OFF ไม่ควรขึ้นในห้องหรือที่คับแคบครับ
  • กางใบพัดให้เรียบร้อย และ ถอดการ์ดกัน กล้องออกด้วย ! 
  • กางขา LANDING GEAR ให้เรียบร้อย !
  • Memmory ในเครื่อง มี 8 GB ถ้ากลัวไม่พอหาพวก Memmory คลาส U3 มาไว้เพราะมันรองรับไฟล์วีดีโอ 4K

1 . GESTURE CONTROL

โหมดนี้ไม่ต้องใช้มือถือ หรือ อะไรในการควบคุมแค่ใช้มือเราเท่านั้น วิธีใช้งานไม่ยากครับ

  • กางแขนขา เปินโดรนปกติ
  • ท้ายเครื่อง กดปุ่ม FN แถบขาวๆนั้นแหละ 2 ครั้งติดกัน ไม่ต้องกดค้าง
  • หันหน้ากล้องมาทางเรา วางบนพื้น ตัวกล้องจะเงยขึ้นและ จับหน้า กับฝ่ามือเรา
  • มีไฟสีเขียวติดคือเรียบร้อย และ พร้อมให้เราใช้ฝ่ามือในงานควบคุม ถ้าโดรนจับมือเราได้มันจะบินขึ้นเอง
  • เลื่อนมือไปมาตามที่เราตัองการได้เลย
  • อยากจะจอดโดรนก็ให้เรากดฝ่ามือลงโดรนก็จะลงจอด

ท่าต่างๆ เราจะสามารถใช้ฝ่ามือควบคุมได้

  • Takeoff จากพื้นโดยใช้ฝ่ามือเรา ยกมือจากพื้นขึ้นไปด้านบน
  • ใช้ฝ่ามือเลื่อนซ้ายขวา ขึ้นลง โดรนจะทำตามฝ่ามือเรา
  • กางมือออก ตามภาพ หรือ หุบเข้าจะเป็นตำแหน่งให้โดรนถอย และ เข้ามา
  • ถ่ายวิดีโอโดยการทำมือเป็นเฟรม หรือ ชูสองนิ้วเพื่อสั่งถ่ายภาพ
  • เอาฝ่ามือลงค้างไว้เพื่อ Landing หรือจอด

2 . SMARTPHONE CONTROL

ซึ่งในโหมดนี้ก็ให้เราเปิดเครื่องใช้งานปกติจากนั้นตัวโดรนจะปล่อยสัญญาณ wifi ออกมาเองอัตโนมัติครับ เราสามารถหาชื่อรหัสได้บนตัวกล่อง หรือทำตามขั้นตอนและสแกนด้านข้างตัวเครื่องได้เลยง่ายมากๆ จากนั้นเราก็เชื่อมต่อแล้วก็เข้าแอพ DJI GO 4.0 เพื่อที่จะทำการบินโดรน และ ควรรอสัญญาณ GPS จากดาวเทียม ให้มันเยอะๆและจะได้จับตำแหน่งและ Return Home ได้แม่นยำครับ และหน้าตาจะคล้ายๆ Spark แต่มี APAS ขึ้นมา มาดูกันว่าจะมีอะไรเด่นๆ

ตัว Wifi ของ DJI Mavic Air ผ่านมือถือ จะอยู่ที่ ความสูง 50 เมตร และ ความไกล 80 เมตร และการควบคุมนั้นทำผ่านบนตัวมือถือได้เลย ปุ่มบนจอในแอพใช้งานได้นิ่งไม่แลคและไม่หลอกครับใช้งานได้ดี หมุนกล้องได้ด้วยการเงยตัวมือถือ หรือมีปุ่มปรับในตัวแอพครับ กด Take off ในแอพได้เลยง่ายๆและจอดก็กดได้ง่ายมากครับ เข้าเมนูต่างๆสบายเลยทีเดียว

3 . REMOTE CONTROLLER

  • เปิดตัว DJI MAVIC AIR กางขาแขนของโดรนให้หมดก่อน + เปิดแอพบนมือถือ
  • เปิดที่รีโมท และ เสียบ สายเชื่อมต่อ เข้ามือถือ
  • กดปุ่ม FN  ค้างไว้ท้ายเครื่องให้ดัง 1 ครั้ง
  • กด LINK บนแอพ และ รอมันเชื่อมต่อ จนเสียงเงียบ
  • จากนั้นก็ใช้งานได้เลย และกด TAKEOFF ได้เลยครับบนจอมือถือ

ซึ่งนอกเหนือจากการทำแบบเดิมคือครั้งนี้เราจะใช้มือถือเป็นจอภาพเป็นหลักในการควบคุมแบบจริงๆ ให้มันเป็นหน้าที่ของจอยบังคับครับผม ใช้สะดวกกว่าและ ระยะได้ไกลกว่า ผ่านมือถือครับ 4KM และ บินเร็ว 68 KMH  สูงถึง 5KM

FEATURE 

ในรุ่นนี้มีโหมดให้เลือกมากมายทั้งปกติ หรือ Quickshot ติดตามตัว หรือแตะเพื่อที่จะบินไปโหมดนิ่งๆแบบขาตั้ง หรือควบคุมด้วยมือนั้นเองครับจะเป็นยังไงกันบ้างไปชมกันเลย ซึ่งแน่นอนมันเป็นการพัฒนาจากรุ่นอื่นๆมากมากเลยอีกทั้งยังมีระบบ หลบหลีกเองมาอีกด้วยครับ และยังรองรับถ่าย 4K 30FPS และ 1080P 120 FPS อีกด้วย !!

QUICKSHOTS  ยังมีอยู่พร้อมพัฒนาต่อเนื่อง 2 โหมดใหม่  !! โหมดที่เจ๋งมากๆ ชัตเตอร์จะมีเปอร์เซนต์บอกครบ 100 คือถ่ายเสร็จนะครับ

  • Rocket โดรนจะบินมาเหนือหัวเราและเก็บภาพระหว่างพุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าตรงๆสูงมาก
  • Dronie โดรนจะบินถอยห่างและสูงขึ้นจาตัวเราเพื่อเก็บภาพมุมกว้าง
  • Circle โดรนจะบินเก็บภาพจากมุมรอบๆตัวเราเป็นวงกลม 1 รอบ
  • Helix โดรนจะบินเก็บภาพจากมุมรอบๆตัวเราโดยขยายวงกว้างขึ้นสูงขึ้น
  • Boomerang คล้ายๆ CIRCLE แต่จะเป็นวงรี มุมกว้าง และ บินกว้างมาก แนะนำที่โล่งๆ
  • Asteroid  บินออกไปสูงและไกลมาก + รวมภาพ จนโลกเป็นลูกกลมๆน่ารักๆ

โหมดใหม่ BOOMERANG

โหมดใหม่ ASTEROID

เรียกได้ว่า โหมดใหม่ทั้ง 2 นั้นทำออกมาได้ดีและว้าวมากๆโดยเฉพาะ ASTEROID ที่ตื่นเต้นเวลาทุกคนที่ได้เห็น

PANORAMA 

โหมดนี้จะมีหลากหลายแนวมีทั้งเเนวตั้งและแนวนอน หรือจะเป็นแบบ 360 องศาก็ทำได้เลือกได้และรอมันถ่ายง่ายๆเลย PANORAMA ครับทำออกมาได้สวยงามมากจริงๆ ในแอพจะต่อภาพกันให้เสร็จเลยและกดโหลดผ่านแอพใช้เวลาถ่ายไม่นานเท่าไรครับ

ACTIVE TRACK 

โหมดนี้จะติดตามคุณไปทุกๆที่เหมือนถ้าเราวิ่งก็จะตามไปถ่ายเราเรื่อยๆเลยการใช้งานก็แค่เลือกคนที่เราจะให้ตามจากนั้นก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของ MAVIC AIR ครับ เราจะสามารถปรับระยะ ของการหมุนอะไรได้ว่าทางไหน กี่เปอร์ครับ และมี Track 3  แบบ ให้มันบินวนตามเรา บินตามปกติ หรือ แค่ทำให้อยู่ในเฟรม เป็นต้นครับ

จะสังเกตได้ว่าระบบตามค่อนข้างดี และ มี แถบเลื่อนว่าจะหมุนไปทางไหนครับ กี่เปอร์เซนต์ในโหมด PACE

TAPFLY

โหมดนี้นั้นเหมือนจะทำให้เราใช้งานง่ายขึ้น เราอยากให้โดรนลอยไปตรงไหนก็แค่แตะไปที่จุดที่เราต้องการครับอีกทั้งเรายังกำหนดความเร็ว และ แตะ GO เลยสบายๆ และเมื่อเราแตะลงไปแล้วเราก็ยังสามารถแตะเปลี่ยนไปได้ตลอดทางครับ และมีกำหหนดให้เราหลายโหมดว่าจะไปจุดนั้นแบบไหนครับ

TRIPOD

TRIPOD คือขาตั้งจริงๆโหมดนี้มันก็คือทำให้การถ่ายนั้นค่อนข้างง่ายและ นิ่งมาก ทุกการเคลื่อนไหวของโดรนจะช้าและ นิ่งครับไม่วูบวาบ และไม่มึน ทำให้การถ่ายค่อนข้างดูโปรและ เอาไปใช้งานจริงได้ค่อนข้างดี

CINEMATIC

โหมดนี้หลายๆคนอาจจะงงว่ามันต่างกับ TRIPOD ยังไง จริงๆความต่างมันคือ มันไม่ได้ช้าแบบ TRIPOD แต่มันจะช่วยให้การหยุด เวลากดเดินหน้า ถอยหลัง ซ้ายขวา มันไม่โยก คือ เวลาเรากดเดินหน้า แล้วเราหยุดมันจะไม่หยุดทันที แต่มันจะไถลไปซักระยะให้มันดูสมูทนั้นเองครับ แนะนำเผื่อระยะไว้ด้วย กันชนกำแพงครับ

POINT OF INTEREST

โหมดนี้จะเป็นโหมดที่ให้โดรนมันลอยอยู่เหนือจุดที่เรา ตั้งไว้ หรือจุดที่เราสนใจนั้นเอง มันจะวนรอบตัวเราและสถานที่รอบๆเก็บภาพสวยๆได้ทุกมุมรอบๆแบบิ360 องศา เลยหมุนวน สบาย !

APAS หลบหลีกเอง ! เจ๋ง

โหมดนี้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราไม่ชนสิ่งของที่ขวางด้านหน้า มันจะหลบหลีให้เอาเอง APAS (Advanced Pilot Assistance Systems) ที่สามารถบินหลบสิ่งกีดขวางด้วยเซ็นเซอร์กล้องถึง 7 จุด ในความเร็ว 15 KM/H ซึ่งจากการที่ทดลองมันก็หลบต้นไม้ได้ทุกต้นในภาพครับ !! มันหลบซ้ายหลบขวาให้เอง และถ้าลองกับยอดต้นไม้  ถ้าเราบินไปมันจะยกตัวขึ้นเองครับ เจ๋งมาก

ในภาพตัวอย่างนั้นคือ แอดมิน กดตรงล้วนๆ ตรงไปสู่ต้นไม้ แต่ โดรนมันยกตัวขึ้นเอง หลบให้เอง เห้ยฉลาด !

PHOTO

ตัวอย่างภาพถ่ายทั้งหมดที่ถ่ายจาก Drone ตัวนี้ครับซึ่งมีทั้งโหมดต่างๆมากมาย / HDR / Panorama / และถ่ายปกติครับ ข้างคมชัดและเก็บสีได้ดีมาก


VIDEO

ความนิ่งของวีดีโอกันสั่นอะไรยังทำได้ดีมากครับ 4K 30FPS และ ยังถ่าย 1080 120FPS ได้อีกด้วย นะครับมีการปรับ ISO Shutter อะไรได้หมดเลยครับ วีดีโอแนะนำตาม YOUTUBE นะครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ ในวีดีโอจะเป็นการลองทุกโหมดมาให้ชมกันนะครับไปชมกันได้เลย !

DJI Mavic Air  ตัวนี้เพียงพอแล้ว จะจริงจัง หรือ ถ่ายสนุกก็เอาอยู่ !

Mavic Air นั้นเกิดมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง คนที่พึ่งจะใช้งานเริ่มต้นในการบินโดรน หรือคนที่เน้นใช้งานเป็นประจำก็ได้  โดรนตัวนี้ชูจุดเด่นเรื่องของความสะดวกที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ และ ได้คุณภาพไฟล์รูปและวีดีโอที่ดี ถือว่ากล้องที่ใส่มาในโดรนรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมาก เรื่องของโหมดในการใช้งานต่างๆที่มีมาให้ในโดรนตัวนี้ ถือว่าเราได้ใช้งานจริงๆ สำหรับคนที่ชอบเที่ยวชอบเดินทาง และ อยากได้ไฟล์รูปสวยๆวีดีโอแบบสวยๆผมแนะนำ DJI MAVIC AIR รุ่นนี้เลย //// เเต่ถ้าชอบถ่าย Selfies ถ่ายเอาแค่สนุกๆง่ายๆไม่ต้องอะไรมาก ผมแนะนำให้ไปตัว DJI Spark หรือถ้าใครจะใช้งานเเบบจริงจังถ่ายงาน ถ่ายรูป หรือ ทำงานสร้างหนังสร้างคลิปลง Youtube ผมแนะนำให้ไปตัว DJI Mavic Pro จะเหมาะกว่ามากครับ

ข้อดี

  • Mavic AIR ยังทำได้ดีในการพกพา รีโมท และ ที่ชาร์จแบต ทำออกมาดีมาก
  • ตัวเครื่องค่อนข้างสวยและ แขนขาพับได้แข็งแรง
  • Quick Shots 2 โหมดใหม่ โหดมากชอบมาก
  • 4K 30 FPS และ 1080 120FPS คือใช้งานได้จริง
  • ยังมี Gesture Control อยู่ ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
  • ระบบ ป้องกันชนด้านหน้า หลัง ล่าง ช่วยได้เยอะเวลาถอยหลัง
  • ฟีเจอร์ทั้งหลายมาเกือบครบจนใช้งานเท่ารุ่นใหญ่

ข้อสังเกต

  • เสียงใบพัดดังพอๆกับ Mavic Pro แม้จะรุ่นเล็กกว่า
  • แบตหมดเร็ว 20 นาทีต่อก้อน ถ้าจะใช้งานจริงในหนึ่งวันควรมีแบตอย่างน้อย 2-3 ก้อน
  • เชื่อต่อผ่านมือถือ ยังเจอ Disconnect แบบงงๆ ทั้งที่ไม่ได้ไกล

ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณร้าน DJI BY MJG ที่ได้ส่งเจ้าโดรนตัวนี้มาให้ทาง TECHHANGOUT ของเรานำมารีวิว หากเพื่อนๆท่านไหนสนใจสินค้า DJI ที่มีสินค้าครบที่สุด เยอะที่สุดในประเทศไทย พร้อมกับโปรโมชั่นดีๆและการบริการหลังการขายที่ดีสามารถติดต่อได้ที่ MJG

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares