Nissan Kicks เป็นรุ่นที่เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกในโลก ด้วยการเปิดตัวรุ่น Kicks E-Power นั้นเองเป็นที่แรกในโลกเลยสำหรับรุ่นนี้และเทคโนโลยีนี้ที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ทั้งหมดภายนอกภายใน และรวมถึงเครื่องยนต์ เป็นรุ่นที่หลายๆคนนั้นตั้งตารอกันพอสมควรเพราะมันเป็นตัวเปิดตลาดในกลุ่ม B-SUV ของไทยของค่ายนี้ที่หายไปนานมากตั้งแต่ JUKE ก็เงียบไปนานครับ แน่นอนว่าตัวนี้อาจจะไม่ได้อยุ่ในกลุ่มเดียวกับ JUKE ซะทีเดียวแต่ก็มาด้วยข้อดีเด่นแตกต่างกันครับ ในรุ่น KICKS E-Power นั้นจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์ปั่นไฟในตัว มันดียังไง ระบบนี้จริงๆเรียกอีกชื่อคือ Hybrid ก็ได้แต่จะไม่เหมือนกับ Hybrid ทั่วไปเพราะในรุ่นนี้ไม่ต้องชาร์จไฟ ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ระบบนี้จะเป็นการขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วน !! ไม่มีเกียร์เช่นกันเป็นแบบเดียวกับ Nissan leaf เลยนั้นเอง แต่จะไม้มีที่ชาร์จไฟ เพราะรุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์ปั่นไฟมาให้ในตัวเป็นเครื่องยนต์เล็กๆในการใช้งานปั่นไฟเข้ามอเตอร์และให้มอเตอร์ไปขับเคลื่อน โดยเครื่องยนต์จะไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนเลยแม้แต่น้อยนั้นเองครับ 

Nissan Kicks e-Power ถูกติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า e-Power โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 79 แรงม้า เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ยังแบตเตอรี่ ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อนโดยตรง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ Single Speed ระบบ e-Power มีโหมดการขับขี่ (Drive Mode) ให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ EV Mode สำหรับขับเคลื่อนโดยใช้แบตเตอรี่ที่เหลือ เน้นความเงียบเป็นหลัก, S Mode ปรับการตอบสนองของอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น และ ECO Mode ปรับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง มาพร้อม 14 เทคโนโลยีจาก นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (NissanIntelligent Mobility) ที่ดีที่สุด อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control) เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning) เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning system) เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมด้วยเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection) และเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror) เป็นต้น

EXTERIOR

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานเส้นสายของอารมณ์เข้ากับการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว มาพร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน ด้วยรูปแบบที่โดดเด่นทันสมัย อาทิ กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า และไฟท้ายแบบบูมเมอแรง หลังคาแบบลอยตัว (floating roof) พร้อม ที่บังแดด (wrap-around visor) จากกระจกหน้าไปถึงกระจกข้าง เสาหลังคาท้ายถูกซ่อนพรางสายตาด้วยสีดำที่ผสมผสานเข้ากับกระจกประตูท้าย ในขณะที่หลังคาแบบลอยตัวที่ถูกขยายออก ทำให้ดูโดดเด่นสะดุดทุกสายตา ตามที่นิสสันได้กล่าวมานั้นแน่นอนว่างานออกแบบรูปทรงก็ดูสวยและลงตัวดีแต่ด้วยความที่มันเป็นโมเดลที่ออกมาซักพักแล้วแน่นอนว่าในเรื่องขอทรงจริงๆแอบชอบทรงแบบยุคใหม่ของนิสสันมากกว่าครับแต่รุ่นนี้ก็ไม่ได้เฉยย้อนยุคอะไรมากแต่น่าจะล้ำได้มากกว่านี้ ส่วนดีไซน์หลังคาลอยก็สวยและลงตัวพร้อมกับเส้นสายอะไรดูคมชัดและทะมัดทะแมงอยู่เหมือนกันครับ

ขนาดของตัวรถเอาจริงๆก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูสีกับคู่แข่งในหลายๆตัวและมีความโปร่งกว้างอยู่บ้างครับ ข้อดีของรุ่นนี้คือไม่ว่าจะเลือกเกรดไหนจะได้ล้อแบบในภาพทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันที่หลังคา โทนสีในการเลือกและพวกออฟชั่นมากกว่านั้นเองถือว่าค่อนข้างดีที่ให้ล้อลายนี้มาทั้งหมดเลย ในภาพคันสีขาวหลังคาดำจะเป็นรุ่น VL และในภาพสีเงินก่อนหน้านี้จะเป็นสีที่มีแค่รุ่นรองท็อป และ หลังคาสีเดียวกับตัวรถ ส่วนไฟหน้าไฟท้ายได้เป็น LED ทั้งหมดครับงานออกแบบภายนอกถือว่าสวยลงตัวแต่ส่วนของไฟท้ายหลังคาจริงๆน่าจะลงตัวได้มากกว่านี้นิดหน่อยครับไฟท้ายยังคงเป็นแบบนิสสันยุคก่อนล่าสุดอยู่บ้าง ส่วนไฟส่องงป้ายนั้นยังเป็นหลอดไส้ไฟสีส้มอยู่ยังไม่ใช่ LED ครับและรุ่นนี้จะมีกล้องรอบคันมาให้ด้วยในรุ่นV-VL รวมถึง VL นั้นจะมีกล้องมองข้างหลังแทนกระจกมองหลัง ซึ่งสามารถสลับไปใช้กระจกได้ เหมาะสำหรับการใช้งานเวลามีสิ่งของบังหรือมีคนนั่ง จะเจอเทคโนโลยีนี้ในรถยุโรปหลายๆตัวเลยแหละครับ

ในภาพข้างบนนั้นจะเป็นหลายๆโทนสีของรุ่นนี้เป็นตัว VL นะครับที่จะสามารถทำหลังคาทูโทนหรือสีดำได้ด้วย และภายนอกจริงๆจะแยกกันชัดเจนคือเรื่องของหลังคาดำ และไฟตัดหมอกเป็นหลักครับเพราะหน้าตาในภาพรวมต้องบอกเลยว่าแยกกับรุ่นอื่นๆได้ยากพอสมควรครับ เพราะดีไซน์หลักๆไฟหน้าไฟท้ายและล้อนั้นได้เหมือนกันหมดเลยก็ถือว่าเป็นจุดดีก็ได้เพราะได้หน้าตาไม่ต่างกันมากครับให้ไฟอะไรมาเต็มทุกรุ่นย่อยรวมถึงฟีเจอร์ก็แน่น Cruise Control อะไรมาครบในงบเริ่มต้นเช่นกัน ในรุ่นนี กระจังหน้าชายล่างกันชนเปลี่ยนทั้งหมดจากรุ่นปกติเยอะมากๆเลยทีเดียวราวหลังคามาพร้อมสีเงินตัดกับหลังคาดำได้ดีครับรวมถึงการเล่นเสาดำรอบคันทำให้รถดูไม่อ้วนเท่าที่ควรด้วยในจุดนี้

ไฟหน้าไปท้ายนั้นจะได้เหมือนกันทั้งหมดทุกรุ่นย่อยอันนี้ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับทาง Nissan Kicks E-Power เพราะว่าไม่ว่าจะรุ่นเริ่มต้นหรือว่ารุ่นท็อปก็จะได้ไฟแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ได้แบ่งแยกชนชั้นแต่อย่างใด แต่จะแตกต่างกันที่ไฟตัดหมอกเท่านั้นครับ ตัวไฟนั้นจะได้ LED  เต็มๆเน้นๆทั้งหน้าและหลังแสงขาวสวยงามพร้อมกับไฟ DRL รวมถึงไฟถอยก็เป็นสีขาวด้วย พร้อมไฟเส้นสวยๆครับในด้านท้ายและด้านหน้า ส่วนไฟหน้าจะเป็นเกล็ดปลาแบบที่สมัยนี้ชอบใช้กันไม่ได้เป็นแบบโคม Projector แล้วนั้นเองไฟจะไม่ได้คมเท่าแต่กระจายแสงได้ดีเหมือนกันครับแบบเดียวกับไฟของ Honda Mercedes และอีกหลายๆค่ายก็ใช้การสะท้อนแสงแบบนี้กันเยอะขึ้นด้วยเช่นกันครับ

INTERIOR 

ภายในของนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อรองรับแผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ หน้าจออินโฟเทนเมนท์ (infotainment) พวงมาลัย และเบาะที่นั่ง ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารที่มีสไตล์ ได้รับการออกแบบและการปรับแต่งอย่างประณีต รวมถึงการออกแบบแผงหน้าปัดด้วยลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing ที่เรียบง่ายและทันสมัย โดดเด่นด้วยจอสีแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้ว ติดตั้งอยู่ภายในพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ยังนำเสนอลวดลายภายในแบบ ทูโทน สีดำและสีส้ม ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น VL เท่านั้น งานออกแบบพูดกันตรงๆคือการยกหน้าตาของ Almera เข้ามาพร้อมกับเปลี่ยนนิดหน่อยให้เข้ากับรถมากขึ้นครับ รวมถึงยกพวกวัสดุมาด้วยมันไม่ได้พรีเมี่ยมไปกว่า Almera เท่าไรนักยังเจอพลาสติกแข็งอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ดีไซน์มันช่วยไว้ได้ครับดีไซน์ดูดีสวยและลงตัวพร้อมกับตรงสีส้มก็เป็นหนังแบบเดียวกันเลยทำให้ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียวสำหรับตรงนี้

พื้นที่ภายในนั้นในรุ่นนี้ได้ข้อดีคือความโปร่งในส่วนของ Headroom ทั้งหน้าและหลังนั้นทำได้ดีแต่ถ้ามองในแง่ของความกว้างขวางมันกว้างขวางมากไหมก็ต้องบอกว่าไม่ได้กว้างขวางมากแต่ไม่อึดอัดด้วยการออกแบบกระจกอะไรพวกนี้ทำให้ทางผมค่อนข้างพอใจที่จะนั่งหลังคันนี้มากกว่า CHR CX3 แน่ๆครับแต่ถ้ามองในแง่ของความสบายนั้นที่วางแขนไม่ได้มีมาให้ แต่ยังดีทื่มีที่ชาร์จมาให้ด้านหลัง และนั่ง 2-3 คนกำลังดีแน่นอนว่ารุ่นอื่นจะได้ความกว้างกว่านิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันแบบชัดเจนครับถ้าไม่เทียบกัน ส่วนตัวเบานั้นมีความนุ่มกำลังดีนั่งได้สบายรูปทรง รองขาได้ดี ส่วนข้างหน้านั้นไม่มีปัญหาเลยในการนั่งทั้งตัวเบาะ และพื้นที่ในการขับขี่ และคอนโซลไม่เบียดขาแบบ Almera ด้วยครับทั้ง 2 ตำแหน่งหน้าเลยถือว่านั่งสบายกว่าเยอะ และมุมมองที่สูงกว่าด้วยทำให้นั่งขับค่อนข้างดีและเห็นชัด

บรรยากาศภายในสี 2 สีนั้นคนชอบก็คงชอบไปเลยคนไม่ชอบก็คงไม่ชอบไปเลยครับทั้งเรื่องของโทนสีและการออกแบบของมันแน่นอนว่าสีที่เห็นต้องเพิ่มเงิน 10,000 บาทไทยจากราคารุ่นท็อปเท่านั้นนะครับ โทนสีมันจะออกส้มๆเหลืองๆตัดกับสีดำรวมถึงไปตรงคอนโซลด้วยจริงๆแอบชอบแบบสีดำล้วนมากกว่าหรือถ้าตัดสีขาวก็น่าจะสวยเช่นกันส่วนเบาะหนังนั้นการเก็บงานขอบสวยและทรงเบาะนั้นนั่งได้สบายไม่มีปัญหาครับทั้งหน้าและหลังของรุ่นนี้

บรรยากาศภายในสำหรับมุมมองคนขับ รวมถึงพื้นที่ภายในครับจะเห็นว่าตัวพวงมาลัยนั้นเป็นแบบเดียวกับ Almera รวมถึงตัวหนังหุ้มยังคงมีความแข็งมากๆแบบเดียวกันเลย แม้จะเป็นหนังก็ตามแต่แอบแข็งแน่นไปหน่อยนะและตัวเบาะนั้นจะเป็นแบบปรับมือทั้งคู่หน้าครับแต่ฝั่งคนขับนั้นมีแบบยกขึ้นลงได้ด้วย แต่น่าเสียดายน่าจะเป็นไฟฟัาในรุ่น VL แต่ก็เข้าใจในเรื่องของการกดราคาที่จะพยายามทำให้ราคานั้นต่ำที่สุดด้วยเช่นกันเลยต้องยอมตัดฟีเจอร์อะไรไปบ้างครับ

กระจกมองหลังรุ่น VL หรือรุ่นท็อปนั้นจะเป็นกล้องในตัวซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจเพราะในตัว Range Rover ก็มีใส่อะไรแบบนี้มาให้เหมือนกัน ถือว่าเป็นฟีเจอร์แบบเดียวกับรถยุโรปเลยทีเดียวมันสามารถปรับมุมกล้อง ปรับใช้งานกระจกปกติได้ด้วยครับมุมภาพยังไม่ได้ขับจริงเลยไม่แน่ใจว่าจะโอเคไหม แต่เท่าที่ดูคุณภาพนั้นดีกว่ากล้องตัวอื่นๆที่ติดมาแน่นอน รวมถึงสามรถปรับใช้งานเป็นกระจกปกติได้โดยการดันก้านลงไปตรงกลางครับ ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ชอบนะ

ส่วนสัมภาระท้ายนั้นจุได้เยอะกว่าที่คิดพอสมควรเลย และสามารถพับเบาะได้ 60/40 ครับแต่ความเรียบเนียนยังมีขอบเบาะอยู่นิดหน่อยแต่ไม่ได้สูงมากครับ ตัวเบาะปรับได้ราบเกือบสุดพอสมควรเลย ฝาท้ายนั้นไม่ใช่ระบบไฟฟ้าอะไรทั้งนั้นเวลาเปิดต้องยกขึ้นครับมันไม่เด้งไปเองต้องดึงนิดหน่อย ส่วนห้องสัมภาระถือว่าใหญ่สะใจเหมือนกันครับจุดนี้หลายๆคนน่าจะชอบเเลยแหละส่วนล้ออะไหล่ไม่มีแล้วนะครับ เป็นชุดปะยางทั้งหมดและตัวแบตแบบรถทั่วไปจะอยู่ท้ายรถครับ ที่ไม่เห็นในห้องเครื่องเพราะย้ายมาข้างหลังและตัวแบตก็ต้องเปลี่ยนเหมือนรถทั่วไปครับจุดนี้ ส่วนแบตพลังงานไฟฟ้าหลักจะอยุ่ใต้เบาะนั่งคู่หน้าและตรงกลางทำให้ ช่องเก็บของตรงที่วางแขนจะตื้นพอสมควรครับ

PRICE 

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ มาพร้อม 6 สีภายนอกให้ลูกค้าเลือก ได้แก่ สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) และสีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) นอกจากนี้ยังนำเสนอสี ทูโทนที่เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า มอบความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สีภายนอก สีส้ม โมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์ เรด สีเทา กัน เมทาลิค และสีขาว สตอร์ม ไวท์

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถจองนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ได้ตั้งแต่วันนี้ โดยรถยนต์จะเริ่มส่งมอบรถในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมที่ผู้จำหน่ายฯ ของนิสสัน หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้านิสสัน โทร 02 401 9600 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย

  • 1.2 e-POWER S  889,000 บาท
  • 1.2 e-POWER E  949,000 บาท
  • 1.2 e-POWER V  999,000 บาท
  • 1.2 e-POWER VL  1,049,000 บาท ( เฉพาะรุ่น VL ถ้าสี ทูโทน เพิ่มเงิน 10,000 บาท และ เบาะ ทูโทนเพิ่มเงิน 10,000 บาท )
  • รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร / รับประกันระบบไฟฟ้า นาน 5 ปี /
    รับประกันแบตเตอรี่ นาน 10 ปี

NISSAN KICKS E-POWER 

ถือว่าเป็นรถที่เทคโนโลยีการขับเคลื่อน รูปทรงออกแบบ อันนี้ทำได้น่าสนใจมาก และตอบโจทย์อะไรหลายๆอย่างเลยแหละ แต่ทั้งนี้ขอลองขับจริงกันอีกทีนะ

เป็นระบบที่ซับซ้อนน้อยกว่า HYBRID  ทั่วไป และได้อัตราเร่งแบบรถไฟฟ้าล้วน การขับเคลื่อนแบบรถไฟฟ้า มันไม่มีเกียร์ไม่ซับซ้อนเลย บำรุงรักษาได้ง่ายกว่ารถทั่วไป พร้อมการรับประกันอะไรที่ไว้ใจได้ ส่วนอัตราเร่งนั้นน่าจะสะใจแน่นอนครับและน่าจะเป็นรถที่ไวสุดในบรรดากลุ่มตลาดนี้ แต่อันนี้ขอลองขับจริงๆจังอีกทีนะ ส่วนราคานั้นก็ถือว่ากดราคามาให้สุดๆแล้วทำได้ดีแล้วครับแม้จะยอมเสียออฟชั่นบางจุดไปแต่ได้ราคาและเทคโนโลยีนี้เข้ามาถือว่าได้ลองอะไรใหม่ๆล้ำๆในราคาที่จับต้องง่าย เป็นรถหลังไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟ และมีเครื่องปั่นไฟในตัวก็ถือว่าน่าสนใจ และด้วยขนาดรูปทรงของมันเหมาะสำหรับตลาดในไทยตอนนี้ รถยกสูงขับง่าย ลุยได้น้ำท่วมไม่กลัวถือว่าโอเคเลยแหละ

สำหรับพรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares