HONDA CITY HATCHBACK ปรับหน้าตาใหม่ ลดราคา และ เพิ่มออฟชั่นใหม่แน่นอนว่า การมาของรถ EV จีนส่งผลมาเยอะเช่นกันครับ ทำให้ HONDA ต้องปรับสู้ ทำให้รุ่นสูงสุดไม่เกิน 8 แสนบาทแล้ว และ ออฟชั่นมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันนะ รวมถึง ในรุ่นอื่นๆก็อิงราคาเดิม และ เพิ่มออฟชั่นมาให้ครบ HONDA SENSING มาครบทุกรุ่น และ หน้าจอใหม่ ชัดขึ้น กล้องชัดขึ้น และ APPLE CARPLAY ไร้สาย รวมถึง USB-C ก็มาให้แล้วในคนนั่งหลังและสี น้ำเงินหลังคาดำในรุ่น EHEV ก็เสริมมาให้เป็นทางเลือกดูเท่ขึ้น รวมถึงการปรับหน้าตาใหม่ หน้า และ ท้ายตัวรถ
HONDA CITY HATCHBACK EHEV RS
จุดต่างเมื่อเทียบกับตัวก่อนคือดีไซน์ภาพรวมทั้งหน้า และ ท้ายรถ อีกทั้งกันชนมีความดุดันมากกว่าเดิม และแน่นอนว่าตัวระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง ตอบโจทย์ในทุกเส้นทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน มอบการตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมยิ่งขึ้นที่ 27.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20 ทั้งนี้ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมและสถานการณ์การขับขี่ ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ดีเทลในหลายๆส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนอกเหนือจากกระจังหน้ากันชนรอบคันเราจะเห็นว่าตัวท่อก็มีการปรับใหม่ยิงตรงออกมาและดีเทลชุดกันชนท้ายที่เสริมลายคาร์บอน และ ปรับบหน้าตาอะไรใหม่ซึ่งมีการเสริม Diffuser เข้ามาเพื่อเป็นการตกแต่งเป็นหลัก และ เส้นสายตัดกันซึ่งทำให้มันดูมีมีติมากขึ้น แต่หลายๆคนอาจจะไม่ชอบหรือชอบแบบเรียบๆก็แล้วแต่แนวทางกันไป ซึ่งจุดที่เราจะสามารถแยกได้เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าคือหลังคาสีดำตามเทรนด์ที่อาจจะเป็นหลังคากระจกแต่รุ่นนี้เสริมเข้ามาเป็นการทำสีจากโรงงานเลยไม่ได้หุ้มสติกเกอร์อะไรครับ และ สามารถทำได้แค่สีน้ำเงิน หลังคาดำเท่านั้น สีอื่นเลือกแบบนี้ไม่ได้นะ ก็ถือว่าเป็นลูกเล่นครับบ ทำให้รถดูมีอะไรมากกว่าเดิม
และในครั้งนี้ได้ล้อขนาด 16 นิ้วลายสีดำใหม่ และ มีการปรับเปลี่ยนขนาดยางให้เล็กน้อยครับขอบหนาขึ้น ขับขี่นุ่มนวลขึ้น เมื่อเทียบกับเดิมจาก 185/55 R16 เป็น 185/60 R16 และ เมื่อมองบนกระจกเราจะได้ Rain Sensor เสริมเข้ามา ซึ่งในรุ่นอื่นๆจะไม่มี มีแค่ eHEV RS เท่านั้นที่จะได้ครับบ ส่วนกล้อง ADAS มีทุกรุ่นย่อยแล้ววโหดมาก
เมื่อมองมาภายในจุดนึงที่ทางค่ายปรับเปลี่ยนเพื่อลูกค่าคือเบาะหนังกลับหายไปและเป็นแบบหนังปกติแทนครับซึ่งข้อดีคือรักษาได้ง่ายมากกว่าเยอะ และเสริมด้วยการเล่นสีแดงเข้ามาก็ถือว่ารับฟังเสียงลูกค้าอยู่นะ เป็นแบบระบายอากาศได้ด้วยนั่งนานๆจะไม่ร้อนเท่าไรครับ ส่วนพวงมาลัยเองออฟชั่นแน่นมาครบเหมือนกัน และ Paddle Shift นั้นเป็นการเปลี่ยน รีเจนตัวแบตครับ และ ระบบช่วยขับอะไรมาครบแน่นอนในคันนี้แถมมี LSF เข้ามาในความเร็วต่ำสามารถขับตามคันข้างหน้าได้แล้ว และ มีแจ้งเตือนเมื่อรถขยับออกไปข้างหน้าเวลาติดไฟแดง ส่วนหน้าจอเหมือนเดิม
และ Honda Lanewatch มาให้ในรุ่นนี้ครับ หน้าจอกลางเปลี่ยนใหม่ชัดขึ้น ใหญ่ขึ้นรองรับ Apple Carplay ไร้สายแล้ว และ Android Auto ก็เช่นกัน รวมถึงกล้องมองหลังก็ชัดขึ้นด้วยการอัพเกรดหน้าจอใหม่ทั้งหมด และให้ USB-C มา 2 ช่องในด้านหลัง และ แอร์หลังก็ใส่เข้ามาในรุ่น eHEV ครับเรียกได้ว่าครบมากขึ้น แต่ที่เด่นคือราคาถูกลงนั้นแหละทำให้มันน่าใช้งานขึ้นแม้ว่าพวกกล้องรอบคันอะไรจะยังไม่มาแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมในหลายๆส่วนแล้วนะ
- e:HEV SV (1.5 Hybrid i-MMD) 729,000 บาท
- e:HEV RS (1.5 Hybrid i-MMD) 799,000 บาท
- มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ และ ระบบไฮบริด / รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร/ รรับประกันระบบ Hybrid นาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง/ รับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง/ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี / ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% / ดาวน์ต่ำ 36,450 บาท ขับฟรี 3 เดือน หรือ ผ่อนเริ่มต้น 6,674 / เดือน
HONDA CITY HATCHBACK TURBO RS
ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbocharger ขับสนุกทุกเส้นทาง มอบอัตราเร่งแรงเร้าใจได้ตามคิดด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) อีกทั้งประหยัดน้ำมันเกินคาดด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20
การออกแบบจริงๆเหมือนกับ eHEV RS ทุกส่วนครับยกเว้นปลายท่อที่แตกต่างกันไปในรุ่นนี้จะเป็นการพุ่งลงพื้นมากกว่าซึ่งก็แอบแปลกๆทั้งที่ eHEV จะเน้นซ่อนท่อแต่กลายเป็นเน้นท่อมากกว่าซะงั้นครับ เมื่อมองจริงๆสีแดงก็ยังคงโดดเด่นแม้จะไม่มีหลังคาดำก็ตามครับรวมถึงกันชนท้าย กระจังหน้าแบบใหม่ซึ่งผมว่ามันมีความเป็น CROSSOVER มากกว่าเดิมทั้งขนาดของมัน ความงุ้มลงและการขยายช่องซึ่งหลายๆคนอาจจะชอบแบบนี้เพราะมีความแตกต่างกับตัว SEDAN มากกว่าเดิมนะ และเส้นสายกันชนหน้าเข้ม ดุดัน คมมากขึ้นเวลาเจอแสงเงาถือว่าสวย
ไฟหน้าแบบเดิมแต่มีการเพิ่ม ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติเข้ามาให้ รวมถึงเป็น FULL LED ทั้งหมดในรุ่น RS ที่ราคาเดิมแต่ออฟชั่นแน่นขึ้น และล้อ ครั้งนี้เราได้ล้อรมดำทั้งหมดมาในขนาด 16 นิ้วเหมือนกันลายคล้ายกันเปลี่ยน ยาง จาก 185/55 R16 เป็น 185/60 R16 ทำให้การขับขี่ดีขึ้นในบางจังหวะไว้รอทดสอบกันอีกทีครับว่าเป็นยังไง
ภายในเบาะหนังเปลี่ยนใหม่เหมือนกันครับเน้นใช้งานหนังที่รักษาง่ายขึ้น และ หน้าจอกลางแบบใหม่ รวมถึง มาตรวัดเรืองแสง Optitron ตกแต่งด้วยโครเมียม และ จะเห็นว่า หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนมาตรวัดแบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ใหญ่ขึ้นสวยขึ้น และหน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless และ คมชัดขึ้น สู้แสงได้ดี และ กล้องก็ชัดขึ้นเช่นกันครับตัวนี้
เพิ่ม ระบบ Honda SENSING ” ทุกรุ่นย่อย ” ทั้งระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam/ ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM / ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS / ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS/ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC และ เพิ่ม ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure (LCDN) เพิ่ม ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock เพิ่ม ระบบสตาร์ทรถด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start เพิ่ม ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder
จุดเด่นของ HONDA คือ เบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มสเปซการใช้งานอเนกประสงค์ได้ดั่งใจ พร้อมด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของฮอนด้า โดยปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด ซึ่งเป็นจุดเด่นตั้งแต่ JAZZ ยุคแรกๆเลยครับและก็ยังคงทำได้ดีเสมอมาในรุ่นนี้ซึ่งอเนกประสงค์มากๆทีเดียว
- 1.0 TURBO S+ CVT 599,000 บาท ราคาเดิม
- 1.0 TURBO SV CVT 679,000 บาท (+ 4000 บาท จากราคาเดิม)
- 1.0 TURBO RS CVT 749,000 บาท ราคาเดิม
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน
- ดาวน์เริ่มต้น 29,000 บาท ขับฟรี 6 เดือน หรือ ผ่อนเริ่มต้น 5,484 / เดือน