แบรนด์ KOENIGSEGG นั้นต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ จากประเทศ สวีเดน ที่หลากหลายคนอาจจะไม่ได้คุ้นหูหรือคุ้นตามากนัก แน่นอนว่าทั้งในตลาดในประเทศ หรือว่าต่างประเทศ แบรนด์นี้อาจจะไม่ได้เห็นบนท้องถนนบ่อยมากเท่าไร เพราะว่า KOENIGSEGG นั้นเป็นแบรนด์ที่ทำแต่รถยนต์ HYPER CAR ที่มีความพิเศษ มีจำนวนไม่มาก และ อัตราเร่ง สมรรถนะ ที่มีความโดดเด่นอย่างมาก ทำออกมาในแต่ละรุ่นต้องมีความเร็วแรงอันดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ในการใช้งานการขับขี่ทั่วไปในท้องถนน ในไทยนั้นเรียกได้ว่าเราจะไม่เคยเห็นยี่ห้อนี้เลย เป็นการทำตลาดอีกครั้งที่จัดเต็มมาก ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกที่นำ GEMERA MEGA GT คันนี้เข้ามาด้วยเช่นกันครับ และในการนำเข้าครั้งนี้ผ่านทาง General Auto Supply ในเครือของ SHARICH Holding ที่คุ้นเคยกันคือเป็นบริษัทแม่เดียวกันกับ ที่ขาย Lamborghini นั้นเองครับ เรียกได้ว่ามีประสบการณ์และมาตรฐานที่ไว้ใจได้ ในครั้งนี้ทาง KOENIGSEGG เองเป็นแบรนด์อันดับต้นๆของโลก แบรนด์ที่เรียกได้ว่าที่สุดของยนตกรรม ในตอนนี้ และการที่เอาเข้ามาขายในประเทศไทยแบบทางการแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้มาสัมผัส ในรถยนต์ระดับ Hyper Car ที่มีราคาขายในไทย 110 ล้านบาท และ ทำความเร็วถึง 400 km/h เลยทีเดียวครับ และ ใช้พลังงาน PHEV และรองรับน้ำมันE100 ที่จะไม่มีการปล่อยไอเสียเป็นเจ้าแรกนั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมจัดเต็ม

EXTERIOR

ทางด้าน Koenigsegg Gemera Mega GT รุ่นนี้ในเรื่องของงานออกแบบมีแนวคิดที่ว่ารถยนต์ Hyper Car แต่อยากที่จะพาคนอื่นไปเที่ยวไปสัมผัสประสบการณ์ หรือ พาครอบครัวไปได้ จึงเกิดเป็น Gemera คันนี้นั้นเอง ทำให้มันเป็นรถยนต์ Hyper Car คันแรกของโลกที่มาพร้อมกับ 4 ที่นั่งที่นั่งได้จริง ที่รองรับผู้ใหญ่ได้มากถึง 4 คน และยังนั่งสบายรวมถึงการขับขี่ยังคงความเร็วแรง ตามสไตล์ Hyper Car ไว้ได้ครับ และงานออกแบบต่างๆนั้นจะอิงกับรุ่นก่อนๆ หรือว่าย้อนไปในรุ่นแรกทั้งเรื่องของทรงไฟหน้ารวมถึงกระจกด้านหน้า และประตูแบบตั้งฉากแบบนี้เป็นค่ายเดียวในโลกที่ทำออกมา และเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่รุ่นแรกๆด้วยเช่นกัน ที่จะมาพร้อมเซนเซอร์คอยตรวจจับว่า มีฟุตบาท อยู่ในระยะ หรือ มีเพดานขวางไหมเวลาเปิดจะมีระบบป้องกันมาให้ด้วยครับ

งานออกแบบภาพรวมของตัวรถนั้นเราจะเห็นว่ายังคงมีความเป็น Koenigsegg แบบชัดเจนอย่างมากถ้าใครที่เคยติดตามค่ายนี้เราจะเห็นได้ว่ายังคงเอกลักษณ์ในหลายๆจุดได้เป็นอย่างดีที่เห็นชัดเจนมากๆคือเรื่องของกระจกด้านหน้าที่จะล้อมรอบตัวรถไปทั้งหมด ซ้าย และ ขวาที่ Koenigsegg ทุกรุ่นจะใช้งานออกแบบแบบนี้ และ ทางด้านไฟหน้าเองนั้นจะเป็นทรงที่อิงกับรถยนต์ต้นแบบรุ่นแรกที่เป็นไฟทรงแนวนอน รวมถึงความเตี้ย แบนของตัวรถและกระจกตรงกลางของตัวรถที่จะเด่นขึ้นมานั้นเอง และ ยังคงใส่ช่องดักลมอะไรต่างๆมาให้เยอะและใส่ใจเรื่อง Aerodynamic อย่างมากทำให้สามารถทำความเร็วได้สูงและยังคงควบคุมรถได้ดี สามารถทำความเร็ว 0-100 ได้แค่ 1.9 วินาทีเท่านั้น รวมถึงด้านข้างจะเห็นว่าใช้บานประตูเดียวทั้งหมด และมีความเตี้ยแบน และทรงค่อนข้างสวย ด้านท้ายนั้นเอกลักษณ์ไฟท้ายจะคล้ายกับไฟหน้า  มาพร้อมกับครีบด้านหลังแบบจัดเต็มในการไล่อากาศ และท่อไอเสียอยู่ตรงหลังคาห้องเครื่อง ทำให้ด้านหลังมีความเรียบร้อยและดูทันสมัยมากขึ้นเป็นชิ้นงานคาร์บอนทั้งหมดเลย

ไฟหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับไฟหน้าทรงแนวนอนที่อาจจะดูแตกต่างกับรุ่นอื่นๆในค่าย เพราะว่าในรุ่น Gemera นั้นมาพร้อมกับไฟหน้าที่เป็นทรงแนวนอนย้อนกลับไปยังต้นแบบในรุ่น Koenigsegg CC นั้นเองในรุ่นนี้ใช้งานไฟหน้า LED แบบ 5 ชิ้นสวยงามและมีงานออกแบบที่สวยล้ำมากๆ เป็นเส้นแนวยาวเป็นแหล่งกำเนิดแสงครับและสะท้อนแสงด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าตรงส่วนของไฟหน้านั้นจะมีช่องระบายอากาศใส่เข้ามาใต้ไฟหน้าด้วยซึ่งจะช่วยในการระบายลมและเรื่องของการรีดอากาศไปในส่วนของซุ้มล้อและจัดการอากาศให้ดีที่สุดนั้นเอง ส่วนทางด้านไฟท้ายนั้นจะเป็นไฟท้าย LED 5 ชิ้นสวยงามรูปทรงเอกลักษณ์เดียวกันกับไฟหน้า ทรงสวยงามพร้อมช่องระบายลมจากล้อเช่นกันครับ และไฟเบรกดวงที่ 3 นั้นอยู่ด้านบนกระจกหลัง จะเห็นการวางท่อไอเสียคู่จาก Akrapovic สวยงามลงตัวเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงท่อด้วยเช่นกัน ถือว่างานออกแบบที่ดูแปลกตาและสวยซึ่งใช้วัสดุคาร์บอนทั้งหมด รวมไปถึงห้องสัมภาระของตัวรถคันนี้มาพร้อมกับที่จุได้เยอะที่สุดในบรรดา Hypercar ทั้งหมดแล้วหน้า หลัง รวมกัน 200 ลิตร สามารถเก็บกระเป๋าเดินทาง Carry On ได้ทั้งหมด 4 ในรวมทั้งหน้า 1 ใบและหลัง 3 ใบ

ล้อคันนี้มาพร้อมกับล้อคาร์บอนทั้งหมด  Aircore Carbon รุ่นที่ 3 ที่พัฒนามาจากค่ายตัวเองเลย พร้อมด้วยระบบกลไกการล็อกแบบ Center Locking ดุมล้อตรงกลางครับ และตัวล้อนั้นด้านหน้ามีขนาด 21” x 10.5” ส่วนด้านหลังมีขนาด 22” x 11.5” รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4S (มาตรฐานด้านหน้า ขนาด 295/30 ZR21 ส่วนด้านหลัง ขนาด 317/30 ZR22 ถือว่ามีระยะซุ้มล้อที่พอดี จัดวางการเว้นระยะต่างๆได้แนบชิดกับตัวรถ ส่งผลช่วยในการขับขี่ความเร็วสูง ในการจัดการอากาศต่างๆของตัวรถการไหลเวียนนั้นจะทำได้ผลดีที่สุด อีกส่วนที่สำคัญคือกล้องมองข้างซึ่งมาทดแทนกระจกมองข้าง ทำให้ตำแหน่งการไหลเวียนอากาศนั้นส่งผลได้ดีอีกเช่นกัน

นอกเหนือจากการออกแบบที่เน้นมากๆในเรื่องของอากาศพลศาสตร์แล้ว การวางที่ปัดน้ำฝนแบบตรงกลางทำให้การไหลเวียนอากาศนั้นดีมากขึ้นไปอีกขั้นครับ ซึ่งเราจะเห็นการวางแบบนี้ในทุกรุ่นของทาง Koenigsegg เช่นกันถือว่ามีความแปลกตากว่าคันอื่นๆ และใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดเลยก็ว่าได้ ทางด้านที่ชาร์จไฟ และ เติมน้ำมันนั้นจะอยู่ในช่องเดียวกันครับสามารถเปิดใช้งานเติมได้ผ่านหัวชาร์จแบบ TYPE 2 และ น้ำมันนั้นรองรับ e85 e100 และรองรับน้ำมันทั่วไปได้ แต่พละกำลังนั้นจะไม่สุดเท่ากับเราเติมน้ำมัน e100 e85 ครับ พร้อมกับช่องดักลมขนาดใหญ่ที่จะเข้าสู่ห้องเครื่อง ถ้ามองดีๆคันนี้นั้นจะมีช่องดักลมมาให้หลากหลายชุด และรีดอากาศในหลายๆจุด อีกทั้งในส่วนของท้ายรถยนต์ทุกคันนั้นต้องมี สัญลักษณ์ ผี แน่นอนว่ามันคือ สัญลักษณ์ประจำกองบิน สวีเดน ในสมัยก่อน และเป็นที่ตั้งของโรงงานที่ สวีเดนนั้นเองจึงจะมีสัญลักษณ์นี้ติดมาให้ทุกคัน และยังสื่อถึงการเคลื่อนไหวที่เร็วจนมองไม่เห็นได้อีกด้วยครับ มาพร้อมกับสีเหลืองสวยงามโทนเดียวกับ ชื่อรุ่น คาลิปเปอร์เบรกและสีสันของภายในด้วยเช่นกัน

INTERIOR

งานออกแบบภายในยังคงชิ้นส่วนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดเน้นเรื่องของน้ำหนักที่เบามากขึ้น ส่วนทางด้านการตกแต่งนั้นจะเน้นไปทางยุคสมัยใหม่ทั้งหมด และเน้นความสะดวกสบายมากกว่ารุ่นปกติ แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นรถ 4 ที่นั่งทำให้จุดนี้มีความแตกต่างกับตัวปกติครับ มาพร้อมกับงานออกแบบหน้าจอใหญ่สำหรับการควบคุมทุกอย่างในตัวรถ งานออกแบบเรียบๆทันสมัย เล่นสีเหลือง มาพร้อมกับการวางแก้วน้ำ 8 ที่ ซึ่งรองรับแต่ละคนนั้น วางได้ 2 แก้ว เป็นแก้วน้ำร้อน 1 แก้ว และเย็น 1 แก้ว  ทำให้แต่ละคนมีอิสระในการใช้งานอย่างมากนั้นเองถือว่า ล้ำและดีกว่า รถยนต์นั่งหลายๆคันซะอีก ถือเป็นจุดที่ใส่ใจจริงๆ ส่วนพื้นที่ห้องโดยสารนั้นโปร่งกว่าที่คิดไว้เยอะมาก

สำหรับห้องโดยสารนั้น หลังคาในรุ่นนี้จะไม่เหมือนกับรุ่นอื่นๆที่สามารถถอดหลังคาได้ เพราะว่าด้วยขนาดของตัวหลังคารถและการที่เป็นรถที่นั่งได้ 4 คนนั้นเองครับทาง Koenigsegg เองเลยทำหลังคาที่จะออกไปในทาง Panoramic View เสริมเข้ามาแทนให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น มองเห็นมุมมองทองฟ้าได้เช่นกันแต่จะเป็นทรงยาวไปถึงข้างหลังแทน ไม่ใช่กระจกเต็มบานครับ อาจจะด้วยความแข็งแรงของโครงสร้างเพราะว่ารุ่นนี้จะไม่มีเสาตรงกลางหรือเสา B นั้นเอง ทางด้านหลังคาอาจจะไม่สามารถใช้งานกระจกบานใหญ่ได้  งานออกแบบตัวรถนั้นโล่งโปร่งมากๆจนดีกว่ารถยนต์นั่งหลายๆคันเลย และมีหน้าจอให้ทั้งตอนหน้ากับตอนหลังขนาดเดียวกัน รองรับระบบสัมผัสได้ทั้งหมดควบคุมประตูได้ทั้งหมด รวมถึงมาพร้อมกับวัสดุหนังสีดำ และ หนังกลับ Alcantara ทางด้าน เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทางผ่านทางหน้าจอกลางรถยนต์ ส่วนที่เด่นๆนั้นจะเป็น ช่องวางแก้ว พร้อมระบบทำความเย็น และ อุ่นร้อน 8 ตำแหน่ง, ระบบปรับอากาศแบบ 3-Zone และใช้งาน หน้าจอแสดงผลขนาด 13 นิ้ว หน้า – หลัง แบบเดียวกันทั้งหมด พร้อมชุดเครื่องเสียง Koenigsegg High-end Audio ลำโพง 11 ตัว รวม SubWoofer รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ช่องเชื่อมต่อ USB และ แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger มาให้ด้วยถือว่าฟีเจอร์จัดเต็มสมราคาครับ

พื้นที่นั่งด้านในนั้นถือว่ามีพื้นที่ทั้งส่วนของ Leg Room Head Room ค่อนข้างเยอะมากเมื่อเทียบกับแอดมินเองที่สูง 180 เซนติเมตร ยังคงมีพื้นที่เหลือเกือบ 2 กำปั้นได้เลย เมื่อมองเทียบกับ Hyper Car ด้วยกันแล้ว ด้านของฝั่ง Koenigsegg ถือว่ามีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเยอะที่สุดในตอนนี้ และสมกับเป็น Hyper Car 4 ที่นั่งคันแรกของโลก เบาะนั่งแต่ละที่นั้นจะแยกอิสระพร้อมกับใช้วัสดุ Memmory Foam ทั้งหมดทำให้กระชับและสามารถเข้ารูปของแต่ละคนได้ทันที และ โครงตัวเบาะนั้นเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดเช่นกันรองรับความแข็งแรงได้อย่างดี

แน่นอนว่าการออกแบบรุ่นนี้มีความพิเศษคือเราจะไม่เห็นเสา B ตรงกลางระหว่างที่นั่งด้านหน้าและด้านหลังเพราะว่าใช้วัสดุโครงสร้างแบบใหม่ที่คิดขึ้นมาในส่วนของ รูปแบบตัวถังของ Koenigsegg Gemera เป็นแบบ ประตู บานใหญ่พร้อมกับทั้งหมด 4 ที่นั่ง  โครงสร้างตัวถังและเปลือกตัวถังภายนอกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักเบา ในขณะที่ Sub-frame ด้านหน้า และ ด้านหลังผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียม โดยเป็นการขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดแบบ         โมโนค็อกที่เราคุ้นเคยกันแต่จะเป็น คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น ทำให้มีความแข็งแรงและส่งผลให้มีความยืดหยุ่นซับแรงกระแทกได้ดี ทำให้การขึ้นลงเบาะทั้ง 4 ที่นั่งนั้นไม่มีอะไรมาขวางกั้น และเป็นจุดเด่นที่สุดของการออกแบบในรุ่นนี้

พวงมาลัยรุ่นนี้มาพร้อมกับทรงปาดขอบบน และขอบล่างใช้วัสดุคาร์บอนทั้งคัน ทำให้ในส่วนของพวงมาลัยรุ่นใช้งานวัสดุแบบเดียวกัน พร้อมกับวัสดุหนังกลับในส่วนบริเวณที่สัมผัส ทั้ง 2 ข้างและที่แปลกตานั้นคือตัวปุ่มควบคุมทั้งหมดจะเป็นระบบสัมผัสในการสั่งงานตรงพวงมาลัย และ เรือนไมล์นั้นจะเป็นการติดกับตัวพวงมาลัยทำให้เวลาเลี้ยวนั้นเรือนไมล์ดิจิทัลก็จะหมุนตามองศาพวงมาลัย แต่จะเป็นระบบ Gyroscope ที่จะรักษาระดับน้ำของตัวเลขให้อยู่ในระนาบแม้ว่าจะหมุนพวงมาลัยไปทางไหนก็ตามครับ สามารถดูตัวอย่างการใช้ได้ในวีดีโอพรีวิว ถือว่าเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นใส่ในบรรดารถคันอื่นๆเลยในแง่ของการออกแบบตรงส่วนนี้ และที่วางแก้วน้ำอย่างที่แจ้งไปนั้นจะเป็นข้างละ 2 ตำแหน่งทั้งหมด 4 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า เป็นระบบทำความร้อน 2 และ เย็น 2 ตำแหน่งและที่ชาร์จไร้สายใ นส่วนช่องข้างหน้ารวมถึงโลโก้ของตัวรถนั้นจะอยู่ในตำแหน่งดังภาพด้วยเช่นกัน หน้าจอสี่เหลี่ยมในภาพนั้นจะเป็นกล้องมองข้างที่จะใช้งานแทนกระจกมองข้างนั้นเองเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้มุมมองของตัวรถไม่มีจุดบอดและช่วยเรื่องของการไหลเวียนอากาศภายนอกตัวรถให้มีสิ่งที่ต้านน้อยที่สุดด้วย

ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ในคันนี้จะติดตั้งอยู่บนบริเวณหลังคา ส่วนหน้าพร้อมกับสวิทช์การเปิดปิดประตู และกระจกทั้งหมด เป็นตำแหน่งที่อาจจะดูแปลกตานิดหน่อยพร้อมกับ ไฟฉุกเฉินนั้นจะติดตั้งอยู่ส่วนนี้ทั้งหมดครับ รวมถึงเบรกมือด้วยเช่นกันเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งที่แอบแปลกตากว่ารถยนต์ทุกคัน หรือแม้จะเทียบกับรถยนต์ระดับ Hyper Car ด้วยกันก็ตาม ส่วนวงกลมหน้ารถข้างในคันนี้ที่มีลักษณะแปลกตาจริงๆตัวนี้คือ กล้อง 360 องศาสำหรับการบันทึกการขับขี่รอบคันทั้งภายในตัวรถ และด้านหน้าตัวรถที่จะช่วยให้เก็บประสบการณ์การขับขี่ได้แบบ 360 องศาหรือใช้งานแบบ VR ได้ทันทีเหมาะสำหรับการที่จะบันทึกการขับขี่แข่งขัน หรือทำความเร็วที่จะเห็นทั้งคนขับและมุมมองด้านหน้ารถไปได้ในตัวนั้นเองเป็นฟีเจอร์ที่ล้ำอย่างมากในคันนี้  ตำแหน่งเบาะหลังก็จะเห็นหน้าจอพร้อมที่วางแก้วน้ำที่ใช้งานแบบเดียวกับคู่หน้า รวมถึงเบาะหลังจะมีการออกแบบเบาะที่รูปทรงสวยงามและไฟ Ambient Light รอบคัน

ENGINE

ทางด้านเครื่องยนต์ต้องบอกว่าคันนี้นั้นจะใช้พลังงาน Hybrid เป็นระบบ Plug In hybrid นั้นเองสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้เพราะว่าในรถยนต์คันนี้มาพร้อมกับ ขุมพลังจัดเต็มมากๆ ทำงานร่วมกันกับ เครื่องยนต์ 3 สูบ เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่มากๆและล้ำมากๆ ที่เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถทำแรงม้าได้มากถึง 600 แรงม้าเลยทีเดียว ทางด้านสเปกการใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน สูบ Free-valve ขนาด 2.0 ลิตร กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 95.0 x 93.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1  พ่วงเทอร์โบคู่ Twin Turbocharger  พละกำลังสูงสุด 598 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร  ที่ 2,000 – 7,000 รอบ/นาที และ ทำงานร่วมกันกับ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ล้อหลังทั้ง 2 ข้าง และ  มอเตอร์ตรงกลางทำให้ได้พละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 3,500 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลัง Single-Speed Direct-drive ขับเคลื่อน 4 ล้อ  

สามารถใช้งานน้ำมัน E100 และ  E85 จะได้พละกำลังสูงที่สุดครับ รวมถึงทางด้านระบบไฟฟ้าเองนั้นสามารถขับได้ 50 กิโลเมตร  และ ถ้าทำงานร่วมกันทำให้ขับ 0-100 ได้ 1.9 วินาทีเท่านั้น และ 0-200 ได้ภายใน 4.9 วินาทีเท่านั้นครับ และ เร็วสูงสุดได้ 400+ km/h ถือว่า การใช้งานความเร็วนั้นถือว่าใช้งานได้สบาย และการที่ทาง Koenigsegg เองไม่ยอมใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนเพราะว่าเรื่องของ น้ำหนักตัวแบต ระยะทางรวมถึงเสียงเครื่องอะไรต่างๆนั้นที่ทางรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังคงมีข้อจำกัดอยู่ในหลายๆส่วน หลักๆคือเรื่องของน้ำหนักแบตกับพละกำลังถ้าใช้งานล้วนๆนั้นต้องมีขนาดที่ใหญ่และหนักมากด้วยเช่นกันในเทคโนโลยี ณตอนนี้นั้นเอง 

KOENIGSEGG GEMRA MEGA GT

ที่สุดของยนตกรรมในตอนนี้มาพร้อมกับการเปิดราคาในประเทศไทย 110 ล้านบาทไทยโดยประมาณในราคา วันที่เปิดตัวครับ ซึ่งค่าเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่จะอยู่ในเรทประมาณนี้ ซึ่ง Koenigsegg เองนั้น หรือเรียกชื่อไทยว่า เคอนิกเส็กก์ เป็นบริษัท Hypercar สัญชาตสวีเดน นำเข้าโดย บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง Sharich Holding) และ ตัวแทนจำหน่าย Lamborghini ประเทศไทย รายใหม่ ด้วยเช่นกัน 

สำหรับพรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares