MSI GL75 นั้นเป็นรุ่นในตระกูลจอใหญ่ 17.3นิ้วที่มาพร้อมกับ 144Hz ถือว่าตลาดจอใหญ่นั้นรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าใช้งานครับ และมาพร้อมกับสเปกการใช้งาน i7 Gen10 ด้วย อีกทั้งมาพร้อมกับ GTX 1650 และสำหรับสายเกมมิ่งนั้นค่ายนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของใครหลายๆคนทั้งเรื่องของชื่อเสียง งานออกแบบการใช้งานและการระบายความร้อนที่ค่ายนี้ยังคงทำได้ดีกว่าตัวอื่นๆชัดเจน และทางด้านราคาก็ถือว่าไม่ได้แรงมากเกินไป จับต้องได้ง่าย และสเปกที่ใส่เข้ามาก็เพียงพอต่อการใช้งาน การเล่นเกมอะไรต่างๆได้ดีครับ และสำหรับรุ่น GL75 นี้มาพร้อมกับ 17.3นิ้ว ขอบบางสวยงามฝาหลังแบบด้านและราคาในเรท 35K ทำให้เป็นอีกตัวเลือกสำหรับใครหลายๆคนได้เลย

MSI GL75 LEOPARD นั้นมาพร้อมกับการใช้งาน CPU Intel Core i7-10750H มาพร้อมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 4GB DDR6  พร้อมกับการใช้งาน RAM 16GB DDR4 2666 MHz  และ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ 512GB ใช้งานหน้าจอขนาด17.3″ Full HD IPS 144Hz และที่สำคัญนั้นจะมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ อีกทั้งน้ำหนักในภาพรวมแม้จะเป็นขนาด 17.3 นิ้วแต่ก็ทำได้เบาเพียง 2.6 กิโลกรัมเท่านั้นเองถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่หนักเกินไปถ้ามองเทียบกับ 17.3 นิ้วตัวนี้ครับ ทางด้านคีย์บอร์ดยังคงใช้งาน SteelSeries พร้อมไฟสีแดงสวยงาม อีกทั้งพอร์ทเชื่อมต่ออะไรนั้นให้มาครบครันเลยทีเดียวครับ ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port  รวมถึงช่องไมค์ และ รูหูฟังแยกกจากกันด้วย สำหรับ MSI GL75 LEOPARD   พร้อมกับราคาขายอยู่ที่ 35,900 บาทครับ ถือว่าเทียบขนาดหน้าจอ สเปกอะไรนั้นราคาทำได้ดีเช่นกัน

UNBOX

  • ตัวเครื่อง MSI BRAVO 15
  • ที่ชาร์จ ADAPTOR 150W
  • คู่มือ ในการใช้งาน และ รายละเอียดรับประกัน
  • ขายึด SSD HDD SATA3

DESIGN

งานออกแบบภาพรวมนั้นแน่นอนว่ายังคงไม่ได้ปรับ Platform ไปยังยุคใหม่เท่าไรนักดีไซน์จึงเป็นที่คุ้นตากับรุ่นก่อนๆของทาง GL เช่นกันขอบหน้าจอทำได้บางมากขึ้นสีดำด้านทั้งหมดพร้อมกับคีย์บอร์ดสีแดงสวยงามและใหญ่สะใจที่ 17.3 นิ้วรวมถึง ขนาดตัวเครื่องก็ไม่ได้หนักมากด้วยเช่นกันตัวนี้ทำน้ำหนักได้แค่ 2.6 กิโลเท่านั้นถือว่าเป็นปกติของหน้าจอ 17.3นิ้ว ส่วนงานออกแบบฝาหลังนั้นยังคงมีการเล่นลูกเล่นนิดหน่อย 2ขีดเน้นความดุดันมากขึ้นส่วนวัสดุอะไรนั้นก็ตามเรทราคาของตระกูล GL LEOPARD ครับ ส่วนความหนานั้นเป็นปกติของบรรดา GamingNotebook

ดีไซน์ในภาพรวมนั้นค่อนข้างเรียบๆครับ โทนสีดำทั้งหมดดีไซน์ยังคงไม่ได้หนีจากรุ่นอื่นๆของตระกูลนี้เท่าไรนัก และยังคงไม่ได้ปรับไปใช้งานดีไซน์ใหม่แบบตัว GS66  พวกนั้นจึงเป็นธีมออกแบบเดิมๆอยู่ครับ งานประกอบวัสดุอะไรอยู่ในระดับที่น่าพอใจดีและใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆในเรทราคานี้กับคู่แข่งตัวอื่นๆก็ถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างพอใจครับ ฝาหลังเรียบๆวัสดุสีดำด้าน พร้อมกับข้างในก็ใช้งานวัสดุแบบเดียวกันและตีดด้วยคีย์บอร์ดสีแดงทั้งหมด ไม่สามารถเปลี่ยนสีอะไรได้นะครับ ส่วนขอบหน้าจอก็ทำได้บางขึ้นเยอะพอสมควรแต่ขอบบนนั้นยังอยู่เป็นเพื่อนที่สำหรับ กล้องหน้าพร้อมกับตัวไมค์ ครับและโลโก้ MSI ตรงข้างในเป็นสีดำเรียบๆครับไม่เด่นเท่าไร แต่มีการเล่นขอบแดงนิดหน่อย

ขอบหน้าจอนั้นทำได้ค่อนข้างบางในส่วนของขอบข้างๆ และรวมถึงขอบด้านบนครับ ด้านบนนั้นจะเป็นกล้อง Webcam ความละเอียด HD พร้อมกับไมค์สำหรับอัดเสียงครับ อีกทั้งตัวรอบๆขอบจอนั้นมียางรองมาให้พร้อมใช้งานเวลาพับและกับกระแทกต่างๆครับ และจะเห็นว่าหน้าจอนั้นใช้งานแบบด้านทั้งหมดในการเล่นเกมจอด้านนั้นต้องบอกว่าให้ผลที่ค่อนข้างดีในการเล่นเกมและแสงรบกวนนั้นถือว่าน้อยมากด้วยเช่นกัน ส่วนข้อพับอะไรนั้นใกล้เคียงกับรุ่นอื่น

ด้านในนั้นด้านบนส่วนคีย์บอร์ดนั้นไม่มีช่องระบายอากาศ หรือดูดอากาศเข้าอะไรครับเป็นพื้นที่เรียบๆพอสมควรและการระบายความร้อนจะออกไปข้างด้านหลังเครื่องเป็นหลักจะเห็นว่าโลโก้ MSI นั้นเป็นสีดำมองยากพอสมควรครับ และตรงแป้นพิมพ์ข้างในนั้นวัสดุเป็นการเล่นลวดลายปัดลายตรงแบบเดียวกับฝาหลังแต่เป็นพลาสติกแทนครับ ตรงส่วนของคีย์บอร์ดนั้นมีความเว้าอะไรเข้าไปเล็กน้อย พร้อมกับปุ่มเปิดปิดเครื่องมุมขวาและปุ่มเสริมการเข้าโหมด เทอร์โบครับ พร้อมกับมีไฟสถานะตรงปุ่มมาให้ด้วยครับ และมุมขวาล่างนั้นเป็นการบอกสเปก และชื่อรุ่นในภาพรวมเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ มีพื้นที่สำหรับวางมืออะไรนิดหน่อยแม้จะใช้งานหนักๆตรงนี้ก็ไม่ร้อนเท่าไรด้วยครับ ถือว่าในการจัดการความร้อนในการวางมือส่วนใช้งานนั้นทำได้ค่อนข้างดี และเป็น 17.3 นิ้วเลยมี Number Pad ให้มา

ฝาหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับลวดลายใหม่และจะเห็นว่าเป็นรุ่นที่เปิดช่องระบายค่อนข้างเยอะมากๆจนเราสามารถเห็น heat pipe ได้เลยครับทั้งส่วนของตรงกลางเครื่อง และ ขอบซ้ายขวาขอบเครื่องด้านบนครับ และยังเปิดช่องในมุมซ้ายล่างของเครื่องสำหรับการระบายเพิ่มเติมด้วย และด้วยพัดลมตัวนี้ระบายได้ 4 ทิศทางครับจริงๆในเรื่องของการระบายความร้อนถือว่าไม่น่าเป็นห่วงทั้งตัวช่องระบาย พัดลม และ Heat Pipe 5 เส้น และในการระบายของ Cooler Boost 5 ที่พัฒนามาต่อเนื่องนั้นเอง ส่วนช่องข้างหลังยิงออก 2 ฝั่งท้ายเครื่องเหมือนกับรุ่นอื่นๆครับ และสามารถอัพเกรด HDD SATA 3 เพิ่มเติมได้ ส่วน RAM 2 Slot ใส่มาให้ฝั่งละ 8GB นะครับ เป็น 16GB  ให้มาครบเลย

คีย์บอร์ดนั้น เป็นไฟ RGB สีแดงเช่นเดิมเลยและใช้งานจาก Steel Series เหมือนเดิมครับเรื่องของความรู้สึกในการใช้งานเล่นเกมอะไรยังคงแน่นดีทางด้านการใช้งานจริงๆตัวปุ่มนั้นมีระยะห่างแต่ละปุ่มค่อนข้างน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็กดได้ดีเพราะตัวปุ่มมันใหญ่แบนมากขึ้นนั้นเองครับ ความรู้สึกเวลากดปุ่มนั้นรู้สึกแน่นและกดตรงส่วนไหนของปุ่มก็ได้รู้สึกดีตรงจุดนี้ กดขอบปุ่ม หรือ ตรงกลางปุ่มก็ให้ความรู้สึกเดียวกันไม่โยก ไม่เอียงครับถือว่าคีย์บอร์ดของค่ายนี้จริงๆแอดมินใช้มาตั้งแต่ยุค GE62 ก็ชอบคีย์บอร์ดค่ายนี้พอสมควรครับ และ Touchpad นั้นขนาดกำลังดีสมกับตัวจอ17นิ้ว

SPEC

  • Intel Core i7-10750H
  • NVIDIA® GeForce® GTX 1650 with 4GB GDDR6
  • 17.3″ FHD (1920×1080), 144Hz, IPS-Level
  • 16GB DDR4-2666 Memory Type 2 Slots Number of SO-DIMM SlotMax 64GB Max Capacity
  •  512GB M.2 SSD (NVMe PCIe Gen3 / SATA)
  • Backlight Keyboard (Single-Color, Red)
  • 1x RJ45
    1x SD (XC/HC)
    1x (4K @ 30Hz) HDMI
    1x Mini-DisplayPort
    1x Type-C USB3.2 Gen1
    3x Type-A USB3.2 Gen1
  • 2.6 kg
  • 398.5 x 272 x 28 mm

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 4142 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกตินะครับถือว่าสบาย

CRYSTAL DISK MARK

ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 2106 MB/s และ1401 MB/s  ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ จริงๆ ถ้าเทียบกับสเปกรวมๆน่าจะอ่านได้เลข 3 จะลงตัวมาก ถ้าใส่ตัวเทพเข้ามาน่าจะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้แต่ถ้าใครที่เน้นเรื่องของความจุ แน่นอนว่าตัวนี้ไม่สามารถเพิ่ม M.2 ได้นะครับเพราะมีมาให้แค่ 1 ช่องแต่จะเพิ่มฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ มาตรฐาน SATA 3 ได้อีก 1 ลูก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน HDD SATA 3 หรือ SSD  SATA 3 ก็แล้วแต่เลยว่าจะเพิ่มเป็นแบบไหน ส่วนขายึดอะไรนั้นแถมมาให้ในกล่องเรียบร้อยพร้อมอัพเกรด

SCREEN

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ใช้งานหน้าจอขนาด 17.3 นิ้วขอบบาง ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS เลยทีเดียวแต่ในเรื่องของค่าสีนั้นไม่ได้แจ้งมาจากทางสเปกอาจจะไม่ได้ 100% sRGB แต่ก็ถือว่ายังเป็นหน้าจอที่พอทำงานได้สบาย และเน้นเล่นเกมแน่นอนว่าความลื่นไหลสำคัญกว่าตัวนี้รองรับ 144Hz ทำให้มันสามารถรองรับการเล่นเกมที่ไหลลื่นขึ้นเยอะอย่างมาก ตอบสนองได้ดีแม้จะเป็นการเล่นเกมหรือว่าจะเป็นการทำงานนั้นจะช่วยได้ในเรื่องของเวลาเลื่อนดูอะไรต่างๆนั้นจะค่อนข้างเนียนตาและสบายตากว่าเดิม  ตัวสีจอนั้นอาจจะไม่ได้สดเด่นมากนักถ้าหากไปเทียบกับรุ่นอื่นๆที่เป็นสายทำงานแต่โทนสีอะไรนั้นก็สามารถปรับได้อีกนิดหน่อยเพื่อตอบโจทย์ในการเล่นเกม ผ่านซอฟต์แวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER

หน้าจอเมื่อมองเอียงๆนั้นถือว่าทำได้ดีและข้อดีของการใช้งานหน้าจอแบบด้านนั้นทำให้การพกพาไปทำงานข้างนอกหรือว่าใช้งานทั่วไปในหลายๆสภาพแสงนั้นไม่มีแสงรบกวน และใช้งานได้จริง รวมถึงหน้าจอมีความสว่างสูงพอสมควรสามารถสู้แสงได้ดี ในการใช้งานจริง ความแม่นยำใช้งานได้แต่อาจจะไม่ได้เทพสุดเท่าไร แต่ถ้าเอามาเล่นเกมหนักๆแน่นอนว่าตัวจอนี้ไม่มีปัญหาเลย พร้อมกับเวลาหันกล้องอะไรพวกนี้บอกเลยว่าลื่นไหลและภาพไม่ฉีกขาดเลยแม้แต่น้อย รุ่นนี้เป็นข้อดีของการใช้งาน 144Hz และส่งผลในการเล่นเกมเพิ่มประสบการณ์ได้ดีมากๆในแง่ของความลื่นไหลและขนาดที่ใหญ่มากถึง 17.3นิ้วทำให้ตัวนี้สำหรับสายเกมถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ

CONNECTOR

ด้านซ้ายนั้นพอร์ทเชื่อมต่อทั้งหมดถือว่าจัดเต็ม ทั้งตัวล็อก Kensington ช่องระบายอากาศ ช่อง RJ45 สำหรับใช้สาย LAN พร้อมกับ HDMI และยังคงมี mini Display Port รวมถึงUSB 3.2 Gen1 Type-A และ USB 3.2 Gen1 Type-A อีกทั้ง รูหูฟัง และ รูไมค์นั้นแยกคนละรูพร้อมใช้งานครับถือว่าให้มาเพียงพอต่อการใช้งานมากๆ

ทางด้านขวานั้นจะเป็นแค่ 2 x USB 3.2 Gen1 Type-A ทั้ง 2 ช่อง และ ช่องสำหรับเสียบไฟเข้า รวมถึงช่องระบายความร้อนครับ รวมถึงเป็นไม่กี่รุ่นที่รองรับการอ่าน SD Card Readerส่วนทางด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้นจะรองรับ  Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ถือว่าพอร์ทเชื่อมต่อจัดเต็มสมกับขนาด 17.3 นิ้วที่ใหญ่สะใจแบบนี้

MSI GL75 LEOPARD

เป็นอีกตัวเลือกสำหรับ Gaming ที่เน้นจอใหญ่ 17.3นิ้วและมาพร้อมกับความลื่นไหล 144Hz แน่นอนว่ารุ่นนี้ทำออกมาเพื่อสายเกมเน้นๆครับที่เน้นการใช้งานหน้าจอใหญ่สะใจและมีความลื่นไหลเวลาเล่นเกม สามารถขับได้ลื่นไหลตอบสนองได้ดี หน้าจอแบบด้านรองรับการใช้งานทั่วไปได้ เล่นเกมข้างนอกหรือช่วยลดสะท้องแสงได้ สเปกเองนั้นก็เพียงพอต่อการใช้งาน i7 Gen10 + GTX 1650 ทำให้ใช้งานทั่วไปได้แบบสบายรวมถึงการเล่นเกมก็ทำได้ดี ส่วน RASM 16GB พร้อมใช้งานกับ SSD 512GB  ไม่ต้องไปอัพอะไรมากนักพร้อมใช้งานทันทีแต่ก็รองรับการอัพ HDD เพิ่มได้อีกสำหรับสายทำงานหรือเกมที่กินความจุเยอะๆ คีย์บอร์ดอะไรนั้นสวยงามระยะกำลังดีครับไม่ได้แย่เลย ทำให้เมื่อเทียบกับราคา 35K เน้นหน้าจอใหญ่ IPS 144Hz ทำให้ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares