แน่นอนว่าสาวก MARVEL ที่ดูหนังในหลายๆเรื่องก่อนหน้านี้อาจจะยังไม่เจอเรื่องไหนดีๆหรือลงตัวเท่าไรนัก ทำให้หลายๆคนอาจจะคาดหวังในเรื่องนี้ และแน่นอนว่าหลังจากที่ไปดูมานั้นบอกเลยว่า ดีกว่าหลายๆเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Antman , Thor ก่อนหน้านี้แน่นอนครับ เรายังคงไว้ใจได้ หนังมีเอกลักษณ์ของตัวเอง และพยายามเล่าให้มีความดราม่า อินมากขึ้น และ ปูไปอนาคตของตัวเองได้ดี โดยที่ไม่ต้องเป็นหนังที่ปูไป อนาคตของเรื่องอื่นๆ ซึ่งผมค่อนข้างชอบแนวทางนี้ หนังไม่ทิ้ง ความเป็นตัวเอง และ ไม่ยัดอะไรมากเกินไป ทำให้เรื่องนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวเลยว่า หนังมันกลับมาน่าสนใจ และ สนุกอีกครั้ง หลังจาก ย้อนกลับไป 4-5 เรื่องก่อนหน้านี้คุณภาพดรอปลงไปแบบหลายเท่าตัว อย่างน้อยเรื่องนี้ก็สามารถทำให้น่าติดตาม และ คุณภาพกลับมาดีแบบที่ควรจะเป็น สำหรับ ผกก James Gunn ที่ตอนนี้ เป็นประธานของ DC Studios แล้วนั้นเองครับอาจจะเป็นเรื่องส่งท้าย MARVEL แล้วนะ

ตัวเนื้อหาของหนังแน่นอนว่าเล่าต่อเนื่องจากภาคก่อนหน้าและภาคเสริมของ Guardian ที่พึ่งออกมา ตัวหนังเองนั้นอยู่กับตัวละคร เรื่องราวของตัวเองไม่ต้องปูหรือโยงอะไรให้เยอะแยะ แบบนี้ถือว่าดี แม้ว่าหลายๆส่วนเองนั้นเราอาจจะพอเดาได้ หรือ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากก็ตาม แต่ตัวหนังทำได้ดี เพลิน และ มีการเล่นประเด็นดราม่าที่ทำให้เราอินได้อยู่เยอะเหมือนกันไม่ใช่แค่ 1 ตัวละคร แต่เป็นทั้งทีม หรือ ตัวละครอื่นๆที่เล่นประเด็นนี้ได้ดีซึ่งไม่รู้สึกว่ายัดมากเกินไป แต่บางจังหวะก็อาจจะมีนิดๆแอบจะเป็นหนังสารคดี สัตว์โลกแนวทรมานสัตว์ไปบ้าง แต่ก็สลับมาเล่าอย่างอื่นได้กำลังดี ซึ่งเนื้อหา บท การเล่ามีการสลับไปมา ระหว่างเหตุการณ์ตอนปัจจุบัน และ อดีตสลับๆไปมาครับ ทำให้มันไม่น่าเบื่อกำลังดีเลยแหละ แม้ว่าในเรื่องของบทต่างๆมันอาจจะไม่ได้ยุ่งยาก หักมุม หรือ ซับซ้อนอะไรทั้งตัวร้าย ทำให้ดูเพลินๆได้เดาในหลายๆส่วนได้ และ หลายๆเหตุการณ์ก็ง่ายกว่าที่คิดครับ แต่ที่ชอบมากคือหนังยังมีความเป็นตัวเอง ไม่ใช่ออกมาเพื่อเป็นทางผ่านปูตัวละครอื่นๆให้เรื่องอื่น

ทางด้านนักแสดงจริงๆรู้สึกชอบทีมนี้จริงๆเพราะว่าในการแสดงในหนังสามารถเข้าถึงกันได้จริงๆ และ แต่ละตัวละครนั้นมีเอกลักษณ์กันแบบชัดเจน แต่กลับมาอยู่ด้วยกันได้แบบลงตัว และในภาคนี้ก็มีหลายๆจุดที่เริ่มแสดงให้เห็นว่าทำไมตัวละครนั้นเป็นแบบนั้นหรือแบบนี้ เรื่องราวลึกๆแต่ละตัวละคร ซึ่งมันสามารถแสดงออกมาได้อย่างดีทั้งทีม รวมถึงทางด้านตัวร้ายดูแค้นดีครับ ซึ่งต้องชมทั้งทีมฝั่งพระเอก และ ฝั่งตัวร้าย ที่เรื่องนี้ทำได้น่าสนใจ และอาจจะเป็นเพราะบทส่งด้วยเช่นกันทำให้ เคมีตัวละครมันเข้ากันแบบเดิม และ แสดงในหลายๆส่วนได้ดีขึ้น แม้ว่าจุดนึงก็แอบน่าเสียดายว่าตัวร้ายมันน่าจะสุดได้ในหลายๆแง่มุมมากกว่านี้ เพราะเน้นไปเรื่องราวตัวร้ายและ Rocket หนักมากๆครับ

แต่ส่วนที่ชอบที่สุดและโดดเด่นเสมอคือเรื่องของงานภาพ เสียง บอกเลยว่าหลายๆฉากมันว้าว สวย และมี Longtake ยาวๆให้ชมกันด้วยนะ การออกแบบ ยาน โลก ดวงดาวแต่ละที่คือดี ดูให้มีความแปลกใหม่จริงๆครับเหมือนเราไปท่องโลกต่างมิติจริงๆ อีกทั้ง CG เนียนอันดับต้นๆของหนัง marvel ได้เลยไม่เจอฉากไหนที่ดูลอยครับยิ่งถ้าเทียบกับในหลายๆเรื่องก่อนหน้า อันนี้งานภาพดี ทำสีอาจจะไม่ได้เด่น แต่มุมกล้อง ฉากต่างๆคือสวยลงตัว และ ใส่ใจจริงๆ อยากให้ลองสังเกตกันครับ ส่วนเพลง และ ดนตรีประกอบโดดเด่นที่สุด และ ทำได้ดีจริงๆ แน่นอนว่าเพลงประกอบ ตั้งแต่ภาค 1 ก็ใส่มาให้หายคิดถึง รวมถึง เพลงใหม่ๆในยุค 80-90 และยังมี 2000 เสริมเข้ามา และใส่เข้ามาแบบจังหวะดี แม้เราจะแบบ มันจะเปิดเพลงไปทุกตอนยานอวกาศบินกันแบบนี้จริงๆหรอก็ตามครับ แต่ก็ไม่ได้รำคาญหรือเยอะเกินไป ซึ่งจุดพวกนี้ หนังหลายๆเรื่องอาจจะไม่ค่อยมีในค่าย MARVEL แต่เรื่องนี้ยังคงทำได้ดี

หนัง MARVEL กลับมาสนุก มีคุณภาพ ไม่เสียเวลาดูแน่นอน รวมถึงดู IMAX ก็ภาพสวย เต็มตาครับเพราะว่าไปโรงธรรมดาภาพโดนตัดขอบบนล่างนะ แต่เสียงอาจจะไม่ได้แน่นมากถ้างบถึงก็จัด ส่วนในเรื่องของคุณภาพหนังแน่นอนว่าคุ้มค่าตั๋วมากกว่า THOR ANTMAN และ ก่อนหน้านั้นแน่นอนครับ งานภาพสวย งานเสียงเพลงคือดี และ ดราม่า เรียกน้ำตาไปนิดๆซึ่งบอกเลยว่า หนังภาพรวมทำได้ดี ลงตัว และ กลมกล่อม ซึ่งตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมากแต่เรื่องนี้กลับเล่นประเด็นหลายๆส่วนได้ดี สมกับทีม และเนื้อหาของตัวหนังได้ดีจริงๆ อยากแนะนำเลยทีเดียวครับเพลินมากๆสำหรับเรื่องนี้ และมี After Credit 2 ตัวนะ อันสุดท้ายอาจจะไม่ต้องรอก็ได้เป็น Gimmick เล็กๆ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares