BMW นั้นได้เปิดตัว Series 5 รุ่นล่าสุดในไทยไปไม่นาน จากนั้นก็ได้เปิดตัว Series 3 330Li ตัวฐานล้อยาวกันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ครับ แน่นอนว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนสงสัยกันว่าจะมาทำตลาดอะไรยังไง รวมถึงไม่กี่วันนี้ได้เปิดตัว M340i ไปด้วยนะ แต่ในครั้งนี้เราจะมาลองกัน 3 รุ่นหลักๆกันก่อน 520D Msport และ 530e M Sport และ รุ่น Series 3 330 Li M Sport นั้นเอง ทดลองขับกันในสนามแข่ง ปธุมธานี สปีดเวย์ที่เราจะเจอได้ในหลายๆครั้งของค่ายนี้ จะเป็นสนามที่มีการตั้ง ด่านทดสอบทั้ง Slalom หรือว่าจะเป็น ELK Test รวมถึง การเข้าโค้ง อัตราเร่งต่างๆ จัดเต็มแบบแน่นๆ ให้อิสระในการเหยียบอะไรเต็มที่เลยทีเดียวสำหรับ BMW ในครั้งนี้ถือว่าพิเศษมากๆครับ

ในสนามที่เราจะได้ขับวันนี้จะได้ขับเต็มๆคันละ 1 ชั่วโมงต้องบอกว่ามันมีรายละเอียดเยอะแยะมากมากในหลายๆคันแต่เนื่องจากเป็นสนามแข่งทดสอบทำให้เราจะเน้นไปในส่วนของการขับขี่มากกว่า และ ถ้ามีโอกาสนั้นจะมารีวิวเต็มๆในแต่ละคันในอ่านกันอีกครั้งนึงนะครับ ซึ่งในการทดสอบจะเป็นรุ่น 530e M Sport ตัวเทพสุด ตามมาด้วย 520d M Sport และ 330Li M Sport นั้นเอง เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์แตกต่างกันทั้ง เบนซิน+ไฟฟ้า เสียบปลั๊ก หรือจะ ดีเซล ล้วน และ เบนซินล้วนๆก็ให้มาแบบครบทั้ง 3 แบบเลยมีความแตกต่างกันชัดเจนในการขับขี่อัตราเร่งต่างๆ

TEST DRIVE 

ในการทดสอบนั้นมันจะเป็นการเทียบได้เลยว่าในแต่ละรุ่นแต่ละคันนั้นมีเอกลักษณ์ ต่างกันยังไงบ้าง อัตราเร่งตัวไหนเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ การเข้าโค้งเทโค้งๆแรงๆช่วงล่างแต่ละคันนั้นแตกต่างกันแค่ไหน อีกทั้งเป็นการทดสอบในตัวเลยว่า การขยายฐานล้อของ 330Li นั้นทำให้ตัวรถมันย้วยหรือโยนมากขึ้นแค่ไหน และการที่ 530e นั้นมีระบบล้อหลังช่วยเลี้ยวนั้นจะช่วยให้การเข้าโค้งหรือว่า Slalom นั้นกระขับมากขึ้นมากแค่ไหน จริงๆการที่เปลี่ยนมาขับแบบ3 คันต่อเนื่องเป็นโอกาสที่จะจับได้ชัดเจนเลยว่าการขับขี่แต่ละคันนั้น เน้นแบบไหน นุ่มนวล ช่วงล่างเกาะหนึบต่างกันไหมด้วยเช่นกัน ซึ่งในรอบแรกได้ขับตัวแรง 530e ก่อนเลย และตามด้วย 520d และ 330Li  นะครับสำหรับทริปนี้

BMW SERIES 5 530E M SPORT 

530e นั้นเป็นตัวออพชั่นจัดเต็มและมาพร้อมกับ Plug in Hybrid ทำให้ในเรื่องของอัตราเร่ง การขับขี่น่าจะสนุกที่สุดในการทดสอบครั้งนี้แน่นอนว่าหลายๆรุ่นที่ใช้งาน PHEV ก็จะมีอัตราเร่งตีนต้นที่สนุกสนามพอตัว ทาง 530e M Sport นั้นมาพร้อมกับ ราคา 3,739,000 บาท ใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร  Twin Power Turbo  184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร และใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic  พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีโหมดพิเศษ XtraBoost ทำให้แรงม้าขึ้นไป 292 แรงม้าสูงสุด แน่นอนว่าในเรื่องของอัตราเร่ง 0-100 ทำได้ไวมากๆ 5.9 วินาที และ เมื่อลอง เหยียบเต็มๆเกินอาการล้อฟรีได้เลยบอกเลยว่าไม่ธรรมดา การที่ไฟฟ้าเข้ามาช่วยมีผลช่วงตีนต้นมากๆครับ และมาพร้อมกับช่วงล่าง Adaptive ที่ปรับได้ทำให้ตัวนี้น่าจะตอบโจทย์ ความนุ่ม หนึบในการใช้งานทั่วไปได้ดี และการที่ใส่ล้อหลังเลี้ยวได้ใน ความเร็ว 60-80 ทำให้การเข้าโค้ง การเลี้ยวนั้นกระชับมากขึ้น ขับสนุกมากขึ้นไปอีก

การขับขี่การที่ใช้งานช่วงล่างแบบ Adaptive และ การที่ล้อหลังเลี้ยวเสริมเข้ามาแน่นอนว่าหลักๆช่วยให้ารขับขี่ในโค้ง การเลี้ยวนั้นมีอาการ จิกโค้งได้ง่ายกว่าเดิม ตัวรถไม่ได้โยนและเข้าโค้งได้กระชับมากขึ้นในระยะเลี้ยวที่แคบลงครับ แน่นอนว่า ช่วงล่างแบบนี้ไม่ได้แข็งแบบตัว 520d แต่ก็มีความแน่น ความเกาะถนนพอสมควรเลยแหละ จะเน้นนั่งสบายและเน้นคนนั่งข้างหลังมากกว่า พวงมาลัยการควบคุมนั้นแม่นยำ และทำงานร่วมกันกับ เครื่องยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยได้ทำให้อัตราเร่งสนุกสนามพอตัวเลยทีเดียวแม้จะเป็นรุ่นใหญ่ การซัดโค้งความเร็วสูงนั้นถือว่าเอาอยู่ ทั้งตัวช่วงล่างที่ไม่เจออาการหน้าดื้ออะไรเลยแม้แต่น้อยและการที่ล้อหลังเลี้ยวก็ช่วยให้อยู่ในโค้งได้เป็นอย่างดี การทดสอบ ELK เวลาหักหลบแรงๆนั้นตัวรถสามารถเข้าเลนได้แม่นยำ การหักพวงมาลัยน้อยกว่ารุ่นปกติชัดเจน ถือว่าเป็นข้อดีของการใส่ระบบเลี้ยวล้อหลังเสริมเข้ามา และช่วงล่างนุ่มๆแอบจะโยนกว่าตัว d เล็กน้อยแต่จะนุ่มกว่า

BMW SERIES 5  520D M SPORT 

ทางด้าน 520d 3,539,000 บาท  เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร  TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร  เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง แน่นอนว่าเป็นเครื่องยนต์ ดีเซลล้วนแน่นอนว่าตัวเครื่องนั้นด้วยความเป็นดีเซลตีนต้นก็จัดจ้านใช้ได้ แม้ว่าจะไม่สู้เครื่องยนต์แบบที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย แต่ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไรครับ กำลังดึงหนักตามสไตล์ แต่เวลาความเร็วสูงเข้าโค้ง เร่งออกจากโค้งอาจจะไม่ได้ดึงดันมากนักครับ ส่วนช่วงล่างแน่นอนว่าเป็น M-Sport ทำให้มีความกระชับ แข็ง และเป็นแนวสปอร์ตมากกว่าตัว e แน่นอนว่าความนุ่มสู้ไม่ได้ แต่ถ้าคนขับน่าจะชอบแบบนี้มากกว่าถ้าใครที่เน้นขับความเร็วสูงหรือเข้าโค้งพวกนี้ แต่ตัว d นั้นจะไม่ได้ล้อหลังช่วยเลี้ยวเสริมเข้ามาแน่นอนว่าความแตกต่างเริ่มเห็นผล ในการเข้าโค้งจะต้องเลี้ยวมากกว่า e ชัดเจนรวมถึงความกระชับเวลา slalom หรือกลับรถ ตัวรถจะมีวงเลี้ยวกว้างกว่า และอาจจะไม่ได้ขับมุดสนุกสนามเท่ากับตัว e นั้นเองครับ ก็ถือว่ายังคงความเป็น d ได้ดีทั้งการเร่ง ช่วงล่าง เน้นการขับขี่ที่สนุก แข็งขึ้นมาจากเดิม และความดิบๆของ m-sport ยังคงคล้ายๆกับรุ่นก่อน

BMW SERIES 3 330 LI M SPORT 

330li M Sport นั้นต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนน่าจะอยากทราบกันดีว่าในการขยายฐานล้อแล้วนั้นจะส่งผลให้การขับขี่ หรือ ความสนุกในการขับขี่ลดน้อยลงไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหนกันเพราะว่าหลายๆคนอาจจะกังวลว่ามันจะโยนๆ อุ้ยอ้ายมากขึ้นจนเสียความเป็น Series 3 ไปนั้นเอง แต่หลังจากที่ทดสอบบอกเลยว่าดีกว่าที่คิดเยอะมากๆ ไม่รู้สึกถึงความยาวเกะกะ หรือ ควบคุมยากอะไรเพิ่มเติมจากเดิมเลยแม้แต่น้อยครับ แต่ถ้าเราเอาไปขับทางตรงความเร็ว 120+ แน่นอนว่าอาจจะเริ่มจับได้ว่า ตัวรถมันมีความไม่นิ่งเท่ากับตัวปกติครับและเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงก็จะเริ่มเจอนิดๆ แต่ถ้าขับไม่เร็ว และเข้าโค้ง เปลี่ยนเลนอันนี้บอกเลยว่าไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติแบบที่คิดไว้ครับ

อัตราเร่งนั้นดึงน่าสนใจเลยทีเดียว เบนซินล้วนๆ ทำให้การขับขี่นั้นสะดวกสบายมากขึ้นในช่วงเร่งตีนต้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์  เบนซิน 4 สูบ รหัส  ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร  เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง แน่นอนว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้งานได้ดีตัวนึงเมื่ออยู่ในบอดี้แบบนี้ แต่ช่วงล่างไม่ได้ใช้งาน M Sport นะครับแม้จะได้ชุดแต่งก็ตามอันนี้จะเน้นความนุ่มนิ่มล้วนๆเลยไม่ได้มีความสปอร์ตในช่วงล่างแต่อย่างใด แต่การขับขี่นั้นก็ถือว่าพอสนุกได้อยู่ในส่วนของอัตราเร่งเริ่มต้นๆต่างๆ ในความเร็วไมเกิน 120 พวกนี้บอกเลยว่า330li นั้นขับสนุกและช่วงล่างทำได้ดีกว่าที่คิดเยอะมาก ไม่ยวบไม่ย้วยอะไรเลยเมื่อเทียบกับขนาดของมัน จะเจออาการเมื่อขับเกิน 120ไปแล้วมากกว่า เป็นคันที่ได้ช่วงล่างแบบนุ่มๆ นั่งสบายแต่ก็ไม่ได้ย้วยแบบที่คิดไว้ด้วย ถือว่าจัดการออกมาได้ดีเลยแหละ มันจะนุ่มกว่า 520d ชัดเจน และ 320d ด้วยเช่นกัน คนที่นั่งข้างหลังน่าจะชอบตัวนี้มากๆ บอกเลยว่าลงตัวกว่าที่คิดไว้ และที่นั่งด้านหลังแอบสบายกว่า 5 กว้างกว่าแบบชัดเจนครับ และได้หลังคา Panoramic มาเต็มๆเกินหน้าตารุ่นพี่ หรือ รุ่นเดียวกันแบบชัดเจนในส่วนนี้ ใครเน้นนั่งข้างหลังตัวนี้แนะนำครับ

DESIGN 330 LI M SPORT

งานออกแบบ 330LI M Sport นั้นจะยังคงคล้ายกับรุ่นอื่นๆของตระกูล แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในส่วนของการตกแต่ง มีการเพิ่ม หลังคา Panoramic เข้ามาพร้อมกับ ชุดท่อไอเสีย กันชนหลังแบบใหม่ ลายล้อพร้อมกับเบรคที่ไม่มี คาลิปเปอร์สีน้ำเงิน M Sport และ ตัดไฟตัดหมอกหน้าออกไปครับ แต่ส่วนอื่นๆก็แอบคล้ายกับ M Sport ทั่วไป แต่เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า ประตูหลังยาวขึ้น กว้างขึ้น ตัวรถดูยาวกว่าทั่วไปและดูหรูขึ้นมาทันทีเมื่อมงข้างๆครับ

แน่นอนว่าด้วยความยาวที่เพิ่มเข้ามา 110มม. ทำให้ตัวถังยาวถึง 4,819 มม. กว้าง 1,827 มม. สูง 1,442 มม. ความยาวฐานล้อ 2,961 มม. น้ำหนักสุทธิ 1,640 กิโลกรัม ทำให้สเปคภาพรวมนั้น ยาว และหนักขึ้นแบบชัดเจน ส่วนสเปคอื่นๆ งานออกแบบไฟท้าย ไฟหน้ายังคงใช้งานแบบเดิมทั้งหมด จะแตกต่างกับแค่ ปลายท่อไอเสีย ชุดกันชนต่างๆ เท่านั้นครับ การปรับมาใช้กันชนแบบนี้รู้สึกเลยว่าตัวรถดูเรียบร้อยมากขึ้น ไม่ดุดันเท่ากับท่อกลมคู่แล้ว และรูปทรงดูลงตัวกว่า 3GT แบบเยอะมากๆส่วนตัวชอบแบบนี้มากกว่าทรง GT ซะอีกนะถือว่าเป็นแนวคิดและตัวแทนที่ลงตัวมากขึ้น ส่วนตัวล้อก็ลาย 5 ก้านกำลังดีสวยงามและไม่ได้ดูสปอร์ตจ๋ามากเกินไปสำหรับรุ่นนี้ครับ  แต่น่าเสียดายสำหรับตัดหมอกที่ตัดออกไปเล็กน้อย

ภายในความหรูหราจัดเต็มมากขึ้น การที่เสริมหลังคากระจกยาวๆทำให้ความพรีเมี่ยม ความโปร่งนั้นมากกว่ารุ่นพี่ 5 ซะอีกครับรวมถึง การขยายทำให้ตัวเบาะนั้นยาวขึ้น นุ่มมากกว่าเดิม เสริมความหนามากขึ้น ทำให้นั่งสบายและพื้นที่โปร่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว มีพื้นที่มากกว่าตัว 5 ซะอีกครับ รวมถึงมีไฟ Ambient Light ตรงขอบเบาะหน้าและแอร์หลังแยกโซนเสริมเข้ามาให้ รวมถึงที่วางแขน แต่น่าเสียดายไม่มีม่านบังแดดตรงประตูหลังมาให้นะครับตัวนี้

ในการนั่งด้านหลังนั้นจริงๆถือว่ามันมีความสบายที่สุดในตระกูลของมัน พื้นที่ Legroom กว้างมากกก แม้จะปรับพื้นที่นั่งด้านหน้าให้เหมาะสมกับตัวเองขับแล้วก้ตาม ด้านหลังยังเหลือจนนั่ง ไขว่ห้างได้เลย และตัวเบาะนั่นระยะต้นขาอะไรทำได้ดีลงตัวไปหมด แต่การยืดฐานล้อนั้นไม่ได้ส่งผลให้ Headroom ใหญ่ขึ้นแน่นอนว่าถ้ามองว่านั่งสบายในส่วนด้านหลัง หรือพนักพิง ความเอนความโปร่งของตัว 5 ยังคงทำได้ดีกว่าถ้าคนตัวสูงใหญ่ นั่ง 5 จะมีพื้นที่ เหนือศรีษะได้ดีกว่า เอนนั่งสบายกว่า แต่ถ้าสูงไม่มากแต่ชอบพื้นที่วางขาเยอะๆแน่นอนว่า 330Li กินขาดมากๆเลยครับ ในภาพนั้นตัวผมเองสูง 180 ก็ยังนั่งได้แบบสบายๆหลังชิดได้ มีที่วางแขนอะไรครบพร้อมกับแอร์ตรงกลางเสริมมา

DESIGN 530E 520D M SPORT

มากันที่ตัว 530e 520d กันบ้างครับ ทั้ง2 รุ่นนี้ได้ชุดแต่ง M Sport มาให้ทั้งหมดทั้งคู่เรียกได้ว่าดีไซน์ภายนอกนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อยครับทำให้เมื่อมองภาพรวมนั้นแยกได้ยากมากๆ ยกเว้นแค่ลายล้อ กับ โลโก้ในด้านหลัง และ คาลิปเปอร์เบรคข้างในเท่านั้น และ พอร์ตชาร์จข้างรถ แต่ที่เหลือนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลยทั้ง 2 ตัวนี้

จะเห็นเลยว่าตัวล้อใน 530e M Sport นั้นจะมาพร้อมกับ ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมกับ คาลิปเปอร์ สีน้ำเงิน พร้อมกับเขียน M Sport ในตัวลายดูสวยงาม ซิ่งมากกว่า 520D ชัดเจนครับรวมถึงรุ่นนั้นจะไม่ได้เบรคสีน้ำเงิน แต่ขนาดล้อนั้นจะเท่ากันทั้งหมด รวมถึงการตกแต่งในด้านข้าง โลโก้ M และ ช่องระบายข้างรถครับ

ยิ่งมามองในด้านหลังนั้นยิ่งหาจุกแตกต่างได้ยากมากๆเพราะว่าทุกอย่างนั้นเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย ท่อไอเสีย หรือชุดกันชนหลายๆส่วนนั้นเอง ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้จะไปเน้นๆที่ระบบช่วงล่าง การเลี้ยวล้อ เครื่องยนต์ ฟีเจอร์ในรถต่างๆมากกว่างานตกแต่งข้างนอกนั้นเองครับ รวมถึงหลังคา Sunroof ที่ตัว 520d จะไม่มีมาให้นั้นเองในรุ่นนี้ครับแต่ทั้ง 2 รุ่นนั้นมาพร้อมกับ Soft close ด้วยนะประตูดูดดีงามมากๆครับและหน้าจออะไรข้างในสวยงามเหมือนกัน

BMW THE FIRST DRIVE 

By Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares