Gopro นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนนั้นคงจะคุ้นกันดีแน่นอนครับในเรื่องของกล้องสำหรับถ่ายวีดีโอท่องเที่ยวต่างๆหรือจะเป็นกล้องแนวแอคชั่นอะไรแบบนั้น แน่นอนว่าแบรนด์นี้ก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆและเป็นแบรนด์แรกๆที่ทำกล้องแนวนี้กันมาครับ ในครั้งนี้มาถึงในรุ่น 8 กันแล้วที่พัฒนาอะไรหลายๆอย่างให้มันลงตัวมากขึ้นน่าใช้งานมากขึ้น รวมถึงเป็นครั้งแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นเลยคือตัว Gopro Hero 8 Black และ Gopro MAX แน่นอนครับว่าในทั้ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของฟีเจอร์และการออกแบบรวมถึงการถ่ายวีดีโอ ในรุ่น MAX นั้นจะเป็นรุ่นที่รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 360 องศา และ  มาพร้อมหน้าจอในด้านหน้า และ ไมค์ที่มีมากกว่า ส่วนในรุ่น 8 นั้นก็จะเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆครับ มาพร้อมหน้าจอด้านหลัง พร้อมฟีเจอร์กันสั่นเทพอะไรที่จัดเต็มมากขึ้นลงตัวขึ้น และ การถ่ายภาพนิ่งที่รองรับ HDR Super Photo แทรกเข้ามาเรียกได้ว่ามันพัฒนาขึ้นหลายๆจุด

สำหรับ Gopro 8 นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์หลายๆอย่างที่น่าสนใจที่ใส่เข้ามา ในตัวของ Hero 8 Black แล้ว ทั้งฟีเจอร์ Hyper smooth 2.0 ที่กันสั่นเทพรองรับทุกความละเอียด / Horizon Leveling สำหรับทำให้เส้นขอบฟ้าตรงเสมอแม้จะถือเอียงภาพก็จะตรงครับ / TimeWarp2.0 ที่สามารถ Hyperlapse และ SlowMotion ได้ตามจังหวะที่กดหรือ Auto ให้เองเลยครับ / รวมถึงมี Mod อุปกรณ์เสริม เข้ามาช่วยเยอะมาก และ สามารถปรับเลนส์ได้ 4 แบบ กว้างสุด 140 องศาไปถึงแบบแคบปกติ / UI ใหม่ใช้งานได้ง่ายขึ้น Preset แบบ มาตรฐาน,กิจกรรม,Slo-Mo, Cinematic , Super Photo ที่ดีขึ้นภาพสีสวยขึ้น,HDRที่ดีขึ้น,เสียงไมค์ที่ดีขึ้น ตัดเสียงดีขึ้น , Live Streaming 1080P Facebook และในส่วนของตัว MAX นั้นจะรองรับการถ่าย 360 องศา และ เลนส์มุมกว้าง 145 องศา ถ้าถ่ายแบบโหมดปกติจะกว้างกว่า Hero 8 Black และมีไมค์ 6 ตัว แบบ Shotgun เสียงดีกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อม Time Warp ที่สามารถหมุนมุมมองได้ 360 องศา ครับ และ Panorama แบบไร้ภาพซ้อน Gopro Hero 8 Black มาพร้อมราคา 14,500 บาท และ Gopro Max 17,000 บาท เท่านั้น !

DESIGN 

ในด้านการออกแบบนั้นยังคงดีไซน์เอกลักษณ์ในรุ่นก่อนหน้าแต่ปรับปรุงเล็กน้อยในเรื่องของวัสดุที่มันแข็งแรงเป็นรอยได้ยากขึ้นและการใช้งานที่ทนทานกว่าเดิมตั้งแต่ตัวกระจกที่ดีกว่าเดิมและบอดี้ที่แข็งแรงขึ้นนั้นเองในตัว 8 ครับ ส่วนการพกพาจับถนัดนั้นก็ยังคงทำได้ดีเพราะมีขนาดเล็กและมีขาตั้งในตัวทำให้ไม่ต้องใส่เคสแล้วเวลาใช้ไม้ต่างๆ ส่วนทางด้าน MAX นั้นเราจะเห็นเลยว่ามันมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีกล้องทั้งหน้าและหลัง รวมถึงใส่หน้าจอในด้านหน้ามาให้ด้วยเหมาะสำหรับคนถ่ายทำ Vlog มากๆและบอดี้ก็แข็งแรงพอสมควร แต่เลนส์นั้นจะต้องระวังกันนิดนึงครับ และที่พิเศษนั้นในรุ่น 8 จะมีตัวอุปกรณ์เสริม MOD พิเศษในการใช้งานทั้งไฟ กล้อง หน้าจอเสริมให้เลือกซื้อกันได้

ในด้านหน้าของตัว 8 นั้นจะคล้ายๆเดิมแต่ตำแหน่งหน้าจออะไรมีการเปลี่ยนแปลงครับรวมถึงตัวโลโก้ด้วยนั้นเองส่วนด้านหน้านั้นจะมีไมค์เสริมเข้ามาจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะไม่มีในส่วนนี้ครับ ในส่วนของด้านหลังนั้นจะเป็นระบบสัมผัสเต็มรูปแบบพร้อมกับขนาดที่ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม แต่ที่ชอบคือการสัมผัสสั่งงานนั้นไม่หน่วงหรือช้าแบบรุ่นก่อนแล้วครับ

ในด้านซ้ายของตัวกล้องนั้นจะเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องครับ รวมถึงสั่งงานอะไรต่างๆได้ พร้อมกับชื่อรุ่นและจะเห็นว่ามีรูไมค์สำหรับตัดเสียงใส่เข้ามาในข้างนี้ครับ และในด้านบนนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับกดบันทึกเวลาถ่ายจะเห็นว่าตัวบอดี้มันมีการเปลี่ยนแปลงให้ทนทานต่อรอยต่างๆได้ดีขึ้นครับ และแข็งแรงขึ้นไม่เป็นรอยง่ายแบบเดิมแล้ว

ในส่วนของการพัฒนาหลักๆที่ชอบมากๆคือการใส่ตัวจับขาตั้งมาให้เลย ไม่ต้องถอดใส่เคสบ่อยๆให้น่ารำคาญ ถือว่าเป็นการออกแบบแนวคิดที่ดีมากๆในจุดนี้ขอชมครับ ส่วนเรื่องของความแข็งแรงก็ทำได้ดีและเป็นชิ้นเหล็กทั้งชิ้นเลยครับ สามารถพับเก็บได้ถ้าไม่ได้ใช้งานสามารถรองรับอุปกรณ์เสริมทั้งหมดได้เลย ส่วนตัวฝาถอดแบตนั้นก็ได้มีการออกแบบให้แข็งแรงถอดยากกว่าเดิม เป็นชิ้นใหญ่ขึ้น รวมถึงตัวแบตก็มีขนาดเดิมแต่กระแสไฟเปลี่ยนไปครับทำให้ใช้ร่วมกับ 7 ได้ไม่ดีเท่าไร การถอดแบตยังเป็นลิ้นดึงออกมา และ ช่อง USB-C Micro-SD อยู่ในนี้หมดครับผมพร้อมซีลกันน้ำที่แข็งแรงและแน่นหนาพอสมควรเลย

ในส่วนของตัว GoPro MAX นั้นออกแบบแตกต่างกันแบบชัดเจนครับในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่มีกล้อง 2 ตัวหน้าหลัง และในส่วนของหน้าจอนั้นจะอยู่ในด้านหน้าของตัวเครื่องครับ และจะเห็นได้ชัดเจนว่ากล้องนั้นจะนูนออกมาเยอะมาก และะมีไมค์แบบจัดเต็มมาให้ทั้งหน้าและหลังครับ ตัวหน้าจอนั้นก็รองรับระบบสัมผัสสั่งงานได้ปกติ ตัววัสดุนั้นก็ใช้แบบเดียวกันกับรุ่น 8 แน่นหนาและแข็งแรงพอสมควร แต่ตรงตัวเลนส์นั้นจะบอบบางไปนิด ถ้าไม่ได้ใส่ที่ครอบเลนส์ครับ

ขอบด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power ทรงกลม และมีรูไมค์มาให้ 2 รูครับสำหรับใช้งานตัดเสียงรบกวนต่างๆ ส่วนในฐานด้านล่างนั้นจะเป็นตัวขายึดแบบเดียวกันกับการออกแบบในรุ่น 8 เลยสามารถพับเก็บได้และมีความแข็งแรง สามารถติดกับอุปกรณ์เสริมได้โดยไม่ต้องใส่เคสอะไรเพิ่มเลยครับ เป็นการออกแบบที่คิดมาค่อนข้างดีจริงๆ

ส่วนตัวฝานั้นก็ใช้หลักการเดียวกันกับตัว 8 ครับฝานั้นค่อนข้างแข็งแรงพอสมควรและเปิดปิดได้แน่นขึ้น ส่วนเมื่อเปิดออกมาแล้วนั้นจะเห็นเลยว่าตัวแบตยังคงเป็นแบบดึงออกมาครับ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวแบตนั้นไม่สามารถใช้กับ 7-8 ได้เลยครับจะยาวกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนตัว USB-C และที่ใส่ Micro-SD นั้นจะอยู่ในส่วนนี้ทั้งหมดครับ และในด้านซ้ายของตัวกล้องนั้นจะเป็นชื่อรุ่น พร้อมกับไมค์อีกตำแหน่ง ซึ่งไมค์ทั้งหมดมีมาให้ 6 ตัวกันเลยจัดเต็มมากๆเพราะในรุ่น 8 นั้นไมค์จะมีแค่ 3 ตัวเท่านั้นครับ และปุ่มเปิดปิดก็จะอยู่ในฝั่งนี้ด้วยนั้นเองครับรวมถึงควบคุมเวลาเปลี่ยนโหมด

SPEC 

GOPRO HERO 8 BLACK
**สเปคที่ตัวหนาคือ GOPRO MAX จะไม่มีนะครับ

  • ดีไซน์ติดตัวยึดไว้กับตัว GoPro พับเก็บได้
  • น้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นที่แล้ว 14% และทนแรงกระแทกกว่าเดิม 2 เท่า
  • รองรับการติดตั้ง Mod เพิ่ม
  • เลือกเลนส์เพื่อถ่ายได้ 4 แบบ ได้แก่ Narrow, Linear, เลนส์กว้าง และเลนส์มุมกว้างพิเศษ (SuperView)
  • ตั้งค่า Preset ได้ 10 แบบ ตัวอย่างเช่นโหมด Standard, Activity, Conematic และ Slo-Mo
  • กันสั่น HyperSmooth 2.0 และ รองรับ Boost
  • TimeWarp 2.0
  • Horizon Leveling ทำงานในแอพ
  • Night Lapse 4K, 2.7K 4:3, 1440p, 1080p
  • LiveBurst ถ่ายภาพก่อนลั่นชัตเตอร์ 1.5 วินาที
  • ภาพถ่าย 12 ล้านพิกเซลได้รับการปรับแต่ง HDR มาใหม่ และ SUPER PHOTO
  • รองรับการถ่ายไฟล์ RAW 
  • วิดีโอ 4K 60FPS // 1080p  240FPS // 1080p 240 FPS : Slo-Mo 8X, bit rate 100Mbps
  • Live stream  1080p + HyperSmooth
  • รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
  • รองรับ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
  • มาพร้อมไมค์ 3 ตัวพร้อม ลดเสียงแทรกจากลมระหว่างถ่ายวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น
  • รองรับการกันน้ำลึก 10 เมตร

GOPRO MAX 

  • ดีไซน์ติดตัวยึดไว้กับตัว GoPro
  • HERO + 360 Capture Modes สลับโหมดถ่าย แบบปกติ หรือถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศา
  • กันสั่น Max HyperSmooth
  • In-Camera Horizon Leveling ในตัว
  • Max TimeWarp แบบเดียวกับ TimeWarp 2.0 แต่รองรับการถ่ายแบบ 360 องศาเข้ามาเพิ่ม
  • เลือกเลนส์ถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ
  • PowerPano ความกว้าง 270 องศา
  • ถ่ายวิดีโอ 5.6K 30FPS 360 องศา, 1440p 60FPS หรือ 1080p 60FPS
  • ภาพนิ่งในโหมดรุ่น HERO ความละเอียด 5.5 ล้านพิกเซล โหมด 360 องศา 16.6 ล้านพิกเซล และ PowerPano ความละเอียด 6.2 ล้านพิกเซล
  • ไมค์ 6 ตัวเพื่อเก็บเสียงได้ 360 องศา เป็นไมค์แบบ Shotgun
  • Reframe คลิป 360 องศาเป็นคลิปแบบทั่วไปได้ ในตัวแอพ
  • Live stream  1080p + HyperSmooth
  • รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
  • รองรับ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro
  • Scene Detection ตัวกล้องตรวจจับฉากด้วยตัวเองว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นแบบใด
  • รองรับการกันน้ำลึก 5 เมตร

CAMERA 

ในเรื่องของการถ่ายภาพนิ่งนั้นรองรับการถ่ายภาพนิ่งสูงสุดที่ 12.2MP ในรุ่น GOPRO 8 และรองรับ HDR – Super Photo และ รองรับการถ่ายแบบ RAW ครับซึ่งในรุ่น MAX นั้นจะไม่รองรับการถ่ายแบบนี้ ส่วนในรุ่น MAX นั้นจะรองรับถ่ายที่ 16MP ในการถ่ายแบบมุม 360 องศา และ ถ้ามุมปกตินั้นจะได้ 5MP เท่านั้นครับ และ SUPERPANORAMA นั้นจะได้ที่ 6.2 MP ก็ต้องบอกกันว่าถ้าเน้นภาพนิ่งมากกว่านั้นตัว Gopro 8 Black นั้นจะทำได้ดีกว่าพอสมควร แต่ความหลากหลายของการถ่ายนั้นตัว MAX จะได้เปรียบกว่านิดหน่อยครับเอาภาพมาฝากกันนิดนึงครับหลักๆจะเป็นของตัว 8  มากกว่า ยังไงถ้าได้ลองรีวิวเต็มๆนั้นจะเอามาฝากกันเยอะกว่านี้แน่นอนครับ

GOPRO 8 PHOTO HDR / SUPER PHOTO 

DCIM100GOPROGOPR0167.JPG
DCIM100GOPROGOPR0197.JPG
DCIM100GOPROGOPR0216.JPG
DCIM100GOPROGOPR0218.JPG
DCIM100GOPROGOPR0221.JPG
DCIM100GOPROGOPR0230.JPG
DCIM100GOPROGOPR0234.JPG
DCIM100GOPROGOPR0243.JPG
DCIM100GOPROGOPR0246.JPG

GOPRO MAX PHOTO TEST 360 

VIDEO

ในการถ่ายวีดีโอนั้นมีหลากหลายฟีเจอร์ที่น่าสนใจครับทั้งเรื่องของการกันสั่น Hypersmooth และ Timewarp รวมถึงโหมดใหม่ๆของตัว MAX เช่นตัว Reframe นั้นเองทำให้ได้มุมมองภาพแบบปกติแต่หมุนไปมาได้ในการตัดต่อครับถือว่าทำได้ดีมากๆ ส่วนคุณภาพในการถ่ายวีดีโอนั้นรองรับสูงสุด 4K 60FPS // 1080p  240FPS // 1080p 240 FPS : Slo-Mo 8X, bit rate 100Mbps สำหรับตัว HERO 8 นั้นเอง ส่วนถ้าตัว MAX นั้นจะรองรับ 5.6K 30FPS 360 องศา, 1440p 60FPS หรือ 1080p 60FPS จะด้อยกว่าที่ Slowmotion และ การถ่ายแบบ Bitrate 100Mbps ที่ตัว MAX นั้นไม่รองรับ แต่ก็ได้มุมแบบ 360 องศามาแทนนั้นเองครับในรุ่นนี้

^^ ข้างบนนี้เอาจะเทียบกันให้เห็นเลยว่า เราถือยังไง และ ภาพที่เอามาจากกล้องเป็นยังไงเทียบกันได้เลยครับ โดยคลิปแรกนั้นจะเป็น เอาโชว์ให้ดูเลยว่ากล้องมันเป็นยังไงเราหมุนขนาดไหน ส่วน คลิปอีกอันจะเป็นไฟล์จากกล้องครับ  และ เสียงไมค์ดีมาก

^^^ GOPRO MAX HORIZON LEVELING TEST ON 

^^^ GOPRO MAX HORIZON LEVELING TEST OFF

^^^ GOPRO 8 VIDEO SMOOTH + BOOST 

GOPRO HERO 8 / GOPRO MAX 

ก็เป็น ACTION CAMERA ที่ทำได้ดีมากที่สุดในตอนนี้แล้วครับทั้งเรื่องของไมค์  ฟีเจอร์ กันสั่น รวมถึงการใส่อะไรเข้ามาเยอะแยะมากในการรองรับการต่อเพิ่มเติมเช่นพวก MOD ต่างๆ แน่นอนว่าเรื่องของคุณภาพการถ่ายทั้งภาพนิ่งและวีดีโอก็ยกระดับไปอีกขั้นแล้ว ในส่วนของการใช้งานนั้นประทับใจมากจริงๆทั้ง 2 รุ่น และยิ่งตัว MAX นั้นฟีเจอร์ Reframe และ ตัว Horizon Leveling นั้นคือเทพโคตรจริงๆครับ อันนี้ยอมรับเลยว่าใช้เลนส์มุมกว้างได้เป็นประโยชน์มากที่สุดแล้ว รวมถึงไมค์อัดเสียงนั้นทำได้ชัดและดีมากจริงๆเสียงคมชัดมากแม้จะลมแรงๆครับ ต้องบอกว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆสำหรับตัวนี้ แต่เรื่องแบตนั้นยังคงหมดไวเหมือนเดิมใช้งานได้พอๆกับรุ่นเดิมเลยนั้นเองอันนี้แอบเสียดายถ่ายไปครึ่งวันก็หมดๆแล้วจากที่ไปลองกันมาครับ ส่วนในการใช้งานอื่นๆนั้นรอรีวิวเต็มๆได้ลองกันอีกทีแล้วจะมาเล่ากันว่า มีจุดไหนที่น่าสนใจกันอีกครับ

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr