TicWatch ชื่อนี้หลายๆคนน่าจะพอคุ้นเคยกันดีครับเพราะว่าเป็น Smartwatch ที่เราเคยรีวิวกันไปก่อนหน้านั้นเป็นรุ่นแรกๆที่ออมาแบบจัดเต็ม และในครั้งนี้เป็นรุ่นใหม่ Ticwatch Pro 4G /LTE ที่ต่อยอดปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ฟีเจอร์ครับ ซึ่งจุดเด่นหลักๆของมันในครั้งนี้คือการใส่ 4G/LTE เข้ามาในการใช้งานรองรับ eSIM และรองรับในไทยด้วย ! พร้อมกับปรับปรุงการใช้งานทั้งเรื่องวัสดุกระจกที่ดีขึ้น การกันน้ำที่ดีขึ้น หรือจะเป็น น้ำหนักที่ดีเบากว่าเดิม และยังมาพร้อม MIL-STD810G ด้วยที่เด่นกว่ารุ่นเดิม อีกทั้งทางด้านสเปคนั้นให้ RAM 1GB มาแล้วมากกว่าเดิมเท่านึงเลยครับ แต่พวก CPU ยังคงใช้งานตัวเดิมและงานออกแบบอะไรทั้งหลายยังมีส่วนคล้ายกับของเดิมเยอะพอสมควรเลยครับครั้งนี้

ทางด้าน TICWATCH PRO 4G LTE นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอทรงกลม OLED ขนาด 1.39 นิ้วและมีหน้าจอที่ 2 มาวางซ้อนทับคือขาวดำทำให้ใช้งานประหยัดไฟมากกว่าเดิมเป็นเทคโนโลยีที่ว้าวเอาเรื่อง ทำให้ประหยัดแบตมากๆเป็น 30 วันได้เลยและมองกลางแจ้งชัดเจน ส่วนทางด้านฟีเจอร์ก็มาครบๆทั้ง นับก้าว วัดชีพจร ทั้งหลาย ที่ใช้งานแบบขาวดำได้ ส่วนหน้าจอสีก็ใช้งานจัดเต็มแบบครบๆมาพร้อมกับ Wear OS และรุ่นนี้รองรับการใช้งาน eSIM ตอนนี้ในไทยใช้ได้แล้วกับ AIS ครับ รวมถึงสามารถ รับสาย โทรเข้าออก แทรคต่างๆได้โดยไม่ต้องพกมือถือเลยนั้นเองครับ และ แชร์ตำแหน่ง SOS อะไรด้วย แน่นอนว่าทางด้านการกันน้ำเป็น IP68 เหมือนเดิมแต่ตีบวก การใส่วายน้ำได้ดีขึ้นและรองรับ MILSTD810G ทำให้กันพวก ทราย ความชื้น ไอเกลือจากทะเลได้ด้วยดีกว่าเดิมเยอะครับ แล้วทางด้านวัสดุในภาพรวมนั้นดีขึ้นใช้กระจกหน้าจอดีกว่าเดิมเป็นตัว Gorilla Glass 3 และ วัสดุเบาขึ้นด้วย แต่งานออกแบบนั้นเหมือนเดิมแต่เป็นสีดำครับ รวมถึงเสียดายว่าทาง CPU นั้นยังคงเหมือนรุ่นก่อนคือ Snapdragon 2100 นั้นเอง ที่แอบเก่าไปหน่อยและมีรุ่น 3100 มาแล้วครับก็น่าเสียดายในเรื่องของ CPU ตัวนี้

ทางด้านราคา  TICWATCH PRO 4G LTE เปิดราคามาที่ 11,900 บาทไทย  มาพร้อมสีดำในรีวิวครับ ใครที่สนใจยังไงไปสอบถามทางเพจ TICWATCH ได้เลยครับผม   — Ticwatch 

UNBOX

สำหรับตัวกล่องตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรครับมาพร้อมสีดำเป็นหลัก เขียนแจ้งฟีเจอร์จุดเด่น ส่วนในตัวอุปกรณ์ก็มีมาให้ใช้งานแบบพอดีครับเหมือนที่ให้มากับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดและตัวแท่นชาร์จเหมือนจะใช้งานตัวเดียวกันได้เลยครับ ทางด้านกล่องจะเป็นธีมสีดำทั้งหมดเมื่อเปิดเข้ามาข้างในก็จะเป็นลวดลายและมีตัวนาฬิกาวางไว้อยู่ครับ

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง TICWATCH PRO 4G

  • ตัวเรือน Ticwatch Pro สีดำ
  • พร้อมสายซิลิโคนสีดำ
  • แท่นชาร์จ
  • คู่มือ

DESIGN

ในเรื่องของการออกแบบเป็นจุดที่ทำได้ดูแน่นหนาแข็งแรงสวยหรูเช่นเดิม งานออกแบบนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับ จะมีในเรื่องของสีและน้ำหนักที่เบาขึ้น ตัวขนาดและน้ำหนัก ก็มีน้ำหนักพอสมควรเหมาะกับผู้ชายมากกว่าครับ ตัวเรือนมีมา 1สีคือ ดำ แบบปัดเงานิดหน่อยดูดีเลยแหละเก็บงานได้คมสวยครับ และส่วนฐานสีดำทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้านครับซึ่งทำให้มันน้ำหนักเบา หน้าตาโดยรวมแอดมินชอบนะดูไม่หรูเกินไปและยังพอใส่ออกกำลังได้ครับการออกแบบ แบบนี้ใส่ได้หลายสถานการณ์และยังออกกำลังหายได้ดีด้วยในการแทรค

ดีไซน์โดยรวมถือว่าทำได้ดีครับ หน้าปัดตัว ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก เน้นใส่ออกกำลัง แถมแบตจะอึดถึง 30 วันถ้าใช้แต่โหมดนี้นะครับส่วนหน้าจอในภาพจะเป็น Always On มันจะปรับเป็นขาวดำและติดตลอดเวลาได้ ดีไซน์โดยรวมอะไรนั้นทำได้ดีเลยแหละ ส่วนด้านหลังก็ป็นสีดำด้านพร้อม เซนเซอร์ต่างๆในการจับชีพจร ที่ชาร์จอะไรพวกนี้ครับ รูปทรงอะไรทำได้ดูดีและสวยมีความแน่นหนาและออกไปทางแมนๆหน่อยครับ และด้วยขนาดของมันด้วยเช่นกัน

หน้าปัดตัวนี้มีความเจ๋งอยู่ที่ มันมีจอ 2 พาแนลซ้อนกันอยู่ครับ จอหลักคือ AMOLED ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก ด้านหลังกันบ้างด้านฐานนาฬิกาตัวนี้ เป็นวัสดุแบบสีดำด้านครับพร้อมกับวัสดุที่มีความแข็งแรงพอสมควร จะเป็นที่อยู่ของตัววัดชีพจรตรงกลาง รอบๆเขียนบอกสเปค การกันน้ำและแถบแม่เหล็กไว้สำหรับชาร์จไฟเข้านะครับยังไม่มีชาร์จไร้สายมาให้ ส่วนของการแกะนั้นต้องใช้น็อตทั้ง 4 มุมครับ ทั้งฝาหลังขึ้นรูปชิ้นเดียวกันหมด ความแข็งแรงไว้ใจได้เลย ลำโพงนั้นซ่อนอยู่ในส่วนล่างของส่วนฐานด้านหลังครับจะยิ่งออกมาตรงๆเวลาเราใส่ เรื่องของความดังในการคุยก็พอได้ยินครับจะอยู่ตรงขอบข้างล่างตรงสัญลักษณ์ CE นั้นเอง

ด้านข้างขวาตัวนี้มีปุ่มควบคุมหลักๆมา 2 ปุ่มครับ และ เป็นรูไมค์อยู่ตรงกลาง บอดี้เป็น คาร์บอนไฟเบอร์นะครับ และเป็นอลูมิเนียมประกบบนล่างเพิ่มความแข็งแรง ด้านซ้ายตัวเรือนไม่มีอะไรเลยครับเรียบๆ เมื่อดูแบบนี้จะเห็นว่ามีความหนาพอสมควรครับสำหรับ Ticwatch หนากว่า Moto 360 ที่แอดมินใช้งานแบบรู้สึกได้เลยแต่ที่แปลกคือน้ำหนักแทบไม่ต่างกันครับ น้ำหนักนั้นถือว่าเบากว่าเดิมนิดหน่อยพอรู้สึกได้ครับเมื่อเทียบกับรุ่น Pro รุ่นก่อนหน้านั้น

ตัวข้อต่อสายทั้งหน้าและหลังทำมาพอดีกับตัวสายครับ จะเห็นว่าตัวสายมีสลักพิเศษทำให้เปลี่ยนสายได้ง่ายขึ้นมาแน่นอนว่า สลักแบบนี้ ทำให้เราเปลี่ยนสายได้ไวขึ้นและสะดวกขึ้นมากครับเพื่อที่จะเปลี่ยนสายอื่นๆได้ หรือจะเป็นสายขนาดมาตรฐานก็สามารถเปลี่ยนได้เหมือนนาฬิกาทั่วไปเลยโดยตัวนี้จะใช้สายขนาด  22 มม. นะครับในการเปลี่ยน

มาดูกันที่ตัวสายกันบ้างตัวนี้เป็นสายแบบ  Silicone มีลวดลายขีดๆนิดหน่อย ล้วนแล้วจากที่รุ่นก่อนจะเป็นหนังผสม Silicone แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นแบบล้วนแล้วแน่นอนว่าเน้นใช้งานใส่ออกกำลังกายอะไรได้ดีขึ้นแน่นอน วัสดุอะไรทำได้นิ่มสัมผัสกับผิวหนังจะเป็น ซิลิโคนที่ช่วยระบายความร้อน กันเหงื่อได้ดีและ ทนต่อความชื้นได้อีก และมีความนุ่มและคงตัวได้ดีครับไม่ได้แข็งมากเกินไป ส่วนตัวสายมีล็อคมาให้หลายระยะข้อมือใหญ่เล็กใสได้หมดครับ สำหรับตัวสายคล้องเก็บบปลายสายมีมาให้ 2 อันปกติสามารถล็อคไว้ตำแหน่งใกล้ตัวล็อคได้ครับ ตัวสายใส่สบายไม่มีปัญหา

SPEC

  • หน้าจอ AMOLED  ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 400 x 400 + หน้าจอ 1.39 นิ้วแบบ FSTN
  • Corning® Gorilla® Glass 3 
  • CPU  Snapdragon Wear 2100
  • RAM  1GB (มากกว่ารุ่นเดิมเท่านึง)
  • ความจุ  4GB
  • GPS  AGPS + GLONASS + Beidou
  • รองรับ NFC, Google Pay ,
  • 4G/LTE และ BT v4.2+ BLE, WiFi IEEE 802.11 b/g/n
  • เซนเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Magnetic Sensor, PPG Heart Rate sensor, Ambient Light Sensor, Low Latency Off-Body Sensor , e-compass
  • วัสดุ Polyamide & glass fiber, stainless-steel bezel, aluminum back cover
  • แบตเตอรี่  415 mAh
  • มาตรฐานกันน้ำ IP68  เพิ่มการรองรับสามารถใส่ว่ายน้ำได้ จากรุ่นเดิม
  • ได้มาตรฐาน MIL STD810G
  • eSIM  รองรับในไทยเรียบร้อย AIS เป็นเจ้าแรก
  • น้ำหนักเบาขึ้นจากรุ่นเดิม 47.4g 

SOFTWARE

ทางด้าน Software นั้นมีให้โหลด 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้คือ Mobvoi Ticwatch และ Wear OS ครับผมเราก็ต้องหาโหลดมาไว้ก่อนในตัวเครื่องแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขึ้นตอนครับ โดยแอป Wear OS จะทำหน้าที่เชื่อมต่อจัดการต่างๆให้กับนาฬิกา ส่วนตัว Mobvoi Ticwatch จะเป็นดูส่วนข้อมูลรายละเอียดดาต้าจากการใช้งานทั้งหลาย ควรจะโหลดไว้ทั้ง 2 ก่อนจะเชื่อมครั้งแรกครับเพราะมันจะโยงไปแอป Wear OS ก่อนในการเชื่อมครั้งแรกนั้นเอง จากนั้นก็กดยืนยันและใช้งานได้เลยครับ มันก็จะเชื่อมต่อและรอมันซิงค์อะไรกันเสร็จใช้เวลาไม่นานครับ 1-2 นาที

Wear OS จากทาง Google จะจัดการหน้าตา WatchFace ต่างๆแจ้งเตือนตั้งค่า และ ดูแบต แคปหน้าจอนาฬิกาอะไรพวกนี้ครับซึ่งตัวแอปนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกาได้หลากหลายเรือนถ้าเป็นระบบ Wear OS ได้ทั้งหมดเลย และในหน้าหลักเราจะเห็นในส่วนของการตั้งค่า เสริมทั้งตัว Google และ ตัวแจ้งเตือนรวมถึงตัว TILES ด้วยครับ

ในส่วนของ TILES นั้นต้องบอกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ซึ่งตัวก่อนยังไม่เห็นนะครับ จะเป็นเหมือนหน้าปัดเฉพาะของแบรนด์นี้และเราสามารถใช้งานโดยการเลื่อนปัดไปได้จะคนละส่วนกับ หน้าตานาฬิกาครับเป็นเหมือนโซนอีกโซนในการใช้งานจะเน้นไปทางออกกำลัง สภาพอากาศและแสดงข้อมูลในการออกกำลังเป็นหลักเลย เน้นๆมากขึ้น

การตั้งค่านั้นก็เลือกได้ว่าซิงค์อะไรบ้าง แจ้งเตือนยังไง เปิดหน้าจอตลอดเวลาไหม เอียงเพื่อปลุกหน้าจอต่างๆครับและสามารถดูได้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างในตัว Wear OS ทั้งเรื่องของการส่งข้อความ ตั้งเวลา ปลุก คำสั่งเสียง

MOBVOI Ticwatch จะเป็นแอปที่เราจะสามารถดูข้อมูลครับ อย่างที่แจ้งไปว่ารุ่นนี้จะใช้งานทั้งหมด 2 แอปครับจะบอกอุปกรณ์ที่เราต่อ บอกรายละเอียดการวิ่งเดินนับก้าว แคล ระยะทาง อะไรทั้งหลายที่นาฬิกาเก็บข้อมูลออกมาได้ครับซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้พอสมควรเลยแหละ แต่ต้องบอกว่าหน้าตาการแจ้งเตือนหรือในภาพรวมแอปนั้นไม่ค่อยอัปเดตให้ใช้งานง่ายกว่าเดิมเท่าไรนัก และ การแสดงข้อมูลอะไรพวกนี้ยังคงเป็นแบบเดียวกับที่เราเคยรีวิว Ticwatch Pro รุ่นก่อนไปไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ครับ พวกข้อมูลอะไรยังไม่ละเอียด และการจับตอนนอนก็ไม่ได้ใส่เข้ามาให้ครับต้องโหลดเพิ่มหรือใช้ของ Google Fit แทน แอบน่าเสียดายในส่วนของ UI อะไรของแอปนี้

การใช้งานการออกกำลัง ขี่จักรยานมันจะบอกเวลาบนนาฬิกาและ ระยะทางเส้นทางทุกอย่างครับบอกชีพจรและอะไรมากมายมี  GPS ในตัวเราไม่ต้องพกมือถือไปก็ใช้งานได้ปกติเลยครับ Standalone ได้เลยตัวนี้ และยิ่งมีการใช้งาน eSIM ทำให้มันรองรับการใช้งานแบบเต็มที่ได้สบายๆทั้งรับโทรศัพท์และใช้งานทั่วไปรับสายแบบไม่ต้องพกมือถือไปได้เลยทั้งวันครับถือว่าสบายๆในการออกกำลังและรับสาย โทรเข้าออกได้แบบไม่ยุ่งยากเลยครับในส่วนนี้

eSIM

ในการใช้งาน eSIM นั้นในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามาเป็นครั้งแรกหลังจากที่รุ่นก่อนๆเรานั้นได้บ่นไปว่าไม่มีการรองรับในส่วนนี้ ครั้งนี้เลยใส่เข้ามาและแน่นอนทำให้มันครบเครื่องมากกว่าเดิมครับทั้งในการใช้งานหลายๆด้าน ในการใช้งานต้องไปเปิดใช้งาน SIM แบบ Multiple SIM ของ AIS ก่อนและก็ทำตามขั้นตอนครับจากนั้นเราจะได้ QRCODE มาก็ทำการสแกนไปได้เลย / ในการเข้าไปตั้งค่าในแอปของ MOBVOI นะครับและเลือกตรง Communication Settings และเลือกสแกน- เลือกเครือข่าย AIS – THAILAND และสแกนได้เลยครับผม **ตอนนี้ Sim ที่ใช้ได้จะเป็น AIS นะครับ(TrueกับDtac Testอยู่ครับไม่เกิน1เดือน) Shop ที่เปิดตอนนี้จะเป็น ตึก AIS Tower1 1และ2 ครับ (Central เปิด1 พ.ค.) ข้อมูล Multiple SIM  

สรุปขั้นตอนการเปิดใช้งานบริการ eSIM และ Multi SIM PLUS 

1. เบอร์ที่รองรับการใช้งาน ในตอนนี้จะเป็นเครือข่าย AIS เจ้าเดียวเท่านั้น
2. ไปที่ศูนย์บริการ AIS Shop ทุกสาขา แจ้งขอเปิดบริการ eSIM เพื่อใช้กับสมาร์ทวอทช์
3. สมัครแพ็คเกจเสริม Multi SIM PLUS โดยมีค่าบริการรายเดือน เพียงเดือนละ 99 บาท

SCREEN

หน้าจอเป็นสิ่งหลักๆที่มันคือความสำคัญสำหรับนาฬิกาต้องดูชัดดูได้ชัดเจนในหลายๆสภาพแสงครับแน่นอนจอตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ 2 แบบ และมีขนาด 1.39 นิ้ว AMOLED ความคมชัดพอสมควรเลยแหละ ความละเอียด 400 x 400 พร้อมกับ หน้าจอที่ 2 ขนาด 1.39 นิ้วแบบ FSTN สำหรับสีของตัวจอทำได้สวยและคมชัดไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ครับ สู้แสงได้ตามภาพเลยแอดมินยืนกลางแจ้งแดดลงมาโดนเต็มๆในทุกภาพที่เอามาให้ชมกันนะ ต้องบอกว่าทำได้ดีครับ ซึ่งหน้าจอในรุ่นนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นๆไม่มีค่ายไหนทำได้คือหน้าจอ 2 หน้าจอวางซ้อนกันใช้งานแตกต่างกันครับ ส่วนในเรื่องประสิทธิภาพไม่ต่างกับรุ่นเดิมมากนักแต่จะได้กระจกหน้าจอที่พัฒนาขึ้น ทนทานขึ้นและลื่นสัมผัสได้ดีกว่าเดิมเพราะปรับมาใช้งานกระจก Gorilla Glass 3 แล้วและได้เรื่องความแข็งแรงทนทานในภาพรวมได้ดีกว่าเดิมด้วยส่วน ระบบสัมผัสด้วยตัว Hardware ต้องบอกครับว่าทำได้ดีอยู่แล้วสำหรับระบบสัมผัสทัชได้ไวและแม่นลื่นนิ้วไม่ติดขัดอะไรเท่าไรครับใช้งานหลายๆครั้งไม่เจอค้างหรือทัชไม่ติดเท่าไรเลยครับและติดนิ้วมากกว่ารุ่นเดิมอยู่เหมือนกัน

แสงแดดเวลากลางแจ้งก็เป็นจุดที่หลายๆคนเจอกันว่าจะมองยากไหมอันนี้ทดสอบ แล้วหันหน้าจอสู้แสงเงาสะท้อนตรงๆเวลาจัดๆก็ยังพอมองออกครับในส่วนหน้าจอต้องบอกว่ายกข้อดีให้กับจอ AMOLED ที่สู้แสงได้ดีคมชัด เรื่องของจอภาพไม่ต้องห่วงครับไว้ใจได้สบายและยังคงสีสวยและไม่เพี้ยนด้วย สำหรับ จอที่ 2 ที่ไว้สแตนบาย เวลาจอหลักดับนั้นจะเป็นขาวดำแบบในภาพเลย และประหยัดแบตมากๆรวมถึงมองชัดกว่าตัวจอปกติอย่างมากครับจอแบบนี้ทำให้เรามอัดทุกสภาพแสงจริงๆแอดมินชอบแนวคิดนี้นะคือมองชัดจริงประหยัดแบตกว่าจอปกติ ลดฟีเจอร์ลงไปเน้นแค่เวลา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของนาฬิกาครับ แต่แบตอึดขึ้นไหมด้วย อันนี้มี Smartmode ทำให้มันสลับเวลาการใช้งานหน้าจอ 2 หน้าจอได้ ก็ถือว่าอึดขึ้นกว่าใช้งานหน้าจอปกติล้วนๆแต่ก็ได้ประมาณ 1-2 วันครับ

FEATURE

สำหรับฟีเจอร์ต้องบอกว่ามันทำได้เยอะแบบเยอะมากครับเป็นปกติของ Wear OS เลยนี้แหละข้อดีของมันปรับแต่งได้ค่อนข้างหลากหลายโหลดแอปผ่านนาฬิกาได้เลยรองรับอะไรหลายๆอย่าง แอปต่างๆมากมายทั้ง รองรับการโทรเข้าออก เครื่องคิดเลข แอปสแกนบัตรเช่น Starbucks หรือ  จะเป็นคุยกับ Google Assistant และอีกมากมายที่แอปเราจะโหลดครับ ต้องบอกว่ามันเยอะมากจริงๆพิมพ์ยังไงก็คงไม่ครอบคลุมทั้งหมดครับ แต่แน่นอนฟีเจอร์เด่นหลักๆที่ใช้งานประจำก็รองรับสบาย ทั้งรับสายผ่านนาฬิกา ควบคุมเพลง Spotify วัดชีพจร นับก้าว ออกกำลัง เปลี่ยนหน้าตานาฬิกาและสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย แจ้งเตือนไลน์ Facebook แบบไทยพร้อมตอบกลับได้เลย

SPEAKER 

สำหรับลำโพงตัวนี้แน่นอนว่ามีมาให้ครับส่วนเรื่องของความดังนั้นต้องบอกว่าใช้งานได้แม้จะไม่ได้ดังมากแต่ก็คุยพอรู้เรื่องแต่ต้องเอานาฬิกามาใกล้ๆหน่อยครับในสถานที่ข้างนอกแต่ในสถานที่ทั่วไปเงียบๆ ในบ้าน หรือ เดินในสวนวิ่งได้ยินพอสมควรเลยแหละครับ ถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาใช้งานได้จริงและได้ยินชัดครับ

NOTIFICATION

การแจ้งเตือนอะไรพวกนี้ไม่ต้องห่วงเลยจากที่ใช้งานค่อนข้างไวครับมือถือกับนาฬิกามาพร้อมกันเลย ดีกว่าการแจ้งเตือนคนโทรเข้าพอสมควร และรองรับไทยทั้งหมดรวมถึงการตอบกลับแบบเสียง แบบวาดตัวอักษรไทย สระอะไรได้ทั้งหมด ซึ่งจุดนี้ทำได้ดีนะสำหรับแจ้งเตือนต้องบอกว่า Wear OS ทำจุดนี้ได้โอเคเลยแหละ และตอบกลับง่ายด้วย เรื่องของการจับเสียงที่เราตอบกลับไป ค่อนข้างแม่นและตรงมากๆอันนี้ยกผลดีให้ทาง Google เลยแม่นขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับในรุ่นนี้มาพร้อมกับการตอบกลับได้ 3 แบบครับ จะเป็นตอบกลับด้วยเสียง ภาษาไทย อังกฤษพร้อมใช้งาน รวมถึงแป้นพิมพ์แล้วก็ตอบกลับแบบ Emoji เท่าที่ลองนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีเลยแหละในเรื่องของการใช้งาน แม่นยำมากๆอยู่แล้วครับของทาง Google และ แป้นพิมพ์นั้นแอบเล็กไปนิดนึงแต่ก็พอใช้งานแก้ขัดได้เวลาตอบกลับครับ

CALLING 

สำหรับการรับสาย โทรออกนั้นก็ทำได้ดีในเรื่องของการออกแบบปุ่มต่างๆ ฟีเจอร์ในการใช้งาน ประวัติการโทร แป้นกด รายชื่อมาครบ สามารถกดโทรออกผ่านนาฬิกาได้เลยส่วนตอนสายเข้าก็แจ้งเตือนมาพร้อมครับสามารถกดรับได้เลย และในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 4G LTE แล้วทำให้ในการใช้งานซิมในตัวนั้นทำได้ค่อนข้างดีและอิสระมากขึ้น ส่วนการแจ้งเตือนถ้ามองในแง่ของ Bluetooth นั้นถือว่าดีกว่าเดิมเยอะมากกครับถือว่าไม่หน่วงแล้ว และไม่ดีเลย์แล้วครับอันนี้ดี

เมื่อรับสายก็มีตัวเลือกว่าจะพักสาย ปิดเสียง แป้นหมายเลข เพิ่มลดเสียงลำโพงนาฬิกาต่างๆครับ โดยถ้าก่อนรับสายนั้นมันก็มีตัวเลือกส่งข้อความด่วนไปให้ ซึ่งใช้ในจังหวะที่เรานั้นไม่สามารถรับสายได้ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้เช่นกันครับส่วนเรื่องคุณภาพโดยรวมของสายเข้า ออกไมค์ ได้ยินชัดเจนดีครับถ้าไม่ใช่ในห้างหรีอคนเยอะ แต่ถ้าคนเยอะตามรถไฟฟ้าในห้างคนเยอะๆเสียงจะค่อนข้างเบาต้องเอามาใกล้ๆหูเราหน่อยครับ แต่คนรับก็ยังตัดเสียงได้พอสมควรในระยะแบบในภาพครับ แต่จะเป็นฝั่งเรามากกว่าที่ได้ยินอาจจะไม่ชัดนั้นเอง ส่วนรุ่นนี้ก็สามารถใช้งานหูฟังไร้สายได้ในการเชื่อมกับหูฟัง BT ต่างๆโดยจะฟังเพลงเวลาออกกำลังก็ได้หรือรับสายก็ได้ครับ อิสระพอสมควรเลยแหละ

HEARTRATE 

การจับชีพจรนั้นก็รองรับปกติครับในเรื่องของการใช้งานเวลาจับก็สามารถเข้าจากตัวนาฬิกาได้เลย และมีการตั้งค่าในการ Monitor ตลอดเวลาได้ รวมถึงการแจ้งเตือน ชีพจรผิดปกติเวลาออกกำลัง หรือ ทั่วไปได้ครับ แน่นอนว่าเมื่อเรากดวัดแล้วมันก็จะค้างหน้านั้นไว้ตลอดและทิ้งระยะเวลานานมากๆสามารถเปิดไว้และดูได้เรื่อยๆหน้าจอติดตลอดครับ ส่วนเรื่องเวลากดนั้นมันจะจับแบบ Realtime ไปซักพักนึงจะบอกชีพจรของเราไปประมาณ 1นาที แบบหน้าจอติดตลอดอัปเดตแบบ Realtime ก็ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน แถมเลื่อนขึ้นมาดูก็ได้เช่นกันว่าวันนี้วัดไปได้เท่าไรบ้างรวมถึงค่าเฉลี่ยครับผม รวมถึงมีการแจ้งเตือนว่ามีส่วนไหนผิดปกติไหมและมีค่าชีพจรอยู่ในโซนไหนยังไงบ้างนั้นเองครับ

WATCHFACE 

สำหรับหน้าตาหน้าปัดต้องบอกว่าของที่มีมาให้ก็เยอะแล้วแต่เราก็สามารถโหลดจากแอปนอกเพิ่มได้สบายมากทั้ง Facer Watchmaker ต่างๆครับแต่จริงๆที่มันมีมาให้ก็สวยแล้วนะมีหลากหลายแบบมากมายเลยแหละ แต่ถ้าพวกแอปนอกก็จะสวยกว่าเดิมเช่น หน้าตาแบรนด์ดังๆมาใส่ได้ มีอนิเมชั่นสวยๆ หรือจะ แตะสัมผัสเพื่อจับเวลาอะไรแบบนี้ได้ ส่วนตัวแอปของ WEAR OS นั้นจะมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนหน้าตาได้ที่เป็นหน้าตาจากทาง TICWATCH จะเป็นในส่วนของภาพข้างบนนะครับเป็นหน้าตาทั้งหมดมีหลากหลายแนวหลากหลายแบบอย่างมากเลย แต่ถ้าไม่พอก็สามารถไปซื้อหน้าตาเพิ่มเติมไป ตัวอย่างข้างล่างซึ่งจะเป็นแอปนอกต้องโหลดลงเครื่อง และลงตัวนาฬิกาด้วยครับ

แจ้งเตือนล้างมือ รับมือกับ COVID-19

อันนี้จะเป็นฟีเจอร์ที่อัปเดตมาล่าสุดกับระบบของ Wear OS  ที่อัปเดต Wear Clock ตัวล่าสุดครับทำให้มันมีการแจ้งเตือนล้างมือในหลายๆเวลาและกำหนดว่าล้างครั้งนึงควรใช้สบู่และใช้เวลา 40 วินาทีในการล้างมือ อันนี้ถือว่ามีประโยชน์และใช้งานได้จริงพร้อมกับแจ้งเตือนค่อนข้างดีครับ ไม่ต้องไปตั้งค่าอะไรนะมันจะเด้งแจ้งเตือนให้เราเลย

FEELING

ในเรื่องของความรู้สึกการสวมใส่นั้นในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีครับทั้งเรื่องของน้ำหนักที่รู้สึกได้ว่าเบาขึ้นและกระชับมากขึ้นแต่ในเรื่องของขนาดอะไร ความหนายังคงมีความใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้าไม่แตกต่างกันเท่าไรครับแต่แน่นอนว่าเบาขึ้นแน่นอนเลย ส่วนทางด้านวัสดุความรู้สึกในการใช้งานนั้นยังคงทำได้ดีมีความพรีเมี่ยมสวยเช่นเกม ดีไซน์เอาจริงๆบอกเลยว่าชอบมาตั้งแต่รุ่นแรกๆรวมถึงหลายๆรุ่นของค่ายนี้ทั้งเรื่องของหน้าจอกลมที่เต็มๆไม่มีปาดขอบ หรือขอบหนาอะไรเลยรวมถึงการใช้งานใส่ก็ใส่สบาย เซนเซอร์อะไรจับได้แม่นใช้งานจริงได้ทั้งออกกำลัง และ ใส่เท่ๆทั่วไปได้เลย

ทางด้านหน้าจอสัมผัสนั้นใช้งานได้ดีสัมผัสสั่งงานได้โอเคขึ้นแต่ก็ยังมีหน่วงในบางครั้งที่ทำงานไวๆไปหน่อยมันยังมีแอบช้าๆบ้างครับ ส่วนในเรื่องของลำโพง ไมค์ รวมถึงปุ่มกดต่างๆนั้นยังไม่ได้มีจุดให้บ่นอะไรครับใช้งานได้ชัดเจน เสียงคุยอะไรโอเค สายซิลิโคนของรุ่นนี้ถือว่ามีความนุ่มและทรงตัวกำลังดีมันจะไม่ได้ย้วยเยอะและไม่ได้แข็งกระด้างมากเกินไป ถือว่าสายจริงๆชอบมาตั้งแต่รุ่นแบบสาย Hybrid แล้วครับผิวสัมผัสของมันทำได้ดีเอาเรื่องเลยแหละ แม้จะใส่ใช้งานออกกำลังมีเหงื่อก็ไม่เจออาการแพ้อะไรสำหรับตัวแอดมินเองนะครับจากที่ใส่ปั่นจักรยาน และ วิ่งไปบ้าง

BATTERY 

การใช้งานแอดมินจะแยกเป็น 2 แบบหลักๆคือใช้โหมด ปกติ กับ Essential ครับอย่างแรกเลยคือโหมดปกติก่อน จากที่แอดมินใช้งานมาทั้งวัน ร่วมหลายวันมากๆทั้ง ใช้หน้าจอเดิม ทั้ง Watchmaker ต่างๆและเล่นแบบปกติใช้คุยอะไรบ้าง เฉลี่ยแล้วทุกวันที่ใช้งาน กลับบ้านจะเหลือ 15-25 เปอร์เซนต์ครับแน่นอน เริ่มใช้ 9 โมง ถึง 2 ทุ่ม โดยประมาณ จึงสรุปได้ว่าแบตตัวนี้ได้ 1 วันแบบพอดีแต่ไม่น่าถึง 2 วันยกเว้นคนที่ใช้งานน้อยหรือไม่ได้ซิงค์ตลอดเวลาครับ เพราะแอดมิน ซิงค์ตลอดเวลาเลยที่ทดสอบ รวมถึงมีแจ้งเตือนบ่อยมากๆ ส่วน Essential นั้นจากที่ลอง วัดชีพจรเรื่อยๆเปิดโหมดนี้ใช้งานเท่ากับปกติ กลับบ้านเหลือ 99% ครับแน่นอนโหมดนี้ ตัดทุกอย่างไม่เชื่อมต่อเลยครับ 

TICWATCH PRO 4G LTE 

” ประทับใจ Wear OS ของ Ticwatch Pro เหมือนเดิม และลงตัวขึ้นใช้งานได้เต็มที่ขึ้น “

ทั้งเรื่องของงานออกแบบ และการใช้งานนั้นทำได้ดีอย่างมากทั้งเรื่องของการใช้งานทั่วไปในการทำงาน ใส่ออกงาน ใส่ทั่วไปอันนี้ทำได้ดีอย่างมากครับทั้งงานออกแบบ ตัวนาฬิกาเองทั้งหลายสวยและลงตัว แจ้งเตือนได้ดี ส่วนในแง่ของการออกกำลังนั้นก็ตอบโจทย์ได้ดีมาขึ้นที่ใส่ซิมมาได้แล้วทำให้เวลาออกกำลังไม่ต้องพกมือถือเลย แต่ยังรับสาย วางสายคุยงายอะไรด่วนได้ หรือจะเป็นไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดเวลามีคนโทรมาครับ เป็นจุดหลักๆที่มีประโยชน์อย่างมาก รวมถึงฟังเพลงอะไรผ่าน Spotify ได้เลยเพราะมีสัญญาณจากซิมในตัวทำให้ฟังเพลง ไปวิ่งไปข้างนอกได้สบาย ถือว่าในภาพรวมประทับใจทั้งหน้าตา ออกแบบ รวมถึงระบบของมัน แต่ก็ยังมีจุดเล็กๆคือ ขนาดของมันที่อาจจะดูใหญ่ไปสำหรับบางคน และ CPU ยังค่อนข้างเก่าไปบ้างรวมถึงในแอปของ MOBVOI เองน่าจะพัฒนาขึ้นกว่านี้ได้

ข้อดี

  • 2 หน้าจอคือแนวคิดที่ดีและสานต่อได้ดี
  • ดีไซน์สวยงามและดูดี อีกทั้งยังใช้วัสดุที่ผิวสัมผัสได้ดี เบาขึ้น
  • หน้าจอทั้ง 2 โหมดสู้แสงได้ดีและคมชัดสวยงาม
  • ไมค์ในการรับเสียงทำได้ดีในสภาพข้างนอก
  • หน้าตา Watchface เลือกได้หลากหลาย รวมถึงแอปนอก
  • วัดชีพจร และ ก้าวเดินมีความแม่นยำ
  • รองรับการใช้งาน eSIM ในไทยเครือข่าย AIS และค่ายอื่นๆตามมาทีหลัง
  • มี GPS ในตัว
  • รองรับภาษาไทย ทั้ง เขียน พูด และสั่งงาน อ่านไลน์ตอบไลน์
  • กันน้ำ ได้ดีขึ้น
  • MIL-STD810G
  • การใช้งานรับสาย แจ้งเตือนไม่หน่วงแบบรุ่นเดิมแล้ว

ข้อสังเกต

  • ยังคงใช้งาน Snap 2100 อาจจะไม่ไว ลื่นไหล มากนัก
  • หน้าตาแอป MOBVOI ยังไม่ค่อยมีการอัปเดตเท่าไรจากครั้งก่อน
  • ตัวเรือนรุ่นนี้อาจจะใหญ่ไปสำหรับคนข้อมือเล็ก
  • มีให้เลือกแค่สีดำเท่านั้นพร้อมสายซิลิโคน

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares