Samsung เริ่มต้นปี 2019 ด้วยการเปิดตัวเรือธงรุ่นล่าสุดมาก่อนใครในปีนี้ เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมายและเป็นการครบรอบ 10 ปีในตระกูล Galaxy S ด้วยนั้นเอง ซึ่งในตระกูลนี้เป็นตัวชูโรงมาโดยตลอดประจำต้นปีของทาง Samsung และ ในปลายปีก็มาด้วย Note ที่เน้นในเรื่องปากกา ในรุ่นนี้เป็นการครบรอบ 10 ปีแน่นอนว่าหลายๆอย่างนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มและมีหลายๆสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอกันในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกือบในทุกๆด้านทั้งการออกแบบ ระบบต่างๆ หน้าตาและรวมถึงกล้องที่ก็มีการปรับปรุงพัฒนามาขึ้นเรื่อยๆ เราจะมาดูกันเลยดีกว่าครบรอบ 10 ปี นั้นจะคุ้มค่าและสมการรอคอยกันแค่ไหน

Samsung Galaxy S10 Plus เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างทั้งเรื่องของการออกแบบ ดีไซน์ที่ใช้หน้าจอแบบใหม่ Infinity O Display  Dynamic AMOLED รองรับ HDR10+ ที่เป็นการพัฒนาหน้าจอที่ไม่มีติ่ง แต่เป็น การเจาะรูหน้าจอแทนครับ และ รวมถึงการใช้กล้องหลัง 3 ตัวที่มีระยะทั้ง ระยะปกติ ระยะเทเล และ เลนส์มุมกว้าง 123 องศา และ กล้องหลักยังคงจุดเด่นที่รองรับการปรับ F1.5/2.4 ได้ครับ และ หน้าตาระบบ UI ก็เปลี่ยนมาใช้ One UI แล้ว ยังมีโหมดใหม่อย่าง super steady video ทำให้การถ่ายวิดีโอออกมาสมูทนิ่งมากๆครับ ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP68 มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5 ถือว่าหลายๆอย่างจัดมาค่อนข้างครบ

สำหรับทางด้านของราคาในตระกูล S10 ทั้งหมดนั้นจะมีตามนี้เลย 
Samsung Galaxy S10e เปิดราคา 26,900 บาท
Samsung Galaxy S10 8/128 GB เปิดราคา 31,900 บาท
Samsung Galaxy S10 Plus 8/128 GB เปิดราคา 35,900 บาท ตัวที่รีวิวนะ 
Samsumg Galaxy S10Plus 8/512 GB เปิดราคา 44,900 บาท
รุ่นพิเศษฝาหลังเซรามิค RAM 12GB / 1TB ราคาสูงสุด 55,900 บาท

UNBOX

แกะกล่องกันก่อนครับตัวกล่องนั้นเป็นโทนสีดำ พร้อมกับชื่อรุ่นใหญ่ๆหน้ากล่องกันไปเลย ส่วนทางด้านอุปกรณ์ข้างในมีมาให้คล้ายๆรุ่นเดิม แต่วัสดุหลายๆอย่างนั้นเป็นแบบด้านแทน แอบดูไม่แพงแบบรุ่นก่อนนะ พวกพลาสติกสีขาวนั้นเป้นแบบด้านกันทั้งหมดเลย ทั้งตัวชาร์จ และ ตัวแปลง Adaptor ต่างๆครับ ส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดนั้น

  • ตัวเครื่อง S10 Plus
  • ที่ชาร์จ
  • สาย USB-Type-C
  • ตัวแปลง OTG
  • หูฟัง ปรับเสียงโดย AKG
  • เคสใสแบบแข็ง
  • ฟิลม์กันรอยไม่ใช่กระจก ติดมาบนหน้าจอเลย (มูลค่า 900 กว่าบาทเลยนะ)
  • คู่มือ และ ก็ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสที่แถมนั้นเป็นเคสแบบใสแข็งครับครอบหลุ่มด้านหลังเครื่องและขอบบนล่างนิดหน่อย ไม่ได้ปกป้องหน้าจอหรือเวลาตกกระแทกอะไรได้เท่าไรครับ มีความบางมากๆมองจากด้านหลังนั้นเหมือนไม่ได้ใส่เคสกันเลยทีเดียวสำหรับตัวนี้ตรงบริเวณปุ่มกดต่างๆอะไรก็ทำการเว้นไว้ครับถือว่าใช้แก้กันรอยชั่วคราวได้แต่หาซื้อเคสดีๆมาใส่กันไว้ดีกว่าครับ

DESIGN

ด้านการออกแบบตัวชูโรงเลยคงหนีไม่พ้นทางด้านของการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูและขอบที่บางลงเรื่อยๆครับจะเห็นว่าหน้าจอขอบบนนั้นบางลงชัดเจน และก็มีการเจาะรูอยู่มุมขวาบนครับซึ่งถ้าตัว 10 ธรรมดานั้นจะเป็นกล้องเดียวนะ ส่วนน้ำหนัก ความหนาบางต่างๆนั้นทำได้ดีครับไม่หนักแบบ Note 9 ที่ผ่านมา และพกพาได้ง่ายขึ้นเยอะเลย แต่หน้าจอนั้นยังเป็นจอโค้งเช่มเดิมนะครับหลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ชอบมากเท่าไรในจุดนี้ แต่ขอบโค้งทำให้มันดูสวยงามขึ้นเยอะเลยเวลามองตรงๆนั้นเหมือนไม่มีขอบจอเลยแหละครับ

หน้าจอมาพร้อมหน้าจอ แบบใหม่ครั้งแรกของตระกูลครับ เป็นจอแบบ จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED ที่มี ความละเอียด Quad HD+  รองรับการแสดงผล HDR10+ และ หน้าจอโค้ง ใช้กระจก Gorilla 6

ขอบด้านล่างเครื่องยังถือว่ามีความหนากว่าด้านบนนิดหน่อยครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมบางกว่าตัวก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ส่วนการควบคุมปุ่มอะไรต่างๆนั้นก็มาในลักษณะเดิม สามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ และ สแกนนิ้วบนหน้าจอตรงบริเวณตรงกลาง แถวๆตรงโลโก้ ลูกโลกในภาพนั้นเองครับ ใช้ระบบ Ultrasonic เจ้าแรกเลยด้วยครับ

สำหรับขอบด้านบนนั้นบางขึ้นกว่าเดิมชัดเจนเลยแหละ และไม่มีติ่งหน้าจออะไรเลยแต่จะมี รูกล้องอยู่มุมขวาที่หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดครับ ข้างๆตัวแบต รวมถึงลำโพง เซนเซอร์อะไรต่างๆก็แทรกอยู่บริเวณนั้นและบนหน้าจอนิดหน่อย

สำหรับขอบบนของตัวเครื่องจะเป็นวัสดุแบบปัดเงาสุดๆไม่มีลวดลายอะไรครับเงินสวยงามเลย และ ถาดซิม รวมถึง รูไมค์ก็อยู่ด้านบนครับซึ่งถาดซิมนั้นเป็นแบบ Slot ที่รองรับ Memmory และ 1  Nano SIM ครับ

ขอบด้านล่างตัวเครื่องนั้นเป็น ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ไมค์อีกตัว ช่อง Type-C และ รูหูฟัง 3.5มม. นั้นยังอยู่ !!

ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเป็นปุ่มที่ หลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้คือปุ่ม Bixby นั้นเอง และ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง

ด้านขวานั้นมีเพียงปุ่มเดียวคือปุ่ม Power ที่มีการย้ายตำแหน่งไปด้านบนมากๆ ในภาพซ้ายคือหัวเครื่องนะครับ ตำแหน่งมันสูงมากไปจริงๆในการกด เพราะถ้าคนมือไม่ใหญ่จะใช้งานลำบากมาก และเครื่องก็ค่อนข้างยาวเลยแหละ

ทางด้านของกล้องหลังรุ่นนี้มาพร้อมกล้อง 3 ตัวการออกแบบจัดวางไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไรเช่นพวก Note 8-9 ครับแต่เพิ่มมาเป็น 3 กล้อง และมีความโค้งมน มากขึ้น และไม่ได้นูนมากนัก ไฟแฟลช วัดหัวใจอะไรนั้นยังอยู่ครับเลย

ด้านฝาหลังในการไม่มีสแกนนิ้วแล้วโล่งเนียนตามากๆ ขาวนวลเลยครับ ฝาหลังนั้นมีการเล่นสีที่สวยงามมากเหมือนมุกๆ เล่นกับแสงได้ดีทั้งเหลือบ ชมพูบ้าง ฟ้าบ้างครับ และโค้งลงมุมทั้ง 2 ข้างจับได้ถนัดมือและพอดีมากๆครับ

SPEC

  • จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED Quad HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+
  • Android 9 Pie One UI
  • CPU Exynos 9820
  • RAM 8 GB
  • Storage 128GB  รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า มีระบบกันสั่น OIS + เลนส์ปกติความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, OIS + เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ให้มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าคู่ เลนส์ปกติ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล + เลนส์ระยะชัดตื้น (Depth Lens) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ พร้อม Fast Auto Focus
  • สแกนลายนิ้วมือในจอแบบ Ultrasonic, พร้อมฟีเจอร์จดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
  • พอร์ท USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • กันน้ำ มาตรฐาน IP68
  • ระบบเสียง Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh
  • ขนาดตัวเครื่อง 157.6 x 74.1 x 7.8 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 175 กรัม

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเครื่องรุ่นนี้ เป็น Exynos 9820  ตัวล่าสุดครับมาพร้อมกับ คะแนน 326961 สำหรับ  Antutu ครับ เรียกว่าแรงพอสมควรแต่อาจจะไม่ได้สูงที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่อง 3D Mark นั้นทำได้คะแนน 4283 และ 3979 คะแนนครับ ส่วนคะแนนของทาง Geekbench นั้น 4458 และ 10163 กันเลยทีเดียวครับ เรื่องประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นก็สมราคาครับ และ ได้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1 คะแนนไปแตะ 800 ได้เลย

SYSTEM UI

ทางด้านระบบนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยในทั้งของหน้าตาทั้งหมด และ การใช้งานต่างๆมีความคลีนและลื่นไหลกว่าเดิมชัดเจนครับ อีกทั้งหน้าตานั้นสวยงามขึ้นเยอะเลยเรียกกันว่า One UI ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย

สำหรับเรื่อง RAM 8GB  นั้นใช้ประมาณครึ่งๆ 3.4 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ ส่วน คียบอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ ส่วนตัว ความจุนั้น เหลือ 109 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 13 GB  โดยประมาณครับ

ส่วนการตั้งค่านั้นก็สามารถตั้งค่าปุ่ม Bixby ได้ด้วยครับ และ การปรับตั้งค่าอะไรอีกเยอะแยะเลย ส่วนท่าทางอะไรทั้งหลายการแจ้งเตือน แตะหน้าจอ ยกขึ้นต่างๆให้หน้าจอติดอะไรได้ครับ ส่วนฝ่ามือปัดภาพหน้าจอก็ยังมีรวมถึงปัดทำอื่นๆได้เพื่อโทรอะไรพวกนี้ครับ รวมถึงการปรับ วีดีโอ Game Launcher อะไรทั้งหลายสามารถเปิดปิดได้ทั้งหมด

ปุ่มการนำทางนั้นสามารถปรับ สลับได้ และ ใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ครับ แผง  Edge นั้นสามารถเปิดเปลี่ยน การแจ้งเตือนอะไรได้ทั้งหมด ส่วนตัวรูบนกล้องนั้นสามารถซ่อนได้เหมือนซ่อนติ่งหน้าจอครับ ขอบก็จะหนาๆหน่อย แต่ดีที่เวลาแคปหน้าจอจริงๆมันจะไม่มีสีดำติดมานะครับ เหมือนตัดการแสดงผลไปเลยครับ ถือว่าดีเหมือนกัน แอดใส่สีดำเพื่อให้เทียบกับขนาดและพื้นที่ให้ชัดเจนมากขึ้นนะครับ

THEME

ธีมการออกแบบนั้นสามารถเปลี่ยนอะไรต่างๆได้ทั้งหมดครับพวกหน้าจอ แอพต่างๆ หน้าจอ AOD พวกนี้ครับ และตัวธีมนั้นมีทั้งแบบเสียตัง และ ไม่เสียตังสามารถเลือกได้ค่อนข้างเยอะทั้งแบบน่ารักๆต่าง หรือ เท่ๆก็มีครับ แต่การเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นก็อาจจะไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก ไม่ได้เปลี่ยนพวกหน้าแจ้งเตือน หรือ ตามแอพเท่าไรครับ

POWER SHARE 

สำหรับฟีเจอร์นี้ครับ ชาร์จไร้สายให้กับมือถือ, นาฬิกา และหูฟังไร้สายได้ มากับ Fast Wireless charging 2.0 ซึ่งหลักการทำงานนั้นจะเป็นการจ่ายไฟนั้นปล่อยไฟออกจากทาง  Samsung Galaxy S10+ สู่เครื่องอื่นๆ ได้เลยที่รองรับการชาร์จไร้สายครับ ซึ่งสามารถเปิดฟีเจอร์ผ่านตัว Quicksetting ได้ครับ Power Share เลยนั้นเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ง่ายมากๆในการแชร์แบตให้คนอื่นครับ เพียงแค่เอามาแตะกัน พวกรองรับการชาร์จ QI นั้นรองรับได้หมด

การใช้งานเมื่อเปิดแล้วนั้นก็สามารถเอาเครื่องอีกเครื่องมาแตะได้เลยครับ ซึ่งเครื่องที่เอามาชาร์จนั้นต้องรองรับชาร์จไร้สายด้วยนะครับที่ลองก็ได้กันทั้งหมดเลย หรือจะเป็นพวก หูฟังชาร์จไร้สายอะไรพวกนี้ได้กันทั้งหมดครับ ส่วนอีก 1 ฟีเจอร์ที่ถือว่าเจ๋งเลยคือสามารถเปลี่ยน Samsung Galaxy S10+ เป็นแท่นชาร์จไร้สายได้ คือเสียบไฟเข้า S10+ และเปิดฟีเจอร์นี้ และมันจะเป็นแท่นชาร์จไร้สายได้เลยครับ ถือว่าสะดวกมากๆเลยแหละครับ

SCREEN

หน้าจอของทาง Samsung Galaxy S10 Plus นั้นพัฒนามาอีกขั้นทั้งในเรื่องของการรองรับ และ ความสวยงามของการออกแบบที่เป็นการใช้หน้าจอแบบเจาะรู แต่บางคนนั้นอาจจะไม่ได้ชอบกันเท่าไร แรกๆอาจจะขัดใจกันครับหน้าจอรุ่นนี้ เรียกกันว่าเป็นหน้าจอแบบ Infinity-O Display แบบ Dynamic AMOLED HDR10+ จอโค้ง ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ครอบทับด้วยกระจกจอ Gorilla glass 6 ถือว่าสเปคอะไรจัดเต็มเลยครับหน้าจอคุณภาพ ความสว่างการสู้แดดอะไรทำได้ดี ไม่มีที่ติเลยแหละ หน้าจอค่ายนี้นั้นบอกว่าทำได้ดีมาเสมอครับ หน้าจอในการใช้งานกลางแจ้งสามารถเร่งแสงได้ดีและไม่ค่อยดรอปเท่าไรครับ ความแม่นยำของตัวสีจอภาพนั้นทำได้ดีเหมือนกัน การมีรูบนจอนั้นอาจจะขัดใจสำหรับบางท่าน เมื่อดูอะไรเต็มจอ หรือเล่นเกมนิดหน่อย ในมุมนั้นครับ

มุมมองการรองรับการมองเห็นนั้นไม่เจออาการเพี้ยนอะไรเลยครับในการมองใช้งาน สีไม่เพี้ยนแม้จะเอียงมุมมองขนาดไหนครับ รวมถึงสามารถมองเห็นได้ชัดทั้งตัวหน้าจอปกติและ AOD  ดูอะไรต่างๆรวมถึงการสัมผัสอะไรทำได้ไวขึ้นติดนิ้วดีขึ้นเยอะกว่ารุ่นก่อนๆครับ ตัวหน้าจอแบบโค้งนั้นก็ไม่ชอบเพราะบางทีทางผมเองถือมืดเดียวแล้วก็ชอบไปโดนได้ง่ายมากๆในการใช้งานบางครั้งไปแตะเองแบบไม่ได้ตั้งใจ หรือ อุ้งมือไปโดนมันเนี่ยแหละ อาจจะต้องปรับตัวกันหน่อยครับ แต่จริงๆโดยส่วนตัวนั้นชอบหน้าจอแบบ เรียบๆมากกว่าแบบจอขอบโค้งเยอะเลยนะ

หน้าจอ Always On นั้นก็ยังมีมาให้และสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ ทั้งหน้าตาตัวนาฬิกา การเปลี่ยนสีต่างๆ การตั้งเวลาว่าโชว์ในช่วงไหนอะไรยังไง และสามารถเพิ่มรูปได้ของตัวเอง หรือจะเป็น GIF ก็ได้ด้วย

FINGERPRINT Ultrasonic 

การสแกนนิ้วในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาใช้สแกนนิ้วบนหน้าจอที่รองรับการทำงานได้ดีมากๆครับ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ นำมาใช้ในระดับเรือธงและใช้งานระบบ Ultrasonic ครั้งแรกของบรรดามือถือด้วยครับระบบนี้จะไม่มีแสงวาบๆเวลาใช้งานเหมือนในรุ่นอื่นๆ ซึ่งระบบนี้ที่ใช้งานนั้นข้อดีของมันคือสามารถสแกนนิ้วได้ไวมาก แตะละมาเลย ดีกว่าระบบอื่นๆเยอะครับ และสามารถใช้งานได้แม้นิ้วจะเปียกก็สามารถสแกนนิ้วได้ ต้องยอมรับว่าระบบนี้แบรนด์ Samsung นั้นทำออกมาขายจริงได้ก่อน แม้ค่ายอื่นๆจะมีทำแต่ก็ยังไม่สามารถทำออกมาขายจริงได้เลยนั้นเองครับ

SOUND 

ในด้านของเสียงเพลงทาง Samsung s10Plus นั้นมาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos และ หูฟังนั้นปรับแต่งเสียงโดย AKG ครับเป็นเหมือนกันรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้สำหรับทางด้าน Samsung มาที่ตัวเสียงกันก่อนครับ เสียงตัวนี้ยังดีที่ยังมีรู 3.5 มม. มาให้ยะครับยังไม่ตัดไปไหน มาฟังกันเลยสำหรับคุณภาพเสียง ตัวนี้เสียงที่ขับออกมากำลังขับมีมาเยอะกว่าทั่วไปเล็กน้อยครับ แต่เทียบมือถือที่มีชิพเสียงพวก LG Vivo Nex HTC 10พวกนั้นยังถือว่าSamsung ยังด้อยกว่าแบบรู้สึกได้ เมื่อต่อ ลำโพง หรือ หูฟังของแอดมินครับ เสียงขับออกมาได้น้อยกว่า พวกเสียงดนตรี ความชัด หรือ มิติเสียงพวกนี้ไม่ได้กีมากนัก เสียงแนวเสียงตะออกไปทางแหลมๆ เสียงที่ได้ ไปเน้นในเรื่องของเสียงร้อง คนพูดอะไรชัดเจนครับ เสียงเบสมาน้อยๆ แห้งๆไปหน่อยไม่ได้สะใจมากครับ รวมถึงรายละเอียดเสียงพวกนั้นด้วย เสียงโดยรวมก็ไปทางใสๆ และ กำลังขับมาดีกว่า ทั่วไปนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังขอชมที่ยังไม่ตัดรู 3.5 มม. ไปไหนนะ

มาที่หูฟังแถมกันบ้างยังคงมาในการแปะแบรนด์ AKG อยู่ครับ ตัวหูแถมนั้น เป็น INEAR สีขาว ใส่สบายอยู่ครับ ค่อนข้างเบาและใส่นานๆได้ สายเป็นสายถักในช่วงต้นๆแต่ในส่วนแยกไป 2ข้างนั้นเป็นสายยางปกติ และมีปุ่มควบคุใ ระดับเสียงอะไรปกติครับ ส่วนคุณภาพเสียงในแง่ของหูแถมมันก็ใช้ได้นะ เสียงแม้อาจจะไม่ใช่พวกหูแถมที่ดีสุด แต่ก็ใช้ได้ครับฟังเพลงได้พวกที่เน้นรายละเอียด เสียงจะแหลมๆ ใส เวทีกลางๆครับ เสียงร้องขัด แยกดนตรีได้นิดหน่อย แต่ไม่ได้รู้สึกหูแถมมันจะพัฒนาขค้นจากรุ่นก่อนๆเท่าไรครับ เมื่อเทียบกับ NOTE9 ก่อนหน้านี้

SPEAKER

ลำโพงของทาง S10+ นั้นมาพร้อมกับลำโพงคู่ที่พัฒนามากขึ้นในด้านความดังและมิติเสียงนั้นทำได้ดีขึ้น รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ ยังมาพร้อมกับ Atmos และปรับแต่งเสียงโดย AKG ครับแน่นอนว่าเรือธงลำโพงนั้นก็เป็นอีกจุดเด่นที่ช่วยในการเล่นเกม ฟังเพลงได้ดีมากๆครับ เรามาดูในคลิปได้เลยลำโพงของ S10+ นั้นดีกว่าในแง่ของความดัง มิติเสียง กังวาลและรอบทิศทางกว่าชัดเจน รวมถึงเสียงแหลมจะเด่นกว่าทำให้อาจจะ ฟังเสียงเบสไม่ได้สะใจมากนัก แต่ได้ความดัง กังวาลและแยกซ้ายขวามาแทนนั้นเองครับ ถือว่าใช้ได้เลยในส่วนของลำโพงตัวนี้นะ

GAMING

การเล่นเกมรุ่นนี้มาพร้อมกับการระบายความร้อนแบบใหม่ Vapor Chamber ที่ใช้ของเหลมในการระบายและมีแค่ในรุ่นนี้ รวมถึงมีการพัฒนาร่วมกับ Gameloft ก็ช่วยในเรื่องประสิทธิภาพได้ดีครับ ใช้ Exynos จริงๆมันดีนะแต่มันชอบมาตกม้าตายที่ GPU เลยทำให้เกมมันไม่ได้ลื่นไหลเท่าไร และในครั้งนี้ก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆจนมันดีขึ้นมากแล้วในหลายๆเกมครับ ถือว่าทำได้ดี ส่วนเรื่องความร้อนก็คุมได้ดีแต่เสียดายคือแบตไหลมากๆครับ เราไปชมคลิปกันก่อนเลย ในจากที่แอดมินลองกันมาแล้วต้องบอกว่า Exynos ทำได้ดีขึ้นเยอะมากและไม่ได้แย่เลยแหละ แต่ในเรื่องกราฟฟิคความสวยงามแน่นอนคงอาจจะสู้ทาง iOS ยาก แต่ก็พัฒนาขึ้นมาสู้ Snapdragon ได้อย่างน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆเลยนะ

GPS

การทดสอบ GPS ในรุ่นนี้จริงๆที่ใช้งานมาถือว่าความนิ่งทำได้ดีมากๆ และก็ จากการทดสอบผ่านตัวแอพก็จับค่าได้เยอะและขึ้นเขียวกันทั้งหมด ทั้งการใช้งานกลางแจ้งและในร่มหรือใต้ทางด่วนก็ไม่ได้ดรอปลงอะไรเยอะครับ รวมถึงการใช้งานก็ไม่ได้เพี้ยนด้วยแม้จะเป็นการนำทางลงในอุโมงค์ หรือ ใต้ทางด่วน และจะเป็นการใช้งานนำทางในเส้นต่างจังหวัด ใช้ความเร็วสูงก็ไม่ได้เจอการหน่วงหรืออัพเดทช้าอะไรครับ ถือว่าระบบการนำทางนั้นใช้งานไว้ใจได้และไม่ต้องห่วงเลยแหละครับสำหรับใครที่เน้นการใช้งานนำทาง GPS ทั้งผ่าน Maps ต่างๆไม่มีปัญหาเหมือนกันครับ

BATTERY

แบตรุ่นนี้มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ส่วนตัวมองว่าเยอะพอสมควร แต่ในแง่การใช้งานจริงมันไหลแบบเป็นน้ำเลยครับแบตคือจุดที่ไม่ประทับใจเท่าไรในตัวนี้แม้จะปรับหน้าจออะไรลดลงแล้วก็ไม่ได้อึดเท่าที่หวังไว้ในตระกูลตัว + เพราะปกติแล้วพวกรุ่นใหญ่พวกนี้แบตจะไว้ใจได้สบายมากๆแต่รุ่นนี้แอบลดไวมากพอสมควร ใช้ทั้งวันแบบรอดหวุดหวิด แต่บางทีก็ไม่รอด และด้วยการที่มันไม่รองรับชาร์จไวแบบรุ่นอื่นๆที่เค้าเน้นกันไวมากๆแต่ทาง Samsung ยังคงใช้ชาร์จแบบเดิมที่ใช้กันมานานหลายปีไม่มีการพัฒนาขึ้นเท่าไรในการชาร์จแบบมีสายถือว่าเสียดายมากเลยนะจุดนี้ แบตใช้งานทั้งหมด 13 ชั่วโมง จอ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น แบตถือว่าไม่ค่อยอึด เรียกว่าไหลได้เลยครับ

CAMERA

กล้องหลังจัดเต็มมาพร้อมถึง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า มีระบบกันสั่น OIS + เลนส์ปกติความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.5/F2.4, Dual Pixel, OIS + เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ให้มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าตัวมุมกว้างจะไม่มี Autofocus มาให้นะครับเผื่อบางคนสงสัยกัน กล้องต้องบอกว่ายังคงจัดเต็มมากๆเหมือนเดิมและรูรับแสงแบบปรับได้ยังคงมีเหมือนเดิมครับในกล้องตัวหลัก อันนี้ชอบนะ และ กันสั่นอะไรจัดเต็มมากๆครับรวมถึงฟีเจอร์ในการถ่ายอะไรก็ทำได้ดี โดยเฉพาะ Livefocus ที่ดีกว่าเดิมมากในการละลายหลังในการถ่ายกลางคืน และในการเก็บระยะขอบต่างๆสวยงามและเนียนมาก ถือว่าเรื่องนี้พัฒนาได้ดี ส่วนกล้องในการใช้งานทั่วไป โฟกัสไว ภาพสวย มุมกว้างถ่ายสนุกครับ แต่จะมีบางจังหวะที่ย้อนแสงและเหมือนกล้องจะทำออกมาแปลกๆมิติแบนๆไปหน่อยอันนี้เจอนิดหน่อยเวลาย้อนแสงครับ ส่วนเวลากลางคืนก็เก็บแสงได้ดี ไม่ฟุ้งและรายละเอียดยังมาครบ สมกับคะแนน  DXOMARK เลยแหละอันนี้จากที่ลองมาค่อนข้างโอเคเห็นด้วยครับ ส่วนกล้องมุมกว้างนั้นแน่นอนปกติภาพขอบจะโค้งแต่อันนี้มีแก้ไม่ให้เบี้ยวมาด้วยแบบภาพด้านล่างครับ ถือว่าคิดมาดีเพราะเหมือนจะเป็นการครอปลงมานิดหน่อยไม่ให้ภาพมันเบี้ยวแบบ Fisheye พวกนั้น

PORTRAIT 

PORTRAIT เมื่อถ่ายแล้วสามารถมาปรับทีหลังได้ แต่ปรับได้แค่ระยะเบลอ ไม่สามารถโฟกัสใหม่ได้นะ และ สามารถปรับพวก Effect ได้เยอะ ถ้ามีดวงไฟจะมี Bokeh รูปต่างๆมาให้ปรับครับ ปรับพื้นหลังแบบวน แบบ พุ่ง หรือดูดสีได้

NIGHTSCENE

เป็นโหมดที่เราเปิดได้ผ่านทาง AI SCENE OPTIMIZER นะครับมันจะคิดให้เองว่าควรเปิดตอนไหน จริงๆเห็นชื่อฉากกลางคืนมันไม่ใช่การเร่งแสงอะไรมากเท่าไรนักถ้าแสงมันเยอะแบบนี้จะเป็นการใส่ไฟแฉกมากกว่าครับ ความสว่างอะไรไม่ได้เหมือนพวก  Night Mode แบบค่ายอื่นๆเท่าไร และไม่สามารถเปิดตามใจสั่งได้เท่าไร ครับและแอบไฟแฉกเยอะไปในบางทีจนดูปลอมๆไปหน่อยครับ ถ้ามีแบบปรับได้ หรือ เปิดปิดอะไรได้แบบตรงๆน่าจะดีเลยแหละ

SELFIES

กล้องหน้าในรุ่นนี้ของทาง S10+ มีกล้องมุมกว้างมาให้ใช้งานครับ และ สำหรับรุ่นนี้มีกล้องอีกตัวที่รองรับการทำงาน จับระยะเพิ่มเข้ามาอีกตัว ช่วยในการจับระยะในการเล่นกับโหมด Live Focus ได้ดีขึ้นมากครับ โดยจะได้เป็นกล้องหน้าคู่ เลนส์ปกติ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล + เลนส์ระยะชัดตื้น (Depth Lens) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ พร้อม Fast Auto Focus ถือว่าเป็นไม่กี่ตัวที่ยังมี AutoFocus มาให้ในกล้องหน้า และก็ยังมีการถ่าย 4K ได้ด้วยอีกทั้งการเล่น สติกเกอร์ AR อะไรทั้งหลายมีมาให้ครบเหมือนเดิมครับ และ ที่เด่นๆคือการใช้ Effect Live Focus  ได้เยอะตามภาพด้านล่างเลยครับทั้งละลายหลังแบบ วน ดูดสีอะไรแบบนี้สวยงามมาก

VIDEO 

การถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้รองรับการถ่ายที่ครอบคลุมและรองรับการถ่าย HDR ด้วยนั้นเองครับสามารถถ่ายได้ 4K 60FPS /30FPS FHD 60FPS/30FPS  HD 960FPS Super Slowmotion ได้ด้วย รวมถึงการมีโหมด Super Steady ที่ทำให้กันสั่นนิ่งแบบกล้อง Action Cam ได้เลย รวมถึงกล้องหน้าเป็นเจ้าแรกที่รองรับการถ่าย 4K 30Fps ได้ด้วยครับต้องบอกว่าเรื่องของวีดีโอนั้นจัดเต็มเลยแหละในแง่ของการรองรับการถ่ายและกันสั่น ตัวคุณภาพโดยรวมครับ อีกทั้ง 4K ยังสามารถถ่ายได้แบบไม่จำกัดเวลาเลย เป็นเจ้าแรกที่ทางผมได้เจอแบบนี้เลยนะโหดมากๆในเรื่องคุณภาพในเวลากลางวันโอเคไม่ติดปัญหาครับ แต่กลางคืนการกันสั่นอะไรยังไม่ให้เห็นตามจังหวะเดินและ Noise ค่อนข้างเยอะในหลายๆโหมดครับ และถ้าเราเปิด Super Steady คุณภาพจะดรอปลงแบบเห็นได้ชัดเลย

SAMSUNG GALAXY S10 PLUS

“ครบรอบ 10 ปี ที่โดยรวมมันจัดว่าดี และ ลงตัว แต่ อายุแบตมันไม่น่าให้อภัย ”

เป็นรุ่นที่ลงตัวในหลายๆเลยนะอันนี้ใช้เองก็ชอบเลยแหละหลังจากที่รุ่นก่อนหน้าก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเยอะแต่รุ่นนี้มันทำออกมาลงตัวทั้งการออกแบบ ฟีเจอร์ กล้องมุมกว้าง และหลายๆอย่างค่อนข้างแนะนำเลยครับสำหรับตัวนี้ลงตัวจริงๆ อีกทั้งการใช้งานเล่นเกมอะไรก็พัฒนาดีขึ้นเยอะ และ หน้าตา One UI ทำให้มันไม่เหมือน Samsung รุ่นก่อนๆกันเท่าไรแล้วหน้าตาเรียบสวย ไม่รก ลื่นไหล คือสิ่งที่หลายๆคนตามหาในระบบของ Samsung ที่แต่ก่อนจะหน่วง อืด ช้า และ ใช้ไปนานๆค้างกันบ้าง ตัวนี้เหมือนทำออกมาแก้ไขพวกนั้นให้หมดไปครับ ส่วนจุดที่ขัดใจมากๆเลย คือแบตมันลดไหล ไวมากเลยไม่รู้ว่าจะไวไปไหน และ ยังชาร์จได้ช้าาาามากก ระบบที่ใช้กันมา 3-4 ปีก็ยังคงความไวเท่าเดิมเลยแหละ อันนี้น่าจะปรับปรุงกันหน่อยครับ เรื่องการใช้พลังงานและชาร์จไฟเข้าหลักๆเลยในรุ่นนี้

ข้อดี

  • หน้าจอ AMOLED สีสันไว้ใจได้และรองรับการใช้งานที่ครบสู้แสงได้ดี
  • ตัวเครื่องฝาหลังเล่นกับแสงได้สวย และงานประกอบดี
  • กล้อง 3 ตัว มุมกว้างถ่ายสนุก คุณภาพใช้งานได้ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
  • One UI เป็นการพัฒนาทั้งดีไซน์และการใช้งานที่ดี
  • วีดีโอถ้าเปิด Super Steady นิ่งมากก
  • สแกนนิ้วทำได้ไว และ แม่นมาก
  • มีรู 3.5 มม. ยังไม่ตัดไปไหน
  • กล้องหน้ายังคงมี AF มาให้
  • ประสิทธิภาพแรงตามระดับเรือธง

ข้อสังเกต

  • การชาร์จไฟเข้ายังช้ากว่าคู่แข่งเยอะมาก
  • ระบบต้องให้เวลานิดนึงสำหรับ  One UI มีบัคนิดหน่อยบางจุด
  • แบตไหลไวมาก ลดไวมาก
  • กล้องหน้าแม้จะมีให้ปรับมุมกว้าง ก็ยังไม่ได้กว้างเท่ารุ่นอื่นๆเท่าไร

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares