ต้องบอกว่า realme รุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวแรกๆในตลาดโลก และในไทยก็เร็วๆนี้ถือว่าเป็นเครื่องล็อตแรกๆเลย โดยรุ่นนี้ realme x3 Super Zoom ก็ได้เปิดตัวกันไปแล้วเราได้ข่าวกันแล้วในเรื่องของสเปกกล้องที่โหดจัดเป็นครั้งแรกของค่ายที่มาพร้อมเลนส์ Periscope และ ซูมได้ 60X รวมถึงใช้งานหน้าจอ 120Hz พร้อมกับ Snapdragon 855+  ให้หน้าจอมาด้วยขนาด IPS LCD 6.6 นิ้ว และ รองรับการชาร์จไว 30W มาในชื่อใหม่ Dart Charge ครับ ส่วน ในแง่ของการออกแบบดีไซน์หน้าจอยังเป็นการเจาะรู กล้องคู่ รวมถึง ด้านหลังสีขาวด้านสวยงามเลย และมีโหมดถ่ายทางช้างเผือกด้วยนะในรุ่นนี้ น่าสนใจเอาเรื่องเลยครับ กล้องหน้ามาให้เป็นกล้องหน้าคู่ที่รองรับมุมกว้างได้ด้วย รวมถึงในส่วนของกล้องหลังก็จัดเต็มมาให้ 4 ตัวพร้อมกับเป็นรุ่นแรกที่มี OIS มาให้ในเลนส์ เทเล รวมถึง ใส่เลนส์ Periscope มาให้ด้วย ทางด้านวัสดุอะไรก็ทำได้พรีเมี่ยมสวยงามแบบตระกูล X เลยนั้นเอง

realme X3 Super Zoom นั้นมาพร้อมกับ Snapdragon 855+ พร้อมกับ Adreno 640 ตัวแรงที่ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นใหม่ๆ ทำงานร่วมกับ RAM 12GB และ ใช้หน่วยความจำแบบ 256GB UFS 3.0 ด้วยครับ ถือว่าเป็นสเปกที่ใช้งานได้ดีเลยแหละ ส่วนในเรื่องของหน้าจอ ตัวนี้จัดเต็มเน้นๆมากับ IPS LCD 6.6 นิ้ว 120Hz ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล มีสัดส่วนต่อหน้าจอ 90.5 % และใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับ ในส่วนของการใช้งาน แบตนั้นมาพร้อมกับ 4,200 mAh และ ชาร์จไว 30W Dart Flash Charge ส่วนกล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 4 ตัว 64MP และ เลนส์ Periscope มาพร้อมกับตัวหลัก 64MP F1.8 GW1 จากทาง Samsung และ ตัวที่ 2 สำหรับมุมกว้าง 119 องศา 8MP F2.3 และตัวที่ 3 เป็น Periscope 8MP F3.4 5X Optical Zoom และมี OIS รวมถึงมี มาโคร 4CM 2MP F2.4  ด้วยครับถือว่าเป็นรุ่นแรกที่มี Periscope และ มี OIS มาให้ด้วยนะ ส่วนกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ  32MP Sony IMX616 รูรับแสง f2.5  และ กล้องมุมกว้าง 8MP 105 องศา f2.2 ครับถือว่าเรื่องกล้องนั้นจัดเต็มมาก รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio รวมถึง ไมค์ตัดเสียง

realme X3 SuperZoom นั้นเปิดตัวในประเทศไทยด้วย 2 สีคือ  Arctic White / Glacier Blue
Snapdragon 855+ พร้อมใช้งาน RAM 12GB STORAGE 256GB ในราคา 19,990 บาทไทยครับ 

UNBOX

สำหรับตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิมพร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่นแต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมาครับ ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนๆเท่าไรนั้นเอง

  • ตัวเครื่อง realme X3 Super Zoom
  • เคสใส TPU
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 30W
  • สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
  • ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว

มาที่ตัวเคสถือว่า มีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าแต่ครั้งนี้เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดีกว่าเดิมนิดนึงครับตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป จะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ ซึ่งเคสปกติทั่วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ และเป็นการออกแบบเดียวกันกับ realme X2 Pro รุ่นก่อนนู้นเลยนั้นเองครับที่จะปกป้องได้ค่อนข้างดีและตัวเคสอะไรนั้นจะเป็นแบบเดียวกันเลย

DESIGN

ในเรื่องงานออกแบบนั้นเจอกับดีไซน์แบบเดิมที่อาจจะบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ก็ได้ หรือบางทีมันอาจจะจำเจไปหน่อยคือต้องบอกกันตรงๆว่าแต่ละรุ่นมันแยกยากมาก เปลี่ยนแค่ลายฝาหลังเท่านั้นครับ ในหลายๆรุ่นที่ขายไทยจนบางทีอยากให้ทีม R&D ในด้านนี้กล้าพัฒนาให้มันฉีกออกไปบ้างเหมือนกัน รุ่นนี้ยังคงวางกล้องไว้มุมซ้ายพร้อมฝาหลังแบบด้านและเล่นสีแสงนิดหน่อยให้มันเป็นสีรุ่งๆพร้อมกับวัสดุด้านทำให้ดูแตกต่างกับตัวอื่นนิดหน่อยครับ สะท้อนแสงอะไรสวยพอสมควรแบบนุ่มๆ ส่วนด้านหน้านั้นใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูกล้องคู่ หน้าตาคล้าย realme 6 Pro พอสมควร งานประกอบ วัสดุอะไรนั้นให้ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่ผมจับเจ้า X2 Pro เลยนั้นเองครับถือว่าทำได้ดีเหมือนกัน ส่วนสีในรุ่นนี้จะเป็นสีขาว Arctic White  ตัวเครื่องป้องกันละอองน้ำ โดยมีระบบป้องกันถึง 3 ชั้นด้วยเช่นกันครับ

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ ที่เด่นๆเลยแม้ดีไซน์จะไม่ได้แตกต่างกับ 6Pro แต่มาพร้อมกับ 120Hz และยังเป็นการออกแบบแบบหน้าจอเจาะรู ขอบข้างๆบางพอสมควร และขอบล่างแอบหน้า พร้อมสแกนนิ้วด้านข้าง  สเปคหน้าจอ IPS LCD 6.6 นิ้ว 120Hz ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล มีสัดส่วนต่อหน้าจอ 90.5 % และใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ครับ

หน้าจอเจาะรูมาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ 2 ตัวที่มาพร้อมกับเลนส์มุมกว้างแบบเดียวกับรุ่น 6 Pro ครับเรื่องขนาดอะไรเหมือนกับจะคล้ายกันเลย ส่วนพวกลำโพงฝังไว้ขอบเครื่องทั้งหมดเลย และ กล้องหน้าให้มาที่  32MP Sony IMX616 รูรับแสง f2.5  และ กล้องมุมกว้าง 8MP 105 องศา f2.2

ขอบจอด้านล่างนั้้นจะเห็นว่าแอบมีความหนาเอาเรื่องเมื่อเทียบกับรุ่น X2 Pro ครับอาจจะด้วยเรทราคาของรุ่นนี้และหน้าจอการออกแบบใหม่เลยมีความหนาพอสมควรเลย ส่วนการควบคุมนั้นใช้งานเต็มหน้าจอ หรือ ปุ่มได้ทั้งหมด

ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นวัสดุสีเงินด้านครับ พร้อมกับไมค์ตัดเสียงมาให้ รวมถึงมีเล่นกับการออกแบบนิดหน่อยให้ดูบางและจะเห็นว่ากล้องไม่ได้นูนมากแม้จะใส่ Periscope  ตัวเครื่องมีโค้งรับกับมือได้นิดหน่อยเวลาใช้งานครับ

ส่วนตัวขอบด้านล่างนั้นจะเห็นว่าเป็นลำโพงหลักของเครื่อง พร้อมกับ USB-C และไมค์หลักครับรูใหญ่ๆรวมถึงถาดซิมก็อยู่ในด้านล่างนี้ด้วยเช่นกัน สามารถใส่ได้ 2 ซิม เพิ่มความจุไม่ได้ แต่จะเห็นมีซีลกันน้ำมาให้ด้วยนะครับรุ่นนี้

ในด้านขวานั้นเป็นวัสดุแบบเดียวกับขอบด้านอื่นๆพร้อมกับ งานออกแบบสีเงินด้านๆเหมือนกันไม่ได้มีลูกเล่นลวดลายตัดขอบอะไรครับ เรียบๆเลยพร้อมกับปุ่ม Power ที่มีสแกนนิ้วในตัวด้วยและเป็นแบบปุ่มกดนะครับไม่ใช่สัมผัสเวลาจะเปิดเครื่อง คือเป็นทั้งปุ่ม และ สแกนนิ้วในตัวแบบเดียวกับ realme 6 – 6 Pro เลยนั้นเองในส่วนสแกนนิ้วตรงนี้

ในส่วนของขอบด้านข้างซ้ายนั้นจะเห็นว่าเป็นปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง แค่นั้นครับในด้านนี้ แยกกันชัดเจนโทนสีแบบเดียวกันไม่ได้มี ผิวสัมผัสพิเศษอะไรในส่วนนี้ของตัวปุ่ม ส่วนทางด้านระยะการออกแบบรวมถึงเอื้อมมือนั้นใช้งานได้ปกติครับ

ส่วนของฝาหลังนั้นเราจะเห็นการออกแบบที่คล้ายกับหลายๆรุ่นมากของทางค่ายนี้ที่อิงแบบเดิมมาโดยตลอด รุ่นเล็กยันเรือธง แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนบางในบางรุ่นแต่กล้องก็ยังคงแนวนี้ครับ ส่วนฝาหลังเป็นแบบกระจกด้านพร้อมกับการเล่นสีแสงรุ้งๆนิดหน่อยแบบนวลๆจนบางทีแอบคล้ายลายหินอ่อนเลยแหละสวยดูดีมากๆ พร้อมกับไม่มีสแกนนิ้วมาให้เกะกะเพราะย้ายไปด้านข้างแทน และกล้องหลังก็ไม่ได้นูนเท่าไรด้วยเลยทำให้ดีไซน์รวมๆถือว่าทำได้ดีแต่ซ้ำรุ่นก่อนเยอะไปหน่อยแค่นั้นครับในการวางกล้อง ออกแบบรวมๆของตัวฝาหลังทั้งหมดของทาง realme รุ่นนี้

กล้องหลังนั้นแม้จะใช้งาน Periscope ก็ไม่ได้นูนเยอะหรือหนาอะไรครับถือว่าข้อนี้เป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเก่งคือหลายๆรุ่นจะนูนเยอะมากและรุ่นนี้ทำได้ดีในจุดนี้ ส่วนกล้องนั้นมาให้ 4 ตัววางเรียงกันแนวตรงลงมาพร้อม มี realme ring แต่ครั้งนี้เป็นสี่เหลี่ยมครับพร้อมไว้บนสุดเป็น Periscope เหลี่ยมๆแบบพวก รุ่น 60X ตัวอื่นๆนั้นเองใช้การสะท้อนมุมของเลนส์จนได้ระยะทางเพิ่มขึ้นครับ ส่วนสเปคของกล้องหลังนั้น ตัวหลัก 64MP F1.8 GW1 จากทาง Samsung และ ตัวที่ 2 สำหรับมุมกว้าง 119 องศา 8MP F2.3 และตัวที่ 3 เป็น Periscope 8MP F3.4 5X Optical Zoom และมี OIS รวมถึงมี มาโคร 4CM 2MP F2.4  ด้วยครับถือว่าเป็นรุ่นแรกที่มี Periscope และ มี OIS มาให้ด้วยนะ

SPEC 

  • หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว (2400 x 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 IPS LCD หน้าจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 Protection
  • ชิปเซต Octa-Core Snapdragon 855 Plus (1 x Kryo 485 at 2.96GHz + 3 x Kryo 485 at 2.42GHz + 4 x Kryo 385 at 1.8GHz) 7nm พร้อมการ์ดจอ 675MHz Adreno 640
  • RAM 12GB LPDDR4X พร้อม Storage 256GB (UFS 3.0)
  • Android 10.0 + realme UI
  • Dual SIM  ไม่รองรับการเพิ่ม Micro SD
  • กล้องหลัง 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 1/1.72″, ขนาดพิกเซล 0.8μm (f/1.8) ตัวหลัก 64MP F1.8 GW1 จากทาง Samsung และ ตัวที่ 2 สำหรับมุมกว้าง 119 องศา 8MP F2.3 และตัวที่ 3 เป็น Periscope 8MP F3.4 5X Optical Zoom และมี OIS รวมถึงมี มาโคร 4CM 2MP F2.4  ซูมได้สูงสุด 60X แบบ Digital และ 10X Hybrid ครับ รองรับการถ่าย 4K 30fps และ UIS MAX Stable
  • กล้องหน้า 32MP Sony IMX616 รูรับแสง f2.5  และ กล้องมุมกว้าง 8MP 105 องศา f2.2
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.แล้ว. — รองรับ ระบบเสียง Hi-Res Audio  Dolby Atmos
  • 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz) 2×2 MIMO, Bluetooth 5, GPS, GLONASS,
  • USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,200 mAh พร้อม Dart Flash charging 30W
  • Arctic White / Glacier Blue

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน CPU ตัวแรงพอสมควรเลยครับ Snapdragon 855+ พร้อมกับ RAM 12 GB และ หน่วยความจำเป็น UFS 3.0 256 GB ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 498K ต้องบอกว่าคะแนนโหดเอาเรื่องเลยครับคะแนนดีกว่าตัว X2 Pro ด้วยนะ ส่วนคะแนนการอ่านเขียน ทำไปได้เกือบ 1500 และ เขียนไป 515 ครับ และ Geekbench นั้นทำคะแนนไปได้ที่  617/2186 คะแนน และ Divevine L1 อยู่นะครับในการเช็ค ผ่านตัว DRM info สามารถดู Netflix HD ได้แน่นอนครับแอดมินดูมาแล้ว โดยรวมนั้นถือว่าสเปคโหดเอาเรื่องที่สุดแล้วของค่ายนี้ ในแง่ของประสิทธิภาพสบายๆครับ ส่วนหน้าจอนั้นก็รองรับการดูหนังอะไรได้ลื่นไหลและขับออกมาได้สบายครับ

SYSTEM UI

realme UI นั้นเริ่มใส่เข้ามาแล้วในหลากหลายรุ่นพัฒนาขึ้นให้มีความแตกต่างความลื่นไหลและมี อนิเมชั่นมากกว่าเดิม รวมถึงยังคงอิงความเรียบง่ายที่จะไปคล้ายๆ Pure Android มากขึ้นครับ ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI 1 แล้วไม่ได้ใช้งาน Colour OS  แล้วนั้นเองครับ  การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติครับไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับ

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลมและคลีนขึ้นครับ การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็มครับ รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 256GB นั้นเหลือใช้งานได้ 242 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 7 จาก12 GB ครับ

Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

สามารถปรับเลือกได้ด้วยรวมถึง โหมดมืด และ ตั้งค่าสีต่างๆครับ และรวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย รวมถึงทางด้านหน้าจอนั้นจะสามารถปรับโทนสี และการใช้งานได้รวมถึงการปรับความถี่ Hz ได้เช่นกันครับ และความสดใจของหน้าจอได้ด้วย และ โหมดช่วยในการตั้งค่าทั้ง Gesture แถบนำทาง รวมถึง Google Assistant ครับ

SCREEN 

จอที่มีความลื่นไหลมากที่สุดของแบรนด์ realme และมาเต็มที่สุดคือ 120Hz นำหน้า X2 Pro รุ่นก่อนชัดเจนครับแน่นอนว่า ทางด้านหน้าจอก็เป็นจุดที่อัพเกรดขึ้นแบบชัดเจนครับ ทั้งเรื่องของความสวยงามและคุณภาพของตัวหน้าจอ ในหลายๆครั้งนั้นแบรนด์นี้จะโดนบ่นเรื่องหน้าจอที่สัมผัสไม่ไว และไม่โหดมีหน่วงกันเล็กน้อยแต่ในครั้งนี้ได้แก้ไขทั้งหมดโดยเป็นหน้าจอที่โหดสุดๆอีกรุ่นทั้งเรื่องของความคมชัดสวยงามการสัมผัสที่ไว และรวมถึงอัตราการตอบสนองที่ไวมากๆ หน้าจอนั้นอัพเกรดเป็น 120Hz และ การสัมผัสนั้นไวมากเลยทีเดียวครับติดนิ้วมากๆ ในส่วนของหน้าจอก็สามารถปรับได้ว่าจะเอา 60 กับ 120Hz ครับ ช่วยประหยัดแบตได้นิดหน่อยส่วนเรื่องของสเปกนั้นมาพร้อมกับ ขนาด 6.6 นิ้ว (2400 x 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 IPS LCD หน้าจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ปรับความสว่างได้สูงสุด 480nits

ในเรื่องของมุมมองของตัวภาพนั้นถือว่าทำได้ดีแม้จะเป็นหน้าจอแบบ FHD IPS ครับแน่นอนว่าในเรื่องของความดำสนิทสวยงามยังคงชอบแบบตัว X2 Pro อยู่และตัวนั้นสวยกว่าครับแอบเสียดายพอสมควร แต่อย่างอื่นนั้นก็ถือว่ายกระดับไปอีกครั้ง การสัมผัส การรองรับความถี่ถึง 120Hz ที่นำหน้ารุ่นก่อนหน้าไปชัดเจนครับ และการออกแบบก็เป็นแบบเจาะรูด้วยเช่นกันมาพร้อมกล้องคู่ แต่เรื่องของความละเอียดอาจจะแค่ FHD+ เท่านั้นจะเท่าๆกันกับรุ่นก่อนเลยนั้นเอง และในเรื่องของการสู้แสงบางทีรู้สึกว่าน่าจะสว่างได้มากกว่านี้ด้วยครับ เป็น 2 จุดหลักๆที่ต้องดูกันและความดำไม่สนิทเท่าจอแบบ AMOLED แต่ถ้านอกเหนือจาก 2 จุดนี้ แล้วนั้นไม่มีจุดไหนให้ต้องกังวลเลยครับใช้ทั่วไปได้

การสแกนนิ้วเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆที่ต้องบอกว่ามันไม่ล้ำเท่าเดิมเพราะการใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD 120Hz ทำให้เราต้องเปลี่ยนจากการสแกนนิ้วบนหน้าจอ มาเป็นสแกนนิ้วที่ขอบข้างเครื่องแล้วครับ ซึ่งในตัวปุ่มสแกนนิ้วนี้จะเป็นปุ่ม Power ไปในตัวเราสามารถกดได้กดแบบปุ่มทั่วไปรวมถึงสามารถสัมผัสเพื่อสแกนนิ้วได้แบบเดียวกับ 6/6Pro เลยนั้นเองครับในเรื่องของความไวในการใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลยแต่ความล้ำอะไรไม่เท่าบนจอแค่นั้นเอง

SOUND 

ระบบเสียงในครั้งนี้รองรับการอ่าน Hi-Res ได้เลย รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูงมาให แต่เรื่องของยี่ห้อหรือแบรนด์นั้นยังไม่ชัดเจนว่าใช้ตัวไหนครับ ส่วนในการใช้งานจริงๆในรุ่นนี้ไม่ได้มีหูฟังมาให้ในกล่อง และที่น่าเสียดายอีกจุดคือได้ทำการตัดรู 3.5 มม. ออกไปแล้วเช่นกันครับแน่นอนว่าคงดันไปไร้สายแบบเต็มที่ และรองรับ Atmos – Hi-res พวกนี้เหมือนแบบเดิมเลย เท่าที่ลองกับหูฟังไร้สายของ Sudio นั้นขับได้ดีกว่าเดิมพวกรายละเอียดเสียงมาดี เสียงขับได้เยอะ มิติเสียงดี เบสมาสะใจขึ้น โทนเสียงคล้ายกับในตัว realme X2 Pro เลยนั้นเองครับ รายละเอียดความใสนั้นอาจจะยังไม่ได้โหดเท่าไรนักอารมณ์เดิมเลยแหละก็ถือว่าน่าเสียดายในการตัดรู 3.5มม. และในเรื่องของความสะดวกนั้นดีกว่าเดิมแน่นอนครับถ้าใครมีหูฟังไร้สายมาแล้ว แต่ถ้ามองในแง่เน้นคุณภาพยังไงมีสายหรือใช้งานตัวแปลงมาเสริมน่าจะดีกว่าครับในเรื่องของการฟังเพลงของตัว X3 SuperZoom ตัวนี้

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้แอบเสียดายว่ายังคงเป็นลำโพงเดี่ยวอยู่เหมือนเดิมครับแบบเดียวกับตัว X2 Pro เลยนั้นเองส่วนในเรื่องของความดังความชัดของลำโพงในรุ่นนี้ต้องบอกว่าใช้ได้นะในเรื่องของมิติเสียง ความแน่นของเสียงแต่ถ้าเราเอาไปเทียบกับเจ้า Note 10 Lite ตัวนั้นต้องบอกว่าด้วยเรทราคาที่ไม่ได้หนีกันมากเลยเอามาเทียบกันสำหรับทางตัวนั้นจะเด่นกว่าในแง่ของความดังและชัดของเสียงร้อง เสียงคนพูด และเพิ่มระดับได้ดังกว่าแต่เสียงจะไม่แน่นเท่า X3 SuperZOOM นั้นเองต้องบอกว่าแตกต่างกันคนละด้านถ้าชอบเสียงเบสมีมิติแน่นๆหน่อย X3 SuperZoom ทำได้ดี

GPS

ในการนำทางนั้นทำได้ดีต่อเนื่องจากรุ่นเดิมเลยครับ และจากที่ใช้งานจริงและใช้แอปทดสอบเช่นเคยครับ ก็จับได้ทั้งหมด 24 ดวง จากทั้งหมด 50 ดวงครับ ที่บังเช่นใต้ทางด่วนพวกนี้ครับ ส่วนของกลางแจ้งจับได้ทั้งหมด 34 ดวง จากทั้งหมด 62 ดวง นะครับ ใกล้ๆกับเรือธงและรุ่นอื่นๆที่ลองกันมา และใช้งานได้ดี ส่วนการเรียกใช้งานแอป หรือ เวลาหลังจากเปิดแอปนั้นก็ทำได้ค่อนข้างไว ถือว่าทำได้แม่นยำดีครับในการนำทางใครที่เน้นในเรื่องนี้รุ่นนี้แนะนำครับ

BATTERY DART CHARGE 30W

แบตเตอร์รี่ตัวนี้ให้มาที่ความจุ 4,200mAh การจัดการพลังงานมันทำได้ดีครับ จากที่เคยทดสอบแบรนด์นี้มาพอสมควร แม้จะใช้งาน Snapdragon 855+ ก็ตามถือว่าประหยัดเอาเรื่องเลย อาจจะด้วยใช้จอ IPS LCD แม้จะเป็น 120Hz แต่ก็ไมไ่ด้กินแบตเท่าไรรวมถึงได้ FHD ด้วยครับ และยังได้ใช้งานเทคโนโลยีชาร์จไวมาเหมือนเดิม 30W ในการทดสอบนั้นต้องบอกว่าทั้งวันได้ จากที่ลองใช้งานหนักๆ ใช้งานนำทางต่อเนื่อง 1-2 ชั่วโมงเต็มๆครับ และ เปิดเพลง ถ่ายรูป วีดีโอ เล่นเกมไป 1 ชั่วโมงกว่า ถือว่าทำได้ดีนะ และ แบตเหลือ 20 % ครับ ซึ่งหน้าจอเปิดทั้งหมด 5 ชั่วโมง และ ใช้งานทั้งหมด 10 ชั่วโมงถือว่าอึดมากๆครับแต่ถ้าจอเปิดโหดๆยังไงก็ทั้งวันสบายๆ

GAMING 

CAMERA

ในเรื่องของกล้องนั้นรุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นกล้องที่จัดเต็มที่สุดและใช้เทคโนโลยี Periscope ครั้งแรกของค่ายนี้ทำให้รองรับการซูมได้เยอะที่สุด พร้อมกับมีเลนส์ครอบคลุมหลายระยะมากๆ และกล้องหน้ายังมาพร้อมกล้องหน้าคู่ รองรับมุมกว้างด้วยครับต้องบอกว่ากล้องหน้าหลัง จัดเต็มเอาเรื่องเลยทีเดียว ส่วนในแง่ของสเปคนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 4 ตัว 64MP และ เลนส์ Periscope มาพร้อมกับตัวหลัก 64MP F1.8 GW1 จากทาง Samsung และ ตัวที่ 2 สำหรับมุมกว้าง 119 องศา 8MP F2.3 และตัวที่ 3 เป็น Periscope 8MP F3.4 5X Optical Zoom และมี OIS รวมถึงมี มาโคร 4CM 2MP F2.4  ด้วยครับถือว่าเป็นรุ่นแรกที่มี Periscope และ มี OIS มาให้ด้วยนะ ถือว่าเท่าที่ได้ลองระยะซูมทำได้ดีมากครับทั้ง 5X-10X ชัดได้ดีคมใช้ได้เลยแหละ โฟกัสได้ไวถ่ายง่ายครับต้องยกความดีให้เลนส์ตัวนี้ ส่วนระยะ 60X ถือว่าพอมองป้ายทะเบียนออกแต่เอาไปใช้งานอาจจะไม่ได้เน้นมากครับ ส่วนกล้องมุมปกติ มุมกว้างคุณภาพทำได้ดีเลย โทนสีแม่นยำใช้ได้ครับและมีโหมดอะไรให้เล่นเยอะเช่นเดิมเลยแหละ กล้องหน้าทำได้ดีทั้งมุมกว้างมุมปกติ จริงๆถือว่าเป็นค่ายที่พัฒนามาได้เรื่อยๆจริงๆครับสำหรับ realme X3 Super Zoom

SUPERZOOM 1X-5X-10X-60X

PORTRAIT 

SELFIES 

ส่วนกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ  32MP Sony IMX616 รูรับแสง f2.5  และ กล้องมุมกว้าง 8MP 105 องศา f2.2 ถือว่ายังคงให้กล้องหน้ามาที่ 2 ตัวรองรับการใช้งานมุมกว้างพร้อมกับการใช้งานทั่วไปทั้งเรื่องของการละลายหลังหรือจะเป็นการถ่ายทั่วไปเห็นภาพกลางวันกลางคืนคุณภาพนั้นทำออกมาได้ดีแต่แอบเสียดายถ้ากลางคืนบางทีด้วยรูรับแสงที่ค่อนข้างแคบทำให้เรื่องของการถ่ายกลางคืนเลยไม่ได้เทพมากนักครับแต่ก็มีการใช้งานโหมดกลางคืนเข้ามาเสริมในจุดนี้ได้ด้วยนิดหน่อย super portrait Nightscape Selfie นั้นเองครับถือว่าช่วยได้เยอะเลยแหละ ส่วนการเก็บแสงสี ละลายหลังและมุมกว้างในภาพรวมถือว่าทำได้ดีมากๆเลยในการใช้งานจริงๆถือว่ากล้องหน้าดีมาก

VIDEO 

realme X3 SuperZoom 

ถือว่าเป็นครั้งแรกกับอะไรหลายๆอย่างของแบรนด์นี้ ทั้งเรื่องของหน้าจอแบบ 120Hz พร้อมกับการใช้งานกล้องหลังแบบ Periscope ที่รองรับ 60X สูงสุดในค่ายนี้ตั้งแต่เคยทำมา อีกทั้งยังมีโหมดกลางคืนที่รองรับถ่ายเลนส์ทั้ง มุมกว้างไปถึงเลนส์ซูม 10X ก็รองรับถ่ายโหมดนี้อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือกมาให้ด้วยครับ รวมถึงสเปกในภาพรวมนั้นถือว่าโหดแรงเอาเรื่องทั้ง Snapdragon 855+  พร้อมกับ RAM 12 GB เน้นๆ รวมถึง Storage 256GB แน่นอนว่ามันก็แรงเอาเรื่องไม่ได้ตกยุคไปเท่าไรครับเมื่อเทียบกับในภาพรวมและราคาของมัน ส่วนทางด้านสเปกอื่นๆก็ทำได้ดีครับ ทั้งแบตอะไรพวกนี้แต่ชาร์จไวนั้นอาจจะไม่ได้สูงสุดเท่าไร รวมถึงงานออกแบบนั้นยังค่อนข้างจำเจกับรุ่นอื่นๆพอสมควรเลยแหละ และจอยังเป็น IPS LCD แต่ถ้าเน้นใช้งานไม่อะไรมาก ทั้งกล้อง หน้าจอ บอดี้กระจก รวมถึง สเปกแบบนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่น่าเล่นอย่างมากอีกตัวเลย ในภาพรวมการใช้งานค่อนข้างพอใจ

ข้อดี

  • หน้าจอมาพร้อมความลื่นไหลสูงที่สุด 120Hz ในความละเอียด  FHD+
  • 855+ ประสิทธิภาพตัวเครื่องยังคงใช้งานได้อีกยาวพอสมควร
  • วัสดุงานประกอบยังคงทำได้ดีเช่นเดิมในตระกูล X
  • RAM 12GB STORAGE 256GB จัดเต็มเน้นๆ
  • กล้องหลังคือการพัฒนาที่ดีในหลายเลนส์และซูมได้เยอะที่สุดของค่าย
  • กล้องหลัง PERISCOPE 60X ทำได้ดีพร้อมมี OIS
  • กล้องหน้ารองรับทั้งมุมปกติและมุมกว้างใช้งานได้ครอบคลุม
  • 4200 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 30W Dart Charge

ข้อสังเกต 

  • ตัดรู 3.5 มม. ไปแล้ว
  • ลำโพงยังเป็นตัวเดียวเท่านั้น
  • จอเป็น IPS LCD พร้อมไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares