MASERATI เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคสมัยก่อน อีกทั้งในไทยเองถือว่าเป็นแบรนด์ที่พรีเมี่ยม มีระดับเลยทีเดียวครับเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศอิตาลีที่มีความคลาสสิก และโดดเด่นในเรื่องของงานออกแบบพอสมควรเลยครับ หลายๆคนอาจจะมองว่ามันจับต้องยากแต่ จริงๆแล้วถือว่า แบรนด์นี้ลุยตลาดได้ดีขึ้นมากพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะพอสมควร ในเรทราคา 6 ล้านปลายๆเท่านั้น อีกทั้งยังได้ประสบการณ์การขับขี่ที่อ้างอิงมาจากรถสปอร์ตได้เลยเพราะแบรนด์นี้ตั้งแต่ก่อตั้งนั้นทำรถสปอร์ตมาก่อนเรียกได้ว่าเป็น DNA ของค่ายก็ไม่เกินไปครับ อีกทั้งที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นในไทยนั้นเป็นเพราะโควต้าแต่ละปีนั้นมีแค่ไม่กี่คันเท่านั้นทำให้ แบรนด์ยังคงรักษาความพรีเมี่ยม และโดดเด่นบนท้องถนนได้ดีเป็นอีกจุดเด่นของค่ายนี้นั้นเองครับ สำหรับครั้งนี้เรามาอยู่กับ GHIBLI เป็นรถยนต์ตระกูล Sport Sedan ระดับพรีเมี่ยมที่โดดเด่นพอสมควรครับ ต้องบอกก่อนว่า GHIBLI นั้นแต่ก่อนจะเป็นรถยนต์ COUPE 2 ประตู แต่มาในรุ่นที่ 3 มีการปรับเปลี่ยนเป็น 4 ประตูเพื่อที่จะตอบโจทย์การใช้งานและเข้าถึงลูกค้าในการใช้งาน Daily Use ได้มากขึ้นนั้นเองจึงออกมาเป็น Ghibli แบบที่เราเห็นในรีวิวบทความนี้ และเป็นเครื่องยนต์ Diesel ด้วยถือว่ามีความแปลกใหม่พอสมควรครับ สำหรับ Ghibli Diesel Gran Lusso คันนี้ ในราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาทเท่านั้น และได้สัมผัสความพรีเมี่ยมจาก MASERATI ถือว่าราคาดีมากๆครับในการเปิดตัวครั้งนี้ และ เป็นแบรนด์มีระดับรวมถึงตัวแบรนด์เองนั้นดูพรีเมี่ยมกว่าราคาไปเยอะมาก อีกทั้งโมเดลแต่ละรุ่นออกแบบมาลงตัว ดีไซน์อมตะและขายได้นานมากๆกว่าจะเปลี่ยนรุ่นในแต่ละโมเดลด้วยเช่นกัน และในไทยแต่ละปีนั้นมีขายแค่ 25 คันทำให้มันมีความพรีเมี่ยม ความหายากบนท้องถนน ทำให้เป็นแบรนด์ที่ไม่ซ้ำกับใครเท่าไรด้วยนั้นเอง
EXTERIOR
ภายนอกในรุ่นนี้ต้องบอกว่าแม้จะออกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้วก็ตามแต่ดีไซน์รูปทรงของตัวรถต้องบอกว่าไม่ตกยุคเลยแม้แต่น้อยแม้จะมีอายุร่วม 10 ปีแล้ว และในรุ่นนี้นั้นเป็นการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ในบางส่วนเช่นในกันชนหน้า กระจังหน้า ไฟหน้า กันชนท้าย ทั้งหมดครับถือว่าเปลี่ยนน้อยมากๆ แต่ก็เพิ่มความทันสมัยของตัวรถได้ดีเลยแหละ เพราะต้องบอกกันก่อนว่าค่ายนี้แต่ละโมเดลออกมาคือขายยาวนานมาก และแต่ละโมเดลนั้นบางทีไม่ได้ทำต่อเนื่องเลยทำให้การออกแบบแต่ละรุ่นนั้นมีความใส่ใจในงานออกแบบเน้นมากๆ ทำให้ดีไซน์มันอมตะและดูสวยนานจริงๆครับจุดนี้ต้องยอมรับค่ายนี้เลยทีเดียว ดีไซน์ภาพรวมนั้นมีความเตี้ย แบนและมีกระโปรงหน้ายาว และเส้นสายชัดเจนมีบ่าสวยงามทำได้ลงตัวมากเลยครับ เส้นสายมัดกล้ามชัดเจนและการที่กดหน้าต่ำเห็นซุ้มล้อหน้าทำให้มันดูดุดันขึ้นเยอะมากครับ
ทรงการออกแบบของตัวรถนั้นการที่ทาง Maserati พยายามเน้นด้านหน้าให้มีความยาวคล้ายกับรถยนต์สปอร์ตส่งผลให้ทรงของตัวรถนั้นมีความโดดเด่นกว่า Sedan ทั่วไปแบบชัดเจนครับด้านหน้าที่กดต่ำจนเตี้ยแบน ดันซุ้มล้อด้านหน้าให้มีความสูง และ เห็นทรงเป็นมัดกล้ามส่งผลให้เวลาเจอแสงเงานั้นดูมีความลึกนูนได้ชัดเจนและทรงของไฟหน้า กระจังหน้าส่งให้รถมีความดุดันชัดเจน ด้านหลังนั้นมีความสั้นและเน้นเส้นสายบาด้านข้างทำให้มีความแบนมากขึ้นและทรงรถภาพรวมคล้ายกับรถยนต์ Supercar มีกลิ่นอายมาผสมอยู่ในด้านหลังเมื่อมองไกลๆ และในด้านข้างเราจะเห็นซุ้มล้อหน้าหลังนั้นมีความเด่น ดูมีความดุดันมากๆตัวรถค่อนข้างเตี้ย ฝากระโปรงหน้ามีความยาวส่งผลให้ภาพรวมของรถดูกระชับกระเชง มีความเป็นรถยนต์ 2 ประตูแบบรุ่นก่อนๆแต่ยังออกแบบให้ใช้งานได้4 ประตูได้แบบลงตัว
หน้าตรงทำให้เราเห็นเอกลักษณ์ของ Maserati แบบชัดเจนขึ้นทั้งตัวกระจังหน้าที่มีความใหญ่เด่นทรงดุดันพร้อมกับ โลโก้ ตรีศูลชัดเจน และในรุ่นล่าสุดนี้มีการปรับกระจังหน้าใหม่ กันชนด้านล่างใหม่ทั้งชุดทำให้มีความทันสมัยขึ้นช่องดักลมล่างนั้นมีความใหญ่ดุดันมากขึ้น แน่นอนว่ามีความต่ำมากๆเมื่อเทียบกับตำแหน่งที่ติดตั้งป้ายทะเบียนของคันนี้ครับ ด้านหน้าเป็นส่วนที่สวยลงตัวมากที่สุดในบรรดารถยนต์ Sport Sedan ในระดับเดียวกันดูหรู พรีเมี่ยม และมีความดุดันไปในตัวส่วนตัวค่อนข้างชอบงานออกแบบด้านหน้าค่ายนี้มากกว่าคู่แข่งพอสมควร ส่วนในด้านท้ายนั้นต้องบอกว่าไฟท้ายยังคงคล้ายแบบเดิมครับ และ ตัวทรงไฟท้ายยังไม่ค่อยสปอร์ตหรือดุดันเท่าที่ควรนักเมื่อเทียบกับด้านหน้าตัวรถ แต่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนกันชนล่างปรับใหม่ให้เข้ากับตัวรถมากขึ้นจากรุ่นเดิมชายล่างจะเป็นสีดำทั้งหมด แต่รุ่นนี้มีเล่นสีตัวรถเข้ามาเสริมขอบข้างซ้ายขวา และตรงกลางทำให้ดูดีขึ้นมากและมาพร้อม 4ท่อจริงสวยงามถือว่าด้านท้ายดูหนาแน่น และเส้นบ่าชัดมากแต่น่าเสียดายน่าจะทำไฟท้ายหรือเส้นสายให้ดุดันเข้ากับด้านหน้าจะดีมาก
ล้อคันนี้มาพร้อมกับล้อลาย 19 นิ้วมาพร้อมกับยางขนาด 245/45/19 และลวดลายเล่นสี 2 สีสลับกันครับแต่ถ้ารุ่น Sport นั้นจะเป็นล้อลาย 19 นิ้วโทนสีเดียวจริงๆแอบชอบล้อตัว 19 มากกว่านิดหน่อยในแง่ของดีไซน์ครับตัวนี้ ยางขอบกำลังดีไม่ได้บางมากเกินไป รองรับกับถนนเมืองไทยได้ดีทีเดียว ซับแรงและขับง่ายครับ และขนาดตัวล้อนั้นกำลังพอดีกับซุ้มล้อพอสมควรกำลังลงตัวไม่เล็กและไม่ใหญ่ และระยะอะไรความสูงกำลังสวยเลยทีเดียว และจะเห็นเอกลักษณ์การเขียนชื่อรุ่น Gran Lusso ในส่วนขอบล่าง และ จะเห็นช่องลม 3 ช่องที่เป็นเอกลักษณ์ประจำค่ายไว้จริงๆตรงเหนือซุ้มล้อหน้าครับ ทุกคันต้องมีจุดนี้เลยทีเดียว และอีกจุดคือโลโก้ตรงบริเวณเสา C หลังประตูหลังนั้นเอง
กระจังหน้าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้มานานครับในยุคหลังด้วยการออกแบบที่เด่นๆดึงลงต่ำ และ มีความใหญ่พอสมควรในรุ่นนี้ได้ปรับทรงให้มีความดุดันมากขึ้นเน้นเส้นสายแนวตั้ง และโลโก้ให้เด่นมากขึ้นรวมถึงช่องกันชนล่างก็ปรับให้มีใหญ่จะเห็นรายละเอียดในส่วนของช่องดักลมล่าง ว่ามีขีดๆแนวนอนผสมกันไปครับ และเส้นสายขอบล่างก็รับกันด้วยเช่นกัน ทางด้านโลโก้นั้นเราจะเห็นว่ามันเป็นแผ่นเรียบๆทั้งหมด เหมือนมีอะไรปิดไว้เพราะตรงนี้จะเป็นเซนเซอร์สำหรับการจับระยะคันข้างหน้ารวมถึงการตรวจจับระบบความปลอดภัยทั้งหมดนั้นเองครับ และ จะเห็นกล้องหน้ามาให้ด้วยอยู่บนโลโก้คันนี้ ใช้สำหรับระบบกล้องรอบคัน 360 องศา และจะเห็นติ่งจะงอยเป็นเอกลักษณ์ของค่ายไว้อยู่เช่นกัน และทรงด้านหน้านั้นเมื่อมองด้านข้างจะเห็นความแหลม และ ทรงคล้ายๆกับปากฉลามอยู่นิดหน่อยส่วนของกระจัง
ภาษาโลโก้คล้ายกับตัวอักษรเขียนด้านหลังนั้นยังคงใส่เข้ามาในหลายๆรุ่นของค่ายแทนโลโก้ ตรีศูลครับ เพราะใน Ghibli รุ่นก่อนจะเป็นโมเดลนี้จะยังคงใช้โลโก้แบบเดิมแต่พอเข้าสู่ยุคใหม่ทั้งหมดนั้นจะเป็น ตัวอักษรแบบนี้ในทุกรุ่นเลยนั้นเองครับและยังคงมีจุดติ่ง 3เหลี่ยมตรงกลางรถทั้งด้านหน้า และ หลังเป็นเอกลักษณ์ด้วยเช่นกันครับ ในกันชนหลังนั้นเราจะเห็นงานออกแบบที่เปลี่ยนไปชัดเจนจากรุ่นก่อน มีการออกแบบให้โทนสีตัวรถเข้ามาคลุมถุงด้านข้างและดูดุดันขึ้นมาอีกทั้งยังมีการใส่สีตัวรถเข้ามาตรงกลางระหว่าง 4 ท่อไอเสียทำให้มันดูดุดันสปอร์ตมากขึ้น และ มีลูกเล่น และ 4ท่อจริงทั้งหมดครับสำหรับค่ายนี้เสียงบอกเลยว่าสะใจ และหนักแน่นแบบผู้ดีมากๆแม้จะเป็นดีเซลก็ตาม และเส้นสายบ่าข้างหลังนั้นยังคงเล่นกับแสงเงาได้ดีเช่นเดิมและกระจกประตูหลังนั้นจะพอดีกับกระตูเลยไม่มีกระจกต่อมาครับ
ไฟหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดในส่วนของโคมภายในรวมถึงเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาครับ ไฟหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับทรวดทรงเดิมแต่ใส่ระบบ MATRIX LEDเข้าในในส่วนของไฟสูงทำให้ไม่แยงตาคันข้างหน้าพร้อมกับเปลี่ยน โคมหลักให้มัความเล็กและมีความเหลี่ยมมากขึ้นทำให้สายตานั้นมีความดุดันขึ้นจากเดิมพร้อมกับไฟมุม LED สีส้มและไฟเลี้ยว ไฟ DRL เป็น LED ทั้งหมดเป็นการเปลี่ยนแปลงชิ้นสำคัญของรุ่นนี้ ทางด้านไฟท้ายนั้นน่าเสียดายว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเท่าไร ยังคงเป็นทรงเดิมพร้อมกับงานออกแบบเดิมทั้งหมด เป็น LED ผสมกับหลอดปกติในบางส่วนครับพร้อมกับ LED แบบไฟเส้นในส่วนของไฟท้าย และไฟเลี้ยวกระจกมองข้างนั้นมีมาให้พร้อมกับไฟส่องพื้น รวมถึง กล้องรอบคันก็จะใส่เข้ามาในส่วนนี้ครับ และพับปรับด้วยไฟฟ้าเป็นมาตรฐาน
ยามค่ำคืนนั้นถ้าเราปลดล็อกตัวรถ ไฟส่องสว่างทั้งหน้า และหลังจะติดทั้งหมดรวมถึงรุ่นนี้ไม่ได้ใส่ไฟตรงมือขับประตูมาให้ครับแอบน่าเสียดาย แต่ยังดีที่ใส่ไฟส่องประตู และพื้นมาให้ตรงกระจกมองข้าง ตัวไฟนั้นจะทำหน้าที่ส่องยิงมาตรงประตูตามภาพข้างบนเลยเป็นแสงสีขาวสว่างพอสมควร ก็ถือว่าไม่ค่อยเห็นไฟแนวนี้เท่าไรนัก ปกติจะยิงลงพื้นหรือใส่ไว้ตรงมือจับนั้นเอง ส่วนไฟหน้าไฟท้ายนั้นจะติดทั้งหมดตามภาพให้เห็นแสงสว่างรอบๆเวลาจอดที่มืดๆไว้ด้วย
ไฟหน้าไฟท้ายยามค่ำคืนนั้นจะค่อนข้างสวยเลยทีเดียวไฟหน้ามีความสว่างและชัดเจนอย่างมากจนไม่ต้องมีไฟตัดหมอกมาเสริมเพิ่มเติม ส่วนเวลาเลี้ยวนั้นก็จะมีไฟช่วยเวลาเลี้ยวใส่เข้ามาเช่นกัน และไฟเลี้ยวอะไรชัดเจนสวยงามยามค่ำคืน ตัวไฟหน้ามี Cut Off ที่สวยงามแสงคม โทนสีแสงขาวกำลังดีใช้งานยามค่ำคืน หรือฝนตกได้ดีมาก ไฟ MATRIX LED นั้นต้องบอกว่าได้ใช้งานเวลาขับไปต่างจังหวัดได้ดีมากๆ รวมถึงระบบทำงานได้ไวพอสมควรเลย ทางด้านไฟท้ายนั้นมีไฟตัดหมอกหลังมาให้พร้อมกับไฟแบบเส้นสวยงามเลยแหละ แต่น่าเสียดายว่าไม่ได้เปลี่ยนงานออกแบบจากเดิมเท่าไร ยกเว้นในรุ่น Hybrid ที่จะเปิดตัวเร็วๆนี้นั้นจะเปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดแล้วด้วยครับ
ยามค่ำคืนของตัวรถนั้นต้องบอกว่าสวยงามอย่างมาก ในงานออกแบบทั้งไฟหน้าไฟท้ายรวมถึงตัวรถที่เป็นมัดกล้ามสะท้อนเล่นกับแสงไฟได้ดีมากๆ จะเห็นสันบ่าของตัวรถชัดเจนครับ และไฟท้ายเป็นเส้นกรอบสวยงามทำให้ด้านท้ายนั้นเด่นขึ้นก็ถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีงานออกแบบเป็นเอกลักษณ์ที่สุดค่ายนึงในบรรดารถยนต์ระดับนี้มีความพรีเมี่ยม คลาสสิกในตัว ดูดุดันเป็นแบรนด์ที่ขอยอมรับในเรื่องของงานออกแบบแม้จะออกมามากกว่า10ปีแล้วก็ตามครับ ขับไปไหนมาไหนจะมีคนที่พอรู้เรื่องรถหรือแม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็ตามจะต้องมองตาม ดูเด่นบนถนนอย่างมากเพราะว่าด้วยจำนวนที่น้อยมากๆในการขายแต่ละปีรวมถึงงานออกแบบและตัวแบรนด์ที่ดูแพงเกินราคาด้วยเช่นกัน
INTERIOR
งานออกแบบภายในนั้นยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไรนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า หรือรุ่นก่อน การปรับเปลี่ยนหน้าตานั้นเอง แต่ถ้ามองในรายละเอียดเล็กๆทั้งในเรื่องของหน้าจอ ปุ่มการควบคุมส่วนล่างต่างๆนั้นมีการเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น และเรียบง่ายมากขึ้นครับแต่หน้าปัด พวงมาลัยอะไรนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไรรวมถึงการออกแบบตั้งแต่ยุค 2010 นั้นเลยทำให้ภายในนั้นอาจจะไม่ได้ทันสมัยหรือหวือหวาเมื่อเทียบกับสมัยนี้ครับ แต่ยังคงความหรูพรีเมี่ยมอยู่ในการใช้วัสดุต่างๆ การใช้หนังทั้งหมดรวมถึงวัสดุบุนุ่มทุกจุดเลยนั้นเอง และใส่นาฬิกาอนาล็อกเข้ามาให้ด้วยตรงกลางคอนโซลครับ แต่ถ้าเทียบกับภายในยุคนี้หลายๆค่ายตัวนี้ต้องบอกว่ายังไม่ได้ล้ำยุคเท่าที่ควร
ก่อนจะเข้าไปดูในเรื่องของงานออกแบบภายในนั้นเราจะสามารถสังเกตจุดเด่นอีกจุดของรถยนต์คันนี้ คือตัวกุญแจที่มีความพรีเมี่ยม และมีขนาดน้ำหนักที่ดูหนาแน่น พรีเมี่ยมทั้งเรื่องของการใช้งานวัสดุที่ดูดี ขึ้นรูปงานเนียนสวยงามและดูใส่ใจในการออกแบบอย่างมาก รวมถึงการออกแบบนั้นทาง MASERATI ใส่ใจกุญแจทำให้มันมีน้ำหนักกว่าทั่วไปให้รู้สึกถึงความพรีเมี่ยมมื่อวาง หรือหยิบมาใช้งานครับอีกทั้งรูปทรงอะไรนั้นสวยงามมากจริงๆ สมกับแบรนด์อย่างมากครับจุดนี้ การใช้งานก็รองรับทั้งกดเปิดไฟ/ปลดล็อก/ล็อกรถ/ เปิดฝาท้ายได้ทั้งหมดครับแต่ในการใช้งานจริงนั้นต้องบอกว่าไม่ค่อยจะมีโอกาสเอามาใช้งานเท่าไรเพราะเป็นระบบ Smart Entry ทั้งหมดแล้วเช่นกัน
แม้จะไม่ได้มีหน้าจอเยอะแยะหรือว่าล้ำยุคมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เมื่อสัมผัสพบเจอทันทีที่เขาไปนั่งคือความพรีเมี่ยมในการใช้งานวัสดุการตกแต่งรวมถึงการใช้งาน ตำแหน่งที่นั่งที่เตี้ยใกล้เคียงกับรถยนต์สปอร์ตทำให้ความรู้สนุกเวลานั่งขับมีความเตี้ยติดกับถนนพอสมควร ส่งผลให้ความรู้สึกเวลาขับขี่นั้นไม่เหมือนกับรถยนต์ Sedan ทำให้ตรงกับความตั้งใจของทาง MASERATI ที่พยายามทำให้รถยนต์นั้นมีความใกล้เคียงกับ Super Car นั้นเองครับห้องโดยสารนั้นแม้จะดูหลังคาภายนอกเตี้ย แต่เมื่อเข้ามานั่งกลับพบว่าออกแบบได้ดี การที่กดที่นั่งต่ำทำให้มีพื้นที่ใช้งานเยอะมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั่งได้สบายไม่อึดอัด พื้นที่วางขา หรือว่าจะเป็นเหนือศรีษะทำออกมาตอบโจทย์ใช้งานอย่างลงตัว พวงมาลัยนั้นมาพร้อมทรงกลมเต็มรูปแบบไม่มีการตัดขอบอะไร รวมถึงปุ่มควบคุมทุกอย่างไว้บนพวงมาลัย และที่ชอบคือปุ่มควบคุมเครื่องเสียง หรือว่าจะเป็นเปลี่ยนแปลงอะไรพวกนี้จะอยู่หลังพวงมาลัยเวลาใช้งานสะดวกอย่างมากเลย
หน้าจอการใช้งานมีการเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่รองรับสัมผัสแบบเต็มรูปแบบ และเป็นหน้าจอแบบเต็มอัตราส่วนมากกว่าเดิม รองรับการควบคุมทุกอย่างในตัวรถ รวมถึงการเปลี่ยนอุณหภูมิต่างๆด้วยเช่นกัน รองรับการทำงานทั้งระบบนำทางติดรถ หรือจะเป็น Android Auto – Apple Carplay แบบใช้สายได้ทั้งหมดครับ ส่วนแผงด้านล่างนั้นเป็นการควบคุมแบบดั้งเดิม ใช้งานปุ่มปกติสำหรับใครที่ไม่คุ้นชินกับหน้าจอเท่าไรนั้นเอง ทางค่ายก็ยังใส่เข้ามาให้ด้วยเป็นแบบปุ่มทั่วไป แต่งานออกแบบส่วนปุ่มหรือวัสดุนั้นทำได้ธรรมดาไปอย่างมากเมื่อเทียบกับตัวรถ และตัวคันเกียร์นั้นมีความสูงมากๆที่แปลกตากับยุคใหม่ๆที่หลายๆค่ายจะทำให้เล็กและสั้น แต่คันนี้ยังคงมีความสูงยาวพอสมควรแอบดูโบราณไปนิดหน่อยครับแต่ก็เป็นแบบ Joystick นะครับและเข้าเกียร์ P โดยการกดลงไป ส่วนปุ่มควบคุมเครื่องเสียงก็ใส่มาให้อยู่ในด้านหลังคันเกียร์ด้วยเช่นกันครับ รวมถึงเบรกมือไฟฟ้า และ เปลี่ยนโหมดต่างๆ
การเข้าออกห้องโดยสารแม้จะเป็นรถที่ค่อนข้างเตี้ย แต่ด้วยประตูที่เปิดใช้งานได้กว้างทำให้การเข้าออกนั้นสบายกว่าที่คิดไว้รวมถึงตัวเบาะที่จะถอยต้อนรับเวลาเข้ารถทำให้ขึ้นลงได้สะดวก แม้พวงมาลัยนั้นจะไม่ได้ตัดขอบล่างก็ตามครับตัวเบาะสีแดงตัดกับสีดำทั้งหมดนี้เป็นออฟชั่นเสริม ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้รวมถึงการเลือกหนังที่มีคุณภาพความนุ่มมากกว่าตัวพื้นฐานด้วยครับ ตัวเบาะคู่หน้านั้นมีความโอบกระชับดีอย่างมากต่อการขับขี่ทางไกล รวมถึงการนั่งนานๆก็รองรับทั้งพนักพิง ศีรษะรวมถึงบริเวณหลังได้อย่างดีเบาะปรับไฟฟ้า พร้อมกับระบบหนุนด้านหลังทำได้ดีและมีการใส่โลโก้ตรีศูลเข้ามาตรงที่พิงศีรษะด้วย เป็นเบาะที่นั่งสบายอย่างมากในเรื่องความนุ่มกำลังดี และโอบกระชับทั้งในการขับขี่ความเร็วสูง นั่งขับในเมืองครับถือว่าออกแบบมารองรับได้หลากหลายทีเดียว ไม่ไหลแม้จะเข้าโค้งหนักๆก็ตาม บริเวณพื้นที่ส่วนวางขาอะไรทำได้ดีไม่มีการติดขา หรือคอนโซลไม่ได้เบียดขาแม้แต่น้อยครับ ถือว่าจัดการพื้นที่ได้ดี
ด้านหลังนั้นต้องยอมรับกันตามตรงว่าถ้าใครที่เน้นนั่งหลังหรือเป็นรถผู้บริหารอาจจะต้องดูกันดีๆเพราะรุ่นนี้ทำออกมาตอบโจทย์สำหรับคนชอบขับซะมากกว่าครับทำให้พื้นที่นั่งหลังอาจจะไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ก็นั่งได้ 2-3 คนกำลังดีสบายๆครับ เนื่องจากหลังคาที่เตี้ยและตัวรถต่ำทำให้ อุโมงค์กลางของตัวรถนั้นมีความสูงขึ้นมาเยอะจนคนนั่งกลางอาจจะไม่ถนัดเท่าไรนักนั้นเอง แต่ถ้ามองพื้นที่เหนือศีรษะนั้นพอไหวมีพื้นที่อยู่ 1 กำปั้นครับไม่ได้เยอะมากสำหรับคนสูง 180 ส่วนพื้นที่วางขานั้นกำลังดีมีพื้นที่ 1-2 กำปั้นได้เลย แต่ถ้าเน้นความโอ่โถงนั้นตัวนี้ไม่ตอบโจทย์เท่าไรครับ ตัวเบาะนั้นมีความหนานุ่มดีอย่างมากนั่งสบายโอบกระชับได้ดีเลยทีเดียว พร้อมกับพับเบาะได้ด้วย แต่พนังพิงจะไม่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้นะครับเป็นแบบ Fix เลย รุ่นนี้มีที่บังแดดหลังมาให้แต่เสียดายในราคานี้ไม่มีม่านข้างมาให้ครับอาจจะด้วยเป็นกระจกแบบ Frameless ทำให้ไม่มีตัวยึดกับม่านบังแดดด้านข้างสำหรับตอนหลังนั้นเองครับ
พนังพิงศรีษะด้านหลังนั้นจะยังคงใส่โลโก้เข้ามาสวยงามพอสมควรครับ รวมถึงมีตำแหน่งพอดีอย่างมากแต่จะไม่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้เลยเนื่องจากพื้นที่ และ การออกแบบนั้นเองครับแต่ถือว่าออกแบบมากำลังดีต่อคนนั่งหลังพอสมควร อีกทั้งในด้านหลังยังคงมีแอร์ตอนหลังมาให้แต่ในรุ่นนี้จะไม่มีการปรับอะไรมาให้สำหรับตอนหลังนะครับรวมถึงไม่มีช่องเสียบอะไรมาให้เลย ถ้าเทียบกับยุคนี้แล้วถ้าส่วนนี้มีที่เสียบ USB มาให้ จะเป็นอะไรที่ทันสมัยและได้ใช้งาน
ภายในยามค่ำคืนนั้นต้องบอกว่าเป็นรถยนต์ที่ภายในยามค่ำคืนค่อนข้างมืด และไม่มีไฟ Ambient เลยแม้แต่น้อยครับซึ่งค่อนข้างแปลกตากว่ารุ่นอื่นๆพอสมควรในยุคนี้ที่หลายๆค่ายพยายามใส่ไฟเข้ามาให้เยอะมากๆในการตกแต่งทั้งเปลี่ยนสีอะไรต่างๆแต่รุ่นนี้กลับมีความเรียบง่ายสุดๆ เมื่อยามขับขี่นั้นจะมืดอย่างมากถือว่าเป็นรุ่นที่เน้นเรื่องของการขับขี่จริงจังอย่างมาก แต่ถ้าใครที่ชอบความสวยงามยามค่ำคืน ตกแต่งไฟสวยๆนั้นรุ่นนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์อย่างแน่นอนครับ ส่วนตัวแล้วแอบเสียดายจุดนี้พอสมควรเลยแหละ แต่ถ้าเวลาเปิดไฟใช้งานก็มีทั้งไฟส่องเท้า ไฟในห้องโดยสารอะไรมาให้ครบทั้งหน้าและหลัง เวลาเปิดประตูพวกนี้ แต่ถ้าเวลาขับรถนั้นจะมืดแบบในภาพแรกสุดเลยนั้นเอง
ยามค่ำคืนบริเวณห้องโดยสารนั้นจะเห็นว่ามีความสว่างใช้งานได้จริงทั้งหมดเมื่อเปิดประตู ทั้งไฟส่องเท้าและส่วนอื่นๆแต่น่าเสียดายไฟตกแต่งแค่นั้นเวลาใช้งานจริงตอนขับนั้นมืดมากๆเลยในรุ่นนี้ครับ ไฟในห้องโดยสารนั้นเป็นโทนสีขาวทั้งหมด ใช้ LED ทั้งหมดรวมถึงไฟส่องบริเวณที่วางเท้าในด้านหน้าด้วยเช่นกันครับมีมาให้ครบทุกชุดเลยในคันนี้ ก็ถือว่าเน้นความหรูหราชัดเจนในการใช้งาน ไม่เน้นความหวือหวามากนักเน้นตกแต่งวัสดุพรีเมี่ยม ลายไม้ด้านตัดกับแสงไฟปกติ ไม่มีไฟ Ambient อะไรเท่าไรนักทำให้คนขับได้จดจ่อกับท้องถนนให้ได้มากที่สุดก็เป็นไปได้ในแนวคิดนี้
ENGINE
เครื่องยนต์ในรุ่นที่เราได้อ่านในบทความรีวิวครั้งนี้จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ ดีเซลนะครับ ซึ่งใช้งาน เครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,987 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 275 แรงม้า (HP) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 2,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่เกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ถือว่ามีความแรงพอสมควรแม้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลก็ตาม การขับเคลื่อนรุ่นนี้จะเป็นล้อหลังทั้งหมดครับ แน่นอนว่าพละกำลังการขับขี่นั้นถือว่าไว้ใจได้เลยทีเดียว การเปลี่ยนเกียร์อะไรทำได้ไวและนุ่มนวลยิ่งในช่วงออกตัวหรือว่าจะเป็นการทำความเร็วสูงสามารถเปลี่ยนและพุ่งทะยานได้ไวอย่างมากจนไม่นึกว่านี่เรากำลังขับเครื่องยนต์ดีเซลหรือไม่อย่างไรครับ ตัวเครื่องนอกจากพละกำลังที่ดีแล้วนั้นเรื่องของเสียงเครื่องยนต์หรือว่าเสียงท่อนั้นเป็นจุดเด่นของทาง MASERATI มาแค่ไหนแต่ไร ทำเสียงท่อ 4 ท่อออกมาได้ดุดันผู้ดีอย่างมาก และมีความหนักแน่นสะใจในโหมดสปอร์ตครับถือว่าค่ายนี้ยังทำได้ประทับใจคนที่รักการขับขี่ได้อย่างดี
แน่นอนว่าเครื่องยนต์ดีเซลแม้จะไม่ได้เร้าใจเท่าเบนซินแต่มันเหมาะสำหรับการใช้งานชีวิตประจำวันได้ดีจะขับแบบผู้ดีก็ทำได้หรือว่าจะสายซิงก็เปิดโหมด sport คันนี้ก็สามารถดึงเอกลักษณ์ของค่ายออกมาได้แบบจัดเต็ม ในยุคแรกๆ MASERATI จะค่อนข้างขับยาก เพราะเป็นรถยนต์ที่เป็นแนวสปอร์ตจัดๆเลย แต่ในครั้งนี้มันทำออกมาให้ขับง่ายขึ้น ตอยสนองได้ดีและควบคุมได้ง่าย แต่ยังแฝงความสปอร์ตดิบๆไว้ลึกๆครับ การขับขี่โดยรวมต้องบอกว่า Maserati Ghibli นั้นถือว่าเป็นรถยนต์ Sport Sedan ที่ขับได้สนุกมากคันนึงและขับแล้วมีความสนุกอย่างมากในโหมด sport สามารถพาเราซิ่งพร้อมกับช่วงล่างแบบแน่นๆ เกาะถนนได้ดีรวมถึงสามารถพาทะลุ 120 ได้แบบไม่ทันตั้งตัวได้เลยครับในเครื่องยนต์ตัวนี้ การเปลี่ยนเกียร์อะไรไวทันใจและต่อเนื่องเนียนๆทำให้การขับขี่ทางไกลนั้นสบายอย่างมาก พวงมาลัยนั้นมีความคม และแม่นยำเกือบหน้าตาและรูปร่างของตัวรถไปอีกขั้น รวมไปถึงการเก็บเสียงที่เก็บเสียงถนน ลมอะไรได้ดีชัดเจนมีความเงียบแบบผู้ดี แต่ยังคงให้เราได้ยินเสียงท่อจากท้ายรถเข้ามาอยู่ด้วยเช่นกันครับ จากที่ได้ทดสอบขับต้องบอกว่าขับสนุกจริงๆครับทั้งช่วงล่าง พละกำลัง และการควบคุมมันไปด้วยกันแบบไม่น่าเชื่อว่าเรากำลังขับรถยนต์ 4 ประตูรูปร่างใหญ่แบบนี้อยู่การควบคุมน้ำหนักมันกระฉับกระเฉงมากๆ ต้องบอกว่าคันนี้เหมาะสำหรับ รถครอบครัวที่คุณพ่อ สายซิ่ง ชอบการขับขี่สนุกแต่ยังอยากพาครอบครัวไปเที่ยวได้แบบลงตัวอย่างมากครับ
CONSUMPTION
อัตราการกินน้ำมันนั้นเนื่องจากคันนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลทำให้ในการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นมีความประหยัดอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันอื่นๆ และแม้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแต่มันก็ไม่ทำให้ผิดหวังใน สมรรถนะของตัวรถเลยแม้แต่น้อย ในการใช้งานจริงนั้นทดสอบการขับขี่ในโหมดปกติในการขับขี่ในเมือง เจอรถติดรวมถึงการใช้งานทั่วไปนั้น MASERATI GHIBLI DIESEL คันนี้สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองไปได้ประมาณ 10 KM/L ต่อการใช้งานในเมืองทั่วไปครับเมื่อมองว่าเป็น Diesel นั้นถือว่าทำได้ประทับใจพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานขับขี่ในโหมดปกตินอกเมืองแบบรถไม่ติดนั้นคันนี้จะสามารถทำได้ 12 KM/L เลยทีเดียวครับ แต่ถ้าเมื่อไรเราใช้งานโหมด SPORT แล้วนั้นและสลับกับการใช้โหมด Manual นิดหน่อยเวลาเล่นเกียร์ +/- แน่นอนว่าอัตราสิ้นเปลืองเวลาลากรอบหรือโหมดนี้ในการขับขี่เร็วๆนั้นจะกินน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจากที่คำนวณนั้นจะได้ประมาณ 8 KM/L ถือว่าถ้าใครสายซิงหรือขับขี่แบบโหดๆหน่อยจะได้ประมาณนี้ไม่ต่ำกว่านี้ครับผม สำหรับการขับขี่คันนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ทั้งหมดเลย แต่ถ้าใช้งานทั่วไปนั้นจะได้ประมาณแตะ 10 KM/L ได้ไม่ยากครับสำหรับคนที่ใช้งานการขับขี่ทั่วไป
MASERATI GHIBLI DIESEL GRAN LUSSO
” รถ Sedan สำหรับคนชอบการขับขี่สนุกแบบรถ Sport แต่พาครอบครัวไปเที่ยวได้ด้วย ! “
เป็นรถที่ใช้งานแล้วค่อนข้างติดใจจริงๆทั้งเรื่องของการขับขี่ ช่วงล่าง พละกำลังเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงการควบคุมที่ไม่เหมือนรถยนต์ 4 ประตูเลยแม้แต่น้อยการขับขี่มันกระชับและลงตัวอย่างมาก ไม่คิดว่าด้วยรูปทรงของตัวรถจะทำการขับขี่ได้ดีแบบนี้มาก่อนต้องบอกเลยว่า MASERATI ไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับแบรนด์ที่ทำรถแข่งมาก่อนยังคงสามารถดึง DNA สายซิ่งมาสู่รถยนต์แบบนี้ได้แบบเต็มที่ทำให้การขับขี่นั้นสนุกไปอีกขั้น และตอบสนองได้ดีเกินคาด ถือว่าเป็นรถยนต์ที่อยากให้มาทดสอบลองขับแล้วจะพบความประทับใจจริงถ้าคนที่ชอบการขับขี่และรักการขับขี่แบรนด์นี้ต้องมองเป็นในตัวเลือกสำหรับรถยนต์ระดับนี้ครับ และด้วยการออกแบบที่สวยงาม ดูสวยนานทำให้คนที่ขับนั้นไม่รู้สึกตกรุ่นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมีความหายากในท้องถนนด้วยจำนวนแต่ละปีนั้นน้อยมากๆด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ตอนสนองในแง่ของภาพลักษณ์การขับขี่ และ สมรรถนะได้ดี รวมถึงจอดรถยนต์ Super car ได้อีกด้วย ด้วยตัวแบรนด์ที่ดูแพง ดูพรีเมี่ยมแต่แท้จริงแล้วราคาเริ่มต้นแค่ 6.99 ล้านบาทเท่านั้นถือว่าจับต้องได้ง่ายอย่างมากครับ แต่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบกันในเรื่องราคานี้ แต่มันก็มีจุดที่ขัดใจ เช่นด้วยที่ตัวรถออกมานานแล้ว ในเรื่องของความล้ำสมัยในส่วนของภายในนั้นยังไม่จัดเต็มเท่าที่ควร รวมถึงพื้นที่เบาะหลังอาจจะไม่โอ่โถงเท่าไรนักด้วยครับ
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้รีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget