AUDI เป็นแบรนด์ค่ายรถเยอรมันที่แน่นอนว่าหลายๆคนคงรู้จักกันดีครับ แต่ในประเทศไทยนั้นต้องบอกกันตรงๆว่าเรื่องความแพร่หลายนั้นยังมีไม่มากนักหากเทียบกับค่ายรถคู่แข่ง จึงทำให้ไม่ค่อยได้เห็นบนท้องถนนเท่าที่ควร แต่ถือว่าในไม่กี่ปีหลังๆนั้นค่ายนี้ลุยตลาดเต็มที่ มีโปรโหดๆลดราคามาเยอะจึงทำให้เห็นบนท้องถนนมากขึ้น จุดเด่นของค่ายนี้คือรถทุกคันนั้นนำเข้าทั้งคันจากเยอรมันตรง ทำให้เรื่องของคุณภาพงานประกอบ ความมั่นใจนั้นมากขึ้น ด้านการขับขี่งานประกอบจากที่เยอรมันนั้นไว้ใจได้เลยแหละ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่อาจจะสูงขึ้นและออพชั่นไมไ่ด้จัดเต็มแบบรถประกอบไทย แต่ถ้าคนที่ชอบเรื่องคุณภาพ งานประกอบ รวมถึงเน้นการขับขี่ AUDI นั้นต้องเป็น 1 ในตัวเลือกเวลาซื้อรถแน่นอนครับ ค่ายนี้เด่นในเรื่องของการขับขี่ที่สนุก เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีและมั่นใจได้ รวมถึงดีไซน์เป็นเอกลักษณ์

AUDI Q7 45TDI QUATTRO ในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เปลี่ยนหน้าตา Minorchange แล้วนะครับและในไทยนั้นมีการเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้เองต้องบอกเลยว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เยอะมากๆทั้งในด้านหน้าด้านท้าย รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดถือว่าแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน เปลี่ยนเยอะจนคิดว่าเป็นรุ่น ModelChange ก็ว่าได้ครับ จะมีแค่ส่วนเดิมคือส่วนของด้านข้างเท่านั้นเองครับ และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการยกดีไซน์ยุคใหม่มาใช้งานทั้งหมดรวมถึงภายในล้ำๆครับ ส่วนทางด้านเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ยังคงใช้เครื่องดีเซล V6 Commonrail Direct Injection ขนาด 3.0 ลิตร 2,967 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 2,910 – 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 3,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา quattro permanent all-wheel drive ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร เป็นออฟชั่นเดียวแล้ว และในส่วนของระบบฟีเจอร์การช่วยเหลือ นั้นยังคงไม่มีอะไรมาให้เท่าไรนักครับแอบน่าเสียดายพอสมควร และ หน้าปัด Virtual Cockpit ก็ยังไม่มีมา แต่อย่างน้อยก็ได้ในเรื่องของ  หน้าจอกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8.8 นิ้ว และ หน้าจอควบคุม Multifunction แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน Haptic ขนาด 8.6 นิ้ว แบบเดียวกับรุ่นพี่ AUDI Q8 มาเลย พร้อมกับยกดีไซน์ออกแบบมาทั้งหมด รวมถึงไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่ แต่ในตัวนี้ไม่ใช่ Matrix LED เพราะเป็นรุ่นปกติ ไม่ใช่ S-Line นะครับ และตัวนี้จะมีจุดแตกต่างทั้งเรื่องของ ช่วงล่างถุงลม  และ ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S-Line ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 4-Zones รวมถึงไม่มี ระบบเสียงระดับพรีเมียม BOSE พร้อมระบบเสียง 3 มิติ และ ลายล้อนั้นจะเป็นคนละลายกับรุ่น S-line นั้นเองครับ ทำให้ไฟหน้าเลยแตกต่างกับที่เคยเห็นกัน ส่วนทางด้านราคานั้น ตัวที่เรารีวิวนั้นจะเป็นตัว Q7 45 TDI quattro  4,849,000 บาท และ Q7 45 TDI quattro S-Line  5,299,000 บาท สำหรับรุ่นสูงสุด แอบเสียดายไม่มีหลังคากระจกใส่เข้ามาให้เลยครับ

EXTERIOR

ภายนอกภาพรวมส่วนตัวแล้วนั้นต้องบอกว่าสวยงามและมีความทันสมัยมากขึ้นแต่ด้วยเป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าตาเลยทำให้ตัวบอดี้ภาพรวมยังคงมีความเหลี่ยมอยู่บ้างครับเมื่อเทียบกับหน้าตาใหม่ แต่ก็ยังถือว่าลงตัวและดูดีใช้ได้เลยแหละ หลักๆที่เปลี่ยนคือกันช้นหน้าชุดใหม่ทั้งหมด ไฟหน้า และ ฝาท้ายทั้งชิ้น และไฟท้ายรวมถึงยกเปลี่ยนแผงคอนโซลแบบชุดใหญ่ครับถือว่าทำให้มันยืดอายุไปได้อีกนานมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่มีความเหลี่ยมสันเยอะกว่านี้ การเปลี่ยนไฟหน้าท้าย กันชนทำให้มันดูเข้ากับยุคใหม่มากขึ้นและไม่แก่แบบเดิมแล้ว ส่วนในการตกแต่งรุ่นนี้จะเป็นตัวปกติ ทำให้กันชน อะไรพวกนี้ไม่ได้ดูสวยหรือสปอร์ตเท่ากับในรุ่น S-Line รวมถึงไฟหน้าเป็นแค่ LED ปกติครับ

จะเห็นเลยว่าถ้าใครเคยติดตามค่ายนี้มาในรุ่นก่อน Minorchange นั้นทางด้านไฟหน้าท้ายกันชนจะไม่ได้ออกแบบมาทรงนี้เลยครับ เพราะรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากจริงๆรูปทรงตัวรถยังคงดูแข็งแกร่งแต่เพิ่มความทันสมัยหน้าหลังเข้าไป ล้อลายใหม่ กันชนหน้าหลังใหม่ และไฟท้ายรูปทรงใหม่และลูกเล่นลายละเอียดต่างๆสวยงามใช้ได้เลย และในรุ่นนี้ชอบที่มีแผงบังแดดฝาท้ายมาให้ตรงกระจกด้วย ไม่ค่อยเห็นรถยนต์ค่ายไหนใส่มาให้ครับอันนี้ถือว่าใส่ใจดีมาก ส่วนไฟหน้าตัวนี้น่าเสียดายเป็นไฟปกติไม่ใช่ Matrix LED ครับ ส่วนทรงกระจังหน้านั้นเปลี่ยนเป็นยุคใหม่ทั้งหมดแล้วมีความกว้างใหญ่ เด่นสะใจมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกขั้น และด้วยความที่เป็นรถสีดำทำให้ขับชุดโครเมี่ยมสีเงินด้านตรงกระจังหน้าและเส้นรอบคันได้ดีกว่าเดิมรวมถึงด้านท้าย

เมื่อมองหน้าตรงเราจะเห็นได้ว่า กระจังหน้านั้นเด่นสะดุดตาเป็นเอกลักษณ์ประจำค่ายครับและครั้งนี้มีรูปทรงเปลี่ยนแปลงมาดูดีขึ้นเข้ากับธีมออกแบบใหม่ และแน่นอนว่าชุดกันชนนั้นจะแตกต่างกับตัว S-line ทำให้มันไม่ได้ดูดุดันหรือสปอร์ตมากนักครับรวมถึงจะไม่มีเส้นเงินๆคาดส่วนชายล่างกันชนด้วย ด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่าตัวรถยังคงทรงเดิมกับรุ่นก่อนหน้าถ้าหากเราปิดหน้าหลังก็แทบจะแยกไม่ออกแล้ว ก็เป็นเพราะว่าตัวนี้มันคือการ Minorchange ครับ แตกต่างกับในส่วนของล้อที่มีลายใหม่มาให้ ส่วนชายล่างเล่นสีเงินเขียนว่า Quattro เช่นเดิมเลยและระยะความสูงของตัวรถรุ่นนี้ไม่ใช่ช่วงล่างถุงลม จึงทำให้มันไม่ได้มีการยกสูง กดลงต่ำได้ เป็นระยะพื้นฐานเลยครับ ส่วนไฟท้ายนั้นต้องบอกเลยว่าถ้ามองท้ายตรงแบบนี้คิดว่ารุ่นใหม่ทั้งหมด ทั้งไฟท้ายแบบใหม่ ทรงใหม่ไฟแบบ 3D และ ชายกันชนล่างแบบใหม่รวมถึง ไฟท้ายชุดที่ 2 ก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้เวลาเปิดฝาท้ายและจะทำงานนั้นเองครับ ส่วนชายล่างถ้าเป็นรุ่น S Line นั้นจะมีความดุดันและโชว์ท่อไอเสียขวาซ้ายแบบเต็มๆไม่ใช่แค่ลวดลายแบบคันนี้ และตรงส่วนใต้ไฟมีเส้นโครเมี่ยมตัดขอบทำให้เด่นขึ้นและลงตัวขึ้น ชอบงานออกแบบด้านท้ายคันนี้กว่าเดิมเยอะ

ไฟเลี้ยวตรงกระจกหูช้างนั้นยังคงมีมาให้พร้อมกับมีช่องเล็กๆแสดงให้เห็นเวลาเรามองจากในรถครับ และกระจังหน้าเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดพร้อมกับลวดลายข้างในกระจังที่แตกต่างกับรุ่นก่อนเป็นขีดแนวตั้ง แต่ในส่วนของกระจังหน้าตัวปกติ และ ตัว S-line นั้นจะไม่ได้แตกต่างกันครับ แต่เหมือนมีเซนเซอร์ตรงโลโก้ ไม่แน่ใจว่าเป็นกล้องหรืออะไรเพราะเท่าที่ดูเหมือนจะไม่ได้ติดตั้งมาในส่วนของตัวที่ขายในไทยก็ถือว่าแอบน่าเสียดายอยู่พอสมควรเลยจุดนี้ครับ 

ล้ออัลลอยลายใหม่ในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับขนาด 20 นิ้วครับ แต่ถ้าตัว S-line นั้นจะเป็นขนาด 21 นิ้ว ดูแตกต่างกันนิดหน่อยรวมถึงในเรื่องของงานออกแบบและโทนสีของล้อด้วยเช่นกันครับและยางตัวนี้ให้มาในขนาด 285-45R20 ครับ งานออกแบบข้างตัวถังรถนั้นเส้นสายที่มีความคมเป็นสันสวยงาม และชายล่างนั้นเป็นสีดำ แต่เรื่องจากตัวรถสีดำเลยทำให้มันดูเหมือนกับสีเดียวกับตัวรถ แต่จะมีตัดด้วยสีเงินด้านที่เขียนว่า Quattro ด้วยเช่นกันครับ และเราจะเห็นในตัวก่อนหน้าด้วยเช่นกัน ทำให้รถสีดำแบบนี้ยิ่งขับตัวนี้ออกมาให้เด่นและด้านข้างนั้นไม่เรียบเกินไปด้วย ส่วนการขึ้นลงไม่ยากครับแม้จะไม่มีบันไดก็ตามในระยะนี้และไม่ได้เลอะขอบชายกางเกงเท่าไรด้วยครับในการออกแบบนี้

ไฟหน้านั้นเป็นจุดที่แตกต่างมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และเทียบกับตัว S-line ครับ แน่นอนว่าทรงไฟหน้าเปลี่ยนไปเยอะมากมีความโค้งมนสวยงามและมีงานออกแบบที่แตกต่างกว่าเดิม แต่ในรุ่นที่เรารีวิวนั้นจะเป็นไฟหน้า LED ปกติพร้อมกับหลอดไฟเลี้ยวแบบหลอดไส้ครับ เลยค่อนข้างธรรมดาไปนิดหน่อย แต่เรื่องความสว่างนั้นไม่ได้แตกต่างกันครับแต่แค่ไม่มีเทคโนโลยี MATRIX LED แบบรุ่น S-Line ครับรวมถึงไฟ DRL อะไรแตกต่างกันทั้งหมดเลย แต่คันที่เรารีวิวนั้นยังคงมีไฟตัดหมอกและแสงอะไรนั้นกินไปถึงขอบข้างได้กำลังดีครับ มองเห็นชัดเจนเลยและแน่นอนว่าด้วยความที่มันเป็นรถนำเข้าทำให้มันมีที่ล้างไฟหน้าเวลาหิมะตกหรือโคลนเลอะได้ด้วย ส่วนตัวไฟท้ายนั้นแน่นอนว่าค่ายนี้เวลาเปิดฝาท้ายมันยกไฟไปทั้งหมดทำให้ต้องมีไฟท้าย 2 ชุดครับ ชุดล่างนั้นจะทำงาน เวลาเปิดฝาท้าย เพื่อความปลอดภัย และ มีไฟตัดหมอกหลัง และ ไฟถอยหลังในส่วนข้างล่างครับ และส่วนข้างบนนั้นจะเป็นไฟหลักสวยงามแบบ 3 มิติ ที่เป็นไฟเบรคและไฟเลี้ยวแบบ Dynamic ไฟเลี้ยววิ่งนั้นเองถือว่างานออกแบบไฟทั้งหมด ค่ายรถยนต์ AUDI นั้นเป็นค่ายที่ออกแบบไฟหน้าไฟท้ายได้ล้ำเกินค่ายอื่นๆเยอะมากและสวยกว่าแบบชัดเจนครับ

ยามค่ำคืนนั้นเป็นจุดที่สามารถขับตัวรถให้เด่นยิ่งขึ้นไปอีกไฟท้ายนั้นมีความโดดเด่นมากกว่าเดิมไปอีกเวลาขับกลางคืนทั้งเวลาเบรคและไฟเลี้ยวต่างๆ แต่อย่างที่บอกไปนั้นไฟชุดล่างจะไม่ทำงานเวลาปกติครับ จะทำงานแค่ช่วงเปิดฝาท้ายเท่านั้นและไฟเบรคดวงที่ 3 นั้นจะอยู่ขอบบนตัวสปอยเลอร์ด้านหลัง แต่ด้านหน้านั้นเวลากลางคืนไฟอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรมีเพียงแค่ไฟ LED หลักทำงานเท่านั้น และพวกไฟตัดหมอกอะไรนั้นอยู่ในโคมหลักทั้งหมด ไม่มีส่วนไฟตรงกันชนล่างครับ แต่เรื่องของความสว่างนั้นทำได้ดี แสงคมสวย เก็บมุมได้กว้าง แต่ถ้าเน้นความสวยงามนั้น เพิ่มงบจัดรุ่น S-line จะครบเครื่องลงตัวที่สุดเลยครับในรุ่นนี้ และกระจังหน้าส่วนสีเงินจะเห็นว่าเล่นกับแสงได้ดีมากยามค่ำคืน

เมื่อปลดล็อคหรือเดินไปเปิดกระตูนั้นไฟหน้าไฟท้าย และไฟตรงที่จับประตูนั้นมีไฟส่องสว่างมาให้ทั้งหมด 4 จุดเลยครับ แต่จะไม่ได้มีไฟส่องพื้นอะไรมาให้เวลาเปิดประตูครับ เมื่อปลดล็อคคันนี้ก็มีทั้งเอื้อมมือเข้าไปก็สามารถดึงเปิดได้เลยครับไม่ต้องกดปุ่มอะไร แต่เวลาล็อคก็สัมผัสล็อคได้ตรงมือจับได้เลย รวมถึงเตะฝาท้ายได้ด้วยครับในรุ่นนี้ และไฟส่องป่ายทะเบียนอะไรเป็น LED ทั้งหมด แต่ไฟชุดที่ 2 ด้านท้าย และไฟเลี้ยวหน้ายังคงเป็นหลอดไส้ปกติครับจุดนี้

มาดูรายละเอียดของไฟหน้า ไฟท้าย และไฟท้ายชุดที่ 2 อีกครั้งหนึ่งแบบชัดๆครับ ไฟท้ายนั้นออกแบบใหม่ทั้งหมดเป็นแบบ 3D LED ซึ่งแถบด้านบนนั้นจะเป็นหน้าที่ไฟหรี่ติดตลอดเวลา และไฟเบรคนั้นจะเป็นแถบหลอดไฟเล็กๆข้างใต้รูปทรง 3 มิติข้างบนเป็นแนวยาว ทำงานร่วมกับไฟเบรคดวงที่ 3 ข้างบน และไฟเลี้ยวนั้นจะเป็นไฟวิ่งสีเหลืองของล่างสุด ตามที่เห็นในภาพล่างสุดครับ จะอยู่ใต้โครเมี่ยมอีกที ส่วนไฟถอย ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอกหลังนั้นจะอยู่ข้างล่างชุดที่ 2 ทั้งหมดเลย และรวมถึงแถบทับทิมด้วยเช่นกัน ส่วนไฟหน้านั้นจะเห็นว่ามีการเล่นงานออกแบบสวยงามแต่ไฟเลี้ยวนั้นยังเสียดายเป็นหลอดไส้ครับ และไฟตัดหมอกข้างจะซ่อนอยู่ในโคมนี้ด้วย และไฟ LED หลักพร้อมกับไฟสูงก็ใส่มาให้ตรงมุมซ้ายรวมถึงไฟ DRL จะอยู่ข้างบนหลอดหลักที่แตกต่างกับรุ่น S-Line

INTERIOR

ภายในรุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ Minorchange แล้วเปลี่ยนแปลงเยอะมากที่สุดค่ายนึงเลยครับภายในมีการยกใหม่ทั้งหมดเอางานออกแบบ แบบเดียวกับรุ่นพี่ AUDI Q8 มาเลยการควบคุมทุกอย่างเป็นระบบสัมผัสทั้งหมดทั้งการควบคุมแอร์ต่างๆ และการปรับแต่งอะไรทั้งหมดเลย รวมถึงมี 2 จอหลักใช้งานและวัสดุสีดำเงา แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้แบบหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ และการออกแบบนี้สวยงามดุดันและทันสมัยขึ้นมาก และเวลากลางคืนนั้นเล่นแสงสีสวยงามขึ้นกว่าเดิมเยอะมากครับและแน่นอนว่าเจ้า Virtual Cockpit นั้นไม่มีมาด้วยเพราะด้วยต้นทุนราคาสูงมากกว่าเดิมมาก หากถ้ามีมาก็อาจจะทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปอีก 3 แสนบาทไทยเลย ทำให้ต้องจำใจตัดออกไปเมื่อเข้ามาในไทยเพราะด้วยการนำเข้าทั้งคันทำให้มันไปสู้รุ่นอื่นๆในแง่ของราคาได้ยากครับ ก็ถือว่าน่าเสียดายแต่ก็เข้าใจทาง AUDI เช่นกัน

กุญแจได้ทรงใหม่พร้อมกับงานออกแบบที่เป็นแบบใหม่สีดำเงาตัดกับสีเงินทั้งหมดครับ มีปุ่ม ล็อครถ เปิดฝาท้าย และ ปลดล็อคแต่เอาเข้าจริงๆนั้นการที่เราจะหยิบกุญแจมากดนั้นต้องบอกว่าน้อยมากๆเพราะตั้งแต่ที่ขับมาไม่เคยที่จะต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าตัวรถนั้นมีระบบ Smart Entry ทั้งการปลดล็อคที่แค่เอื้อมมือเข้าไป หรือว่าจะเป็นการเปิดฝาท้ายแบบเตะเปิด รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์แบบกดปุ่มทำให้ไม่ต้องใช้กุญแจเลย

ภายใน AUDI Q7 นั้นเห็นได้ชัดว่ามีความร่วมสมัย ทันสมัยเยอะมากๆทั้งการเปลี่ยนมาใช้งานออกแบบยุคใหม่ทั้งหมดมีการแยกตำแหน่งวางหน้าจอ 2 ส่วนส่วนบนสำหรับหน้าจอหลัก การนำทาง ควบคุมระบบทั้งหมดรวมถึงการเชื่อมต่อ Apple Carplay – Android Auto ครับและรองรับระบบสัมผัสได้ด้วยพร้อมสั่นตอบสนอง และในส่วนของจอด้านล่างนั้นจะเป็นระบบสัมผัสทั้งหมดเช่นกันในการปรับ อุณหภูมิแอร์ อะไรพวกนั้นทั้งหมดเลยพัดลมต่างๆ และเป็นไม่กี่ค่ายที่ใช้งานแบบมีระบบสัมผัส Haptic Feedback สั่นตอบสนองเวลากดทำให้เหมือนกับกดปุ่มจริงๆเลยอันนี้ถือว่าดีอย่างมากและทำให้เรารู้ว่าเรากดหรือยังมันทำงานหรือยังนั่นเองครับ และเลื่อนสไลด์เปลี่ยนได้เช่นกันครับส่วนปุ่มควบคุมเครื่องเสียง อยู่มุมซ้าย และ ปุ่ม สตาร์ทเครื่องอยู่ทางด้านขวาในภาพเหนือเกียร์ครับ และเกียร์ทรงใหม่สวยงามพร้อมกับ ที่วางแก้วนำในด้านซ้าย 2 ตำแหน่งด้วย แน่นอนว่าควบคุมอะไรง่ายและสะดวก รวมถึงการใช้งานนั้นง่ายอย่างมาก และมี Auto Brake Hold อะไรมาให้ใช้งานครับ ในเรื่องของความรู้สึกในการใช้งานการนั่งภายในห้องโดยสารนั้นถือว่ามุมมองตัวรถการขับขี่ค่อนข้างโปร่งโล่ง ตำแหน่งการขับขี่ดีครับ ปุ่มต่างๆจัดวางใช้งานง่าย และเรื่องของระบบสัมผัสนั้นถ้าไม่คุ้นเคยอาจจะต้องปรับตัวระยะหนึ่ง แต่ถ้าใช้ไปซักพักแล้วก็ไม่ยากแบบที่คิดครับ

ทางด้านพวงมาลัยนั้นเป็นการยกมาจากรุ่นก่อนยังไม่ได้มีการเปลี่ยนงานออกแบบอะไรครับปุ่มอะไรมีมาให้ทั้ง 2 ข้างพร้อมกับ มีก้านแยกสำหรับ Cruise Control แน่นอนว่าแอบน่าเสียดายเพราะถ้ารวมการควบคุม Cruise Control ไปเลยบนพวงมาลัยนั้นจะสะดวกกว่าเยอะมากครับ แต่การควบคุมอื่นๆนั้นใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาเลยปรับตัวไม่ยากครับ และ ในการปรับสูงต่ำ ขึ้นลง ใช้ระบบไฟฟ้าสามารถปรับได้จากก้านข้างพวงมาลัยได้เลย และไฟหน้านั้นจะสามารถควบคุมได้ผ่านทางด้านขวาของพวงมาลัยเป็นปุ่มแยกครับกดเปลี่ยนได้ หน้าจอออพชั่นจะโชว์บนหน้าปัดหลักเปลี่ยนได้ว่าจะเป็นไฟ AUTO หรือ ไฟหรี่ หรือจะเป็นปิด ก็สามารถดูหน้าจอตรงเรือนไมล์ได้ครับ รวมถึงตัดหมอก พวงมาลัยตัวนี้การใช้งานความหนาอะไรกำลังดีจับได้ถนัดและควบคุมได้ดี วงขนาดไม่ใหญ่มากครับ แต่ความนุ่มมือรูปทรงอะไรถือว่าทำออกมาได้ดี และการควบคุมพวงมาลัยนั้นแม่นยำและคมมากๆแม้จะเป็นรถที่รูปร่างใหญ่ก็ตาม

ภายในห้องโดยสารตอนหน้าคันนี้มีความโปร่งโล่งกว่าที่คิดด้วยการออกแบบที่ห้องโดยสารยังคงมีความสูงและเน้นเรื่องของความสบายเป็นหลักจะแตกต่างกับทรงของ AUDI Q8 ชัดเจนครับทำให้ในจุดนี้ AUDI Q7 ยังคงเป็นรถยนต์ที่ขับขี่ได้ดีและนั่งสบายกว้างขวางที่สุดในค่ายครับ ในห้องโดยสายด้านหน้านั้นเป็นเบาะหนังพร้อมสามารถปรับไฟฟ้า และดันหลังได้ทั้งหมด รวมถึงฝั่งคนขับมีจดจำตำแหน่งมาให้ 2 ตำแหน่งครับ การขึ้นลงอะไรนั้นทำได้สะดวกประตูเปิดได้กว้างมากๆขึ้นลงง่ายและสบาย และตัวเบาะโดยสารด้านหน้ามีความนุ่มกำลังดีและโอบประชับพอสมควรแต่ถ้าเน้นเรื่องความนุ่มหรือนั่งยาวๆนั้นอาจจะไม่ได้สบายสุดเท่าไรต้องมีการปรับดันหลังอะไรเข้ามาช่วยครับเท่าที่ลองนั่งเหมือนทรงเบาะน่าจะทำได้ดีกว่านี้นิดหน่อย ส่วนที่วางแขนอะไรตำแหน่งทำได้ดีทีเดียวแต่ช่องเก็บของนั้นน้อยไปพอสมควรครับตรงนี้ ทางด้านพื้นที่วางขาด้านหน้าคนขับ คนนั่งข้างไม่มีดันเข่าหรือเกะกะอะไร  Headroom เหลือเยอะและไม่อึดอัดครับ

การขึ้นลงเบาะนั่งด้านหลังนั้นทำได้สบายอยู่เหมือนกันครับด้วยความกว้างของฐานล้อทำได้มีพื้นที่เยอะพอสมควรเหมาะสำหรับพาผู้ใหญ่ขึ้นลงได้สะดวกอย่างมากเลยแหละ และตัวรถก็ไม่ได้สูงมากครับประตูเปิดได้กว้างทำให้ด้านหลังนั้นนั่งสบายและมีพื้นที่พอสมควรในด้านหลังนั้นสามารถนั่งได้ 3 คนแบบสบายๆและยังปรับเอนได้สูงสุดแบบในภาพเลยครับจริงๆมันเอนแอบเยอะไปหน่อยแต่ถ้าเน้นสบายนั้นก็พอไหวครับ แต่ถ้านั่งโดยสารปรับขึ้นมานิดนึงจะกำลังดี พร้อมกับที่วางแขนตรงกลาง และเบาะปรับได้ แยกพับอิสระ 40 : 20 : 40 พร้อมกับ แอร์ตอนหลังตรงกลาง แต่รุ่นนี้จะไม่มีหน้าจอสำหรับปรับ อุณหภูมิแบบรุ่น S-line นะครับมีแค่ช่องแอร์และที่เสียบชาร์จไฟเท่านั้นเลยเบาะหลังพื้นที่เหลือเยอะมากครับทั้ง Leg room ที่เยอะและพื้นที่ Headroom ที่สูงอย่างมาก ทำให้การโดยสารข้างหลังนั่งสบายและรองรับได้ 3 คนแบบสบายครับรวมถึงมีม่านบังแดดข้างๆและด้านหลังสุดมาให้ตรงฝาท้าย ถือว่าเป็นไม่มีค่ายที่ใส่เข้ามาครับ แต่แอบเสียดายหลังคากระจกเท่านั้นในรถระดับนี้ถ้าใส่มาให้นั้นคือครบจบลงตัวอย่างมาก

แอร์ตอนหลังถ้ารุ่นที่รีวิวนั้นจะปรับอะไรไม่ได้นักแต่ถ้ารุ่น S-Line นั้นจะมีตัวปรับความร้อน พัดลมอะไรเข้ามาให้ด้วยทำให้แตกต่างกันพอสมควรครับและย้ายที่จุดบุหรี่ไปข้างล่างสุดแทน แต่น่าเสียดายว่าไม่มีพวกช่อง USB มาให้เลย ส่วนทางด้านระบบความปลอดภัยนั้นในรุ่นนี้ให้มาแบบพื้นฐานมากๆไม่มีระบบ Active Safety เลยน่าจะด้วยราคาต้นทุนนำเข้าครับทำให้ต้องยอมกดราคาลงไป เลยมีมาให้ในส่วนของ ABS / EBD/ BA/ ESC/ TCS/ EPB/ Audi Hold Assist / ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง / ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง / กล้องมองภาพขณะถอยจอด / เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า และ ด้านหลัง / ยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เท่านั้นครับ ไม่มีระบบเตือนมุมบอด หรือ กล้องรอบคันมาให้ แอบเสียดายในฟีเจอร์พวกนี้พอสมควร

ฝาท้ายรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบไฟฟ้า หรือกับระบบที่สามารถเตะใต้ท้องและเปิดได้ครับ และยังคงเอกลักษณ์ที่เปิดทั้งไฟท้ายไว้ทำให้พื้นที่ของการยกของนั้นกว้างขวางอย่างมากและเปิดไฟสูงพอสมควรครับอีกจุดที่ชอบคือมีการใส่ไฟท้ายชุดที่ 2 มาให้เวลาเปิดฝาท้ายและไฟตัวนี้จะติดแทนครับ ส่วนพื้นที่ห้องเก็บของนั้นใหญ่มากๆลองเทียบกับขนาดของบุคคลในภาพได้เลยครับ และสามารถพับเบาะได้แยกอิสระ 3 ส่วนได้เลยและมีม่านบังสัมภาระข้างหลังที่จะยกขึ้นและลงเองอัตโนมัติเมื่อเปิดและปิดฝาท้ายครับ อันนี้ถือว่าดีเพราะมันจะไม่ได้ยึดกับฝาท้ายทำให้ไม่เกะกะ และเมื่อปิดฝาท้ายมันจะลงมาระนาบเดียวกับตัวรถได้เองโดยระบบไฟฟ้าครับถือว่าเป็นการออกแบบเล็กๆน้อยแต่ใส่ไจในจุดนี้

ห้องโดยสารยามค่ำคืนนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นเลยทีเดียวเพราะงานออกแบบใหม่ทำให้เข้ากับแสงสียุคใหม่มากขึ้น สามารถปรับแสงสีได้อิสระ 2 ส่วนครับ คือไฟหลัก กับไฟรองที่เห็นในภาพคือ สีน้ำเงิน กับ ม่วงนั้นเองที่แยกส่วนกันรอบคันครับ ถือว่ายามค่ำคืนบรรยากาศภายในนั้นหวือหวาและสวยมากๆค่ายหนึ่งเลยในรถระดับนี้ และหน้าจอค่อนข้างเยอะทำให้มันดูล้ำอย่างมาก และไม่ได้แยงตาด้วย รวมถึงรอบคอนโซลเกียร์ก็มีไฟด้วยเช่นกันครับ ถ้าปิดไฟห้องโดยสารจะเห็นไฟแสงสีค่อนข้างชัด แต่ถ้าเปิดไฟแล้วจะเป็นสีขาว LED ทั้งหมด และมีไฟหน้ากระจกแต่งหน้ามาให้

ส่วนของไฟตกแต่งนั้นสวยงามครับให้ดูรายละเอียดเล็กๆน้อยตรงรอบฐานเกียร์และตรงคอนโซลคนนั่งข้างๆที่มีโลโก้ QUATTRO ก็มีไฟเรืองแสงและปรับแสงสีได้ด้วยครับภายในตัวนี้กับ S-line นั้นได้เหมือนกันทั้งหมดอันนี้ถือว่าสวยงามและปรับแต่งได้เยอะ ตัวเกียร์นั้นใช้งานไม่ยากครับดันขึ้นลงง่ายๆ และ เข้า P โดยการกดปุ่มเท่านั้นและสลับไปใช้ Paddle Shift หรือ ดันไป Sport โหมดได้ เกียร์จะลากรอบนานขึ้น รวมถึงดันไปซ้ายจะเป็น M สำหรับเล่นแบบ Manual นั้นเองก็ปรับได้บนพวงมาลัย Paddle Shift เลยครับ ถือว่าขับสนุกกว่าเดิมและอัตราเร่งโหดมาก

ภายในห้องโดยสารกลางคืนนั้นทุกตำแหน่งจะมีไฟส่องเท่ามาให้ครับสว่างพอสมควรทั้งด้านหน้าและด้านหลังและไฟเพดานอิสระแยก 4 ตำแหน่งมาให้เช่นเดียวกันและไฟตรงขอบประตูลากยาวมาด้านหลังด้วยครับ ไฟภายในห้องโดยสารภาพรวมนั้นสว่างและสวยงามทั้งหมด และสามารถปรับความสว่างปรับโทนสีได้เยอะมากเช่นกันถือว่าเป็นภายในที่ปรับปรุงขึ้นมาจากเดิมแบบชัดเจนและสวยงามมากสมกับเป็น SUV ระดับหรูของค่ายครับ และยิ่งเทียบกับรุ่นก่อนปรับหน้าตายิ่งแตกต่างกันแบบคนละยุคไปแบบชัดเจนเลยทีเดียวรวมถึงตัวเบาะหลังนั่งสบายและพื้นที่กว้างขวาง

ENGINE

AUDI Q7 45TDI นั้นจะใช้งานเครื่องยนต์ดีเซล V6 Commonrail Direct Injection ขนาด 3.0 ลิตร 2,967 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 91.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.0 : 1 พละกำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 2,910 – 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา quattro permanent all-wheel drive ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร มีแต่ตัวเลือกเดียวในตอนนี้ครับแน่นอนว่าพละกำลังนั้นมหาศาล สามารถพาเจ้า Q7 พุ่งทะยานไปได้ไวมากๆ และ 0-100 แค่ 7.7 วินาทีเท่านั้นแรงเอาเรื่องและแรงดึงมันมาดีมากครับ แต่ช่วงกดแรกๆเหมือนต้องรอนิดหน่อยเป็นปกติของเครื่องดีเซลพวกนี้ครับแต่หลังจากมาแล้วมันดึงสะใจและพุ่งทะยานได้ไวมาก และยังทำช่วงตีนปลายได้ดีจริงๆครับ ขับไปไม่นานสามารถพาไปถึง 160-180 ได้แบบไม่ทันตั้งตัวและสามารถเร่งแซงในความเร็วสูงได้ดีไม่ต้องลุ้นอะไรเลยแม้ตัวถังรถจะมีขนาดใหญ่ขนาดนี้ครับ ขับได้ทันใจเกินหน้าตาของมันอย่างมาก

ทางด้านระบบส่งกำลังของมันนั้นบอกเลยว่า ตัวเกียร์ Tiptronic ทำหน้าที่อย่างนุ่มนวลทุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ที่ความเร็วต่ำจังหวะชิฟท์เกียร์มียึกยักบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สร้างความน่ารำคาญอะไร และในการขับขี่โหมด Sport นั้นเหมือนจะลากรอบให้สนุกขึ้นมานิดหน่อยและดึงดันได้ดีไปอีกแต่ถ้ายังสนุกไม่พอนั้นเจ้า AUDI Q7 ยังมี Manual ใส่เข้ามาทำให้เราสามารถปรับเกียร์ได้เองเลยทันทีและสนุกขึ้นไปอีกทำให้เรื่องเกียร์เป็นอีกจุดที่ทำได้ดีครับ และเมื่อทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์แล้วนั้นยิ่งทำได้ดี อัตราเร่งอะไรสนุกและขับได้ดีกว่าเดิมไปอีก และมาดูกันในเรื่องของช่วงล่างนั้นแน่นอนว่าคันนี้ยังไม่ใช่ ช่วงล่างถุงลมแบบรุ่น S-Line ทำให้เป็นช่วงล่างแบบปกติครับเลยมีความตึงตังมากกว่านิดหน่อยแต่แน่นอนว่าทางค่ายนี้ช่วงล่างนั้นเป็นเอกลักษณ์มากๆคือความแน่นหนึบในความเร็วสูงทำได้ดีมากๆเกาะถนนได้ดีและเข้าโค้งอะไรได้แบบนิ่งๆแม้จะความเร็วสูงๆก็ตาม รวมถึงการเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงตัวรถไม่มีอาการโยนโยกย้วยเลยแม้แต่น้อยแตกต่างกับ SUV คันอื่นแบบชัดเจนในจุดนี้ช่วงล่างมันแน่นและขับสนุกมากๆแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความนุ่มนวลที่นั่งข้างหลังอาจจะไม่ได้นุ่มสบายมากนักแต่ก็ไม่ได้แข็งมากเกินไป ทางตรงอะไรนั้นใช้ความเร็วสูงก็ยังนิ่งๆครับ แต่ถ้าหากไปเทียบกับถุงลมนั้นแน่นอนว่าคนนั่งหลังน่าจะชอบแบบนั้นมากกว่า แต่ถ้าคนขับเองบอกเลยว่าช่วงล่างแบบนี้ ขับสนุกและเกินพอแล้วครับต้องบอกว่าเป็น SUV ที่ขับสนุกมากที่สุดเท่าที่เคยลองมา

และในด้านการเก็บเสียงนั้นถือว่าทำได้ดีครับแน่นอนว่ารุ่นนี้ประกอบนอกเรื่องความเนียน ความเนี๊ยบในการเก็บเสียงเก็บงานนั้นไว้ใจได้เลยทั้งเสียงลมและเสียงล้ออะไรนั้นทำได้เงียบอย่างมากครับแม้จะความเร็วสูงก็ตามยังเก็บเสียงลมและเสียงจากถนนได้ดีจริงๆถือว่าเน้นเรื่องนี้อย่างมากเลยคันนี้ แม้จะเป็นรถที่ทรงสูงแต่ถือว่าทำได้เงียบและสบาย และทางด้านพวงมาลัยก็สามารถควบคุมได้คมและแม่นยำชอบมากๆครับในจุดนี้คนขับ ขับสนุกมากและไว้ใจได้เลย

CONSUMPTION

อัตราสิ้นเปลืองนั้นเท่าที่ทางทีมงานได้ทดสอบทั้งการขับขี่ในเมืองเจอรถติด รวมไปถึงการใช้งานต่างจังหวัดโดยเปิด Dynamic Mode และ Sport ในส่วนของเกียร์และเน้นขับแบบเท้าหนักมากๆนั้นถือว่าอยู๋ในระดับที่ดีกว่าที่คิดไว้ครับแน่นอนว่าตัวนี้เป็นดีเซล นะครับทำให้เรื่องของการใช้งานนั้นจะค่อนข้างราคาถูกกว่าเบนซินทั่วไปพอสมควรเลย เท่าที่ทดสอบนั้นในการทดสอบแรก ใช้งานในเมืองทั่วไป รถติดบ้างโหมดปกติ AUTO ครับสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ 11 กิโล/ลิตร และถ้าหากใช้งานนอกเมืองในโหมดปกติจะได้ประมาณ 14 กิโล/ลิตร ครับ ในแบบการขับขี่ทั่วไปไม่ได้เร่งแซงหรืออัดหนักๆอะไรเท่าไรครับ แต่ถ้าทดสอบแบบสุดโหดขับเร็วและอัดไปเยอะๆนั้นจะได้ประมาณ 12 กิโล/ลิตรครับ แน่นอนว่าอันนี้ทดสอบโดยการคำนวณแบบเต็มถังทั้งหมดและจับระยะทางและลิตรที่ใช้ไปนะครับเอาจริงๆถือว่าประหยัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันในการใช้งานจริงๆถ้าขับแบบทั่วไปก็ถือว่าสบายๆเลยแหละและอัตราเร่งก็ทำได้ดีอย่างมากในการเร่งแซง การขับขี่แม้จะเป็น ดีเซลครับเพราะสมัยนี้ดีเซลมันพัฒนามาเยอะมากและประหยัด

AUDI Q7 45TDI QUATTRO 

” เป็น SUV ที่เหมาะกับคนชอบขับรถ พ่อบ้านสายซิ่ง ไม่เน้นออพชั่นมากนักตัวนี้ตอบโจทย์ “

ต้องบอกว่าคนที่รักการขับขี่ ชอบขับรถต้องมีมองๆแบรนด์ AUDI ไว้บ้างแหละค่ายนี้เน้นการขับขี่อย่างมากจริงๆช่วงล่าง เครื่องยนต์นั้นเอาเรื่องที่สุดครับต้องบอกว่าขับสนุกจริงๆเท่าที่เทียบกับในบรรดาคู่แข่งตัวอื่นๆตัวนี้ขับสนุกอย่างมาก แต่เรื่องออพชั่น ฟีเจอร์ พวกนี้ต้องบอกว่าน่าเสียดายที่มันหายไปหมดตามเส้นทางที่กว่าจะบินมาจากเยอรมันด้วยการนำเข้าทั้งคันทำให้มันต้องทำราคาสู้กับค่ายอื่นแบบเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตัดออพชั่นออกไปเยอะมากๆเพื่อที่จะทำราคาไม่ให้กระโดดเกินไปและอยู่ในเรทเดียวกับคู่แข่งครับก็ต้องบอกว่าเข้าใจทางค่ายเหมือนกันครับ แต่ก็น่าเสียดายสำหรับคนที่จะซื้อเช่นกัน แต่ถ้ามองข้ามออพชั่นพวกนี้แล้วในเรื่องการขับขี่ ช่วงล่าง เครื่องยนต์อันนี้มันมาทดแทนได้แบบชัดเจน อยากให้ลองขับกันแล้วจะรู้ว่าทำไมมันถึงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่รักการขับขี่ครับช่วงล่างมันแน่น หนึบดูดถนนมากๆ พร้อมกับเครื่องยนต์ในการใช้งานตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดีมากๆตัวนึงแม้จะเป็นดีเซลก็ตาม และหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ที่เด่นและสวยงามตามแบบฉบับของ AUDI ก็เป็นจุดที่ทำให้หลายๆคนเลือกใช้กัน อย่างที่บอกไปว่า ถ้าคนที่รักการขับขี่ ขับสนุก มองมาค่ายนี้แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้รีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares