Nissan ประเทศไทยนั้นก็มีการจัดกิจกรรม Nissan Go Anywhere อยู่ในทุกๆปีครับแน่นอนว่ามันเป็นกิจกรรมที่จะพาเราไปขับรถในเส้นทางแปลกๆที่เราไม่เคยไปกันมาก่อน ในประเทศเพื่อนบ้าน หรือต่างประเทศครับ ตามชื่อเลยนั้นเองคือ GO ANYWHERE คือ ไปได้ทุกทางที่เราอยากไปด้วย รถยนต์ของ Nissan ที่เป็นสาย Off Road นั้นเอง โดยในครั้งนี้เราไปถึง มาเลเซีย กันเลยครับไปลองขับเจ้า Nissan Navara – X-Trail -Terra ในหลายๆเส้นทางทั้ง ลุยป่าเขา รวมถึง เส้นทางบนถนนต่างๆที่ทำความเร็วต้องบอกว่าเป็นเส้นทางที่จัดหามาได้ค่อนข้างสนุกเลยครับ และ เลยเอาภาพในทริปนี้พร้อมบอกเล่าความรู้สึกกันนิดหน่อย และที่สำคัญคือในทริปนี้แอดมินถ่ายด้วย Samsung Galaxy S20 Plus ทั้งหมดเลยนะครับผม บอกเลยว่ากล้องนี้เอาอยู่จริงๆเลยสำหรับทริปเที่ยวง่ายๆชิลๆแบบนี้ครับ แต่ถ้าพวกมุมสูงบางส่วนนั้นจะเป็นภาพจากโดรนของทีมงานนะครับ รวมถึงบางรูปที่เป็นบนถนน
ช่วงเช้าทางแอดมินก็เดินทางไปสนามบินพร้อมกับพี่ๆสื่อหลากหลายยท่านเพื่อจะบินไปยัง มาเลเซียครับ แน่นอนว่าในทรอปนี้ต้องบอกก่อนว่าจะเป็นการขับแบบ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกนั้นจะขับจากไทยไปมาเล กลุ่ม 2 จะขับในมาเลขึ้นลงเขา ส่วนกลุ่มที่ 3 นั้นจะขับกลับมานั้นเองซึ่งเส้นทางก็มีลุยๆผสมกันไปครับโดยทางแอดมินเองนั้นได้เป็นกลุ่มที่ 2 ขับในมาเล เลยทำให้ต้องนั่งเครื่องบินไปลงและขับในประเทศมาเลเซียนั้นเอง ทางเราขึ้นเครื่องบิน การบินไทย บินไปไม่นานก็ถึงแล้วครับ ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมงถือว่าใกล้ๆมากๆเลยสำหรับบินไปประเทศมาเลเซีย คนเยอะพอสมควร
เมื่อถึงสนามบินมาเลเซีย เรามาลงที่ กัวลาลัมเปอร์ ครับและแน่นอนว่าเมื่อมาถึงแล้วนั้นทางเราก็ออกมารอขบวนรถที่ทาง Nissan เตรียมมาไว้ให้ครับ ก็ขับกันตั้งแต่ลงเครื่องเลย ตามหมายเลขที่แจ้งกันไปว่าคันไหนนั่งกันยังไงโดยปกติแล้วคันนึงจะนั่ง 2 คนแบ่งกันขับแล้วแต่สะดวกเลยครับ ทางเราได้รถ NAVARA ก่อนในครั้งแรก โดยจะขับไปยังร้านอาหารเป็นจุดที่จะ บรีฟเกี่ยวกับเส้นทาง ในตลอดระยะเวลา 3 วันนี้ว่าจะไปไหนอะไรยังไงกันบ้างนั้นเองครับ
มาถึงร้านอาหารก็ขับกันมาซักพักครับระยะทางไม่ไกลมาได้ลองขับเส้นทางในเมืองนอกเมืองตามทางด่วนพวกนี้ถือว่า เป็นเมืองที่ค่อนข้างขับสบายถนนเรียบและไม่วุ่นวายเท่าไรนักครับ และระเบียบข้อบังคับค่อนข้างเข้มงวดกว่าไทยพอสมควรเลย เมื่อมาถึงร้านเราก็นั่งทานอาหารเป็นสไตล์พื้นเมืองของเค้า เครื่องแกงอะไรเด่นพอสมควรครับ และ ทางผู้บริหาร นิสสัน คุณปีเตอร์ก็กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนทั้งหลาย พร้อมขอบคุณที่มาเข้าร่วมกับทางนิสันในครั้งนี้ครับ ในการร่วมทริปครั้งนี้ก็มีรถให้ลองขับกันหลากหลายรุ่นพอสมควรครับ ทั้ง NAVARA TERRA X-TRAIL และมีคนร่วมทริปเยอะพอสมควรเลย และในมาเลเซียนั้นเองก็ถือว่าเป็นเมืองที่มีภูเขาเส้นทางสวยๆเยอะมากครับ ในส่วนของเส้นทางที่ 2 กลุ่มเรานั้นจะเดินทางจาก กัวลาลัมเปอร์ไปยัง กวนตัน ซึ่งเป็นเหมือนการข้ามฝั่งไปอีกโซนนึงเลยครับ ตะวันออก ตะวันตก แน่นอนว่าขับตามเส้นภูเขา ตีตีวังซา ไปนั้นเองถือว่าเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสนุกและขับขึ้นลงเขาได้แบบไม่น่าเบื่อพร้อมวิวสวยมากๆ
แน่นอนว่าในวันแรกนั้นทางเราได้ขับรถ NISSAN NAVARA ตัว VL 4X4 2.5 ตัวเทพสุดมาพร้อมกล้องรอบคันและระบบจัดเต็มครับ โดยเส้นทางในวันแรกหลังจากลงเครื่องทานอาหารกลางวันอะไรกันเรียบร้อยก็เริ่มลุยในเมืองไปยาวๆครับทั้งวันเลย เส้นทางแรกจากร้านอาหารกลางวันไปยังที่แวะจุดแรกคือ ริมทะเล มี STARBUCKS อยู่ครับและมีวิวทะเลสวยงามและแดดบอกเลยว่าที่นี้แรงมาก แต่ไม่มีฝุ่นแบบในไทยนะ เส้นทางจาก จากกรุงกัวลาลัมเปอร์มุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง มะละกา เส้นทางรวมๆนั้นขับดีอย่างมากและขับตามกฎหมายกันเป๊ะๆ 110 ครับ และจากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่เมืองระยะทางของวันนี้จะประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นการขับไปสู่โรงแรมในตัวเมือง มะละกา นั้นเองแน่นอนว่าเน้นใช้งานบนถนนทางด่วนเป็นหลักครับ เราได้ของขับเจ้า NAVARA เอาจริงๆมันเป็นรถกระบะ แต่ถือว่าขับได้ค่อนข้างสบายและฟีเจอร์ภายในต่างๆนั้นตอบโจทย์ค่อนข้างเยอะไม่ต่างกับรถทั่วไปเลยครับ ขับสบายและง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะมาก มีหน้าจอ ระบบนำทาง กล้องรอบคัน รวมถึงแอร์แยกซ้ายขวาอะไรมาให้ครบเลยแหละ
ในเส้นทางขับไปสู่ตัวโรงแรม NOVOTEL ครั้งนี้แน่นอนว่าขับตามกับเป็น ขบวน มีจังหวะแซง ขับอะไรได้อิสระพอสมควรเลยครับ ในตัวหน้าจอตัวนี้รองรับ Android Auto ด้วยนะเลยทำให้ใช้งานนำทางได้จากมือถือไปยังหน้าจอติดรถเลยทำให้ไม่มีหลงและสะดวกมากๆในการเปิดเพลงอะไรต่างๆครับ เราขับกันระยะทาง 200กิโลก็มาถึงโรงแรมช่วงเย็นพอดีครับแสงเย็นหน้า โรงแรมกำลังสวยเลยถ่ายรูปนิดนึง ในการขับขี่กระบะ บนถนนเรียบนั้นก็ผ่านมาได้ด้วยดี เหมือนกับขับรถทั่วไปไม่ได้รู้สึกว่าเป็นกระบะเท่าไรเลย แต่จะมีช่วงเร่งแซงที่รู้สึกมามันแรงบิดอะไรมาสะใจมากๆ
เมื่อถึงโรงแรมเรียบร้อยทาง นิสสันก็ยังไม่ให้เราเข้าพักผ่อน พาเราไปทานอาหารเย็นชมเมืองกันครับแต่แน่นอนว่ามา มะละกาซะทีต้องพาชมเมืองนั่งรถถีบที่มีความหวานมากๆจนไม่กล้านั่งเลยในตอนแรกครับ พาชมเมืองบ้านเมืองของเค้าจะเป็น สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานพอสมควรเลย ต้องบอกก่อนว่า มะละกา เป็นเมืองท่าที่สำคัญพอสมควรครับ และ เคยถูกยึดครองจากโปรตุเกส สู่เนเธอแลนด์ และ อังกฤษ เราจึงเห็นสถาปัตยกรรมที่แปลกตาหลากหลายผสมกันเต็มไปหมด แต่ก็มีเอกลักษณ์พอสมควรครับ อากาศในเมืองเค้าเหมือนบ้านเราเลยนั้นเองแต่ลมมาเรื่อยๆไม่ร้อน
หลังจากนั่งรถถีบแล้วเราก็มานั่งเรือชมเมืองยามค่ำคืนกันนิดนึงต้องบอกว่าสบายมากๆเพราะนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ค่อนข้างน้อยอาจจะด้วยกระแสไวรัสต่างๆครับ เลยทำให้เมืองนั้นแอบเงียบไปหน่อยแต่ก็สบายเวลาเดินทางไปไหนมาไหนครับ อากาศที่นี้ค่อนข้างถ่ายเทและมีลมตลอดเลยไม่ร้อน นั่งเรือก็ชิลๆ แม่น้ำอะไรสะอาดและมีการแตกแต่งตามทางเรื่อยๆครับมีไฟเล่นแสงสีสวยงามมากๆ เป็นการจัดพื้นที่ที่ดูใส่ใจดีเหมือนกันและสะอาดมากๆชอบจุดนี้มากครับ
หมดวันแรกหลังจากขับรถ นั่งเรือชมเมืองแล้วเราก็มาทานอาหารเย็นกันที่ HardRock Cafe ที่ไม่ไกลจากตัวโรงแรมมากนักครับ แน่นอนว่าร้านนี้เราคุ้นเคยกันดีในไทยก็มีครับ มีอาหารหลากหลายและสเต็กเนื้อชั้นดีมาให้ทาน มื้อนี้ทาง Nissan เลี้ยงแบบจัดเต็มยาวๆไปครับ แน่นอนว่าหายเหนื่อยกันเลยทีเดียว หรือถ้าใครจะออกไปถ่ายรูปชมเมืองเองก็ได้ครับถือว่า เป็นเมืองที่ไม่ได้น่ากลัวและในโซนนี้มีแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางร้านอาหารหลากหลายพอสมควร
เริ่มวันที่ 2 ในวันนี้จะเป็นการลุยแบบ OffRoad ครับแน่นอนว่าก่อนจะออกไปทางแอดมินขอออกมาเดินเล่นนิดหน่อยในบริเวณรอบๆโรงแรมครับ ตอนเช้าผู้คนไปทำงานกันรถเยอะพอสมควรเลยอากาศกำลังดีไม่ร้อนมากครับ ร้านอาหารจะเปิดมีพวกร้านกาแฟ ชาร้อนเยอะมากๆและคนเยอะพอสมควรเลยแหละ และมีพวก 7-11 อยู่บ้างแต่ไม่ได้ใหญ่หรูแบบบ้านเราเลยครับ ส่วนทางด้าน Supermarket ห้างต่างๆนั้นจะเปิดบริการประมาณ 10 โมงเช่นกัน
ในวันนี้เราจะได้ขับตัว SUV ตัวเทพของค่ายเป็น Nissan X-TRAIL นั้นเองครับสีดำเข้มๆตัวท็อปสุดของรุ่นนี้เลยมาพร้อมหลังคา Panoramic ด้วยเช่นกันเหมือนกับที่เราเคยรีวิวกันไป เส้นทางในวันนี้เราจะได้ลุยกันเต็มที่ และขับขึ้นเขาครับรู้สึกได้รถที่ค่อนข้างขับสบายและเหมาะกับเส้นทางอยู่นะ เราขับมุ่งหน้าสู่ เอ็กซ์เพรสเวย์ ที่จะพาเราเข้าสู่เทือกเขา ตีตีวังซา แน่นอนว่าเขานี้ ตอนเหนือของเทือกเขานี้ คือ สันกาลาคีรีที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ของไทย นั้นเองคุ้นๆกันและใหญ่มาก เส้นทางนั้นขับง่ายขับสบายพอสมควรครับและด้วย X-TRAIL นั้นมี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICC) เลยทำให้เส้นทางแบบนี้นั้นขับสบายมาก ชะลอให้เอง เร่งให้เองเราแค่คุมพวงมาลัยแค่นั้นเลย
ก่อนที่เราจะขึ้นเขาที่ทางจะคับแคบและเหมือนกับการขับขึ้นเขาใหญ่นั้นเราจะแวะพักกันก่อนที่ STARBUCKS อีกครั้งและต้องบอกก่อนว่าในทริปนี้เช้าถึงเย็นจะไม่มีการเติมน้ำมันเลยครับ เลยพอขับคร่าวๆได้ประมาณ 11 โลลิตร แน่นอนว่าการที่เรามีหลังคา พาโนรามิคนั้นทำให้การขับขี่ค่อนข้างโปร่งโล่งและสบายแต่ก็มีบางจังหวะที่แดดแอบแรงจนต้องปิดไปบ้างครับแต่ช่วงขึ้นเขาแอดมินเปิดขับ สบายมากกรับอากาศข้างนอกมาสบายๆเลย ช่วงทำความเร็วก่อนขึ้นเขาก็มีให้อัดอยู่ ถือว่าช่วงล่างของ X-Trail นั้นมันยังคงทำได้ประทับใจอยู่มากๆในช่วงความเร็วสูง และช่วงตีนต้นนั้นต้องบอกว่าแอบมีอั้นๆบ้างแต่ช่วงหลัง 80 ขึ้นไปไหลเป็นน้ำตกเลยครับขับแปปๆ มา 140-160 แบบงงๆ คือมันไหลปลายได้ดีมากๆเหมาะสำหรับเส้นทางแบบนี้จริงๆ และเบานั่งอะไรเซ็ทมาให้นั่งขับสบายไม่เมื่อยล้าเลย
เส้นทางก่อนที่เราจะเข้าไปสู่เส้นทางลุยแบบจริงจังนั้นจะคล้ายๆกับการขับขึ้นเขาใหญ่บ้านเราเป๊ะๆจนบางทีคิดว่า นี่เราอยู่ประเทศอะไรกันแน่นนะ มันคล้ายกันมากจริงๆทั้งเส้นทาง ภูมิประเทศ สภาพแวดล้อมมันเหมือนไทยมากๆครับ มีแค่รถยนต์เท่านั้นที่ยังให้ความรู้สึกว่า อ้ออยู่ มาเลเซียถ่ายไปมาหลายๆคนอาจจะคิดว่าภาพจากไทยไหมเพราะบรรยากาศมันให้จริงๆครับ เส้นทางที่ขับขึ้นลงเขา ทางช่วงล่างตัวนี้เอาอยู่แบบไม่ต้องกังวลครับ ซัดโค้ง เทโค้งสบาย
เมื่อเข้าสู่ถนนดิน ลุยๆแล้วก็เริ่มที่จะได้ลุยกับเค้าบางปรับมาเป็นขับสี่ ลุยผ่านน้ำ ขึ้นเนินอะไรชิลๆครับ จริงๆทางนั้นต้องบอกว่ามันอาจจะไม่ได้โหดมากหรือลุยจริงจังแต่ก็ถือว่าขับสนุกพอสมควรครับเพราะว่าหลายๆคนอาจจะไม่ได้ขับเส้นทางแบบนี้บ่อยเลยเน้นไม่ได้โหดจัดอะไรแบบนั้น แต่ก็ถือว่าลุยสนุกพอสมควรสำหรับเจ้า X-Trail ที่ลุยน้ำระดับนึงและมีร่องมีเนินที่ต้องลุ้นๆอยู่บ้างครับถือว่าทางสนุกกำลังดีเลยแหละ ส่วนเส้นทางนี้จะพาไปยัง ที่กินข้าวกลางวันที่จะไปตั้งกันอยู่กลางป่าเขาครับ เราต้องขับเพื่อที่จะไปทานอาหารกัน มีแรงหิวเป็นตัวพลักดันให้สู่เป้าหมายได้ดีครับ
ในการลุยนั้นเราขอลองเปิดขับ 4 Auto กันนิดนึงและขึ้นเนินแบบโหดๆเร่งสุดๆทางรถยนต์ X-Trail นั้นก็ถือว่าฉลาดแบ่งกำลังล้อมาได้กำลังดีรถไม่เป๋ ไม่หลุดไม่ไหล ไม่ฟรีอะไรเลยแม้จะเร่งแบบเต็มที่เพื่อลองระบบครับ ตัวหน้าจอจะมีบอกว่าการขับเคลื่อนนั้นกระจายไปล้อไหนมากกว่ากันอยู่ด้วยนะ จะเห็นว่าแบ่งไปล้อหลังอยู่พอสมควรครับ ส่วนกล้อง 360 องศานั้นต้องบอกว่า ไม่ได้ใช้งานแค่ตอนจอดรถแต่มันเหมาะมากสำหรับลุยดูก้อนหินข้างหน้า ดูต้นไม้ข้างๆครับ
ลุยน้ำลงลำธารกันพอนิดหน่อยประมาณครึ่งล้อในบางช่วงมีทั้งตื้นและลึกครับสลับกับไปและมีก้อนหินอยู่บ้างนิดหน่อย พอลุยได้ดีสำหรับเจ้า X-Trail ครับคันที่แอดมินขับก็สามารถลุยผ่านได้แบบชิลๆไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ด้วยความหิวนั้นทำให้เราขับผ่านในแต่ละช่วงไปแบบเร็วๆมากจนเหมือนกับเส้นทางปกติเลยแต่ละคันไม่ยอมกันเลยทีเดียวครับ
มาถึงแล้ว ! ในส่วนของที่ทานอาหารกันครับในครั้งนี้มาจัด แคมป์ปิ้งที่ไปตั้งอยู่ในหุบเขาที่เส้นทางกว่าจะเข้าไปได้นั้นลำบากอย่างมาก แต่จริงๆมันมีอีกเส้นที่เข้าจากถนนใหญ่ได้เลยแต่เส้นทางมันง่ายไปเราไม่เอาครับ ทาง Nissan เลยพามาอีกทางได้ลุยสมใจ ส่วนทางด้าน อาหารการกินนั้นก็ อร่อยใช้ได้ในหลายๆเมนู และมีบางเมนูที่แอบแปลกๆครับ ตามภาษาพื้นบ้านเค้า มีทั้ง ข้าวผัดเห็ด กับ ข้าวผัดปลา รวมถึงมีสลัดต่างๆและ BBQ นิดหน่อย และที่อร่อยสุดคงหนีไม่พ้น แกะย่างครับ ทำได้อร่อยมากก และมีรสชาติเลยแหละไม่มีกลิ่นด้วย รวมถึงไก่ย่างก็จัดมาให้ รวมถึงมีไข่เจียวมาให้เผื่อใครที่เน้นพื้นๆครับ ก็รองรับเมนูอาหารหลากหลายพอสมควรสำหรับกลางหุบเขา และมีเครืองดื่มอะไรครบ
เมื่อทานอาหารอะไรกันเรียบร้อยแล้วนั้นทางเราก็ขับลุยไปอีกทีนึงย้อนกลับไปแต่จะเป็นการสลับเปลี่ยนคนขับกันบ้างเพื่อที่จะได้ลองขับ 4X4 กันทุกคนครับแน่นอนว่าลุยกันฝุ่นเยอะเอาเรื่องและเส้นทางนั้นเจอใบไม้ต้นไม้รกๆพอสมควรแอบขูดสีรถไปเยอะมากๆครับแน่นอนว่าสีดำแบบนี้เห็นได้ชัดพอสมควรจนแอบตกใจเลย แต่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับสายลุยครับ นักรบย่อมมีบาดแผลแน่นอน
เมื่อลุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นทางเราก็ขับลุยขึ้นเขาข้ามฝากมาอีกฝั่งของประเทศครับมาสู่โรงแรง Hyatt ที่ กวนตัน อยู่ริมทะเลเลยครับโรงแรมนี้ แต่ก่อนจะถึงโรงแรมนั้นเราขับกันยาวๆ 300 กม มาถึงเส้นทางไปสู่โรงแรมและแน่นอนว่าข้อได้เปรียบของทาง X-Trail ที่ไปลุยมาคือนั่งสบาย และมีหลังคาให้เราเปิดรับบรรยากาศถ่ายรูปอะไรได้เยอะมากครับ อีกทั้ง ยังมีระบบช่วยอะไรแทรกเสริมเข้ามาทำให้การขับขี่นั้นผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ต้องบอกว่าเส้นทางครั้งนี้มันค่อนข้างสวยและธรรมชาติเยอะมาก จนรูปถ่ายมายังไงก็ไม่ครบครับอยากให้ดูบรรยากาศมากกว่านี้อีกนะมันสวยมาก ธรรมชาติมากๆเลยครับในเส้นทางบนเขาจนไปถึงตัวโรงแรมที่พักของเรา
เมื่อมาถึงที่พักก็ต้องบอกว่าเย็นพอดีเลยไม่ได้ออกไปเที่ยวอะไรกันเท่าไรครับมีแค่เดินเล่นริมทะเลและมีเหมือนร้านค้าริมทะเลคล้ายๆพวก พัทยาบ้านเราอยู่บ้างและมีนักท่องเที่ยวกันเยอะพอสมควรเลย แต่ในโรงแรมนั้นก็มีพื้นที่เยอะมากใหญ่มากครับ เป็นโรงแรมที่ดีอีกโรงแรมนึง และมื้อเย็นนั้นทางโรงแรมก็จัดเต็มเลี้ยงเราเต็มที่ พร้อมพวกปิ้งย่างเนื้อแกะ ปลากุ้งจัดเต็มครับสำหรับทริปนี้และก็ปล่อยพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ก็บินกลับกันแล้วนั้นเอง จริงๆแอบอยากขับต่ออีกนะ แต่ก็เสียดายครับ ส่วนที่ไปขับมาวันนี้ต้องบอกว่าประทับใจมากๆคือเส้นทางมันสวยและขับสนุกครับ
ก็จบกันไปครับสำหรับทริป Nissan Goanywhere พาลุย มาเลเซียครับครั้งนี้ถือว่าเป็นทริปที่พาออกมานอกประเทศอีกครั้งและเส้นทางการขับขี่มีความแปลกใหม่และสวยงามจริงๆ และการได้ลองขับรถหลายๆรุ่นก็มีความแตกต่างกันชัดเจนเลยครับและเส้นทางมันขับสนุกทำความเร็วได้ ลุยก็ได้ พอประมาณครับเลยทำให้มันเป็นทริปที่ค่อนข้างประทับใจมากๆสำหรับ Nissan ครั้งนี้ชอบที่เลือกเส้นทางที่สวยจริงๆวิวข้างทางเห็นตัวเมือง เห็นธรรมชาติ เห็นที่ตั้งของ โซลาร์ เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดรวมถึง ได้เห็นภูเขา วิถีชาวบ้านของมาเลเซียอะไรครบๆเลย และรถก็ตอบสนองการขับขี่ได้ดีทั้ง ระบบภายใน ช่วงล่าง การลุยเครื่องยนต์รวมถึงการขับเคลื่อน 4 ล้อครับไม่มีปัญหาเลยสำหรับการลุยทริปนี้ เป็นการขับขี่ที่สมกับ Go AnyWhere ไปไหนไปกันได้แบบสบายๆ และตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบรถ อเนกประสงค์ด้วยเช่นกันครับ และ ต้องขอบคุณทาง Nissan ที่เชิญทาง TechHangout Auto ไปร่วมทริปนี้นะครับ และ ปิดท้ายด้วยการขึ้นเครื่องกลับ และ กลุ่มที่ 3 นั้นมาขับต่อ ที่จะเดินทางจากกวนตัน ไปยัง รัฐปีนัง และ ข้ามชายแดนด่านสะเดากลับสู่ประเทศไทย นั้นเองครับ