เมื่อไม่กี่วันมานี้บริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เจ้าต่างพากันถอนโฆษณาออกจาก Facebook ไม่ว่าจะเป็น Unilever ที่เป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชื่อดังหลาย ๆ แบรนด์เช่น Dove, Lipton, Sunsilk ฯลฯ ด้วยเหตุผลที่ว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมทั้ง Facebook ไม่สามารถจัดการกับ Hate speech และข้อความที่สร้างความเกลียดชังระหว่างคนในสังคมได้ไม่ดีพอ
ล่าสุดเมื่อวานนี้บริษัทอย่าง Coca-Cola ก็ได้ระงับการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน รวมทั้งบริษัทอย่าง Dockers และ Levi’s ก็ได้ออกมาทำแบบเดียวกัน นอกจากนี้บริษัท Hershey ก็ได้ตัดงบการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียไปถึง 33% ด้วย
ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ CEO ของ Facebook อย่าง Mark Zuckerberg หันมาสนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่มีทั้งการโพสต์ที่รุนแรง การสร้างความเกลียดชัง การเผยแพร่ข่าวปลอม การใส่ร้ายป้ายสี ฯลฯ
โดยการถอนโฆษณาออกจากเฟสบุ๊คตามที่กล่าวไปข้างต้น ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Facebook ตกลงไปถึง 8.3% ทำให้มูลค่าของบริษัทลดลงกว่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ รวมทั้งทรัพย์สินส่วนตัวของ Mark Zuckerberg ลดลงถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ
และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ ฯ อย่าง Verizon ที่ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของก็ได้ถอนโฆษณาออกจาก Facebook เช่นกัน โดยเม็ดเงินที่ Verizon ลงไปกับการโฆษณาบน Facebook ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน คิดเป็นจำนวน 1.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ และเม็ดเงินที่ลงไปกับการโฆษณาบน instagram ในช่วงเวลาเดียวกัน คิดเป็นจำนวน 4.07 แสนดอลลาร์สหรัฐ ฯ
นอกจากนี้ผู้บริหารของ Verizon ได้เผยว่าเรามีนโยบายที่ชัดเจนในการลงทุนไปกับการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย และเมื่อนโยบายดังกล่าวถูกละเมิด เราก็มิได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด ดังที่เราได้ถอนโฆษณาบน Facebook ออกจนกว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวจะหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เป็นที่ยอมรับได้
เราคงต้องรอดูว่า Facebook จะการตอบสนองอย่างไรต่อเรื่องแบบนี้ เพราะรายได้จากโฆษณาที่สูญเสียไปถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า Facebook จะออกนโยบายแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน ทำให้ในอนาคตเราอาจได้ใช้โซเชียลมีเดียกันอย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
