ใครที่ติดตามเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนอยู่นั้น คงต้องพอจะรู้เกี่ยวกับระบบชาร์จไฟแบบ PD หรือย่อมาจาก USB Power Delivery นั้นเอง ชื่อนี้ถ้าหลายๆคนไม่เคยรู้จักก็อาจจะงงๆหน่อย แต่เข้าใจง่ายๆคือมันเป็น มาตรฐานการชาร์จไว อีกมาตรฐานนึงครับ คล้ายๆ (ควิกชาร์จ) Quickcharge 3.0 2.0 ต่างๆของค่าย Qualcomm นั้นแหละครับ แต่อันนี้เป็นระบบใหม่ที่ไวและดีอีกเช่นกัน PD เป็นระบบการจ่ายไฟ ผ่านช่องชาร์จ USB-C ใช้สาย USB-C เป็นตัวเชื่อมต่อ ซึ่งจะจ่ายไฟตามมาตรฐานแรงดันไฟโวลท์ (Voltage) ได้ตั้งแต่ 5V ถึง 20V เพื่อเพิ่มระดับพลังงานให้กับ มือถือ หรืออุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้ชาร์จมือถือ หรืออุปกรณ์ได้เร็วขึ้นกว่าของเดิม หรือระบบอื่นๆ แถมยังโดดเด่นในเรื่องการเกิดความร้อนที่น้อยกว่าและปลอดภัย

แต่ในเรื่องของ PD นั้นจ่ายไฟได้เยอะ แต่ก็ต้องดูว่าตัวเครื่องนั้นรับได้เท่าไรนะครับ เช่น iPhone Xs MAX / iPhone X / iPhone 8 นั้น รองรับที่ 9V 15W และเคลมว่า ชาร์จได้สูงสุดถึง 50% ภายใน 30 นาที เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรามาลองดูกันเลย จากชุด Power Delivery จากทาง ESR และ สาย USB-C TO Lighting อันนี้สำคัญครับต้องใช้สายแบบนี้นะ เพราะถ้ากรณีใช้สายแถมกับเครื่องระบบชาร์จไวมันจะไม่ทำงาน และ ถึงแม้จะใช้ PD สูงๆ แต่ยังไงเครื่องก็รับได้แค่ 15W สูงสุดนะครับ สำหรับการชาร์จ

จริงๆ PD นั้นก็สามารถใช้กับ Android ได้เกือบทุกแบรนด์เลยแหละครับ ไม่จำเป็นต้องเพียงกับ iPhone เท่านั้น แต่แอดเองก็เลือกแบบใช้ได้ทั้งหมด สำหรับวันนี้จะมารีวิวเป็น ชุด PD เต็มรูปแบบ ในรถ ในบ้าน นอกบ้านพกพา จัดเต็มครับเราจะมาดูกันว่าจะไวแค่ไหน และคุณภาพโดยรวมเมื่อเทียบกับราคา จะสมราคาไหม ราคาแต่ละชิ้นคือ ที่ชาร์จในรถ QC 3.0 + PD ราคา 690 บาท , ชาร์จไฟบ้าน PD ราคา 890 บาท , Power bank 890 บาท และ สายชาร์จ Type-C to Lightning ราคา 349 บาท จากร้าน BrightkGadget  

UNBOX 

ตัวกล่องของแต่ละรุ่นก็มีสินค้าที่แตกต่างกันสำหรับของในกล่องก็มีมาชิ้นเดียวตามปกติครับ แต่ที่มีแตกต่างกันก็คือตัว Powerbank นั้น จะมีสายชาร์จไฟเข้ามาให้เป็นสาย Micro USB แต่ที่จริงก็ใช้สาย Type-C ชาร์จไฟเข้าได้เหมือนกันครับ ส่วนสินค้าตัวอื่นๆก็มีแค่สินค้ามาเลยกับใบคู่มือ ต่างๆครับ กล่องเป็นกล่องกระดาษมาในโทนขาวมีสายชาร์จจะเป็นสีส้มเด่นกว่าคนอื่นเค้า และหน้ากล่องจะบอกหมดเลยว่ารองรับ PD , QC อะไรบ้าง , ชาร์จไฟกี่ Watts ต่างๆ เป็นต้นครับ

SPEC ESR PD

เรื่องของสเปคแน่นอนทุกรุ่นนั้นรองรับ PD กันทั้งหมด แต่จะมีบางชิ้นที่รองรับ Quickcharge 3.0 ด้วย แต่บางชิ้นก็ไม่รองรับรวมถึงการจ่ายกระแสไฟแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันเราจะมาส่องสเปคกันก่อนครับว่าแต่ละรุ่นจ่ายไฟเข้า-ออกได้เท่าไรและผ่านช่องอะไรได้บ้าง และแน่นอนว่าโดยทั่วไปจะเป็นช่อง Type-C เป็นหลัก และ USB-A ครับผม

ESR CAR CHARGER QC3.0 + PD — 690 บาท 

  • AC Input : DC 12-24V
  • Output : 2 Port  (Type-C / USB QC3.0)
  • Type-C : 5V/3.0A, 9V/3.0A, 12V/2.25A
  • USB QC3.0 : 5V/3.0A, 9V/2.0A, 12V/1.5A

ESR PD WALL CHARGER  PD —  890 บาท

  • AC Input : 100-240V-50/60HZ 1A
  • Output : USB-C 5V/3.0A PD , 9V/3.0A PD, 14.5V/2.A PD
  • Output : USB-A  5V/2.4A

ESR Power Bank 10000mAh QC3.0 + PD—  890 บาท

  • AC Input : Micro USB: 5V-2A/9V-2A, USB-C: 5V-2A/9V-2A
  • Output : 18W Max, 18W สำหรับ พอร์ท USB-C และ 18W สำหรับช่อง USB-A เมื่อใช้ช่องเดียว /                     USB-C และ USB-A จ่ายไฟ 5V-3A เมื่อใช้พร้อมกัน
  • Capacity Rating: 5900mAh 5.1V (1A)
  • Charging Time: Fast charge 2.5~3.5 hours, standard charge: 4.5~5.5 hours
  • Battery Capacity: 10000mAh/37Wh, Cell Life: More than 500 cycles
  • 281 g

ESR TYPE-C TO LIGHTING  PD 

  • Nylon สายถัก  รองรับสูงสุด 5V 2.4A และ 12 Watts  USB 2.0

DESIGN 

การออกแบบของดีไซน์สินค้า ESR ซึ่งแน่นอนเป็นแบรนด์เดียวกัน Accessories ต่างๆ ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมาในโทนสีขาว และดำซึ่งจะมีให้เลือกนะครับทั้ง ตัวที่ชาร์จในรถยนต์ , Powerbank , หรือจะเป็น ที่ชาร์จในบ้าน ต่างก็มีทั้งขาว-ดำให้เลือกใช้งานกัน ดีไซน์จะมาในแบบ เน้นความเรียบง่ายและเน้นใช้งานวัสดุที่เป็นพลาสติก เงาและด้าน ค่อนข้างแข็งแรงและงานประกอบดีเลยทีเดียว แต่อะไรที่เงาๆนั้น ก็อาจจะเป็นรอยขนแมวง่ายกว่าปกติครับ ซึ่งแน่นอนว่าต้องระวังกันหน่อย แต่ในส่วนของ Powerbank สบายใจได้ มาพร้อมกับพลาสติก ABS แบบด้านมี Texture เล็กน้อยเป็นรอยค่อนข้างยากครับเพราะเน้นพกพาต้องทนทานจากรอยต่างๆ

สำหรับตัว Powerbank นั้นมาพร้อมกับขนาดที่มีความใกล้เคียงกับทาง iPhone XS Max แต่สั้นกว่านิดนึงและหนากว่าแต่ถึงแม้จะเห็นหนาแบบนี้ของจริงก็ไม่ได้หนักแต่อย่างใดครับถือว่ายังอยู่ในระดับที่พกพาง่ายไม่ได้เป็นภาระมากนัก วัสดุโดยรวมเป็นพลาสติก ABS ขึ้นรูปทั้งชิ้น และขอบรอบตัว Powerbank ดีไซน์เป็นเหมือน Bumper รอบตัวบอดี้อีกด้วย สำหรับวัสดุที่ใช้เป็นสีขาวแน่นอนอาจจะเกิดการเลอะง่ายหน่อย สำหรับการเกิดรอยขนแมวนั้นยากครับ เพราะด้วยความที่เป็นลักษณะแบบด้าน ส่วนช่องทั้งหมดของ Powerbank จะมีมาให้ครบคือ ช่องไฟออก USB-A QC3.0 ช่องไฟเข้า Micro-USB และ ช่อง USB-C ที่รองรับ PD ทั้งเข้าและออก ส่วนตัวปุ่มมีเพียง 1 ปุ่มคือปุ่ม สำหรับเช็คสถานะไฟ ซึ่งจะมีไฟจุด LED 4 ดวง ตรงกลางเหนือช่อง Micro-USB ครับ

ตัวสายอันนี้เป็นสายของแบรนด์ ESR ที่เป็นหัวแบบ USB-C และ Lighting สายตัวนี้จะทำให้รองรับการใช้งาน PD ได้และคุณภาพที่ค่อนข้างใกล้เคียงสายแท้ครับ จากที่ได้ลองถือว่าใช้เวลาต่างกันไม่ถึง 15 นาทีในการชาร์จครับ ตัวสายเป็นลักษณะ สายถัก ด้วยวัสดุ Nylon มีหลายสีให้เลือก อีกทั้งหัวข้อต่อค่อนข้างแข็งแรงเลยแหละ มีความหนาและมีที่รัดสายมาให้อีกด้วย

สำหรับตัวที่ชาร์จในรถนั้น ทำจากพลาสติกเเข็ง ABS คุณภาพดีเเข็งเเรง ทนความร้อนสูง ซึ่งป้องกันไฟเเละทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับวัสดุแบบเงา และมีความยาวพอสมควร รถบางคันอาจจะโผล่ออกมานิดหน่อย และในส่วนของตัวบอดี้มีลักษณะสี่เหลี่ยม รูปร่างมนๆ รวมถึงมี ช่อง USB-C PD และ USB-A QC3.0 และสามารถเห็นสถานะไฟ ตรงกลางระหว่าง 2 ช่องนี้ จากที่ลองทดสอบดูแล้วค่อนข้างดี งานประกอบแน่นและไม่ร้อนเท่าไร ช่องเสียบก็ทำได้พอดี ไม่แน่น ไม่หลวมเกินไป

สำหรับตัวที่ชาร์จในบ้าน จะมีขนาดใหญ่หน่อย มาพร้อมกับช่องเสียบ 3 ช่อง จะมีช่อง USB-A 2 ช่องสำหรับรองรับไฟ 5V/2.4A ครับ และ ช่อง USB-C ที่รองรับ PD แต่น่าเสียดายไม่มี QC3.0 ครับผม อีกทั้งมีขนาดค่อนข้างใหญ่หน่อย แต่ยังดีที่หัวปลักนั้นสามารถพับเก็บเข้าไปได้และเป็นปลั๊กแบนจึงสะดวก สำหรับน้ำหนักในการพกพานั้นอาจจะลำบากหน่อย เพราะเหมาะสำหรับใช้ที่บ้านมากกว่า สำหรับส่วนตัวที่พกไปอาจจะหารุ่นแบบเล็กกว่านี้แทนได้ครับที่มีแต่  TYPE-C วัสดุเป็นพลาสติกเงาในส่วนขอบทั้งหมดครับแต่ส่วนด้านข้าง 2 ข้างนั้นเป็นพลาสติกเงาพร้อมกับโลโก้แบรนด์ครับผม

PD CHARGE TIME 

สำหรับระยะเวลาในการชาร์จ ซึ่งที่แอดมินได้ลองใช้งานกัน จะเป็นการใช้สายของ ESR และมีการเทียบกับสายแท้ของ Apple กันด้วย เพื่อที่จะดูเวลาในการชาร์จไฟเข้า และแน่นอนว่าถ้าสายดีๆ จะทำเวลาได้ค่อนข้างไวใกล้เคียงกับสายแท้เลยแหละ ในส่วนของแต่ละตัวนั้นจะชาร์จไวแตกต่างกันไหมเราต้องมาดูการเทียบเวลากันซักหน่อยครับ

เวลาในการชาร์จ สำหรับสาย ESR นั้นจากแบต 4%-100% แอดมินเสียบชาร์จใช้เวลาทั้งหมด 2 ชม ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างไวเมื่อเทียบกับของเดิมที่มาจากกล่องครับ ความร้อนถือว่าร้อนน้อยครับ และ แบตจะเข้าไวมากในช่วงเวลา 0-60% และจะเริ่มช้าลงในช่วง 70-100% ซึ่งเป็นปกติโดยทั่วไปนะครับ เพราะช่วงแรกไฟเข้าที่ 9V แต่ช่วงหลังนั้นไปจะเข้าที่ 5V เป็นการถนอมแบตเตอรี่ไปในตัว แต่จะไวมากจริงๆในช่วง 30 นาทีแรก คือได้ 50% แน่นอนตามที่เขียนไว้เลยครับแม้จะใช้กับสาย ESR

ส่วนการเทียบเวลาในการใช้สายแท้นั้นจะเกือบเท่ากันเลยคือจากแบต 4%-100% ใช้เวลา 1.50 นาที เวลาในชาร์จนั้นทุกอย่างเหมือนกันหมดเคลียร์แอพอะไรต่างๆ และไม่ยุ่งกับมือถือเลยนะครับ ซึ่งสายแท้จะทำได้ไวกว่านิดหน่อยในช่วง 50-100% แต่ช่วงแรกนั้นไฟมาแรงเท่ากันเลย อันนี้จริงๆแทบไม่ได้ต่างกันเลยครับ ไฟเข้าช่วงแรก และช่วงหลังเท่ากัน ถือว่าสายของ ESR ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยแหละครับ

ในส่วนของ Powerbank เวลาในการชาร์จไฟเข้าสู่ตัวใกล้เคียงกับใช้งานตัว Wallcharger เลยครับ หรือจะบอกว่าเท่ากันเลยก็ว่าได้ เพราะจากที่แอดมินได้ลองคือ 30 นาที ได้ 56% และแบตเตอรี่เต็มภายใน 1.50 ชั่วโมงครับถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน และไฟใน Powerbank นั้นลดไป 1 ดวงครับ จากทั้งหมด 4 ดวง ซึ่งชาร์จจนไฟหมดจะได้ประมาณ 3 รอบครับสำหรับตัว  Powerbank เมื่อชาร์จไฟเข้า iPhone XS Max 5-100% ถือว่าได้ 3 รอบแบบสบายใจหายห่วงเลยเชียวแหละ และการชาร์จไฟเข้า Powerbank นั้น ถ้าอยากได้ไวๆ ตัว PD ก็รองรับชาร์จไฟเข้าด้วย ชาร์จไวพอสมควรเลยครับ ซึ่งดีกว่า Micro

ตัวที่ชาร์จในรถนั้น เป็นตัวทีเด็ดเลยเพราะมันรองรับ QC3.0 + PD แน่นอนว่าตัว USB-A นั้นก็รองรับทั้ง 2.0 3.0 ครับ ซึ่งช่องทั้งหมด จ่ายไฟได้ตามจริงตามที่บอกเลยครับ เวลาเลยไม่ต่างกับทั้ง 2 ตัวด้านบน คือจะใช้เวลาเร็วในช่วงแรกส่วนช่วงหลังแบตจะขึ้นช้าครับส่วนช่องของ USB นั้น ถ้าเอา iPhone มาชาร์จจะจ่ายไฟที่ 5.0V / 1.6A  แน่นอนว่าไม่ได้ไวเท่า PD แต่ก็ถือว่าไวกว่าปกติครับ ส่วนการชาร์จไวทั้ง 2 ช่องนั้นสามารถจ่ายไฟแบบไวพร้อมกันได้เลย ส่วนตัว PD รองรับไฟถึง 27W ในพวกรุ่น iPhone XS max /  XS / X / 8 / 8 Plus และ QC3.0 รองรับ 18W ครับ

ESR PD CHARGER + QC3.0

เทคโนโลยี PD เป็นมาตรฐานที่ทาง Android Google แนะนำบอกว่าเป็นมาตรฐานที่ดีสุด และ Apple เองก็ยังออกมารองรับครับต้องบอกว่ายุคนี้หลายๆคนมาใช้ PD กันหมดแล้วและอุปกรณ์เสริมนั้นบอกเลยว่าค่อนข้างหาง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ยิ่งทาง Apple ออกมาลุย PD นั้น ทำให้หลายๆแบรนด์ทำออกมารองรับกันอย่างกว้างขวาง และทาง Android ก็ได้ประโยชน์ไปด้วยครับ แน่นอนว่ามันชาร์จไว ไม่ร้อน และ รักษาแบตเตอรี่ได้ดีครับ เป็นมาตรฐานที่ดี รวมถึงอุปกรณ์ ESR ทำออกมาได้ตามมาตรฐาน ทั้งสายชาร์จ, ตัวที่ชาร์จต่างๆ เวลาแทบจะเท่ากันหมดเลย ถือว่ามาตรฐานดีจริงๆและราคาไม่แพงด้วยครับ

ข้อดี

  • มาตรฐาน PD ทำเวลาได้ดีเหมือนกัน ในทุกอุปกรณ์ และ รักษาความร้อนได้ดีด้วย
  • วัสดุงานประกอบทำได้ดีสมราคา
  • ราคาขายสินค้าไม่แพงแบบที่คิด และ ช่องพอร์ทค่อนข้างเยอะใช้งานครบ
  • สายชาร์จ ESR ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับสายแท้แทบไม่ต่างกัน
  • น้ำหนักของ Powerbank เพียง 280 g ไม่หนักแบบที่คิด

ข้อสังเกตและบ่งชี้

  • ตัว Wall Charger ยังไม่รองรับ QC3.0 ถ้ามีมาจะครบเลยทีเดียว
  • ตัว Adaptor สำหรับในรถแอบยาวไปนิดเมื่อเสียบใช้งาน

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

หากว่าใครสนใจสามารถเข้าไปสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ FACEBOOK : BrightkGadget  ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้เลย

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares