BLACK WIDOW ตัวละครหญิงจากทาง MARVEL แน่นอนว่าหลายๆคนคงรู้จักกันดีและคุ้นเคยกันในหลายๆเรื่องของหนัง MCU จนล่าสุดได้มีการทำหนังเดี่ยวของตัวเองออกมาแล้วและเป็น ฮีโร่หญิงเรื่องที่ 2 ของค่ายที่มีหนังเดี่ยว แน่นอนว่าตัวละครนี้ต้องเป็นคนที่ติดตามจริงๆจึงน่าจะพอรู้จักครับ แต่การหยิบตัวละครมาทำหนังเดี่ยวของตัวเองทั้งที่เรารู้ อนาคตของตัวละครนั้นในจักรวาลแล้วว่าจะไม่ได้ไปต่อทำให้หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าจะเล่าเรื่องอะไรยังไง แนวไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องบอกว่าคาดหวังว่ามันจะฟีลเดียวกับ Captain America Winter Soilder แต่เมื่อดูแล้วต้องบอกว่า มันไม่สามารถทำได้แนวนั้นและเป็นหนังที่เรียบง่าย ไม่มีจุดดึงดูดอะไรเด่นๆ และ ต่ำกว่ามาตรฐานของ MCU เท่าที่เคยดูมาทั้งหมดเลยก็ว่าได้หนังไม่สามารถไปให้สุดได้ซักทาง รวมถึงไม่ทำให้เรามีจุดสนใจได้เลยในตัวหนังเรื่องนี้ มันเรียบง่ายไปทั้งเรื่อง ธรรมดาและไม่ได้มีจุดพีค หรือเด่นๆให้น่าจดจำซักเท่าไรในหนังเดี่ยวเรื่องนี้

หลังจากที่ประเทศไทยเลื่อนการเข้าฉายไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าทางแอดเองแอบวาปไปดู Disney+ เมืองนอกก่อนเลยขอมารีวิวกันให้ฟัง ว่าทำไมเป็นหนังที่แอบผิดหวังมากที่สุด และมันไม่ได้เด่นเท่าไรรวมถึงตัวหนังที่เรียบจนไม่สามารถทำให้คนร่วมไปกับหนังได้เท่าที่ควร ตัวหนังเรื่องนี้ได้ ผกก เคต ชอร์ตแลนด์ ที่เราจะรู้จักกันในหนังที่เป็นแนว Berlin Syndrome  ที่อาจจะไม่ได้ตลาดจ๋ามากนัก แต่เมื่อมากำกับหนังแนวตลาดแบบนี้ กลับรู้สึกว่าไม่สามารถสื่ออะไรออกมาได้ชัดหรือเด่นเท่าไร ทำให้แอบเสียดายในหลายๆส่วนของตัวหนังอย่างมาก ในเรื่องของเนื้อเรื่อง บทนั้นต้องบอกว่าหนังเล่าเรื่องอะไรง่ายไปทั้งหมด บทสามารถคาดเดาได้ง่ายและ ไม่ได้ลงลึกอะไรเท่าที่ควรประเด็นหลายๆประเด็นนั้นกลับหยิบใส่มา แต่ไม่มีความลึกหรือทำให้เราอินไปกับตัวละครได้เท่าไร รวมถึงตัวหนังเองนั้นไม่เชิงเล่าไปในแนวสายลับจัดๆหรือว่าไปในแนวทางนั้นให้สุดเท่าไร กลับใส่ประเด็นครอบครัว การล้างแค้น ที่ดูไม่สุดเข้ามา เลยทำให้ตัวหนังเองอยู่ครึ่งๆกลางๆซึ่งแอบน่าเสียดายในจุดนี้อย่างมาก และหลายๆมุกใส่เข้ามาไม่ค่อยเข้ากับหนังเท่าไรนัก ทำให้ภาพรวมนั้น ทั้งตัวบท เนื้อเรื่องมันเลยออกมาแนวเรียบๆ ไม่ได้มีจุดพีค จุดเด่นเข้ามาให้น่าจดจำนัก

นอกจากเนื้อเรื่องที่เรียบๆ แต่ส่วนที่ทำได้ดีก็คงเป็นรักแสดงทั้ง 2 คน ที่ยังคงโดดเด่นในเรื่องของการออกฉากแอคชั่นต่างๆ หรือแม้แต่บทสนทนาต่างๆที่เป็นพี่น้องกัน แน่นอนว่าตัวหนังเองนั้นไม่ได้ส่งให้นักแสดงทั้ง 2 หรือแม้แต่ตัวร้ายเองนั้นให้แสดงอะไรที่มันยากหรือต้องเข้าถึงอารมณ์อะไรมากเลยไม่ได้เห็นการแสดงหนักๆจากนักแสดงหลังเท่า ไรนัก รวมถึงตัวร้ายเองนั้นก็ไม่สมกับการเป็นตัวร้ายเท่าที่คิดรวมถึงตัวละคร Taskmaster ที่น่าจะแสดงอะไรได้มากกว่าที่เห็นในหนังนั้นเองทั้งเรื่องการแสดงต่างๆไม่ได้มีปัญหาและแสดงเท่าที่บทจะส่งไปได้ก็ทำได้ดีแล้วนั้นเอง

งานภาพ และ เสียงนั้นต้องบอกว่าหลายๆฉากทำได้ดี แม้จะไม่ได้มีมุมมองอะไรแปลกๆใส่เข้ามา แต่ช่วงต้นเรื่องรวมถึงอินโทร น่าจะเป็นการเลือกเพลง NIRVANA และ ภาพออกมาสวยที่สุดและเป็นซีนที่ดีที่สุดในหนังแล้วก็ไม่เกินไปทั้งจังหวะอะไรทำออกมาได้ดีมากๆ รวมถึงเพลงประกอบ ส่วนเมื่อเข้าสู่หนังนั้นไม่ได้มีภาพหรือซีนเด่นๆในหนังเท่าไรแต่ซาวนด์ก็สามารถส่งหนังได้ดีไม่มีปัญหาครับ งาน CG ทำได้เนียนสวยหลายๆฉากเลยทีเดียวทั้ง ฉาก อุปกรณ์ต่างแต่จะเห็นมีบางฉากที่แอบหลุดๆไปบ้างแบบชัดเจน และเป็นซีนหลักๆด้วยอาจจะไม่ได้เนียนมากเท่าไรแค่ฉากๆนึงครับ

ภาพรวมเป็นหนังที่ไม่ได้หวือหวา หรือ เด่นเท่าไร และแอบตกกว่ามาตรฐานของ MCU ไปแบบรู้สึกได้ทั้งที่ตัวละครเองนั้นน่าจะเล่นในมุมหนังสายลับ หรือ เล่าเรื่องได้ลึกและเข้าถึงมากกว่านี้เพราะเป็นคนที่มีทักษะพิเศษที่เราน่าจะเห็นการต่อสู้ดิบๆหรือจัดเต็มกว่านี้ รวมถึงปมครอบครัวต่างๆด้วยเช่นกันแต่เรื่องนี้ทำให้ไม่ได้ เลยทำให้มันน่าเสียดายไปจริงๆในการเล่าเรื่องทั้งหมด เหมือนว่าหนังจะเป็นการเล่าเรื่องส่งไม้ต่อให้อีกตัวละครเป็นหนังเพื่อปูทางไปยังเรื่องต่อๆมากกว่าเลยไม่ได้เน้นอะไรมากนักเท่าที่รู้สึก แต่ถ้ามองในแง่สาวกหรือแฟนๆก็ดูเพื่อปูทางหรือเก็บให้ครบ ฆ่าเวลาได้นั้นเอง และสำหรับในไทยนั้นต้องรอเข้าโรงในช่วงเดือนสิงหาคม และทาง Disney+ Hotstar ช่วงตุลาคมอีกทีนะ

By Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares