บทวิเคราะห์จาก Sensor Tower เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตั้งแต่ที่ App Store ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2008 ในไตรมาสที่สองของปีนี้เป็นครั้งแรกที่การใช้จ่ายภายใน App Store ในสหรัฐฯ ที่มาจากแอปที่ไม่ใช่เกม (non-gaming) สูงกว่าการใช้จ่ายภายในแอปเกม
เนื่องจากการเติบโตของการใช้จ่ายภายในแอป non-gaming สูงกว่าแอปเกมถึง 2 เท่า และตั้งแต่ปี 2014 การใช้จ่ายในแอปที่ไม่ใช่เกมเติบโตขึ้นในอัตราทบต้นถึง 40%
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาการใช้จ่าย 50.3% ใน App Store ในสหรัฐฯ มาจากแอปที่ไม่ใช่เกมอย่าง Netflix และ TikTok ซึงสาเหตุหนึ่งมาจากการที่แอปเหล่านั้นให้บริการในลักษณะที่ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือน จากที่ในอดีตกลยุทธ์ในลักษณะนี้ถูกใช้ในแอปเกมเป็นส่วนใหญ่
ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ แอปที่ไม่ใช่เกมจำนวน 400 แอปสามารถทำเงินจาก App Store ได้ราวแอปละ 1 ล้าน$ (ประมาณ36ล้านบาท) ซึ่งจำนวนแอปสูงขึ้นจากในไตรมาสที่สองของปี 2016 ที่แอปที่ทำรายได้ใกล้เคียงกันมีจำนวนอยู่ที่ 50 แอปเท่านั้น
นอกจากนั้นในไตรมาสที่สองของปีนี้มีแอปจำนวน 61 แอปที่สามารถทำเงินจาก App Store ได้สูงถึง 10 ล้าน$ (ประมาณ360ล้านบาท)
ถึงกระนั้นข้อมูลที่เว็บไซต์ Sensor Tower เก็บมาได้ก็มาจาก App Store เท่านั้น ทางฝั่งของ Google Play Store รายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากแอปเกม โดยมีตัวเลขสูงถึง 2.3 พันล้าน$ (ประมาณล้าน8.4หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งแอปที่ไม่ใช่เกมสามารถทำรายได้ได้เพียง 1 พันล้าน$ (ประมาณ3.6หมื่นล้านบาท) คิดเป็นเพียง 30.3% ของรายได้ทั้งหมดของ Play Store
อย่างไรก็ตามในครึ่งแรกของปี 2022 รายได้จากแอปต่างๆ ใน App Store และ Play Store รวมกันอยู่ที่ราว 6.5 หมื่นล้าน$ (ประมาณ2.3ล้านล้านบาท) โดยช่วงเวลาดังกล่าวการใช้จ่ายใน Play Store อยู่ที่ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท (ราว7.6แสนล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้า 7.4% ในขณะที่การใช้จ่ายใน App Store อยู่ที่ประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท (ราว1.5ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 22.1%
ที่มา: https://www.phonearena.com/news/first-time-non-gaming-ios-apps-did-better-than-games_id141388
