Asus ตระกูล Zenbook เปิดตัวกันมาทั้งรุ่น 13-14-15 แน่นอนว่าทางเราก็ได้จับทดลองกันหลากหลายรุ่นแล้วเหลือแค่ในรุ่น 13 เป็นน้องเล็กสุดของทางตระกูลมาพร้อมขนาดที่เล็กมากๆ ZenBook รุ่นนี้จึงกลายเป็นโน้ตบุ๊กขนาด 13.3″ ที่เล็กที่สุดในโลก โดยมีขนาดเล็กกว่ากระดาษ A4 อีกด้วย เบาสุดเพียงแค่ 1.19 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบ วัสดุที่มีความแข็งแรง อีกทั้งยังพกพาได้ง่ายแน่นอนว่ารุ่นเล็กจะเน้นไปเรื่องของการพกพาและบาง เบา อาจจะไม่ได้มีสเปคที่แรงมากนัก แต่ก็ใช้งานทั่วไปได้ดีอย่างมาก  และในครั้งนี้เราได้ลองสัมผัสกับสีใหม่ Burgundy Red ที่ทำออกมาได้ลงตัวและทำสีได้สวยงามมาก มันจึงเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้สำหรับสีใหม่ของทาง Zenbook 13 ตัวนี้ แล้วในด้านการใช้งานจะเป็นยังไงมาชมรีวิวกัน

ZenBook 13 (UX333)มาพร้อมความพิเศษสุดกับนวัตกรรม ‘NumberPad’ ที่จะเปลี่ยนทัชแพดแบบเดิมเป็นแป้นพิมพ์ตัวเลขมีไฟ LED ที่สามารถใช้งานพิมพ์ตัวเลขมากๆ โดย ZenBook Burgundy Red นับเป็นสีพิเศษที่ สวยมากๆ ส่วนในด้านของ หน้าจอความคมชัดระดับ FULL HD พร้อม นวัตกรรมขอบจอบางทั้ง 4 ด้าน หรือ ‘4-sided NanoEdge display’ ช่วยเพิ่มอัตราส่วนหน้าจอต่อเครื่องได้กว่า 95% นำหน้าคู่แข่งในตลาด ทั้งยังช่วยให้การออกแบบตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง นับเป็นโน้ตบุ๊คขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆในขนาดเดียวกัน และมันมีขนาดเล็กยิ่งกว่ากระดาษ A4 ส่วนในด้านความแรง มาพร้อมกราฟฟิคการ์ด NVIDIA® GeForce MX150 พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย และยังมีการ การันตีความทนทาน จากการทดสอบ US Military-Grade (MIL-STD-810G) ในการใช้งานที่สภาพปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับความสูงน้ำทะเล, อุณหภูมิ, ความชื้น รวมถึงการทดสอบการตกกระแทกและการสั่นสะเทือน

ใหม่! สีแดง Burgundy Red
Intel Core i5-8265U ราคา 29,990 บาท
Intel Core i7-8565U ราคา 35,990 บาท ** ตัวที่รีวิวนะครับ i7 

Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U ราคา 26,990 บาท
Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U/MX150 ราคา 29,990 บาท
Windows 10 Home/Intel Core i7-8565U/MX150/NumberPad ราคา 35,990 บาท
NumberPad จะมีในรุ่น Intel Core i7 เท่านั้น

UNBOX

ในการแกะกล่องตัวนี้ตัวกล่องเป็นการออกแบบ จะไม่ได้โชว์รูปตัวเครื่องแต่ก็เป็นกราฟฟิคสวยๆครับเขียนว่า Zenbook แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวขนาดเท่าไรในหน้ากล่อง เมื่อเปิดกล่องออกมาก็มีของอะไรมาให้ค่อนข้างเรียบร้อย และพร้อมใช้งานครับ

  • ตัวเครื่อง Zenbook 13
  • ซองผ้าใส่ตัวเครื่อง
  • ตัวแปลง USB-LAN
  • Adaptor ชาร์จไฟรองรับ ชาร์จเร็ว
  • คู่มือ การรับประกันต่างๆ

DESIGN

การออกแบบนั้นยังคงดีไซน์ได้ดีเป็นแบบเดียวกันหมดทั้ง 3 รุ่นย่อย 13-14-15 ฝาหลังต่างๆเหมือนกันหมด แต่มีขนาดที่แตกต่างกันแค่นั้นครับ ตัวเครื่องเน้นที่ความบางเบาได้ดี และยังพกพาได้ง่ายรวมถึงการออกแบบฝาหลังที่เรียบหรู สวยงามคงความเป็นตระกูล Zenbook ได้ดีเลย และ ที่เด่นสุดๆคงเป็นสีแดงใหม่  Burgundy Red ที่ทางผมนั้นชอบมากๆ และโทนสีมันเข้ากันดี ไม่ดูสดจนเกินไปเป็นสีที่ใช้กันมาเยอะหลายรุ่นในก่อนหน้านี้ก็มีบ้างครับถือว่า โดดเด่นและแตกต่าง

การออกแบบทั้งภายในและภายนอกตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นชิ้นเดียวกันสีเดียวกันทั้งหมด(Unibody)ผิวสัมผัสในการใช้งานทำออกมาดีครับ เป็นอลูมิเนียมทั้งหมดและยังรองรับมาตรฐานการทดสอบระดับ เกรดทหาร ตก ทนในหลายๆอุณหภูมิได้ เย็นได้สบายครับเป็นรุ่นที่จัดเต็มจริงๆเหมือนทาง Asus จะเน้นจุดนี้เข้ามาในหลายๆรุ่นครับตัวนี้เด่นๆคือความบางเบา และ ความพรีเมี่ยมของตัวเครื่องจะเห็นว่าหน้าจอนั้นบางมากๆ โทนสีแดงตัดกับโลโก้สีทองได้ดี รวมถึงข้างในก็เป็นสีแดงทั้งหมด และขอบเครื่องก็มีการตัดมุมเป็นอะไรที่ลงตัว รวมถึงหน้าจอนั้นเป็นสีดำทั้งหมดชิ้นเดียวกันทำให้ดูตัดกับแดงได้ดี

ในด้านของฝาหลังยังคงใช้ลาย Zenสวยงามตามแบบฉบับ Zenbook ครับมีใช้โลโก้เป็นโครมเมี่ยมสีทองตัดกับโทนสีแดงใหม่ของฝาหลัง แน่นอนว่า 2 สีนี้เข้ากันได้ดีเลยแหละ ฝาหลังและฐานนั้นวัสดุจะติดความมันได้ง่าย และเห็นชัดพอสมควรครับ ฐานข้างล่างก็ยังใช้วัสดุเช่นเดียวกับตัวบอดี้มีน็อตยึดกรอบๆครับ และ เป็นที่อยู่ของลำโพงคู่ Harman/Kardon และ มีช่องระบายมาให้เป็นแนวยาวตรงกลาง ครับ ส่วนฐานรองทั้ง 4 มุมเป็นยางรูปทรงกลมทั้งหมด แต่ก็จะมีส่วนยกขึ้นตรงขอบจอมียางรองเพิ่มเข้ามาครับ ทำให้รองรับเวลาวางได้แน่นขึ้น

ด้านหลังก็มีการเชียนชื่อรุ่นอะไรปกติ พร้อมกับช่องระบายอากาศที่จะยิงออกมาข้างหลังครับ ส่วนการออกแบบเมื่อเปิดเข้ามานั้นจะเป็นการเล่นแถบสีทองทั้งหมดแทนในส่วนบริเวณข้อพับของตัวจอครับ และตัวสีนั้นก็จะเห็นได้แม้จะพับฝาเครื่องลงมา จะเป็นเหมือนแท่งยาวๆสอดเข้าไปครับในการออกแบบก็ถือว่าสวยดีเหมือนกัน แถมมีโลโก้อยู่ด้วย และเมื่อมาอยู่กับสีแดงจะเข้ากันได้ดีเลยนะ เหมือนพวก IRON MAN ที่ใช้โทนแดง ทอง ตัดกันสวยงามลงตัวมากๆเลยคู่สีนี้

จะเห็นว่าฐานของเครื่องนั้นยกขึ้นมาได้ นั้นก็คือในส่วนของ Ergo Lift ยังคงมีมาในรุ่นนี้และชอบมากๆเลย ทั้งช่วยในการพิมพ์องศาดีขึ้นไม่เมื่อยมือ และยังระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม รวมถึงทำให้ดูสวยและแปลกไปอีกแบบนึงด้วยครับ  จะเห็นความบางว่าบางเอาเรื่องเลยแหละในการยกแบบนี้ทำให้ความร้อนระบายได้ดี และช่องระบายความร้อนตลอดแนวยาวของขอบจอนั้นก็ระบายได้ดีตัวนี้ไม่ได้ใช้การ์ดจอแรงอะไรมากก็ถือว่าระบายได้สบายๆไม่ต้องห่วงเลย

ขอบหน้าจอก็ทำได้บางพอสมควรครับ เป็นจอเงาทั้งหมดและกล้องหน้ายังคงอยู่ด้านบนขอบหน้าจอรวมๆทำได้บางมากๆโดยรวม และรองรับการสแกนใบหน้าแบบ 3  มิติด้วย เลยทำให้มันต้องอยู่ข้างบนและมีความหนาเข้ามาครับ  อีกจุดที่แตกต่างกันแบบชัดเจนมากๆเลยระหว่างจอ 15 นั้นตัวจอเล็กจะเป็น NUMPAD แบบใหม่ที่ผสมเข้ามากับตัว Touchpad ทำได้ล้ำๆเลยแหละน่าจะคงคุ้นชินกันมาบ้างแล้วในพวก ROG ที่สลับไปมาได้ ก็มาอยู่ในรุ่นนี้แล้วนั้นเองถือว่าดีเลยแหละครับ แต่จะมีให้ในรุ่นที่เป็น I7 นะครับและการสัมผัสรวมถึงไฟแสดงเป็นสีแดงสวยและคมชัดมากๆ

SPEC

  • Windows 10 Home
  • Intel® Core™ i7-8565U processor 1.8GHz quad-core with Turbo Boost (up to 4.6GHz) and 8MB cache
  • NVIDIA® GeForce® MX150   2GB GDDR5 VRAM
  • Integrated Intel® UHD Graphics 620
  • Display  13.3” LED-backlit FHD (1920 x 1080) 16:9   Four-way frameless NanoEdge design with 95% screen-to-body ratio  2.8mm-thin side bezel and 3.3mm bottom bezel1
  • Wide 100% sRGB color gamut   178° wide-view technology
  • 8GB 2133MHz LPDDR3 onboard
  • 512GB / 256GB PCIe® 3.0 x2 SSD
  • Interfaces
  • 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C™ (up to 10Gbps)
  • 1 x USB 3.1 Type-A (up to 10Gbps)
  • 1 x USB 2.0 Type-A
  • 1 x HDMI
  • 1 x MicroSD card reader
  • DC-inHDMIUSB 3.1 (up to 10Gbps)USB-C™ 3.1 Gen 2Audio jackUSB 2.0MicroSD card reader
  • Glass-covered with integrated NumberPad; intelligent palm-rejection
  • Precision Touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
  • KeyboardNumberPad (Royal Blue, Icicle Silver มีเฉพาะรุ่น Intel Core i7 เท่านั้น
  • ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance
  • Array microphone with Cortana and Alexa2 voice-recognition support
  • 3.5mm headphone jack
  • Long-travel voice coils for improved low-frequency response
  • Certified by Harman Kardon
  • 3D IR HD camera
  • Wi-Fi   Dual-band 802.11ac gigabit-class Wi-Fi
  • Bluetooth   Bluetooth® 5.0
  • Battery and Power  Up to 14 hours battery life3   50Wh 3-cell lithium-polymer battery  65W power adapter (Output: 19V DC, 65W) (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)
  • Height: 1.69cm (0.67 inches)
  • Width: 30.2cm (11.89 inches)
  • Depth: 18.9cm (7.44 inches)
  • Weight:With anti-glare display: Approx. 1.09kg With standard display: Approx. 1.19kg

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของรุ่นนี้มาให้แบบพอดีๆประหยัดไฟกับ CPU Intel i7-8565U และ ให้การ์ดจอแยกมาด้วยคือตัว MX150 2GB ครับ ให้ RAM 8GB แต่เป็น Onboard นะครับไม่สามารถเพิ่มได้ และความจุเป็น SDD 512GB แรงเร็วใช้ได้เลย รวมถึง Windows 10 ก็มีมาให้เลยครับหลายๆอย่างเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และเล่นเกมนิดหน่อยได้อยู่ครับ หรือทำงาน Adobe ก็รองรับได้ดีเหมือนกันจากที่ลองไม่เจอปัญหาอะไรแม้จะใช้หนักพอสมควร

ตัวนี้ใช้ CPU I7 รหัส  U เป็นตัว  Intel Core i7-8565U แบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz เป็น CPU แบบ 4 Core 8 Thread รุ่นนี้มีกราฟฟิคการ์ดออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 นั้นต้องบอกว่าตัวนี้รองรับการทำงาน 2 มิติสบายครับและ 3มิตินิดหน่อยมีติดเครื่องไว้ใช้ทำงานได้ ส่วนการ์ดจอแยกก็มี MX150 ก็รองรับสามมิติได้ดีขึ้นในด้านทำงานเล่นเกมแต่ก็ไม่ได้โหดเท่าพวก GTX อะไรมากพอใช้งานทั่วไปถูไถสบายครับ เหลือๆถ้าไม่ได้สายเกมหรือสายเรนเดอร์หนักๆ

ทางด้านคะแนนของ  Cinebench R15 นั้นที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู ทำไปได้ 88 FPS และ 522 cb ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆของพวกตระกูล ประหยัดไป U ทั้งหลายของพวก CPU Gen 8 i7 ตัวนี้ครับ ถือว่าเป็นคะแนนมาตรฐานเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของ SSD 512GB มาเลยครับในการใช้งานทั้งการเปิดโปรแกรม และทำงานทั่วๆ ไปได้เร็วมาก ก็ได้ความเร็วในระดับพอใช้ได้เลยแหละ ทำการอ่านได้ 1633 MB/s และเขียน 919 MB/s นะครับในค่าของการต่อเนื่องชุดละ 128 KB ทำงานพร้อมกันหลายหน่วยประมวลผล

 

SCREEN 

หน้าจอในรุ่นนี้หน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13” ที่มีความละเอียด FHD IPS (1920 x 1080) 16:9 โดยรองรับมาตรฐาน 100% sRGB และ รองรับมุมมองกว้าง 178 องศา อัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่มากถึง 95% ขอบหน้าจอหนา 2.8 มม. หน้าจอนั้นเป็นกระจกแบบเงา ครับทำให้ค่อนข้างสวยและคมชัดกว่าหน้าจอแบบด้าน แน่นอนว่าหลายๆคนนั้นอาจจะชอบแบบนี้มากกว่าในเรื่องความสวยครับแต่ถ้าใช้งานข้างนอกนั้นอาจจะมีรบกวนสายตานิดหน่อยถ้าไปทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ ซึ่งภาพรวมในเรื่องของคุณภาพในการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยแหละในมุมมองและใช้งานในและนอกสถานที่ครับตัวจอคุณภาพนั้นทำได้ดีมากๆในขนาดจอเท่านี้และ ทำให้เครื่องเล็กกว่า กระดาษ A4 อีกครับ !  178 องศาเมื่อจากลองใช้งานจริงถือว่าตัวมุมมองของการใช้งานมันรองรับได้ดีพอสมควรครับด้วยจอ IPS นั้นทำให้มองจากมุมอื่นๆ ด้านข้างนั้นทำได้ไม่เพี้ยนจากมุมมองตรงเท่าไร จึงทำได้ดีในเรื่องของการใช้งานทั้งทำงานด้านของ กราฟฟิคหรือแม้แต่ตัดต่อ แต่งภาพนั้นตัวนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหาครับสีค่อนข้างตรงและสื่อออกมาได้ใกล้เคียงต้นฉบับมากพอสมควรครับ 

KEYBOARD / TOUCHPAD 

ตัวคียบอร์ดแป้นพิมพ์ตัวนี้จะมาแบบเต็มแต่ไม่มี Numpad มาให้นะครับแต่ก็ไม่ได้ตัดออกไปซะทีเดียวเพราะย้ายไปตรงตำแหน่ง  Touchbar สามารถเปิดปิดได้ใช้งานก็ค่อนข้างแปลกใหม่ดีเหมือนกัน แต่สำหรับตัวปุ่มตำแหน่งการวางจะแอบแปลกๆในด้านขอบตัวลูกศร และ ตัวปุ่ม Shift ที่ขนาดมันเล็กมากๆ น่าจะต้องพยายามยัดให้มันลงกับหน้าจอ 13.3 นิ้วเลยทำให้ใครที่ใช้รุ่นอื่นๆหรือตัว 14-15 นิ้วมาก่อนจะปรับตัวกันพอสมควรครับ เพราะปุ่มมันชอบไปโดนได้ง่ายและกดยากมากๆในตัว Shift แต่ในแง่ของการพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่ายและระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาวสามารถปรับระดับได้ 3  ระดับครับ แต่ไฟ Numpad สีแดงนั้นจะไม่ปรับตามนะครับจะเป็นความสว่างระดับเดียวสว่างชัดเจนไว้ก่อน  ตัวปุ่มใช้สีดีกว่าสีน้ำเงิน เพราะแดงตัดกับทองนั้นจะมองง่ายกว่ามากๆครับเวลาใช้งานทั่วไป

ตัว Touchpad  ซึ่งจริงๆเล็กกว่าตัว UX430 นะ แต่พิเศษกว่าคือมีตัวสัญลักษณ์มุมขวาบนตัวนี้จะเป็นทัชที่แตะเพื่อเปิดใช้งาน Numpad ครับทำให้เราสามารถแตะตัวเลขเพื่อพิมพ์เลยเหมือน Numpad จริงๆได้เลยการสัมผัสแตะตัวเลขมันเหมือนระบบสัมผัสทั่วไปเลยครับใช้งานได้แม่นและไวพอสมควรตัวเลขนั้นเป็นความสว่างสูงสุดที่เห็นได้ชัดแม้จะเป็นกลางแจ้งครับแสงไฟค่อนข้างคมและเมื่อเปิด Numpad ก็ยังแตะใช้นิ้วเลื่อนไปมาได้ไม่ต้องปิดๆเปิดๆครับ สามารถแตะเลขและเลื่อนได้ไปในทีเดียวกัน ตัวทัชก็ไม่ได้เอ๋ออะไรครับ ใช้ไม่ยากปรับตัวนิดหน่อยสบายๆ

SPEAKER

ลำโพงของรุ่นนี้เป็นลำโพงจากทาง Harman/Kardon เช่นเคย มีมาให้ 2 ข้างยิงลงพื้นครับในส่วนด้านหน้า เป็นแบรนด์ที่ร่วมมือกับทาง Asus มาโดยตลอดซึ่งลำโพงก็ยังคงแนวเสียงของมันเอาไว้ได้คุณภาพเสียงที่ได้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงทำได้ดีมีมิติแบบนี้ครับแม้จะเป็นรุ่นกลางแต่เสียงที่ได้ไม่แพ้รุ่นพี่ของมันเลยทั้งความดังและมิติ แต่แค่จะขาดเสียงเบสที่น้อยกว่าเล็กน้อยครับ แต่เสียงอื่นๆเสียงร้อง ย่านอื่นๆมาดีมากๆฟังเพลงได้ค่อนข้างดีครับ ดูหนังก็แยกซ็ายขวาชัดเจนเลยแต่ถ้าเรื่องของเล่นเกม ยิงปืนพวกนี้ ระเบิดอาจจะไม่ได้ตูมตามสะใจเท่าไรนักครับ

CONNECTOR 

ด้านช่องเชื่อมต่อเห็นเป็นขนาด 13.3 นิ้วแต่มันๆมีช่องทั้งหมดเท่ากับตัว 14 นิ้วถือว่าน่าสนใจมากๆเป็นค่ายที่พยายามให้ช่องเชื่อมต่อมาให้ครบไม่ต้องซื้อเพิ่มและไม่ต้องพกพาอะไรให้ยุ่งยากเลยครับถือว่าเป็นค่ายที่ใส่ใจลูกค้ามากๆ และยังแถม ตัวแปลง USB-LAN มาให้ถือว่าโอเคมากๆครับ และ ยังรักษาความเล็กบางเบาไว้ได้ดีอีกด้วยนะ

ด้านซ้ายกันก่อนเลย ช่องซ้ายสุดเป็นช่อง DCIN สำหรับจ่ายไฟเข้า ช่อง HDMI ช่อง USB-A 3.1 และก็ USB-C 3.1 ครับ จะเห็นว่ารุ่นกลางตัวนี้จะไม่มีช่องระบายด้านข้างแบบตัว 15 นิ้วนั้นเองครับ และ พอร์ตทุกช่องเหมือนกับตัว 14 นิ้วทุกอย่าง แม้จะเป็นการวางตำแหน่ง หรือจำนวนช่องทั้งหมดนะครับถือว่ายัดลงมาในขนาดนี้ได้โหดมากๆเลย

มาดูด้านขวากันจะเป็น ไฟสถานะของตัวเครื่อง ทั้ง 2 จุด พอร์ตช่อง รู3.5มม ที่รวมไมค์กับหูฟังเข้าด้วยกัน และ ช่อง USB-A แบบ 2.0 และ ช่องสำหรับใส่ MicroSDCard ครับ จริงๆภาพรวมให้มาค่อนข้างเพียงพอ เมื่อนับว่ามันเป็น Ultrabook นะครับ แต่แอบเสียดายตรงที่มันยังมีพอร์ตแบบ 2.0 มาให้อยู่ค่อนข้างช้าไปหน่อยในสมัยนี้ครับ

BATTERY  

การใช้งานแบตตัวนี้ทางด้านสเปค เคลมกันไว้นานพอสมควร และเมื่อเอามาใช้งานจริงๆหลายๆวันก็พอสรุปได้ว่ามันก็อึดเอาเรื่องเลยนะไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบเต็มวันที่ใช้ไม่หนักมากนัก เน้นพิมพ์งานอะไรทั่วไปเข้าเว็บพวกนี้ ก็ได้มากถึง 11-12 ชั่วโมงเลยทีเดียวแบบที่ไม่ได้เปิดจอสุด ใช้งาน Wifi ปกติ ฟังเพลงบ้างอะไรบ้าง ถือว่าทำได้ดีครับอึดและทำงานข้างนอกบ้านได้ทั้งวัน แต่ถ้าเราใช้งานแบบหนักๆมาก่อนหรือแต่งรูป เขียนเว็บ ตัดต่อภาพทำบทความนิดหน่อยพวกนี้ แต่เปิด Adobe บ่อยๆแบตก็จะขึ้นตามภาพข้างบนครับ ได้ประมาณ 7 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้แล้วนั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนอีกทีว่าจะลดไว มากน้อยเพียงไหนมันก็จะอัปเดตคำนวณให้ใหม่ครับ แต่สรุปง่ายๆว่าตัวนี้แบตทำได้ดีและอึดทั้งวันได้สบาย แม้จะเป็นการใช้งานแบบทั่วไปหรือหนักหน่อย แต่มาในขนาดที่เล็กแค่ 13.3 นิ้ว

WORKING 

ในการทำงานตัวนี้ก็รองรับการทำงานได้ดีกว่าที่คิดไว้ ด้วย i7+MX150 ก็พอใว้ใจได้สำหรับการทำงานทั้งโปรแกรมพวก Adobe ทั้งหลาย รวมถึงการทำงานง่ายๆแบบ Microsoft พวกนี้ไม่มีปัญหาครับ รวมถึงการตัดต่อวีดีโอก็ทำงานได้ดีเลยแหละถ้าไม่ใช่ไฟล์ที่หนักมากๆ ถือว่าใช้ได้ครับทั้ง I7+SSD+MX150 ก็มีส่วนช่วยทั้งหมด แต่อย่าลืมว่าด้วยขนาดที่มันเล็ก ทำให้การระบายความร้อนอาจจะไม่ได้ดีเท่าไร แม้สเปคมันไหวแต่ก็ควรระวังเรื่องความร้อนด้วย เพราะถ้าใช้งานข้างนอกแบบไม่มีแอร์อาจจะร้อนเกินไปจนทำให้มีปัญหาได้นั้นเองครับ แต่ที่ใช้งานนั้นยังไม่เจอแต่ถ้าเล่นเกมหนักๆนั้นต้องบอกว่ามีความร้อนสูงมากจน FPS ตกและอาจจะทำให้เล่นไม่ค่อยดีครับ แนะนำว่าเน้นทำงานทั่วไปจะดีกว่าด้วยขนาดแค่ 13.3 นิ้วและบางเบาเท่านี้อาจจะพอเล่นได้แก้ขัดเกมที่เบาๆไม่ได้กินสเปคนั้นเอง

ZENBOOK 13

” เล็กกว่า A4 พอร์ตเชื่อมต่อครบในขนาดที่บางและเบา มาพร้อมกับสีแดงโดดเด่น “

สีใหม่ทำให้มันโดดเด่นแต่ในเรื่องอื่นๆก็ยังคงความดีงามไว้ได้ แน่นอนว่าค่ายนี้เรื่องการใช้วัสดุ งานออกแบบมันทำได้โอเคมากๆเลยนะการเลือกสี ลวดลายต่างๆทำได้ดีมาตลอดส่วนความบางเบา การพกพาง่าย และ การยกแป้นพิมพ์ขึ้นมาคือจุดเด่นที่ชมมาในทุกรุ่นที่ใส่ระบบนี้เข้ามาช่วยเรื่องระบายได้ดีกว่าค่ายอื่น พิมพ์ได้ง่ายและไม่เมื่อยมือ อีกทั้งยังมาพร้อมการรองรับความทนทานระดับทหารและ มีสแกนใบหน้ามาให้ครบ และที่ชอบคือพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบแบบจัดเต็มจนน่าตกใจ และยังมีเทคโนโลยี Numberpad ที่เข้าใจถึงคนที่ต้องการใช้งานตัวเลขเยอะๆอีกด้วย เอาง่ายๆมันเล็ก แต่สเปคความแรง ฟีเจอร์ มันเกินขนาดมันมากๆครับ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่แรงใช้งานได้สบายและพกพาได้ง่าย มารพ้อมกับสีที่โดดเด่น น่าเล่นเอามากๆ แต่ก็มีแค่การเล่นเกมอาจจะไม่เหมาะด้วยความร้อนที่สูงง่ายและระบายช้า และ แป้นพิมพ์ที่อาจจะงงๆตรงแถวปุ่ม Shift เท่านั้นเองครับ

ข้อดี

  • มาพร้อม Windows 10 ในตัว
  • ตัวเครื่อง บาง และ เบา พกพาง่ายมาก เล็กกว่า A4
  • ตัว Numpad+Touchpad ทำงานได้ดีแนวคิดดี
  • Ergo Lift ยังคงเป็นสิ่งที่ดีงามประจำแบรนด์นี้
  • หน้าจอสีค่อนข้างตรงและคุณภาพสูง
  • Military Grade รองรับ MIL-STD 810G
  • มาพร้อม SSD 512 GB ความเร็วแรงใช้ได้
  • พอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบเท่าตัว 14 นิ้ว
  • สีแดงทำให้สวยและโดดเด่นอย่างมาก

ข้อสังเกต

  • USB 2.0 น่าจะถูกแทนที่ด้วย 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
  • ปุ่ม Shift ค่อนข้างเล็กและปรับตัวกันพอสมควร
  • พอร์ต  SD Card น่าจะมาให้แทน MicroSD เหมือนรุ่นพี่
  • ด้วยขนาดของมันทำให้ เวลาเล่นเกมนานๆนั้น GPU ร้อนและทำให้ FPS ตก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares