Xiaomi เป็นแบรนด์ที่จัดได้ว่าทำอะไรออกมาค่อนข้างคุ้มราคา และ ก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่องทั้งเรื่องของวัสดุ กล้องอะไรทั้งหลายที่ได้ยกระดับตัวเองไปสู้กับเรือธงค่ายอื่นๆได้ดียิ่งขึ้น และเป็นอีกแบรนด์ที่จัดได้ว่าเปิดตัวกันรัวๆเลยทีเดียวครับ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นย่อย แบรนด์ลูกอะไรค่อนข้างเยอะมากแน่นอนว่าในไทยก็เอาเข้ามาขายกันเป็นทางการมาซักพักแล้ว จากที่แต่ก่อนยังต้องหิ้วกันแต่ตอนนี้ เรือธงรุ่นล่าสุดคือ Mi 9 เปิดตัวมาด้วยการอัพเกรดพัฒนาหลายๆอย่างและแน่นอนว่าเมืองนอกเปิดตัวกันไปแล้ว แต่ในไทยยังคงเงียบอยู่ครับเนื่องจากเราสายอินดี้ไม่ค่อยจะรอใครเลยจัดหิ้วมาลองใช้งานทำรีวิวกันก่อนเลย และมันจะน่าใช้และยังคงคุ้มราคาอยู่ไหมอันนี้เราไปอ่านรีวิวกันก่อนเลยดีกว่า

Xiaomi Mi9 เปิดตัวมาพร้อมกับรุ่น Mi9 Se และ Mi 9 transparent edition หลังใสซึ่งจริงๆแล้วเกือบจะได้ตัวหลังใสมาแล้วแต่ไม่ทันครับ โดนคนซื้อกันไปหมดก่อนผมไปถึงร้านอันนี้เสียดายมากก แต่ไม่เป็นไรเราเอาสีดำมาดีกว่าดูหรูๆเรียบๆคล้ายกันเนียนๆกันไป ตัวนี้มาพร้อมกับจุดเด่นมากมายเลยตอนเปิดตัว ทั้งระจก Corning Gorilla Glass 6 และใช่ Snapdragon 855 ขนาด 7nm พร้อม Game Turbo ใช้ Android 9.0 (Pie) แบตเตอรี่ 3300 mAh และ รองรับการชาร์จแบบไร้สาย Wireless fast charging 20W ที่เร็วที่สุดรุ่นแรกของโลก Xiaomi Mi9 ยังมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล กล้องเทเลโฟโต้ซูมได้ 2 เท่า โดยไม่เสียความละเอียด และมาพร้อมเลนส์มุมกว้างเซ็นเซอร์ Sony IMX481 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ละยังสามารถทำคะแนน DXOMARK โดยรวมได้ 107 คะแนนจัดเต็มจริงๆนะ

Xiaomi Mi 9 เปิดราคามาที่ RAM 8GB 19,900 และ RAM 6GB 18,500 บาทมีทั้งสี น้ำเงิน และ สีดำ นะครับ อันนี้เป็นราคาเครื่องหิ้วนะครับ เครื่องศูนย์ยังไม่มา และก็เป็นราคาตอนที่เอามาระครับสำหรับร้านคือ Treemobile ตอนนี้เอาตัว Global ROM เข้ามาขายแล้วด้วยครับ 

UNBOX

ตัวกล้องก็ UNBOX กันไปแล้วครับหน้าตากล่องนั้นมาในโทนสีเงินเล่นกับแสงได้ดีพร้อมกับเลข 9 อยู่หน้ากล่องวัสดุกล่องนั้นเคลือบสีมาได้สวยนะเวลาสะท้อนแสงอะไรพวกนี้ทำให้นึกถึงตัวเครื่องที่สะท้อนแสงได้หลายๆมุมและหลายๆสีเลยกล่องค่อนข้างดูดีและสวยครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมีมาให้เหมือนเดิมที่คุ้นๆกัน และ แถมเคสสีดำมาให้ด้วย

  • ตัวเครื่อง  Xiaomi Mi 9
  • เคส TPU สีดำใส
  • หัวชาร์จขาแบน QC3.0 18W แต่เครื่องรองรับ 27W
  • สายแปลง Type-C 3.5
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • สายชาร์จ Type-C
  • ไม่มีหูฟังมาให้นะครับ *

ตัวเคสที่แถมมาให้วัสดุแบบเดิมเป็น TPU ใสโทนสีดำเข้มครับเมื่อใส่แล้วจพค่อนข้างกระชับและพอดีกับตัวเครื่องไม่หนา หรือ บางจนเกินไปพอใช้งานแก้ขัดไปได้ครับ ซึ่งถ้าสีอื่นๆตัวเคสจะเป็นสีใส นะครับแต่รุ่นนี้จะเป็นสีดำเข้ากับตัวเครื่องสีดำได้ดี เมื่อใส่แล้วด้านหลังจะค่อนข้างมืดและปิดส่วนโลโก้อะไรไป รวมถึงฝาหลังก็ไม่ค่อยเห็นเลยนั้นเองอีก 1 จุดที่อยากให้เห็นกันว่า เคสที่แถมมันไม่ปกป้อง เลนส์กล้อง และ ไม่ปกป้องหน้าจอนะครับ จากภาพเป็นว่าขอบเคสมันไม่ได้คลุมหน้าจอ หรือ ป้องกันหน้าจอเวลาใช้งานเท่าไร หรือ ตก วางคว่ำเสี่ยงที่จะจอเป็นรอยได้ รวมถึงเลนส์กล้องครับ อันนี้ก็ต้องระวังกันนิดนึงสำหรับตัวเคสที่แถมมาให้ แต่เปิดแบบนี้ทำให้ติดฟิลม์อะไรได้ง่ายครับไม่โดนเคส

DESIGN

การออกแบบโดยรวมนั้นยังไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าแบบเห็นได้ชัดอะไรทั้งการวางตำแหน่งกล้อง ความโค้งของฝาหลังวัสดุอะไรพวกนี้ยังคงเป็นอะไรที่คุ้นเคยกันดีครับ ดีไซน์ไม่ได้ฉีกอะไรมากแต่จะเป็นการเน้นการเล่นกับแสงเมื่อเจอแสงต่างๆมากกว่า โดยในรุ่นสีน้ำเงินจะเล่นแสงเหมือนสีรุ้งกันเลยแหละในบางจังหวะ แต่เราขอธีมสีดำดีกว่าก็จะสวยๆหรูๆไปอีกแบบมันไม่ใช่ดำสนิทแต่คล้ายโครมเมี่ยมรมดำเลยแหละ ฝาหลังใช้กระจก Gorilla Glasss 5 โค้งเข้ามุมจับได้ถนัดและไม่หนักเท่าไรครับ ขนาดต่างๆทำออกมาจับถนัดงานประกอบดีขึ้นเรื่อยๆ วัสดุดูดีขึ้นกว่าเดิมรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมมากขึ้น ไม่รู้รุ่นต่อไปจะอัพราคาตาข่าวไหมนะ แต่รุ่นนี้ทำได้ดีอยู่ ส่วนวงกลมตรงกล้องมีเล่นแสงสีนิดหน่อยเวลามองแต่ละมุม จะเป็นเหลือบสีรุ้งแล้วแต่มุมมองและแสงในตอนนั้นครับเป็นลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ

ด้านหน้าจอนั้นตัวนี้ยังคงมาพร้อมติ่งหน้าจออยู่เล็กน้อยเป็นติ่งแบบน่ารักๆครับยังไม่ไร้ขอบซะทีเดียวส่วนขอบด้านล่างก็บางกว่ารุ่นเดิม รวมถึงขอบข้างๆก็ทำได้ดูบางครับ แต่เสียดายยังมีติ่งนิดๆไม่ใช่เต็มจอแบบรุ่นอื่นๆในปีนี้เท่าไรครับ หน้าจอเป็นหน้าจอ ขนาด 6.4 นิ้วใช้จอแบบ Super AMOLED และ ครอบทับด้วย  Gorilla Glass 6 ล่าสุดเลย

ขอบด้านบนนั้นติ่งได้เล็กกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนนั้นเป็นแนวยาวๆเลยแหละ อันนี้เป็นติ่งหยดน้ำไปแล้ว ลำโพงแนวยาวตามขอบเครื่องก็ทำได้เนียนและมีขนาดใหญ่ รวมถึงไว้พวกเซนเซอร์อะไรในบริเวณนั้นได้ และ ไฟแจ้งเตือนยังมีนะจะเห็นจุดขาวๆด้านบนขวาๆอันนั้นแหละคือไฟแจ้งเตือนครับ เวลาชาร์จ หรือ มีอะไรเข้ามาก็มีไฟบอกสถานะอะไรให้ 

ด้านขอบล่างจะเห็นว่าบางกว่าเดิมเล็กน้อย และ สแกนนิ้วไปอยู่บนหน้าจอแล้ว ปุ่มควบคุมต่างๆก็อยู่บนหน้าจอ หรือจะใช้งานเป็นแบบเต็มหน้าจอก็ทำได้ปกติครับในตัวนี้ สแกนนิ้วจะอยู่ตรงกลางแถวๆ 2 จุดสีขาวในภาพนั้นแหละ

ด้านขอบซ้ายตัวเครื่องเป็นปุ่ม พิเศษสำหรับเรียกใช้งาน AI ใช้งานพิเศษต่างๆสามารถปรับตั้งค่าได้ และ ช่องใส่ถาดซิมแบบ 2 Slot ครับผม ไม่มีให้เพิ่ม Micro SD นะครับในตัวนี้ รองรับ DualSIM ปกติครับแต่เพิ่มความจุไม่ได้แล้ว

ด้านขวาเมื่อมองตรงนี้จะเห็นเลยว่ากล้องหลังค่อนข้างนูนมากๆครับในมุมนี้และเคสแถมเลยไม่สามารถป้องกันได้ ส่วนปุ่มด้านนี้ก็เหมือนทั่วไป ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ครับ วัสดุขอบเครื่องเงาเป็นแบบเดียวกันกับฝาหลัง

สำหรับด้านบนยังคงเป็น รูไมค์อีก 1 ตัว และ ช่อง IR สำหรับควบคุมรีโมทในเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆครับ และจะเห็นว่าฝาหลังโค้งรับมือเยอะมากๆทำให้เวลาถือใช้งานนั้นรองรับได้ดี แต่ก็แลกมากับกล้องหลังที่นูนขึ้นมาพอสมควรเลย

ด้านล่าง ไม่มีรู 3.5มม. มาซักพักแล้วตระกูลนี้ มาพร้อมลำโพงตัวเดียว และ ช่อง  Type-C นะครับ และ ไมค์ซ่อนอยู่ฝั่งขวาในภาพนะครับ ลำโพงออกแค่ฝั่งซ้ายในภาพช่องฝั่งเดียวนะ ไม่ได้ออก ทั้ง 2 ข้างนะครับ

ส่วนในตัวกล้องหลังรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวที่มีการเล่นวงแหวนสีสวยๆเวลาเจอแสงมาให้ในเลนส์บนสุดครับ ซึ่งเลนส์ทั้ง 3 ตัวของ Mi9 นั้นจะมาพร้อมกับ 3 ระยะ และ  PDAF/Laser Autofocus มาให้ด้วยครับ และ แฟลชจะอยู่ข้างล่างสุด รวมถึง โลโก้  Mi อยู่ตรงกลางส่วนล่างๆและ ฝาหลังเรียบๆเนียนไม่มีสแสกนนิ้ว เพราะย้ายไปบนหน้าจอแล้วครับ จริงๆฝาหลังโทนสีแบบนี้มันสวยนะ สะท้อนได้สวยจริงๆเจอแสงอะไรยิ่งทำให้สวย ไม่ดำเรียบเกินไปครับ

SPEC

  • หน้าจอ AMOLED 6.39 นิ้ว  ติ่งหยดน้ำ ความละเอียด Full HD+, ความสว่างสูงสุด 600nit ครอบทับด้วย  Gorilla Glass 6 รองรับ HDR10 และ ค่าความแม่นยำ DCI-P3
  • Android 9.0 +  MIUI 10
  • CPU Qualcomm Snapdragon 855 GPU  Adreno 640
  • RAM  8GB
  • STORAGE  128GB
  • กล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f 2.0 Fixed Focus
  • กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว ระยะเทเล ระยะปกติ ระยะมุมกว้าง
  • กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล Sony IMX586 ขนาด 1/ 2 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f 1.75   Autofocus PDAF / Laser Focus และ Contrast Autofocus
  • กล้องดิจิทัลตัวที่สองเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  Samsung S5K3M5 ขนาด 1/ 3.4 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f 2.2  Autofocus PDAF / Laser Focus และ Contrast Autofocus
  • กล้องดิจิทัลตัวที่สามเลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล Sony IMX481 ขนาด 1/ 3 นิ้ว, รูรับแสงกว้าง f 2.2 มาพร้อม Autofocus PDAF / Laser Focus  และ Contrast Autofocus
  • รองรับการถ่าย Super Slow-Mo 960fps และ 4K 60FPS 30FPS
  • แบตเตอรี่ 3300 mAh  Charge Turbo (27W) รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 20W
  • 4G LTE  Full Netcom 5.0
  • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac,
  • Bluetooth 5.0 และ NFC + Mi Pay
  • ตัวเครื่องมีขนาด 157.5×74.67×7.61 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 173 กรัม

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ มาพร้อมกับตัว Snapdragon 855 ตัวล่าสุดสดๆร้อนๆ ความแรงพุ่งทะลุ 370K กันไปเลยครับเร็วแรงกว่าทาง S10+ หรือ Mate 20 กันไปแล้วในด้านคะแนนตัวนี้ ถือว่าพุ่งทะลุนำหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนคะแนนด้านอื่นๆเช่น Androbench ในด้านหน่วยความจำเป็น UFS2.1 ปกติครับ Geekbench ทำคะแนนไป 3490 และ หลายแกนทำคะแนนได้ 11224 เลยแหละ CPU โหดเอาเรื่องครับ ส่วน DRM ความปลอดภัยได้ตัว L3 เป็นปกติครับ รอมจากทางจีน เลยได้ L3 แต่ถ้า ตัวขายไทยน่าจะได้ L1 เป็นปกติอันนี้ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

SYSTEM UI

หน้าตาระบบใช้ MIUI 10 ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดไม่นับตัว Q ที่อยู่ในเบต้านะครับ หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี แต่ครั้งนี้พื้นหลังมันเปลี่ยนตามเวลาครับ เช่นตอน 4 โมงแสงเริ่มเย็นๆ แต่ถ้าตอนเช้าท้องฟ้าในภาพจะสว่างสดใส และ กลางคืนก็จะมืดๆมีดาวตก ถือว่าลูกเล่นได้สวยเลยนะอันนี้ชอบๆ หน้าตาแอพยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอพติดเครื่องเยอะมาก และ โฆษณาเยอะตามภาษา แอพจีน มือถือจากที่นู้นครับผม ไม่มี Appdrawer นะครับในตัวนี้ การแจ้งเตือนไม่มีเลข แต่เด้งเตือนอะไรได้ค่อนข้างดีถ้าเปิดจอไว้อยู่ครับ * Playstore ร้านลงมาให้นะครับผม ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร

หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอพอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอพเอาเลย

หน่วยความจำ 120GB ไม่สามารถเพิ่มเม็มได้ พื้นที่ระบบกินไป 10 GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 110 GB ครับ ส่วน RAM 8 GB ตัวนี้ใช่งานไป 3.7 ครับ เหลือใช้งานได้ 4.3GB เหลือๆสบาย ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิมเป็นจีนล้วนกับอังกฤษครับของทาง Baidu แต่ ทางผมขอโหลด Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับโหลดเอา

หน้าจอสามารถใช้งาน ปรับแสง เปลี่ยนโหมดเป็นธีมสีดำได้ และ แตะหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอได้ ยกขึ้นเพื่อจอติดได้ และ ใช้งานเต็มหน้าจอ สลับปุ่มควบคุมได้ ใช้งานแบบปัดไปมาเต็มหน้าจอได้ แต่ไม่มีให้ปิดติ่งหน้าจอนะครับ อันนี้ไม่เจอเหมือนกันในรอมตัวนี้  หน้าขวาสุดเป็นหน้าตาของ Ambient Display หรือ Always on สามารถปรับได้ตามภาพเลยครับเลือกได้ทั้งหมด 16 แบบ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยน ตกแต่งสีอะไรได้นะครับ ใช้แบบที่มันมีมาให้เลย

ปุ่ม AI ด้านซ้ายที่ใส่มาให้นั้นสามารถเรียกใช้งานคำสั่งเสียงได้ครับ และ สามารถตั้งค่าการเรียกในปุ่มอื่นๆได้ด้วย หรือจะเป็นการสั่งผ่านเสียงได้ครับ พูดคำว่า Mi Ai และสามารถปรับการทำงาน สั่งเพลงผ่านแอพไหนอะไรยังไงได้ครับ และ ปุ่มด้านซ้ายนั้นสามารถตั้งได้ว่ากดค้างเป็นอะไร กด 2 ครั้งเป็นอะไร แต่เป็นภาษาจีนล้วนๆเลยครับพวกนี้

การใช้งาน ล็อคแอพ โคลนแอพ พวกนี้สามารถใช้งานได้ปกติครับ และ Gesture ต่างๆเยอะแยะมากๆสามารถเลือกใช้งานได้ตามภาพเลยครับ และ  ความปลอดภัยรองรับ สแกนใบหน้า สแกนนิ้วต่างๆ และ สามารถ กดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อเปิดหน้าจอได้ รวมถึง กดลดเสียง 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้องแบบด่วนๆได้ครับ

THEME

ธีมหน้าตาการใช้งานเป็นอีก จุดเด่นของค่ายนี้ครับคือมันปรับแต่งได้เยอะมากๆและเปลี่ยนหลายหน้าต่างเลยไม่ใช่แอพเปลี่ยนพื้นหลัง หรือ เปลี่ยนแค่ไอคอน แต่มันเปลี่ยนไปถึงแอพอื่นๆของทางเครื่องด้วย รวมถึงหน้าตาโทนสีของหน้าแจ้งเตือน หน้าตั้งค่าอะไรทั้งหลาย เวลาใช้งานโทรเข้าออกก็เปลี่ยนตามด้วยครับเป็นจุดที่หลายๆค่ายนั้นเริ่มหายไปเพราะปรับเปลี่ยนได้น้อยลงเรื่อยๆเลย สำหรับใครชอบเปลี่ยนธีม MIUI ยังคงตอยสนองจุดนี้ได้ดีมากๆเลยแหละ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้นั้นถือว่าสวยกว่าเดิมนะแต่ยังคงมีติ่งหน้าจอมาด้วยพร้อมกับขอบที่บางขึ้นครับ จากที่รุ่นแรกติ่งหน้าจอมาเป็นขนาดใหญ่สะใจกันเลยทีเดียว หน้าจอใช้หน้าจอแบบ  Super AMOLED จากทาง Samsung มีขนาดที่ 6.39 นิ้ว  ติ่งหยดน้ำ ตัวนี้ไม่สามารถปิดติ่งได้นะ ความละเอียด Full HD+ รองรับ ความสว่างสูงสุด 600nit ครอบทับด้วย  Gorilla Glass 6 รองรับ HDR10 และ ค่าความแม่นยำ DCI-P3 ถือว่าด้วยสเปคมันตอบโจทย์ใช้งานได้ดี แม้จะไม่ใช่พวก 2K 4K  อะไรแต่ใช้งานทั่วไปอันนี้ก็สบายตาและคมชัดพอแล้วถ้าไม่ได้ติด 4K มาก่อนนะ ในเรื่องสีสันอะไร ความสว่างสู้แดดได้ดีครับ หน้าจอใช้ได้เลยใช้งานกลางแจ้งได้ดีขึ้นและสีสวยกว่ารุ่นก่อนๆแบบรู้สึกได้ครับ

มุมมองของหน้าจอตัวนี้รองรับมุมมองได้ดีครับโดยหน้าจอแม้จะเป็น Super AMOLED แต่ก็ไม่ได้สีเพี้ยนอะไรแม้จะมองจากด้านข้างครับ ส่วนของสีรองรับได้กว้างและสีดำก็ดำสนิทเลยแหละ มุมมองหลายๆมุมไม่ได้ดรอป ไม่เพี้ยนครับ และการสัมผัสในการใช้งานติดนิ้วดี ไม่หน่วง ตัวหน้าจอมีฟิลม์ติดมาให้เลยนะครับใช้งานแก้ขัดกันไปได้ เล่นเกมได้ไม่เจออาการหน่วง หรือสัมผัสไม่ติดอะไรในส่วนของหน้าจอตัวนี้เป็นอีกจุดที่ทำได้ดีและไม่เจอปัญหาในการใช้งาน

Always On ตัวนี้รองรับด้วยนะสามารถเปลี่ยนหน้าตาได้ 16 แบบที่มีมาให้แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนเองอะไรได้ครับ ด้วยการที่หน้าจอมันเป็น AMOLED ทำให้ใช้งานพวกนี้ได้สวยและสีดำก็เข้มสะใจเลยไม่เปลืองแบตด้วยครับ

FINGERPRINT 

การสแกนนิ้วในรุ่นนี้ใช้การสแกนนิ้วบนหน้าจอแล้ว โดยใช้เทคโนโลยี OPTICAL นะครับสังเกตง่ายๆคือจะมีแสงไฟขึ้นมาเวลาสแกนนิ้วแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆครับ ทำงานได้ค่อนข้างไว้ตามแบบ OPTICAL นะ สามารถใช้งานสแกนนิ้วจากหน้า Always On ได้เลย หรือหน้าจอดับอยู่เราก็แตะค้างและมันก็จะทำงานเข้าได้เลยไม่ต้องกดปุ่มก่อนครับ ทำงานรวมๆโอเคครับใช้งานไม่เจอปัญหาอะไรแต่ความไวยอมรับว่ายังคงช้ากว่าแบบเก่าอยู่นิดหน่อย และมือเปียกอะไรจะสแกนนิ้วไม่ได้ ไม่เหมือนของทาง Samsung S10 S10+  ที่ใช้แบบ Ultrasonic ทำให้สแกนนิ้วไวกว่าด้วย

SOUND

ระบบเสียงตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจจะไม่ได้เน้นอะไร เพราะเสียงมันเหมือนเดิมกับรุ่น Mi8 Mix3 เลยแหละครับ   การตัดรู3.5มม.ทำให้ต้องใช้ตัวแปลงและแน่นอนมันแถมตัวแปลงเหมือนกับรุ่นเดิมพอสมควร ตัวแปลงนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กและไม่มีชิพเสียงอะไรเป็นพิเศษครับ แต่ถ้าเอาเรื่องของการฟังเพลงกำลังขับมาน้อยพอสมควรครับ และเสียงจะไปทางแหลมๆ ใสมากกว่าไม่ได้แน่นอะไรเท่าไรครับ แตกต่างกับตัว Blackshark ที่เสียงจะแน่นกว่า แนะนำถ้าใครชอบเสียงดีๆอาจจะหาพวกที่มีชิพเสียงมาลองใช้งานกันดูครับผม สามารถรองรับการใช้งานได้ค่อนข้างหลายยี่ห้อ อาจจะเป็นข้อดีในการใช้ตัวแปลงแบบนี้ครับทำให้เราเลือก ตัวแปลงแนวเสียงที่แต่ละคนชอบได้เลย ว่าจะเอาตัวแปลงของค่ายไหนมาใช้งานต่อครับ ทางด้านของ Software นั้นหน้าตาแบบเดิมเปลี่ยนหูฟังที่เราใส่ได้ของค่าย Mi ว่าตัวไหน และปรับ EQ ได้

SPEAKER

ทางด้านลำโพงถ้าเรามองแค่ของแบรนด์ถือว่าเป็นการพัฒนามามากขึ้นครับ มี Cirrus Logic Smart PA มาให้ เสียงลำโพงเดี่ยวแต่มิติเสียงดี และเสียงเบสมาแน่นมากๆครับ รวมถึงความดังที่มากกว่าเดิมแต่เสียดายน่าจะเป็นลำโพงคู่ได้แล้ว ลำโพงโดยรวมถ้ามองว่ามันเป็นการพัฒนาจากรุ่นก่อนบอกเลยว่า พัฒนาขึ้นมาได้ดีมากๆครับแต่ถ้าเอามาเทียบเรือธงตัวอื่นๆที่หลายๆค่ายหันไปใช้ลำโพงคู่กันแล้วก็ต้องยอมรับว่า ราคามันแตกต่างกันก็ย่อมตามราคา ที่ให้ดูเทียบนั้นจะสังเกตว่าเสียงเบา เสียงต่ำของทาง Mi9 นั้นมาดีกว่าหนักแน่นกว่าพอสมควรนะครับ ถือว่าไม่เลวเลยแหละสู้ได้ในเรื่องนี้แต่ถ้าแยกซ้ายขวา ความดังโดยรวมอาจจะแพ้เรือธงค่ายอื่นๆที่มีราคาแรงกว่า แต่ถ้าเทียบพวก Oneplus Oppo พวกนี้ลำโพงของ Mi9 เราทำได้ดีกว่าแล้วนะที่ลองมาและมิติเสียงหนักแน่นกว่าด้วยครับ

GPS

ในการทดสอบการจับ Dual GPS มันใช้งานได้ดีขึ้นมากเลย ดีกว่า Mi8 เยอะมากกก โดยใช้นำทางและใช้แอพทดสอบนะครับอย่างแรกในการนำทางจริงๆนั้นก็ไม่เจอปัญหาอะไรเท่าไรนัก ถ้าลงอุโมงค์ก็ไม่ได้หลุดอะไรเยอะครับดีกว่าตอนรุ่นก่อนๆหรือรุ่นอื่นๆจากค่ายนี้เยอะเลย  ส่วนในการจับภาพกลางเป็นการทดสอบในที่ร่มได้ 42 จับได้ 30 และ ที่กลางแจ้ง ทั้งหมด 47 จับได้ 43 สีเขียวและเหลืองส่วนใหญ่นิ่งๆและจับได้ไวมากครับ เป็นอีกจุดที่ใช้งานได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนเลยแหละ หลังจากที่ตัวก่อนนั้นบ่นไปเลยว่า Dual GPS  ทำไมห่วย แต่ครั้งนี้ดีขึ้นเยอะมาก

BATTERY

ตัวนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3300 mAh  Charge Turbo (27W) รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 20W และแน่นอนว่าจากที่ลองมาทั้งวันใช้งานแบบปกติทั่วไปเล่นเกม PUBG ไป 1-2 ชั่วโมง และ เน้นไปที่ใช้งาน Social มากกว่าและถ่ายรูปต่างๆฟังเพลง ดูหนัง แบตใช้ได้ 11 ชั่วโมง จอเปิด 5 ชั่วโมงกว่า แบตเหลือ 13% แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้อึดมากครับ เมื่อเทียบกับรุนก่อนๆถือว่าแบตไม่ไหลเท่าตัว Mi8 Pro พวกนั้นแล้วอึดขึ้นชัดเจนครับถือว่าเป็นเรื่องดีเลย แต่ถ้ามองปกตินั้นใช้งานทั้งวันแบบพอดี อึดกว่า  Samsung S10+ ชัดเจนแต่ยังแพ้พวก Mate20 พวกนั้นครับ ก็ลองดูว่ารับได้ไหมกับ 11-12 ชั่วโมงจอเปิด 5 ชั่วโมงครับ แต่ดีที่รองรับชาร์จไว และ 1 ชั่วโมงกว่าก็เต็มแล้ว

GAMING

การเล่นเกมตัวนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรให้มันมากมายครับใช้งานไปเลยทุกเกมที่มีตอนนี้กดลงสบายๆครับและเล่นได้ลื่นๆไม่ต้องห่วงตัวนี้มาพร้อมกับ Snaodragon 855 ในเรื่องการเล่นเกมนั้นก็ได้ลองพวก PUBG-ROV-FORNITE-ROS-ASPHALT 9 ภาพที่ได้สวยและลื่น สามารถเิปดภาพสุดได้ในหลายๆเกมครับ ในการใช้งานจริงก็ถือว่าไม่เลว ส่วนเรื่องความร้อน ความนิ่งของ FPS อะไรยังไงสามารถไปดูได้ในคลิปทดสอบกันได้เลยครับในหลายๆเกม ส่วนตัวภาพรายละเอียดนั้นมาครบและสวยงาม แม้จะไม่ได้โหดเท่าพวก iOS แต่ถ้ามองในค่าย Android ทั้งหลายตัวนี้ทำงานได้ดีมากๆและแรงสุดๆแล้วหละครับในงบนี้มองว่าคุ้มเลยนะถ้าเน้นความแรงและชอบเล่นเกมพวกนี้

CAMERA

กล้องในรุ่นนี้มีการอัพเกรดมาเป็น 3 กล้องโดยการเพิ่มเลนส์มุมกว้างมาด้วยและที่น่าสนใจมันมาพร้อม Autofocus ด้วย และ กล้องหลักนั้นรองรับการถ่ายที่ 48MP เลยแหละ สเปคคร่าวๆนั้น  กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f 1.75  ตัวที่สองเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f 2.2 และ  Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลรูรับแสงกว้าง f2.2 มาพร้อม ทั้ง 3 เลนส์นั้นรองรับ Autofocus PDAF /Laser Focus  และ Contrast Autofocus ไม่มี OIS ทั้ง 3 ตัว และ สามารถใช้โหมดโปรถ่ายได้ ชัตเตอร์ 32S-1/1000S เลยทีเดียวในกล้องทั้ง 3 ระยะถือว่าเอามาถ่ายได้หลากหลายเลยแหละครับ และ ยังมี  AI HDR NIGHTMODE อะไรมาให้ด้วย และ การถ่าย 48MP นั้นจะมีมาให้แต่จะไม่สามารถใช้มุมกว้าง หรือ HDR ได้นะถ้าเราถ่าย 48MP ครับ ส่วนการใช้งานจริงๆจากที่ลองนั้นกล้องกลางคืนพัฒนาดีขึ้น แต่กลางวันอาจจะไม่ได้โดดเด่นขึ้นเท่าไรครับ มุมกว้างถ่ายสนุกโฟกัสได้ ถือว่ากล้องทำได้ดีถ้านับในเรทราคานี้ครับ แต่ Dynamic Range ยังจำกัดอยู่

ภาพข้างบน นั้นเป็นการเทียบระยะทั้งหมดครับ เริ่มจาก  Ultrawide – Normalwide – Tele 2X Optical – 10X นั้นเองครับก็เห็นได้ชัดมากขึ้นว่าระยะแตกต่างกันพอสมควรและมุมกว้างเก็บได้ประมาณไหนนั้นเองครับทั้งหมด

AUTO ULTRAWIDE-WIDE 

48MP คลิกขวาดูรูปเต็มได้เลยนะ 

NIGHTMODE 

PORTRAIT

การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอในโหมดนี้ยังคงใช้เลนส์ระยะ Tele ในการถ่ายครับทำให้ภาพที่ได้นั้นซูมเข้าไปกว่าปกติและแน่นอนว่าการใช้เลนส์นี้ทำให้กลางคืนนั้นถ่ายออกมาไม่คมและถ่ายยากพอสมควร แต่มันทำให้ระยะภาพนั้นเนียนตาและเหมือนใช้กล้องใหญ่มากขึ้นในมุมแบบนี้นั้นเองครับส่วนตัวชอบนะระยะแบบนี้ การใช้ถ่ายจริงๆก็ถ่ายง่ายขึ้นครับ จับระยะได้สวยและ ไม่ยุ่งยาก ถ่ายติดได้ง่าย ส่วน Effect สามารถปรับได้หลังถ่ายครับทั้ง ความเบลอ การแต่ง Effect Bokeh แบบวน แบบดาวต่างๆ รวมถึงถ้าหน้าคนชัดๆใกล้ๆนั้นจะสามารถถ่ายแล้วเอามาทำแบบ Studio Lighting ได้ทั้งทำขาวดำ เล่นแสงเงา ฉากหลังดำอะไรแบบนี้ได้ด้วยนั้นเองครับ

SELFIES

กล้องหน้า ตัวนี้มาพร้อมกับความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f 2.0 โดยเป็น Fixed Focus มุมกว้างพอสมควรครับจากที่ลองเก็บภาพถ่ายหลายๆคนได้ดี รวมถึงมีฟีเจอร์การแต่งหน้าเนียน เปลี่ยนทรงหน้า รองรับถ่าย Portrait ทั้งปรับระยะเบลอทีหลัง หรือจะเป็นแสงแบบ Studio ก็ทำได้เช่นเดียวกันครับมีให้เลือกเยอะและสามารถปรับทิศทางของแสงได้ กล้องหน้าโดยรวมค่อนข้างดีและไม่เจอปัญหาอะไรระยะโฟกัสตั้งมาได้คมชัดถ่ายง่ายและโทนสีผิวตรงกับความเป็นจริงครับ หน้าเนียนก็เนียนตาสุดๆไปเลยแหละ รองรับถ่าย FullHD / HD + Beauty

การถ่ายละลายหลังนั้นสามารถมาปรับทีหลังได้และสามารถตกแต่งแสงทั้งขาวดำ เล่นแสง Flare พื้นหลังดำ พื้นหลังเทาอะไรได้ค่อนข้างเยอะและสามารถลากปรับทิศทางได้เช่นภาพขวาสุดจะเลือกแสงที่กระทบกับหน้าของเราได้ด้วย

VIDEO 

การถ่ายวีดีโอนั้นรองรับการถ่ายที่ครบทั้ง 4K 60fps 30fps FullHD 60fps 30fps และรองรับการถ่าย Super Slowmotion 960Fps HD และ ยังมีฟีเจอร์ Tracking Object ในความละเอียด FullHD 30Fps ด้วยเอาง่ายๆมันเหมือนการครอปอะไรที่เคลื่อนไหว และ มันจะขยับตามไปให้โดยเราอยู่กับที่ เหมือนการซูมไปเฉพาะจุดและขยับตามให้ด้วยอันนี้ชอบนะถ่ายอะไรเคลื่อนไหวได้นิ่งเนียนตาขึ้นแต่คุณภาพอาจจะไม่ได้โหดมากนักครับและยังไม่สมูทมากแต่แนวคิดมันดีเลยแหละ ตัวอย่างการถ่ายอะไรยังไงไปชมในคลิปด้านล่างได้เลยครับ ส่วนการใช้งานแค่เปิดรูปคนวิ่งด้านซ้ายในภาพ และเลือกของที่เราจะจับ เช่นคนเดิน แมวเดิน รถวิ่งได้ทั้งหมดเลย และถ้าหลุดกรอบออกไปก็จะขยายกลับมาแบบเดิม ซึ่งในภาพข้างบนคือมันจัยตรงมุมซ้ายอยู่นั้นเองครับ หน้าตาการทำงานของมัน

XIAOMI MI9 

” เรือธงสำหรับคนงบน้อย ที่พรีเมี่ยมมากขึ้น กล้องโหดขึ้น วัสดุสวยขึ้น “

Xiaomi ยังคงทำเรือธงราคาไม่แรงเกินไปได้ดี แต่ก็มีข่าวว่าจะอัพเกรดราคาเหมือนกัน รุ่นนี้อาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ราคาน่ารักแบบนี้ไหมต้องรอดู แต่เราก็มาดูตัวนี้กันก่อนโดยรวมมันโอเคในทุกๆด้านเมื่อเทียบกับราคา และการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าทั้ง วัสดุสีสันสวยงามขึ้นหรูขึ้น กล้องหลัง 3 ตัวมุมกว้าง กลางคืนดีขึ้น รองรับการถ่ายได้ดีขึ้นนั้นเองครับ หลายๆอย่างก็เลยลงตัวขึ้นทำให้มันน่าสนใจ อีกทั้งเรื่องของหน้าตาอะไรก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ราคาก็คงเป็นจุดเด่นหลักๆที่ขายได้ในแง่ของความคุ้มค่า แต่ก็มีบางอย่างที่ยังขัดใจ เช่นไมค์ยังแย่เหมือนเดิม หรือจะเป็น โฆษณา ตามแอพที่มากับเครื่องบางอย่างก็ไม่นามี แต่ในด้านของภาษาไทยนั้นรับได้เพราะเป็นเครื่องหิ้วครับ จะว่าไปมันก็เป็นเรือธงราคาน่ารักอีกรุ่นที่น่าลองและน่าใช้งานครับอาจจะทำให้มองข้ามข้อเสียบางอย่างได้เพราะราคาของมัน

ข้อดี

  • ตัวเครื่อง สีสัน งานประกอบต่างๆทำได้เนียนและสวยมาก
  • วัสดุตัวเครื่อง Gorilla Glass 5-6 และเลนส์ Sapphire
  • กล้องหลัง 3 ตัว ทำได้ดีกว่าที่คิด และ มีโฟกัสทุกเลนส์
  • Snapdragon 855 ทำได้ดี เร็วแรง
  • Gesture ค่อนข้างเยอะใช้งานได้หลากหลาย
  • รองรับชาร์จไร้สาย 20W
  • DUAL GPS ทำได้ดีขึ้น
  • แบตใช้งานได้ทั้งวัน แม้จะมีแค่ 3300 mAh
  • ลำโพงตัวเดียว แต่เสียงดีแน่นขึ้น

ข้อสังเกต

  • MIUI ยังเจอ โฆษณาแฝงอยู่ตามแอพของมัน
  • ไม่มีเมนูภาษาไทย แป้มพิมพ์ไทยต้องโหลดเอาเอง * ตัว  Global ROM มาขายแล้ว*
  • ไมค์อัดเสียงยังไม่ค่อยดีเหมือนเดิม
  • ไม่มี รู3.5 + ไม่สามารถเพิ่มความจุได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget

—————————————————————————————————–

TREE MOBILE MBK  ชี้เป้า ซื้อมาจาก TREEMOBILE เป็นร้านประจำของทีมงานเองไปซื้อเครื่องหิ้วครับ แอดแนะนำเลย ไว้ใจได้ ชี้เป้าให้เเล้วนะ เห็นถามกันมาหลายคน เพราะทางเราไม่มีขายนะ

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares