VIVO เริ่มต้นปีด้วยการลุยตลาดมือถือตระกูล Y ที่เป็นตระกูลสายคุ้มและในครั้งนี้เปิดตัวมาด้วยการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างรวมถึงงานออกแบบด้วยเช่นกัน ในรุ่นนี้เปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมด การวางกล้องหลังแบบใหม่รวมถึง สเปกหลายๆอย่างนั้นก็พัฒนาขึ้นจากตัว Y30 ก่อนหน้านี้ครับ กล้องหลังปรับมาใช้งาน 3 ตัวพร้อมความละเอียด 48MP เลนส์หลักคุณภาพสูง แต่น่าเสียดายเลนส์มุมกว้างไม่มีให้ใช้งานครับ ส่วนงานออกแบบสแกนนิ้วย้ายมาขอบเครื่องและ มาพร้อมกับ Snapdragon 662 รวมถึงใช้งานแบต 5,000 mAh พร้อมกับชาร์จ 18W รวมถึงหน้าจอ FHD+ แบบติ่งหยดน้ำ และมีความสวยงามคมชัดมากขึ้น อีกทั้งดีไซน์ฝาหลังแบบใหม่ด้วยเช่นกัน

VIVO Y31 นั้นมาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 662 พร้อมกับ RAM 8GB และ STORAGE 128GB และใช้งานหน้าจอ แบบ Halo FullView ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut พร้อมกับดีไซน์ฝาหลังแบบใหม่ รวมถึงการวางกล้องแบบใหม่เช่นกัน กล้องหลัง 3 ตัวมาพร้อมกับตัวเลนส์หลัก 48MP f1.79  และ มาโคร 2MP f2.4 จับระยะ 2MP f2.4 นั้นเอง รองรับการถ่ายโหมดกลางคืน และ Portrait  ส่วนทางด้านกล้องหน้ามาพร้อมกับ 8MP f1.8 พร้อมรองรับการถ่ายละลายหลัง ส่วนทางด้านระบบเสียงนั้นถือว่าทำได้ดี  สามารถเพิ่มระดับเสียงในการฟังเพลง เสียงเรียกเข้า รับชมวิดีโอหรือภาพยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มเสียงได้สูงสุดถึง 73dB และเอฟฟเฟกต์เสียง Super Audio ที่เป็นเอกลักษณ์ของ vivo มอบประสบการณ์การรับชมทั้งภาพและเสียงที่ดียิ่งขึ้น นั้นเองถือว่าเสียงจะเน้นความดัง ฟังชัดมากว่าเดิมครับ ส่วน ทางด้านความจุแบตนั้นมาพร้อมกับ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไวสูงสุด 18W และเป็น USB-C แล้วนะ  และใช้งาน Android 11 พร้อม Funtouch OS11 รวมถึง หน้าตาอะไรนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเช่นกัน

VIVO Y31 เปิดตัวในไทยมาพร้อมกับ สเปก SDM 662 RAM 8GB STORAGE 128GB มาพร้อมกับสี ดำ Racing Black และ Ocean Blue ในราคา 7,499 บาทไทยครับ 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง VIVO Y31
  • เคสใส TPU
  • ที่ชาร์จ 9V / 2A. 18W
  • สายชาร์จ USB-C
  • หูฟัง VIVO EARBUD
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม

เคสที่เเถมมาในรุ่นนี้ยังคงเป็นเคสใสเหมือนกับในรุ่นก่อนๆ มีความหนาอยู่พอประมาณ ป้องกันการกระเเทกได้ดีในระดับนึง ตัวขอบของเคสกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้อย่างๆสบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับ รวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จยังคงมีจุกปิดมาให้เหมือนเดิมตามเเบบฉบับของ VIVO ที่เเถมมาเหมือนกับในรุ่นก่อนๆ ตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกก็สามารถกระแทกได้ในระดับนึง แบบไม่หนักมากนะครับ ก็ยังพอปกป้องตัวเครื่อง เลนส์กล้อง หน้าจอได้อยู่บ้างเวลาใช้งานวางคว่ำทั่วไปพวกนี้ครับ

DESIGN

งานออกแบบตระกูล Y ในรอบนี้ได้รับงานออกแบบจากรุ่นพี่มาเต็มๆเปลี่ยนทั้งเรื่องของกล้อง เส้นสายบริเวณกล้องและฝาหลังเช่นกันครับกล้องหลังในรอบนี้มาพร้อม 3 ตัวและเลนส์หลักนั้นจะเป็นตัวใหญ่ที่สุดค่อนข้างโดดเด่นและมีความหรูหรามากขึ้น การวางกล้องแบบนี้คุ้นตากันดีในรุ่น V Series ครับถือว่าได้รับอิทธิพลมาเยอะมากๆ ส่วนวัสดุงานออกแบบนั้นเป็นพลาสติกแต่เล่นแสงเงาสวยงาม และการย้ายสแกนนิ้วไปไว้ด้านข้างให้ฝาหลังสวยเรียบมากขึ้น

หน้าจอมาพร้อมกับงานออกแบบใหม่เป็นหน้าจอ แบบ Halo FullView™ ขนาดหน้าจอ 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD นะครับตัวนี้

หน้าจอขอบด้านบนเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากหน้าจอเจาะรูด้านมุมซ้าย เป็นหน้าจอแบบติ่งตรงกลาง พร้อมกับกล้องหน้า 8MP F1.8 แต่จะได้หน้าจอแบบ FHD+ แทนครับถือว่าเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนชัดเจนมากๆ

ส่วนขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะมีความใกล้เคียงของเดิม พร้อมกับปุ่มควบคุมในหน้าจอทั้ง 3 ปุ่ม และปรับแต่งได้ แน่นอนว่ามาพร้อมกับฟิล์มกันรอยหน้าจอติดตั้งมาให้เรียบร้อยครับ

ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นปุ่ม Power พร้อมการรองรับสแกนนิ้วในตัว และปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงในด้านบน ขอบเครื่องจะเห็นว่ามีความบางพอสมควร และฝาหลังนั้นมีความโค้งเข้ามาถึงขอบข้างเยอะมากกว่าตัวก่อนหน้าครับ

ขอบเครื่องส่วนล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของลำโพงหลักในด้านซ้าย และ รู USB-C พร้อมกับ ไมค์ และ รู 3.5 มม. จะเห็นว่าขอบเครื่องค่อนข้างโค้งทำให้ซ้าย และ ขวานั้นสามารถรับกับมือเวลาถือได้ดีมากกว่าแบบเหลี่ยมทั่วไป

ขอบเครื่องส่วนบนนั้นเราจะเห็นว่าถาดซิมนั้นอยู่ข้างบนพร้อมกับการรองรับ Triple Slot และ จะเห็นว่ามีซีลกันน้ำใส่เข้ามาให้ถือว่าดีพอสมควรเลยแหละ และ ยังคงใส่ไมค์ตัวที่ 2 พร้อมการรองรับการตัดเสียงด้วยเช่นกันครับตัวไมค์

ขอบเครื่องในด้านซ้ายถือว่ามีความเรียบมากๆไม่มีส่วนปุ่มอะไรใส่เข้ามาและขอบฝาหลังโค้งลงมากินพื้นที่ขอบข้างเยอะมากขึ้นทำให้ตัวขอบเครื่องที่เป็นวัสดุด้านนั้นมีความบางมากกว่าเดิม เป็นการออกแบบทำให้ดูบางเบามากขึ้น

กล้องหลังเป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน การวางเลนส์กล้อง การออกแบบทั้งหมดนั้นจะอิงไปยังรุ่น X50 เลยทั้งตัวเลนส์หลักด้านบนสุดขนาดใหญ่พร้อมกับเลนส์ มาโคร และ เลนส์จับระยะด้านล่างครับ และงานออกแบบไฟแฟลซ ด้านล่างสุดพร้อมกับการเขียนระยะเลนส์ไว้ด้านล่าง เล่นลวดลายแตกต่างกันนิดหน่อย แต่ทั้งหมดจะคลุมไปด้วยกระจกเลนส์อีกชั้นนึง ส่วนสเปกกล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ 48MP F1.79 ที่พัฒนาจากเดิม ทั้ง MP และ รูรับแสงรวมถึงตัวคุณภาพ ส่วนทางด้านเลนส์รองนั้นจะเป็น มาโคร 2MP F2.4 และ เลนส์จับระยะ 2MP F2.4 เช่นกัน แต่น่าเสียดายเลนส์มุมกว้างนั้นได้ถูกเอาออกไปครับ แต่จะได้เลนส์หลักที่มีคุณภาพมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวขึ้นมาจาก 13MP ไปยัง 48MP

ฝาหลังในรุ่นนี้จะเป็นสีดำเล่นกับแสงเงาได้สวยงามและจะออกโทนน้ำเงินในส่วนขอบเครื่องด้านบนครับแต่แน่นอนว่าจะเล่นกับแสงได้ยากนิดหน่อยเพราะว่ามันสะท้อนเงาได้เยอะมากๆ และแม้จะเป็นวัสดุพลาสติกก็ตามแต่ทำเรื่องของคุณภาพการทนรอยขีดข่วนอะไรได้เยอะมากกว่าเดิมอีกทั้งดีไซน์ส่วนกล้องทำให้มีความหรูหรามากกว่า Y รุ่นก่อนๆ

SPEC

  • Android 11 + Funtouch OS 11
  • หน้าจอ IPS LCD 6.58 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ FHD+ (2408×1080) มาตรฐานสี P3 Color Gamut
  • CPU Snapdragon 662
  • RAM 8 GB
  • ความจุ 128 GB รองรับ Micro SD Card Triple Slot
  • กล้องหลัก 48 MP f1.79 + สำหรับถ่ายมาโคร 2 MP F2.4 (Macro) + และเลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องจับความลึก)
  • กล้องหน้า 8 MP f1.8
  • พอร์ต USB-C
  • WIFI 2.4GHz,5GHz
  • Bluetooth 5.0
  • สแกนนิ้วด้านข้างตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W
  • ขนาด / น้ำหนัก 163.86×75.32×8.38 มม

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 662 พร้อมกับ Storage UFS 128 GB จัดเต็มด้วย RAM 8 GB ที่มากกว่าเดิมเท่านึงเลยครับ และ ประสิทธิภาพทำได้ดีขึ้นมากด้วย การอ่านเขียนไวขึ้น จากรุ่นก่อน 200 มารุ่นนี้ 490 เลยทีเดียวครับ ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 490  MB/s – เขียนไปได้ที่ 218 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับการดู Netflix HD นะครับจัดเต็มสบายๆ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 190562 คะแนน และทางด้าน Geekbench นั้นทำไปได้ 315 และ 1408 คะแนนครับถือว่าประสิทธิภาพดีกว่า Y30 เยอะ

SYSTEM UI

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 11 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 11 นั้นเองครับ

การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ

Storage 128GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3.8 GB ถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเองครับเป็นมาตรฐาน

อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ แต่รุ่นนี้จะเปลี่ยนได้แค่ 2 ส่วนหลักๆตามภาพครับ แอบน้อยกว่าตัวอื่นๆอยู่เหมือนกัน ส่วนหน้าจอนั้นสามารถใช้งานโหมดมืดหรือถนอมสายตาได้เป็นปกติแต่น่าเสียดายยังคงเป็น 60Hz

ระบบเสียงมีฟีเจอร์เร่งเสียงทำได้ดีขึ้น ดังมากขึ้นครับที่เด่นๆเลยในรุ่น Y31 และมาพร้อมกับ Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอ รวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 11 หลายๆตัวนั้นเอง

SCREEN

รุ่นนี้เรื่องของหน้าจอยังคงเลือกใช้งาน IPS LCD เรื่องของสีสันรุ่นนี้ยังคงให้เฉดสีที่ดูธรรมชาติ คนที่ต้องการสีจอจัดๆรุ่นนี้บอกเลยว่าอาจจะยังไม่เหมาะสักเท่าไร เเต่เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายก็ที่ว่าใช้งานเเละก็สมกับราคา หน้าจอหลังจากที่นำไปใช้งานกลางเเจ้งอาจจะยังสู้เเสงเเดดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ขนาดหน้าจอที่ให้มาในรุ่นนี้มีขนาดที่กำลังพอดี ไม่เล็กเเละใหญ่มากจนเกินไป เเละในส่วนของความละเอียดหน้าจอรุ่นนี้พัฒนาขึ้นจากเดิม และเปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่เป็นแบบติ่งหน้าจอ แต่ได้หน้าจอที่สวยคมชัดมากขึ้น FHD+ รองรับเฉดสี P3 และใช้งานได้ดีมากขึ้น ดู NETFLIX FHD ได้เต็มๆพร้อมกับความละเอียดในการเล่นเกม ดูหนังหลายๆส่วนดีขึ้นชัดเจนครับ ส่วนการสู้แสงอะไรนั้นทำได้ดีใกล้เคียงกับของเดิมไม่ได้หนีกันมากนัก แต่จะแตกต่างกันเรื่องของความสวย ความคมชัดมากกว่า

หน้าจอนั้น มุมมองในด้านอื่นๆนั้นก็ถือว่ายังทำได้ดีอยู่เหมือนกันครับทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไป และในการดูหนังต่างๆมุมมองรองรับได้สบายเลยนะ จอนั้นมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วนิดหน่อยครับ ที่ชอบคือการสัมผัสทัชอะไรก็ทำได้ดีเเต่อาจจะเป็นเหมาะตัวชิปเซ็ตอาจจะไม่ได้เเรงสักเท่าไร เท่าที่ลองใช้งานมีจังหวะที่รู้สึกหน่วงๆอยู่บ้าง เรื่องการสัมผัสค่ายนี้ทำได้ดีเหมือนเดิมนำไปเล่นเกมติดนิ้ว มิติของภาพอะไรสวยและกว้างแต่ความสดจัดจ้านในระดับกลาง อาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็สามารถปรับได้นิดหน่อย แต่สีจะเน้นความธรรมชาติและไม่เวอร์มากเกินไปครับในจอรุ่นนี้ ถ้าใครชอบหน้าจอสวยกำลังดีและมีการสัมผัสดีแนะนำเลย เรียกได้ว่าค่ายนี้ยังคงสัมผัสตอบสนองได้ดีมากๆครับ

SIDE-MOUNTED FINGERPRINT SCANNER

ในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ Y เพราะว่าในรุ่นก่อนๆในเรทราคาไม่แพงนั้นจะใส่สแกนนิ้วด้านหลังมา อาจจะทำให้ดีไซน์ฝาหลังและการใช้งานอาจจะไม่ได้ทันสมัยมากนัก แต่ครั้งนี้ได้ปรับมาใช้งาน Side-Mounted Fingerprint Scanner หรือสแกนนิ้วในด้านข้างที่เป็นปุ่ม POWER ในตัวเลยทำให้เราสามารถ ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 0.33 วินาที นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีนะ ดีไซน์ดูเรียบมากขึ้นและปุ่มก็ใช้งานเวลาเปิดเครื่องได้ดีเลยแหละจุดนี้ดีขึ้นครับ

SOUND

ทางด้านหูฟัง แม้ว่าเรือธงค่ายอื่นๆจะตัดออกไปแต่ครั้งนี้ VIVO กลับใส่เข้ามาให้เพราะว่ารุ่นก่อนๆนั้น Y30 จะไม่มีหูฟังแถมเข้ามาให้ครับ แต่ในรุ่นนี้กลับใส่หูฟังแถมมาในกล่อง ที่เป็นดีไซน์แบบเดียวกับ V20 SE ก่อนหน้านี้เลยคุณภาพอะไรทำได้ดี เพราะว่าเสียงรุ่นนี้มีการขับออกมาให้เร่งมากกว่าเดิมทั้งลำโพง หูฟัง อีกทั้ง Software ช่วยนั้นเหมือนกับรุ่นพี่เลยจริงๆทำให้เรื่องเสียง ดังดีมากขึ้นจากรุ่น Y30 นะ แต่แน่นอนว่าถ้าเน้น เสียงแน่นๆนั้นอาจจะสู้กับแบบ In-Ear ไม่ได้เท่าไรนักรวมถึงการเก็บเสียงจากภายนอกด้วย ทำให้เสียงในรุ่นนี้จะไม่สามารถคุมเสียงได้แบบ In-Ear แน่นอน มาที่เรื่องของเสียงกันก่อนทางด้านรุ่นนี้ เสียงในตัวนี้ถ้าฟังจากตัวเครื่องนั้นกำลังขับอะไรนั้นถือว่ากลางๆครับไม่ได้เด่นมากนักต้องบอกว่าน่าเสียดายเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะเน้นมากๆแต่หลังๆเหมือนจะหายไปแล้ว กำลังขับ เสียงกำลังดี โทนเสียงยังคงเน้นในเรื่องของรายละเอียดเด่นกว่านิดหน่อยและ เสียงเบสมาแบบน้อยๆครับไม่ได้เยอะอะไรมาก เสียงผ่านรู 3.5 มม. นั้นยังคงมีความใกล้เคียงกับรุ่น V เลยทีเดียวอันนี้ถือว่าทำได้ดีครับ

หูฟังที่แถมมานั้นเสียงจะไม่แน่นเหมือนกับรุ่นก่อนๆหรือแบบ In-Ear แล้ว แต่ข้อดีที่ใส่เข้ามาในหูฟังทรงแบบนี้นั้นคือมันทำให้ใส่ได้สบายขึ้นใส่ออกกำลังได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยเวลาใส่และไม่อึดอัดอาจจะเป็นข้อดีของใครหลายๆคนที่ชอบอะไรแนวนี้ครับแต่เรื่องเสียงแน่นอนมันเก็บเสียงอะไรได้ไม่เท่าตัวก่อนแล้วด้วย เสียงที่ได้จากหูตัวนี้จะเน้นเสียงแหลมเด่น เสียงร้องชัดครับเวลาคุยโทรศัพท์นั้นชัดเจนได้ยินดี แต่เสียงย่านต่ำหรือเบสนั้นอาจจะไม่ได้แน่นสะใจมากเท่าไรครับ เวทีเสียงกลางๆไปทางแคบนิดนึง หูฟังนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่แถมมาในตัว V20 SE เลยครับ

GPS

ในการนำทางไม่เจอหลุดหน่วงอะไรนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าเดิมพอสมควร Snapdragon แล้วก็อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ด้วยการจับที่ดีขึ้นกว่าเดิมและไวกว่าเดิมครับในการทดสอบใช้งานจริง และผ่านแอปนั้นทำได้ประทับใจอยู่เหมือนกัน โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 51 ดวง และ จับได้ 27 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 35 ดวง จากทั้งหมด 51 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละและนำทางใช้งานได้ไม่มีปัญหาเลย

BATTERY 5,000 + 18W

การใช้งานแบตตัวนี้ถือว่าให้มาจัดเต็มเช่นเดิม 5,000 mAh พร้อมกับรองรับการชาร์จ 18W ถือว่าเหลือๆในการใช้งานเมื่อเทียบกับราคา และ สเปกนั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั่ววันได้เลยครับ ตัวแบตยังคงเยอะแต่ทำน้ำหนักตัวเครื่องได้บางเบาเช่นเดิมสำหรับตระกูล Y รุ่นนี้ เท่าที่ลองใช้งานจริงนั้นใส่ซิมใช้งานปกติถือว่ารองรับได้สบายๆ เท่าที่ลองใช้งาน 11 ชั่วโมงนั้น เปิดหน้าจอไป 7 ชั่วโมง เล่นเกมไป 40นาที พร้อมกับ ฟังเพลง นำทางต่างๆ ถ่ายรูปถือว่าอึดเลยนะเหลือกลับมา 34 % ถือว่ายังสบายๆในการใช้งานทั่วไปทั้งวันแบบไม่ต้องกังวลอะไร และชาร์จไวขึ้นด้วยครับตัวนี้

GAMING

Y31 มาพร้อมกับฟังก์ชัน Multi-Turbo 4.0 สามารถปรับฉากในเกมให้เหมาะสม ลดปัญหาการกระตุกและความล่าช้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประมวลผลระบบและหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด แม้เปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชัน ก็ยังสามารถเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น เรื่องของการทัชเท่าที่ลองรู้สึกประทับใจ ทัชได้ลื่นไหลมากๆ ส่วนการปรับภาพกราฟฟิกสำหรับเกมต่างๆ จะปรับได้ระดับกลางๆ เท่าที่ทดสอบภาพทำออกมาได้เนียนตา ลื่นไหล ส่วนเรื่องของเเบตเตอรี่ เท่าที่ทดสอบ จะกินอยู่ราวๆ 9% กับการเล่นเกม 50 นาที แบบไม่อัดหน้าจอ โดยรวมรุ่นนี้เรื่องของการเล่นเกม ส่วนตัวคิดว่าโอเคครับ หากไม่ได้เน้นต้องปรับกราฟฟิกสุดอะไร

CAMERA 48MP !

กล้องด้านหลังเป็นจุดหลักที่พัฒนามากขึ้นจากเดิมที่ 13MP เป็นกล้องหลัง 48MP และรูรับแสงที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอนว่าส่งผลทำให้เรื่องของการถ่ายภาพนั้นเก็บรายละเอียดที่ดีกว่าเดิมชัดเจน รวมถึงแสงน้อยนั้นทำได้ดีขึ้น ส่วนการโฟกัสอะไรนั้นทำได้ดีตามระดับเรทราคาของรุ่น Y ครับ โทนสีของภาพอะไรนั้นแตกต่างกับรุ่นก่อนชัดเจนมีความแม่นยำและสีสันอิ่มมากขึ้น ส่วนที่น่าเสียดายนั้นน่าจะเป็นเลนส์มุมกว้างที่หายไปแต่ก็ได้เลนส์หลักทดแทนที่พัฒนามากขึ้น ส่วนเลนส์รองนั้นยังคงใช้งานตัวเดิม มาโคร 2MP F2.4 และ เลนส์จับระยะ Portrait ที่ 2MP F.24 เช่นกันครับ ทำให้เรื่องของเลนส์ทั้ง 2 นั้นไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักแต่เลนส์หลักในการถ่ายนั้นพัฒนาขึ้นแบบชัดเจนมาก

PORTRAIT 

SELFIE 

กล้องหน้าในรุ่นนี้ยังคงให้มาที่ 8MP เป็นเลนส์หลักในการถ่ายแต่มีการปรับรูรับแสงเป็น F1.8 จากที่รุ่นก่อนหน้าจะเป็น F2.0 ครับทำให้แสงน้อยถ่ายได้ดีมากขึ้นด้วยนะ ซึ่งคุณภาพอะไรถือว่าโอเคใช้งานได้เลยทีเดียวในรุ่นนี้มุมมองอะไรนั้นกลางๆไม่ได้แคบและไม่ได้กว้างมากนัก เก็บส่วนใบหน้าและไหล่ได้แบบกำลังดี ถ้ายืดแขนสุดก็สามารถเก็บระยะรวมๆได้กำลังดีเลย ส่วนการถ่ายนั้นเก็บสีผิวอะไรได้ดีเลยนะมีความขาวและสว่างกำลังดีโทนค่อนข้างตรงและสวย การปรับแต่งใบหน้านั้นยังคงจัดเต็มมาให้ตามแบบฉบับค่ายนี้อยู่ และยังมีโบเก้ใส่เข้ามาให้สำหรับการละลายหลังเวลาถ่ายกล้องหน้า และยังคงสวยรวมถึงโทนสีอะไรเป็นตามสไตล์ค่ายนี้เลย ยังคงทำได้น่าสนใจและเป็นธรรมชาติ

PORTRAIT 

VIVO Y31

” ดีไซน์สวย พรีเมี่ยมมากขึ้น กล้องหลัก 48MP พร้อม RAM 8GB และชาร์จไว 18W  ! “

เป็นตระกูล Y ที่พรีเมี่ยมกว่าเดิมในเรื่องของงานออกแบบรวมถึงการใช้งานเลนส์กล้องที่ดีกว่าเดิมเป็น 48MP พร้อมกับ f1.79 ทำให้เรื่องของการถ่ายภาพนั้นพัฒนามากขึ้นชัดเจน ส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นพรีเมี่ยมคล้ายกับรุ่น V หรือ แม้แต่ X ก็ตาม แม้ในเรื่องของวัสดุนั้นจะเป็นพลาสติกตามระดับเรทราคา แต่ที่เห็นในหลายๆส่วนทั้ง สเปคที่ดีขึ้นใช้งาน Snapdragon 662 พร้อมกับ UFS ที่แรงขึ้นกว่าเดิมในหน่วยความจำ หน้าจอที่ดีขึ้นเป็น FHD+ พร้อมกับ รองรับ Netflix HD อีกทั้งในเรื่องของ การชาร์จไว้มากกว่าเดิมเป็น 18W เมื่อมองดีๆจะเห็นว่าหลายๆส่วนดีขึ้นชัดเจน แต่ก็แอบเสียดายในเรื่องของเลนส์มุมกว้างที่หายไปเล็กน้อยในจุดนี้ครับ แต่หลายๆส่วนก็ตอบโจทย์มากขึ้น

ข้อดี

  • หน้าจอใช้งาน FHD+  พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิม
  • ดีไซน์ฝาหลังสวยงาม พรีเมี่ยม พร้อมกับเลนส์กล้องออกแบบใหม่
  • เลนส์หลักมาพร้อม 48MP F1.79 พร้อมกับ คุณภาพการถ่ายที่ดีขึ้นชัดเจน
  • กล้องหน้ารูรับแสงดีกว่าเดิม เก็บแสวได้ดีกว่าเดิม
  • ใช้งาน Snapdragon 662 พร้อม RAM 8GB
  • แบต 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W มากกว่าเดิม
  • สแกนนิ้วมือด้านข้างใช้งานสะดวกมากขึ้น
  • Android 11 + Funtouch OS11 ทำงานได้ดี

ข้อสังเกต

  • ไม่มีเลนส์มุมกว้างมาให้ใช้งาน
  • หน้าจอกลับไปใช้งานแบบติ่งหน้าจอ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares