รีพับลิคออฟเกมเมอส์ (ROG) ประกาศเปิดตัว Strix SCAR II (GL704), เกมมิ่งโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว รุ่นล่าสุดในซีรีย์ ROG Strix  และ Zephyrus S (GX531)  เกมมิ่งโน้ตบุ๊คที่มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i7-8750H CPU และ NVIDIA GeForce GTX 1070 Max-Q GPU ที่มีขนาดตัวเครื่องบางที่สุดในโลก

Strix SCAR II

มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 17.3 นิ้วที่มีความล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน — ด้วยรีเฟรชเรทสูง 144Hz, อัตราการตอบสนองการแสดงผลเร็วสูง 3ms, และการแสดงสีสันสมบูรณ์แบบตามมาตรฐาน sRGB — อยู่ในตัวเครื่องขนาด 15.7 นิ้ว, ให้ประสบการณ์

ภาพที่ดีที่สุดขณะที่ยังคงไว้ซึ่งการพกพาที่สะดวกสบาย Strix SCAR II GL704 นั้นถูกติดตั้งด้วยองค์ประกอบต่างๆที่มีความทรงพลังและฟีเจอร์ล้ำสมัย ประกอบด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® เจนเนอเรชั่นที่ 8 — Core™ i7-8750H — และกราฟิกการ์ด NVIDIA® GeForce® GTX 1060 6GB นอกจากนั้นแล้ว Strix SCAR II ยังคงมีเทคโนโลยี ROG RangeBoost ซึ่งมีการใช้เสารับสัญญานที่มีเพิ่มขึ้นจากปกติได้อย่างชาญฉลาดเพื่อขยายระยะการรับสัญญาน Wi-Fi ขณะที่ระบบระบายความร้อน HyperCool Pro นั้นประกอบไปด้วยฮีทซิ้งค์สามชุดและพัดลมอีกสองตัวเพื่อให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพในการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ผิวสัมผัสลายพรางและเคฟลาร์ที่มีความทนทานและทำหน้าที่ตกแต่งตัวเครื่องอยู่นั้นได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPS)

ขอบจอที่บางยิ่งขึ้นเพื่อภาพสวยประทับใจยิ่งกว่า

ในงาน Computex 2018 ที่ผ่านมานั้น ROG ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊คโดยการใช้หน้าจอขนาด 15.6 นิ้วที่มีความเร็วสูงและมีขอบจอบางพิเศษบนเครื่องรุ่น Strix SCAR II and Hero II (GL504) และในตอนนี้ Strix SCAR II (GL704) ก็ได้สานต่อมาตรฐานดังกล่าว และยังเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊คขนาด 17.3 นิ้ว รุ่นแรกที่มีขนาดความกว้างเล็กกว่า 400 มม. เกิดขึ้นได้จากขอบจอทั้งสามด้านที่มีความบางเป็นพิเศษ ขอบจอขนาด 7.05 มม. นั้นบางกว่าขอบจอของเกมมิ่งโน้ตบุ๊คขนาด 17 นิ้วรุ่นอื่นๆถึงกว่า 50%

ROG ได้มีการทำงานร่วมกับผู้ผลิตหน้าจออย่าง AUO อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊คของ ROG จะมีหน้าจอที่มีความล้ำหน้าที่สุดที่รวมเอาความรวดเร็วในการแสดงผลและการแสดงภาพที่สวยงามเข้าไว้ด้วยกัน โดยการใช้หน้าจอแบบ IPS-type AHVA technology ของ AUO ขนาด 15.6 นิ้ว ทำให้ GL504 สามารถมีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz และอัตราการตอบสนองการแสดงผลเร็วสูง 3ms ในรูปแบบที่มีขอบจอบางพิเศษ — ให้ความเร็วในการแสดงผลสูงกว่าหน้าจอโน้ตบุ๊คทั่วๆไปเป็นเท่าตัว และด้วย GL704 ทำให้ ASUS และ AUO นั้นสามารถมีรีเฟรชเรทสูง 144Hz และอัตราการตอบสนองการแสดงผลเร็วสูง 3ms บนหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ให้ภาพที่มีความคมชัดและการเล่นเกมแบบดำดิ่ง นอกจากนั้นแล้วยังสามารถแสดงสีได้ครอบคลุมตามมาตรฐาน sRGB มั่นใจได้ว่าหน้าจอจะสามารถแสดงสีสันได้สดใสครบตามช่วงสีและเล่นเกมได้ภาพที่สวยตามที่ผู้พัฒนาเกมอยากจะให้เป็น

ออกแบบเพื่อการรบพร้อมความสามารถในการปรับแต่งแสงไฟ RGB ด้วย AURA Sync

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก Strix SCAR II นั้นถูกออกแบบสำหรับการเล่นเกมแนว FPS เป็นหลัก ด้วยดีไซน์ผิวสัมผัสแบบลายพรางและเคฟลาร์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวิธีการแบบ IMR ทั้งหมดแปดชั้น, ฝาจอสี Gun Metal ที่มีการตกแต่งพื้นผิวแบบแฮร์ไลน์บลัช, ขณะที่ครีบระบายความร้อนช่วยเสริมสีสันให้กับแนวช่องระบายความร้อน

ด้วย AURA Sync, แสงไฟ RGB นั้นสามารถถูกปรับแต่งได้ทั้งหมดเจ็ดโซน: สี่โซนบนคีย์บอร์ด, สองโซนบนไลท์บาร์ที่อยู่บริเวณขอบด้านหน้าตัวเครื่อง, และสุดท้ายคือบริเวณโลโก้ ROG ด้านหลังจอ นอกจากนั้นแล้วก็ยังคงสามารถปรับแต่งแสงไฟบนอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆที่รองรับ Aura Sync เช่นชุดหูฟัง Strix Fusion 700 และเม้าส์ Gladius II Origin

คีย์บอร์ดที่ถูกติดตั้งบน Strix SCAR II มีตำแหน่งการวางปุ่มต่างๆแบบเดียวกับคีย์บอร์ดของเครื่องเดสก์ท็อป ด้วยปุ่ม space bar ที่กว้างยิ่งขึ้นและปุ่มฟังก์ชั่นที่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเพื่อให้การใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ปุ่มต่างๆบนคีย์บอร์ดมีความทนทานต่อการกดมากถึง 20 ล้านครั้ง และเทคโนโลยี Overstroke ที่ให้อัตราการตอบสนองต่อการกดที่รวดเร็วยิ่งกว่า โดยตัวปุ่มจะทำงานหลังจากกดไปเพียงครึ่งเดียวของระยะการกดที่ 1.8มม. คุณสมบัติพิเศษต่างๆเหล่านี้ของคีย์บอร์ดบน Strix SCAR II จะทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะมีประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างยาวนาน

อัดแน่นด้วยเกมมิ่งฟีเจอร์ที่หลากหลาย

นอกเหนือจากขุมพลังโปรเซสเซอร์แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ของ Intel Core i7-8750H และความสามารถในเชิงเกมมิ่งที่โดดเด่นของ NVIDIA GeForce GTX 1060 แล้ว Strix SCAR II ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆที่มีความหลากหลายเพื่อช่วยเติมเต็มประสบการณ์เกมมิ่งให้สมบูรณ์แบบ โดยมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบใหม่ล่าสุด 802.11ac Wave 2 จากทาง Intel จะให้ความถี่สัญญานที่มีความเร็วสูงยิ่งขึ้นโดยมีความเร็วสูงสุดถึง 1.73Gbps1 บนเราต์เตอร์ที่รองรับ ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบไวร์เลสจะสามารถใช้เพื่อดาวน์โหลดเกมและการอัพเดทต่างๆได้รวดเร็วไม่ต่างจากแบบที่ใช้สาย Strix SCAR II ยังมีช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-A มากถึง 4 ช่อง, ช่อง USB Type-C™ (USB-C™) ที่สามารถเชื่อมต่อแบบกลับด้านได้, Mini DisplayPort ที่รองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอเกมมิ่งภายนอกที่รองรับฟังก์ชั่น G-SYNC, และ HDMI 2.0 อีกหนึ่งช่องที่สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอแบบ 4K UHD และ TV ขนาดใหญ่ที่ความถี่สัญญานภาพแบบ 60Hz

สตอเรจภายในตัวเครื่องนั้นประกอบไปด้วย M.2 NVMe® SSD ความเร็วสูงที่จะให้คุณสามารถโหลดเกมและโปรแกรมต่างๆได้อย่างรวดเร็วดั่งการกระพริบตา และฮาร์ดดิสแบบ solid-state hybrid drive (SSHD) ขนาด 1TB (สเปคอาจมีการเปลี่ยนแปลง) เพื่อสะสมคอลเลคชั่นเกมต่างๆของคุณ ลำโพงของตัวเครื่องมีความทรงพลังด้วยเทคโนโลยี smart amplifier ที่จะให้ผู้ใช้สามารถปรับเร่งเสียงได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าลำโพงจะแตก

ตัวเครื่องโน้ตบุ๊คนั้นมีพื้นที่ในการระบายความร้อนที่จำกัด ดังนั้น ASUS จึงได้ทุ่มเทพัฒนาระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้า ด้วยระบบระบายความร้อน HyperCool Pro ที่ประกอบด้วยชุดฮีทซิ้งค์สามชุดและพัดลมสองตัว โดยฮีทซิ้งค์หนึ่งตัวมีหน้าที่เฉพาะสำหรับการระบายความร้อนของ GPU เพื่อรับมือกับความร้อนที่จะเกิดขึ้นจากการเล่นเกมสุดโหด ขณะที่ฮีทซิ้งค์อีกสองชุดนั้นจะช่วยกันทำงานในการระบายความร้อนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการระบายความร้อนจะเป็นไปอย่างเหมาะสมภายใต้ลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย รวมไปถึงในโอกาสต่างๆที่ CPU ต้องรับบทบาทหลักในการทำงาน ในฮีทซิ้งค์แต่ละชุดจะประกอบไปด้วยครีบทองแดงจำนวนมากกว่าชุดฮีทซิ้งค์ทั่วๆไปเนื่องจากครีบระบายความร้อนมีความบางอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ได้พื้นที่หน้าสัมผัสสำหรับการกระจายความร้อนที่เพิ่มขึ้นและลดแรงเสียดทานลมในเวลาเดียวกัน บริเวณฝาด้านหลังจอดีไซน์เอกสิทธิ์เฉพาะแบบตัดเว้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลมร้อนที่จะถูกระบายออกทางด้านหลังตัวเครื่องจะไม่โดนบดบัง

Armoury Crate — ศูนย์ควบคุมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

จากการที่ยูทิลิตี้และแอพพลิเคชั่นต่างๆของ ROG นั้นมีการแยกการควบคุมและการเรียกใช้งานมาโดยตลอด ASUS จึงได้นำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ที่รวบรวมเอาการตั้งค่าที่สำคัญต่างๆ มาไว้ที่ปลายนิ้วของเหล่าเกมเมอส์ Armoury Crate ให้การควบคุมการตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนแสงไฟ Aura Sync โดยผู้ใช้สามารถเลือกบันทึกการตั้งค่าต่างๆเป็นค่าโปรไฟล์ได้มากสูงสุดถึงสี่รูปแบบ ซึ่งจะถูกเรียกขึ้นมาใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมหรือแอพพลิเคชั่นที่ได้มีการบันทึกไว้ ขณะที่ Mobile Dashboard จะช่วยขยายความสามารถในการควบคุมไปสู่อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android™ และ iOS ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานของระบบและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆได้โดยไม่จำเป็นต้องหยุดการเล่นเกมอันแสนเพลิดเพลินของคุณ

Armoury Crate มีโปรไฟล์สำเร็จรูปสำหรับการทำงานของระบบให้เลือกทั้งหมดห้ารูปแบบให้ผู้ใช้เลือกระหว่างประสิทธิภาพในการทำงานหรือความเงียบในการใช้งาน โดย Turbo mode นั้นเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมอย่างจริงจัง ขณะที่ Silent mode จะลดเสียงรบกวนที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของตัวเครื่องเพื่อให้การชมภาพยนตร์และการท่องอินเตอร์เน็ตสามารถทำได้เต็มอรรถรส และ Balanced mode นั้นให้สมดุลของประสิทธิภาพในการทำงานที่เหมาะสม นอกจากนั้นแล้วผู้ใช้ยังคงสามารถเลือกโหมดการทำงานของ พัดลมให้เป็นค่าอัตโนมัติหรือจะเลือกระดับการทำงานด้วยตนเองก็สามารถทำได้ การทำงานของพัดลมระบายความร้อนในรูปแบบต่างๆนั้นยังสามารถสลับไปมาได้อย่างง่ายดายแม้ขณะการเล่นเกมโดยการกดปุ่ม Fn + F5

Zephyrus S GX531,

รุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีย์ ROG Zephyrus ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งใหม่สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊คที่เน้นความบางเป็นพิเศษ

ที่ระดับความบางเพียง 14.95~15.75 มม. ทำให้ Zephyrus S นั้นบางกว่า Zephyrus รุ่นแรก (GX501) ถึงกว่า 12% ตัวเครื่องถูกติดตั้งมาด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด Intel® Core™ i7-8750H และกราฟิกการ์ด NVIDIA® GeForce® GTX 1070 Max-Q สมบูรณ์แบบทั้งสำหรับการทำงานและการเล่นเกม หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมรีเฟรชเรทสูง 144Hz, อัตราการตอบสนองการแสดงผลเร็วสูง 3ms ในกรอบจอบางเฉียบทำให้ได้ตัวเครื่องขนาดเทียบเท่า 14.2 นิ้ว วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดทำให้มีความแข็งแรงทนทานถึงระดับมาตรฐานทางการทหาร (military-grade) โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน จากคุณสมบัติที่รวมอยู่ใน Active Aerodynamic System (AAS) — การออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ Zephyrus series

ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมดรวมทั้งการดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ยอดเยี่ยม

หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการรังสรรค์เกมมิ่งโน้ตบุ๊คที่มีความบางเช่นนี้คือการทำให้มั่นใจว่าตัวเครื่องนั้นจะมีความสมดุลทั้งในด้านของความแข็งแรงและน้ำหนัก: Zephyrus S ใช้วัสดุโลหะผสมระหว่างอลูมิเนียมและแม็กนีเซียมในตัวโครงสร้างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมดุลดังกล่าว ชิ้นส่วนประกบทั้งด้านบนและล่างถูกขึ้นรูปอย่างบรรจงจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแกร่ง กระบวนการ CNC-milling อันละเอียดอ่อนนี้ใช้เครื่องเครื่องมือในการขัดเกลาถึงห้าขั้นตอนเป็นเวลาเกือบ 72 นาที เพื่อรังสรรค์รายละเอียดอันปราณีตและขนาดที่สมบูรณ์แบบ ได้มาซึ่งฝาประกบที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อแต่ยังคงไว้ซึ่งความบาง อีกทั้งยังช่วยทำให้ตัวเครื่อง Zephyrus S มีความทนทาน: โดยเครื่องต้นแบบสำหรับการทดสอบได้ผ่านมาตรฐานความทนทานระดับทางการทหารต่อแรงสั่นสะเทือนและการกระแทก

ลวดลายบนผิวฝาจอเป็นแบบคอนทราสต์เสริมความโดดเด่น: การอโนไดซ์แบบสองขั้นตอนทำให้ผิวสัมผัสมีความเรียบหรูและเสริมความโดดเด่นด้วยสีทองแดง ขณะที่เส้นตัดเฉียงทำหน้าที่แบ่งหน้าผิวสัมผัสที่โดดเด่นสองฝั่ง เช่นเดียวกับพื้นที่บริเวณเหนือคีย์บอร์ดที่มีการตกแต่งด้วยเส้นตัดทแยงในลักษณะเดียวกัน ทำให้ Zephyrus S มีสไตล์ที่โดดเด่น บานพับดีไซน์แบบขากรรไกรซ่อนความโดดเด่นของตัวเครื่องจนกว่าจะถูกเปิดขึ้น เผยให้เห็นถึงหน้าจอและช่องดูดลมเข้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ Zephyrus

การแสดงผลภาพอันยอดเยี่ยมเป็นไปได้ด้วยหน้าจอแบบ super-narrow-bezel

ขอบหน้าจอแบบบางพิเศษทำให้หน้าจอขนาด 15.6 นิ้วสามารถติดตั้งอยู่บนตัวเครื่องขนาด 14.2 นิ้วได้ ทำให้ตัวเครื่อง Zephyrus S มีขนาดเล็กลงและสามารถใช้งานในพื้นที่ๆจำกัดยิ่งกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนั้นแล้วขอบจอที่บางพิเศษยังช่วยให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าอีกด้วย

ตั้งแต่การนำเสนอ Zephyrus รุ่นแรก ASUS ได้ทำงานร่วมกับ AUO ผู้ผลิตหน้าจอรายใหญ่อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊คของ ROG จะใช้แต่หน้าจอที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกมเท่านั้น โดยหน้าจอแบบ 120Hz ที่ติดตั้งบนเครื่องรุ่นแรกนั้นมีรีเฟรชเรทที่สูงกว่าหน้าจอแบบธรรมดาทั่วไปถึงกว่าเท่าตัว ขณะที่ Zephyrus S ให้รีเฟรชเรทที่สูงขึ้นไปอีกถึง 144Hz และยังลดอาการภาพเบลอและเงาภาพที่อาจเกิดขึ้นโดยการลดอัตราการตอบสนองในการแสดงผลไปที่ระดับ 3ms

ไม่ได้มีเพียงความรวดเร็วในการแสดงผลเท่านั้น หน้าจอแบบ IPS AHVA ยังสามารถแสดงผลภาพได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยสามารถแสดงสีสันได้ครอบคลุม 100% ของมาตรฐานสีแบบ sRGB ให้ความมั่นใจได้ถึงสีสันที่สดใส และมุมมองที่กว้างสบายตาไม่มีอาการเพี้ยนของสีเมื่อมองจากมุมเฉียง

ระบบระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมเพื่อประสิทธิภาพเต็มร้อย

ระบบระบายความร้อนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สำคัญที่สุดสำหรับ Zephyrus S เนื่องจากข้อจำกัดทางวิศวกรรมในการออกแบบให้ได้มาซึ่งความบางเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราไม่ลดละเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ทำให้วิศวกรด้านการระบายความร้อนของ ASUS และ ROG ได้พัฒนาระบบที่เป็นนวัตกรรมอย่าง Active Aerodynamic System (AAS) บน Zephyrus รุ่นแรก โดยเมื่อยกหน้าจอของตัวเครื่องขึ้นก็จะเป้นการเปิดช่องลมพิเศษบริเวณด้านใต้ของตัวเครื่องเพื่อให้ดึงลมเย็นเข้าภายในได้มากขึ้น เช่นเดียวกันกับ AAS บน Zephyrus Sที่เปิดช่องลมให้มากขึ้นถึง 5มม. ตลอดทั้งแนวด้านหลังของตัวเครื่องเพื่อให้ได้ปริมาณไหลเวียนของอากาศที่มากขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบกับการออกแบบเดิมๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีลมไหลเวียนเข้าผ่านทางช่องคีย์บอร์ด และการวางตำแหน่งคีย์บอร์ดบริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องยังช่วยให้มีพื้นที่ในการระบายความร้อนที่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ภายในตัวเครื่องของ Zephyrus S มีฮีทไปป์ทั้งหมดห้าเส้นทำหน้าที่ดึงความร้อนออกจาก CPU และ GPU พร้อมทั้งแผงวงจรไฟฟ้าแบบ VRM ที่จะทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับระบบ โดย CPU และ GPU ได้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับชุดฮีทซิ้งค์ทั้งที่ทำหน้าที่อย่างอิสระและใช้ร่วมกันเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการระบายความร้อนจะมีประสิทธิภาพสามารถรับมือกับการใช้งานทุกประเภท และชิ้นส่วนต่างๆที่มีการใช้พลังงานจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 80°C เพื่อให้มีเสถียรภาพในการใช้งานในระยะยาว คลื่นความร้อนจะถูกนำออกผ่านทางฮีทไปป์ไปสู่ชุดฮีทซิ้งค์และช่องระบายลมร้อนทั้งหมดสี่ชุดที่มุมด้านหลังของตัวเครื่อง มากกว่าที่มีบน Zephyrus รุ่นแรกเป็นเท่าตัว

การทำให้ชุดฮีทซิ้งค์ปราศจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกนับเป็นเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพการระบายความร้อน เป็นเหตุผลที่ทีมวิศวกรได้เพิ่มพัดลมที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยทำการไล่ฝุ่นละอองต่างๆออกจากระบบผ่านทางช่องระบายฝุ่น คุณสมบัติพิเศษนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมที่อาจเกิดขึ้นบนครีบระบายความร้อนเพื่อให้มั่นใจได้ถึงการระบายความร้อนที่มีเสถียรภาพในการใช้งานระยะยาวที่ดียิ่งขึ้น

ด้วย 83 ใบพัดบนพัดลมคู่แบบ AeroAccelerator ความแรง 12V มีจำนวนใบพัดมากกว่าพัดลมของ Zephyrusรุ่นแรกถึง 17% การไหลเวียนอากาศยังทำได้ดียิ่งขึ้นจากรูปทรงของใบพัดอลูมิเนียมซึ่งมีขอบใบพัดที่โค้งมนและยกปลายขอบเพื่อนำลมเข้าสู่บริเวณใบพัดได้มากยิ่งขึ้น ความเร็วในการหมุนถูกกำหนดด้วยชุดคำสั่งอัจริยะที่ถูกตั้งค่าเป็นโปรไฟล์สามรูปแบบ โดยปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Overboost mode สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode เพื่อความสมดุลในการใช้งาน

ปรับแต่งไฟ RGB ด้วย Aura Sync

ไฟ RGB ที่ถูกติดตั้งมาบน Zephyrus S จะทำให้เกมเมอส์สามารถปรับแต่งเอฟเฟคท์ต่างๆได้ตามต้องการ หรือจะปรับให้เข้ากับอารมณ์ของเกมที่กำลังเล่นอยู่ก็สามารถทำได้ ไฟเรืองแสงบนคีย์บอร์ดแยกอิสระสี่โซน และยังมีหลอดไฟ LEDs แสดงให้เห็นถึงการทำงานภายในช่องลมของระบบ AAS นอกจากนั้นแล้ว Aura Sync ยังเชื่อมโยงสีสันและเอฟเฟคท์ต่างๆของอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆที่รองรับเข้าไว้ด้วยกันเช่นชุดหูฟัง ROG Delta และเม้าส์ Gladius II Origin ทำให้การปรับแต่งตามความชอบของคุณเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง การปรับแต่งไฟบนแอพพลิเคชั่นของผู้พัฒนาอื่นๆก็สามารถทำได้ผ่านทาง Aura SDK โดย ROG กำลังทำงานร่วมกับนักพัฒนาทั้งหลายเพื่อการรองรับเกมและแอพพลิเคชั่นอื่นๆที่จะมีมากขึ้นในอนาคต

Armoury Crate — ศูนย์ควบคุมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

จากที่เคยเป็น ROG Game Center ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็น Armoury Crate ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับแต่งไฟด้วย Aura Sync นั้นทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หรือผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้มากถึงสี่โปรไฟล์ — ซึ่งการตั้งค่าต่างๆจะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android™ และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต

ตำแหน่งคีย์บอร์ดบริเวณด้านหน้าของตัวเครื่อง

นอกจากวัตถุประสงค์หลักในการวางตำแหน่งคีย์บอร์ดไว้ที่บริเวณด้านหน้าของ Zephyrus S ที่จะช่วยเอื้อต่อการระบายความร้อนแล้ว มันยังทำให้ผู้ใช้สามารถวางมือได้อย่างสะดวกสบายเหมือนกับการใช้งานเครื่องแบบเดสก์ท็อปอีกด้วย เทคโนโลยี Overstroke ทำให้ผู้ใช้สามารถกดได้เร็วยิ่งขึ้นและมีอัตราการตอบสนองที่ดียิ่งกว่า นอกจากนั้นแล้ว ระยะการกดที่ 1.2มม. ยังให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ตัวปุ่มมีความทนทานต่อการกดได้มากถึง 20 ล้านครั้งเพื่อรับมือกับการใช้งานที่หนักหน่วง และฟังค์ชั่น N-key rollover ยังช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าการกดแต่ละครั้งจะทำงานได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะกดพร้อมๆกันกี่ปุ่มก็ตาม

ระบบเสียงรอบทิศทางที่ดีขึ้นอีกระดับ

Zephyrus S ถูกติดตั้งมาพร้อมกับระบบเสียงที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ลำโพงคู่แบบ front-facing ติดตั้งอยู่บริเวณข้อพับจอทำหน้าที่ขับกำลังเสียงจากเทคโนโลยี smart-amplifier ที่จะควบคุมดอกลำโพงให้อยู่ในภาวะการทำงานที่เหมาะสม ทำให้สามารถเร่งระดับเสียงได้ดังยิ่งขึ้นโดยปราศจากอาการเสียงเพี้ยนหรืออาการลำโพงแตก Sonic Studio III เพิ่มการจำลองเสียงรอบทิศทาง เพื่อให้ได้เสียงที่โอบล้อมยิ่งขึ้นผ่านทางชุดหูฟัง และยังสามารถใช้งานระบบ APO injection ที่จะช่วยจำลองเสียงแบบรอบทิศทางได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดหูฟังแบบอนาล็อครวมไปถึงชุดหูฟังแบบ USB, DAC แบบต่อแยกภายนอก, และอุปกรณ์ VR

หน่วยจัดเก็บข้อมูลและการเชื่อมต่อ

Intel Core i7-8750H CPU ใน Zephyrus S นั้นได้รับการสนับสนุนการทำงานจากแรมความเร็วสูงแบบ DDR4 2666MHz และสตอเรจแบบ NVMe® ขณะที่ Wi-Fi แบบ 802.11ac Wave 2 จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายที่รองรับที่ระดับความเร็วสูงกว่าระดับความเร็วแบบกิกกะบิท1 USB 3.1 Gen 2 Type-C™ (USB-C™) และพอร์ท HDMI 2.0 ports รองรับการต่อหน้าจอแยกภายนอกและ TV ขนาดใหญ่ ให้ผู้ใช้สามารถต่อหน้าจอแยกได้ถึงสองจอพร้อมๆกัน นอกจากนั้นยังมีพอร์ท USB อีกหลายพอร์ทรวมไปถึง USB 3.1 Gen 2 Type-A เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกมรวมไปถึงสตอเรจแบบพกพาอีกด้วย

ความทรงพลังอันสมบูรณ์แบบสำหรับทั้งการทำงานและการเล่นเกม

Zephyrus S สามารถรับมือกับการทำงานอันหนักหน่วงได้เช่นเดียวกับการเล่นเกมสุดโหด ด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดเจนเนอเรชั่นที่ 8 Intel Core i7-8750H ที่มีหกคอร์และ 12 เธรดที่จะให้พลังในการประมวลผลแบบคู่ขนานที่สามารถรับมือกับการทำงานที่ต้องใช้พลัง

ประมวลผลระดับสูงไม่ว่าจะเป็นการคอมไพล์, งานเรนเดอร์, และการสร้างคอนเทนท์ โดยคอร์ประมวลผลที่เพิ่มมากขึ้นยังสามารถรับมือกับการทำงานแบบมัลติทาสก์ได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมและสตรีมมิ่ง, บันทึกวิดิโอ, และทำอย่างอื่นไปพร้อมๆกันได้ กราฟิกการ์ดGeForce 10-series — สูงสุดถึง GTX 1070 with Max-Q Design — ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่รองรับให้สูงยิ่งขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือกราฟิกการ์ดดังกล่าวสามารถให้เฟรมเรทหลักร้อยบนเกมที่ได้รับความนิยมหลากหลายเกม ให้หน้าจอที่ถูกติดตั้งมาได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares