VOLVO เป็นค่ายรถยนต์ที่ ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย และ การลุยรถพลังงานไฟฟ้าเป็นเจ้าแรกๆ และไม่ทำเครื่องยนต์ล้วนๆอีกต่อไปครับ แน่นอนว่า ทั้งปลอดภัย และ รักษ์โลก และ ครั้งนี้เรามาอยู่กับ XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งเป็นไฟฟ้า 100% และทางเราทดสอบเดินทางไกล จาก กรุงเทพ ไป เขาค้อ  โดยที่ไม่แวะชาร์จระหว่างทาง ในระยะทาง 350 กิโลเมตร ถือว่าลุ้นและเป็นเส้นทางที่น่าสนใจ การขับขี่ การใช้งานเป็นยังไงเดี๋ยวไปอ่านกันครับ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ในการขึ้นลงเขาจะค่อนข้างได้เปรียบ และ มีการดึงพลังงานกลับได้เยอะมาก รวมถึงค่าใช้จ่ายเดินทางที่ถูกกว่ารถน้ำมันหลายเท่าตัว และ มีชาร์จไฟฟรีทำให้เป็นตัวเลือกสำหรับคนยุคใหม่ที่กำลังมองซื้อรถได้ดีมากๆ ยิ่งน้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆในยุคนี้ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และ เป็นทางออกได้ดี

VOLVO XC40 PURE ELECTRIC มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ และ รองรับการขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งให้พละกำลังทั้งหมด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร และใช้งานแบตเตอรี่ 78 kWh ระยะทางสูงสุด 418 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP) กระแสสลับ AC กำลังชาร์จ 11 kW 0-100% ภายใน 7.1 ชั่วโมง และ ในการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge 0-80% ภายใน 40 นาที รองรับกำลังไฟ 150kW ส่วนทางด้านออฟชั่นเองถือว่าครบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รบบการช่วยเหลือความปลอดภัย หรือ แม้แต่ระบบการช่วยการขับขี่ Pilot Assist ทางด้าน ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว ไฟหน้า LED ปรับองศาตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ และ มาพร้อมกับ Google Android Automotive ในตัวทำให้ใช้งาน Google Maps หรือ โหลด App และ คำสั่งเสียง ในตัวโดยที่ไม่ต้องเสียบใช้งาน มือถือ อันนี้คือทำได้ดี และ มีทั้ง แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charging รองรับกล้องรอบคัน และ หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึง ระบบเสียง Harman Kardon Amplifier 600 วัตต์ พร้อม Sub-Woofer ในตัวถือว่าครบมาก

XC40 Recharge Pure Electric  2,590,000 บาท พร้อม Volvo Care Package รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี / Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี / รับประกันแบตเตอรี่ นาน 8 ปี / ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 3 ปี / ฟรี เครื่องชาร์จ Wall Box พร้อมบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้า และ ติดตั้ง / ฟรี บริการใช้งานธุรกรรมทาง Digital นาน 4 ปี

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกในรุ่นนี้ยังคงอิงจากพื้นฐาน XC40 แต่ถ้าเป็นในตระกูลไฟฟ้าล้วนเราจะมีจุดสังเกตบางส่วนทั้งเรื่องของ กระจังหน้าแบบปิดทึบ เป็นจุดหลักๆส่วนเส้นสายภายนอก หรือ ตัวล้อเองไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นปกติเท่าไรนัก แต่ภาพรวมยังคงมีความบึกบึนและดูแข็งแรงเส้นสายเน้นความคมเหลี่ยมสันมากกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนตัวถือว่าสวยและลงตัว และ ด้วยขนาดตัวรถที่ไม่ได้ใหญ่มากทำให้การใช้งานในเมืองหรือต่างจังหวัดถือว่าทำได้ดีในความคล่องตัวและการใช้งานขนของเดินทางต่างๆ ความยาว 4.4 เมตร และ กว้าง 1.8 เมตร ถือว่าขนาดกำลังโอเค

ในภาพรวมทั้งคันเราจะเห็นว่าเส้นสายมีความเหลี่ยมสันกว่ารุ่นพี่ในค่าย และในการใช้งานสี 2 สีในด้านล่างและตัวหลังคารถรวมถึงในด้านท้ายยังคงเป็นเอกลักษณ์ไฟท้ายของค่าย VOLVO เช่นเดิม ส่วนในด้านหน้ารูปทรงหน้าจะค่อนข้างตั้งตรงชันกว่าทั่วไป การออกแบบด้านข้างเราจะเห็นว่าเส้นสายเน้นเส้นตรงและคม พร้อมประตูบานหลังใหญ่มากๆทำให้ไม่ต้องมีกระจกตรงเสา C แบบตัวอื่นๆแต่ความโปร่งนั้นไม่ได้หนีกันมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆตัว แต่ถ้ามองเทียบกับตัวอื่นๆ หลายๆรุ่นจะออกไปในทางโค้งมนมากกว่าชัดเจนทำให้ เอกลักษณ์แต่ละรุ่นก็ถือว่าแตกต่าง

หน้าตรงเราจะเห็นเลยว่าทั้งไฟหน้า กระจังหน้าเน้นความลุย แข็งมากกว่าหลายๆรุ่น ถือว่าสวยอารมณ์คล้ายๆกับรถ SUV สายลุยในยุคก่อนหน้า แต่การที่ได้กระจังหน้าแบบปิดทึบทำให้รถกลับดูทันสมัยมากขึ้นทันที แต่ก็ยังมีช่องระบายข้างล่างสำหรับ ระบบปรับอากาศ หรือ ส่วนอื่นๆของรถยนต์อยู่บ้าง แต่ไม่ต้องใช้ระบายเครื่องแบบรุ่นทั่วไปแล้วและ ยังคงมาพร้อมกับไฟตัดหมอก และ ชายกันชนล่างพลาสติกสีดำทั้งหมดเลยนั้นเอง ส่วนด้านหลังยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงกับรุ่นเครื่องยนต์ มีการตกแต่งสีดำเงาในส่วนล่าง ผสมกับ พลาสติกสีดำทำให้ตัวรถดูไม่อ้วนเช่นกันและใส่ไฟตัดหมอกหลังมาให้  ฝาท้ายเรียบๆ พร้อมกับ VOLVO แบบตัวหนังสือ ไฟท้าย ตัว L  โค้งเอกลักษณ์ที่เราจะเห็นมาในหลายๆยุคก่อนหน้านี้ส่วนทางด้านล้อเองนั้นจะเป็นขนาด 19 นิ้ว ในลายแบบ 5-Double Spoke Matt Black Diamond Cut พร้มอกับ ยางขนาด 235/50 R19 ถือว่าขนาดใช้งานได้ดีไม่กระด้างเกินไปด้วย

ไฟท้ายรูปทรงแนวยาวเป็น LED ในส่วนไฟเบรก ไฟหรี่ แต่น่าเสียดาย ไฟเลี้ยวเป็นหลอดไส้อยู่รูปทรงเด่นแน่นอนว่าถ้ามองความสวยไม่เป็นรองคันอื่นๆ และไม่เหมือนกับค่ายอื่นด้วยสามารถมองไกลๆได้เลยว่าเป็นค่าย  VOLVO จุดนี้ยังคงทำได้เป็นตัวเองมากๆ ส่วนไฟหน้า น่าเสียดายว่า PIXEL LIGHT ไม่สามารถมาได้ในปีนี้แล้วเนื่องจาก ชิปขาดแคลนทั่วโลกนั้นเอง ทำให้ไฟยังคงเป็น LED สูงต่ำอัตโนมัติ ไม่มีไฟแหวกอะไร แต่มีการเลี้ยวตามล้อมาให้ พร้อมไฟตัดหมอก และ เซนเซอร์รอบคันใส่เข้ามาพร้อมกับกล้องรอบคัน ส่วนกระจกมองข้างสีดำ ทั้ง Blind Spot และกล้องรอบคันครบ ถือว่าฟีเจอร์ระบบช่วยเหลือค่ายนี้ยังคงให้มาจัดเต็มๆ และการใช้สีดำทำให้ดูสปอร์ตไปด้วย

และการที่เราสังเกตจุดต่างอีกจุดคือที่ชาร์จไฟ ถ้าหากเป็นรุ่นเครื่องยนต์เราจะได้ที่ชาร์จในโซนแก้มข้างด้านหน้าตัวรถแต่ถ้าเป็นรุ่นไฟฟ้าล้วนเองนั้น เราจะมีที่ชาร์จไฟฟ้า ตรงด้านหลังตำแหน่งคล้ายกับที่เดิมน้ำมัน รองรับ AC กำลังชาร์จ 11 kW 0-100% ภายใน 7.1 ชั่วโมง และ  DC Quick Charge 0-80% ภายใน 40 นาที ในกำลังไฟ 150kW และ สถานีชาร์จในไทยก็เริ่มมีหลากหลายมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะยังไม่ถึง 150kW ทำให้ เวลาอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ และ ความจุแบตตอนนั้น ทำให้เวลาชาร์จจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ส่วนกระจังหน้าถือว่าเป็นจุดที่สวยและคลีนมากๆ เมื่อเทียบกับรุ่นปกติจะเป็นตามสีรถ และ ในการซ่อนกล้องหน้ามาให้ตรงโลโก้เนียนๆ

INTERIOR

ภายในนั้นถือว่าเป็นจุดนึงที่หลายๆคนที่วัยรุ่นอาจจะไม่ชอบเพราะว่าจริงๆค่ายนี้เน้นความเรียบง่าย คลาสสิคและอาจจะไม่ได้หวือหวา หรือ แสงสีเยอะมาก ทำให้เมื่อมองเทียบกับรุ่นอื่นๆ อาจจะไม่ได้ทันสมัยมากแต่เน้นการใช้งานทำให้ถ้ามองแค่เรื่องของการออกแบบ ดีไซน์ จะมีแค่หน้าจอกลาง และ ปุ่มเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าหน้าจอกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว และ ระบบ Android Automotive OS สามารถควบคุมทุกอย่างได้สบายๆและเป็นไม่กี่คันในไทยที่มาพร้อมกับ Google Android Automotive ในตัว สั่งงานและทำงานได้ผ่านตัวรถเลย เน้นความเรียบง่าย สีดำ และ ตกแต่งด้วยพื้นผิวสีดำเงา และ พวงมาลัยที่รูปทรงคุ้นเคยกันในรุ่นก่อนๆ ทำให้ภายในถ้าวัยรุ่นอาจจะไม่ถูกใจมากนัก แต่ถ้ามองข้ามเรื่องดีไซน์ไป ในแง่ของการใช้งานบอกเลยว่าไม่มีปัญหาและทำได้ดี

การที่ตัวรถได้หลังคากระจก Panoramic มาทำให้ลดความอึดอัดในห้องโดยสารไปได้ทันที และถ้ามองเทียบคู่แข่งไม่มีตัวไหนให้มา ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นขึ้นทันที และ สามารถเปิดได้สบายซึ่งช่วยให้คนนั่งหลังเองนั้นโปร่ง โล่งมากกว่าแบบหลังคาทึบ ส่วนทางด้านหน้าจอกลางนั้นจะมาพร้อมกับ Google Android Automotive ฝังมากับตัวรถ ทำให้เราสามารถใช้งาน Maps และ Play Store ได้ในตัวรถทันทีไมต้องเสียบกับมือถือ แต่เสียดายที่ขนาดหน้าจอนั้นเล็กไปพอสมควรถ้ามองเทียบกับ สมัยนี้และการใช้งานต่างๆ ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon พร้อม Sub-Woofer ในตัวถือว่าระบบเสียงในตัวรถนั้นมีน้ำหนัก และ มิติเสียงเด่นทีเดียวครับ และการออกแบบตามช่องแอร์ หรือ ว่า  ลวดลายด้านข้าง คอนโซลตัวรถเวลากลางคืนจะมีแสงสีส้มอ่อนๆเป็น Ambient Light เรียบๆขึ้นมา

พวงมาลัย VOLVO ยังคงเน้นความเรียบง่าย และ ปุ่มที่ใหญ่ใช้งานได้ง่ายเป็นหลัก ส่วนดีไซน์อาจจะไม่ได้มีความสปอร์ตหรือ ขอบตัดอะไรมาให้แต่ดีไซน์ถือว่าดูคลาสสิค แต่ก็เสริมกับการใช้วัสดุเงาทำให้มีลูกเล่นอยู่ ส่วนการควบคุมนั้นในด้านขวาจะเป็นเครื่องเสียง และ ในด้านซ้ายจะเป็นการควบคุมระบบ Pilot Assist นั้นเองครับ ถือว่าปุ่มใหญ่ใช้งานได้ง่ายมาก  และในคอนโซลกลางเองนั้นจะเป็นเกียร์ และ จะไม่มีปุ่มปรับโหมด หรือ ปุ่ม สตาร์ทแล้วเพราะว่ารุ่นนี้ แค่ขึ้นรถ เหยียบเบรก ก็สามารถขับไปได้ทันทีเลยนั้นเอง และ มาพร้อมที่วางแก้ว และ ถังขยะในตัวมาให้ในโซนที่วางแขน ที่ทำได้ดีมากๆ รวมถึง ที่ชาร์จไร้สายในส่วนหน้าสุด ส่วนหน้าจอคนขับก็เรียบง่ายและแสดง % แบต เวลาชาร์จถ้าหากเราล็อกรถจะเป็นเลขตัวใหญ่ แต่ถ้าเปิดประตูไว้ จะเป็นสถานะไฟ กำลังไฟ และ เวลา นั้นเอง

และทางด้านเบาะหลังเองมีแอร์หลังมาให้พร้อมกับดีไซน์คล้ายกับส่วนหน้าเช่นกัน รวมถึงที่ชาร์จไฟ USB-C พร้อมใช้งาน แต่เบาะหลังเองอาจจะเป็นจุดนึงที่อาจจะไม่สบายมากนัก ค่อนช้างชัน แต่ทางด้าน Headroom หรือ Legroom เองนั้นไม่มีปัญหา แต่เรื่องของความชันอาจจะเดินทางไกลสำหรับ คนสูงอายุไม่ดีเท่าไร แต่ ความโปร่งอะไรถือว่าดี และ ด้วยความเป็นรถไฟฟ้า ทำให้ใต้ฝากระโปรงหน้ามีที่เก็บของความจุ 31 ลิตร ใส่ที่ชาร์จหรือของต่างๆได้สบาย

TECHNOLOGY 

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่มาพร้อมกับระบบ Google Automotive ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมดที่รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างกัน ระบบ Google Automotive นั้นจะเป็นที่ใช้เป็นพื้นฐานของตัวรถควบคุมทุกส่วน และสามารถอัปเดตได้ตลอดเวลาและทำงานได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการมีแอปจาก Playstore ที่สามารถโหลดได้ทั้งหมดในแอปที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็น Spotify และ อื่นๆอีกมากมาย และ ในอนาคตก็มีการพัฒนาแอปอีกหลายๆส่วนที่เข้ามาได้เหมือนกับในมือถือนั้นเอง และ สามารถใช้งานคำสั่งเสียง Google Assistant สั่งงานตัวรถได้และสอบถามทั้งหมดได้  มาพร้อมกับ Maps ที่ใช้งานบนตัวรถได้เลยไม่ต้องมาเสียบมือถือ หรือ สายอะไรทั้งหมด และไม่ต้องเชื่อม Carplay หรือ Android Auto อะไรทั้งนั้น เพราะว่ามันไม่รองรับในตอนนี้แต่อนาคตได้ข่าวว่ากำลังจะมาครับ จริงๆตัวรถเองมีซิมใช้งานได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมมือถืออะไรเลย และ ทางด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบ Pilot Assist ที่พัฒนาได้เต็มระบบมากกว่าเดิม ใช้งานได้แม่นยำ รวมถึงระบบป้องกันต่างๆก็สามารถใช้งานได้ ป้องกันการชน ต่างๆ ให้มาครบและเน้นความปลอดภัยให้ทั้งหมดรวมถึงบรรดากล้อง 360 ต่างๆครบมากกว่าคู่แข่งชัดเจน

และถ้ามองในรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะได้เปรียบข้อดีในการใช้งาน Google Automotive ทำให้เป็นไม่กี่ค่ายหรือแม้แต่ค่ายแรกๆที่สามารถใช้งานระบบที่มี Google Maps ที่ใช้งานหน้าปัดเรือนไมล์ได้เลย เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทาง นั้นสามารถใช้งานได้ทันที เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทางไปที่ไหนก็ตามในหน้าจอกลาง มันก็จะมาโชว์บนหน้าปัดเรือนไมล์ได้ทันทีเราไม่ต้องละสายตาไปมองจอกลาง และบอกเลยว่า เมื่อขับถึงที่หมายแบตจะเหลือเท่าไร เป็นการบอก % แบตที่เป๊ะและใช้งานได้จริงมากๆครับ เพราะว่าแผนที่ในไทย Google Maps จะดีกว่าของติดรถยี่ห้ออื่นๆ เป็นข้อได้เปรียบเพราะว่าไม่มีค่ายไหนๆที่จะเอาหน้าจอการนำทาง Google Maps มาไว้บนหน้าปัดได้เลยนั้นเอง แต่การเปลี่ยนแปลงหน้าตา หรือ ว่าการออกแบบแบบรุ่นก่อนๆไม่ได้ ทำให้มีหน้าตาโทนสีฟ้า และ เน้น Maps เป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าตาไอคอนอะไรสวยๆ หรือหวือหวาอะไร หรือแม้แต่ไอคอน 3D อะไรแบบค่ายอื่นๆที่โชว์เลนถนน

DRIVING

การขับขี่ด้วยความเป็นรถไฟฟ้าบอกเลยว่า หลายๆส่วนในการใช้งาน ความแรง ความประหยัด บอกเลยว่ามันแตกต่างกับรถยนต์เครื่องสันดาปเช่นกัน เมื่อพูดถึงระยะทาง คันนี้ตามสเปกสามารถขับได้ 418 กม. ต่อการชาร์จ ซึ่งเราทำสอบขับจริงๆ ระยะจริงในการขับขึ้น กรุงเทพ เขาค้อ ทำให้ระยะทางจริงได้ถึง 390 กม. ต่อการชาร์จเลยนั้นเองครับในการขับทางไหล และในความเร็ว 100-110 กม/ชม. ถือว่าเป็นระยะที่แม่นยำมาก ระบบคำนวณถือว่าไว้ใจได้ และ Google ในตัวรถเองก็ทำได้เป๊ะเช่นกันในการคาดคะเน % แบต ส่วนความแรง มอเตอร์คู่ทำให้ 0-100 ทำได้ภายใน 4.6 วินาที และ 80-120 แค่ 3.1 วินาที และ ถ้ามองอัตราสิ้นเปลืองคิดเป็นเงินจริงๆ จะตก กิโลละ 0.8 บาทในการเดินทางไกล และ ชาร์จไฟแบบ DC ที่ 6.5 บาท ต่อหน่วย ซึ่งถ้าใช้งานไฟบ้าน หรือ ขับในเมือง จะตกกิโลละ 0.6 บาทได้เลยนั้นเองครับถือว่าประหยัดมากๆเมื่อเทียบกับความแรงที่ได้มา แซงแบบไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์อะไร และ ในการขึ้นลงเขาได้พลังงานกลับมาเยอะเช่นกัน สามารถส่องกันในคลิปได้เลยส่วนช่วงล่างจะออกแนวนุ่ม มีอาการโยนได้ถ้าความเร็วสูง และ เข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนไวๆ แต่ถ้าในเมือง หรือ ทางตรงถือว่าช่วงล่างทำได้ดีมาก  แม้จะไม่มีการปรับโหมดการขับขี่ แต่สามารถปรับพวงมาลัยให้คมและหนักขึ้นคล้ายๆโหมด Sport

VOLVO XC40 RECHARGE PURE ELECTRIC 

” รถไฟฟ้า 100% ที่น่าเล่นที่สุดคันนึงในความปลอดภัย ออฟชั่น ความแรง ครบมาก ! “

เป็นรถที่ดีและน่าเล่นอย่างมากถ้าหากรอได้กับ การจองและระยะเวลาการรอคอยรถที่นานมากๆ มันเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กเมื่อเทียบกับ รถยุโรปด้วยกันเป็นคันเดียวในตลาดเมืองไทยตอนนี้และราคาถือว่าจับต้องได้ง่ายกว่ารุ่นอื่นๆซึ่งเมื่อเทียบกับ คุณภาพ ความปลอดภัยอันดับต้นๆ หรือแม้แต่ งานออกแบบและพละกำลัง ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงลงตัวและน่าสนใจ ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายจีน ทำให้ VOLVO ที่ยังคงพัฒนา และ ออกแบบ รวมถึงมีการซื้ออะไรคืนกลับมาเยอะมากจนกลายเป็น สวีเดนแบบเดิมแล้ว และ ในงบ 2 ล้านกลางๆเป็นตัวเลือกที่ดี ถ้ารับได้กับความเรียบง่ายของภายในที่อาจจะไม่ได้มีแสงสีหรือหวือหวามากนัก แต่เน้นใช้งานคันนี้สามารถตอบโจทย์ได้แน่นอน และ ยังสบายๆในการลุยน้ำ ขึ้นลงเขา หรือแม้แต่ขับในเมืองด้วยขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่มาเกินไป แต่ถ้าเน้นนั่งข้างหลังบ่อยๆ หรือ  เน้นใช้ 4-5 คน เบาะหลังคันนี้อาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์ในการนั่งเยอะๆเท่าไรนักครับ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares