Vivo เปิดตัว Y20S รุ่นอัพเกรดออกมาที่เปลี่ยนแปลงสเปกเล็กน้อยถ้ามองเทียบกับ Y20 ก่อนหน้านี้แน่นนอว่าเด่นๆมาพร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 128GB ที่เป็นการอัพเกรดเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนครับแต่ทางด้านสเปกอื่นๆนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากเท่าไรนักเป็นรุ่นที่อัพสเปกขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายมากขึ้น มาพร้อมกับแบต 5,000mAh จัดเต็มเช่นเดิม และใช้งาน Snapdragon460 ส่วนงานออกแบบนั้นถือว่าสวยงามและดูเด่นฝาหลังไล่สีสวยสะท้อนแสงดี พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงกัน ฝาหลังสีดำเหลือบสีม่วงๆลงตัว เรียกได้ว่าดีไซน์คล้ายกับรุ่นพี่พอสมควรเลยแหละ ส่วนทางด้านหน้าตาระบบนั้นยังคงมีความเรียบง่ายและลื่นไหลเช่นเดิมสำหรับ Vivo

สเปกของทาง VIVO Y20S นั้นถือว่ามีสเปกอะไรที่ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว อัพเกรดขึ้นในเรื่อง RAM 8GB STORAGE 128GB ที่แตกต่างกับรุ่นก่อน และ มาพร้อมกับหน้าจอ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51 นิ้ว หน้าจอ IPS ความละเอียด HD+ และ กล้องหน้า 8 MP ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มา 3 ตัว เป็นเลนส์หลัก 13 ล้านพิกเซล กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh 2 ล้านพิกเซล และ สแกนนิ้วด้านข้างใช้เวลาแค่ 0.33 วินาที + ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ทางด้านสเปกนั้นมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 460 พร้อมด้วย RAM 8GB และ ROM 128GB ยังมาพร้อมช่องใส่ซิมแบบ Triple card slot ซึ่งสามารถรองรับ SD การ์ด ได้สูงถึง 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI ประหยัดพลังงาน + Reverse charging อีกด้วย แต่ยังคงใช้งาน Micro-USB  รวมถึงกล้องหลังนั้นน่าเสียดายไม่มีเลนส์มุมกว้างหรือโหมดกลางคืนมาให้นะ แต่โหมดต่างๆ ฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ทั้ง Face Beauty หรือ Portrait Light Effects โฟกัสแบบ PDAF นั้นยังคงมีมาให้อยู่ครับ ถือว่าค่อนข้างครบเลยทีเดียว

VIVO Y20S RAM 8GB STORAGE 128GB วางจำหน่ายในราคา 6,599 บาท
พร้อมกับ สี  Obsidian Black และ Purist Blue

UNBOX

  • ตัวเครื่อง VivoY20S
  • ที่ชาร์จ 18W
  • สายชาร์จ MICRO-USB
  • เคสใส TPU
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

เคสที่เเถมมาของ Vivo Y20S ถือว่ามีความหนาอยู่พอประมาณ วัสดุงานเหมือนกับเคสที่เเถมมากับรุ่นก่อนๆ กันกระเเทกได้ดีในระดับนึง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จอะไรต่างๆนั้นมีจุกปิดมาให้เหมือนเดิมตามเเบบฉบับของ Vivo ที่เเถมมาเหมือนกับในรุ่นก่อน

ด้วยตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีก และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกก็สามารถกระแทกได้ในระดับนึง แบบไม่หนักมาก

DESIGN 

งานออกแบบในสี้นี้นั้นทาง VIVO ยังใช้งานออกแบบตัวเครื่องให้มีความโค้ง 2.5D เพื่อให้พอดีกับมือมอบความรู้สึกสัมผัสตัวเครื่องที่บาง และเบา พร้อมด้วยสีเรียบสีดำแต่เล่นแสงเงาสวยสะดุดตา สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ถ้ามองกันตรงๆฝาหลังการที่ย้ายสแกนนิ้วไปด้านข้างนั้นถือว่าทำให้ฝาหลังดูเรียบเนียนตาสวยและดูแพงเหมือนมือถือราคาแพงได้ดีเลย และการใช้โทนสีฝาหลังนั้นดูแพงดูดีกว่าตระกูล V พี่น้องมันด้วยนะในบางมุม อีกทั้งแม้จะเป็นแบต 5,000 mAh ก็ตามแต่ตัวเครื่องกลับทำได้บางและเบากว่าที่คิดไว้เยอะพอสมควรเลย

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบอิงแบบเดิมที่ใช้งาน หน้าจอ Halo FullView™ Display  IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ แบบติ่งหยดน้ำแต่ที่ชอบคือมีการสู้แสงที่ทำได้ดีเลยทีเดียว และมุมมองการใช้งานถือว่าโอเคอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาของรุ่นนี้

หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้า 8MP พร้อมกับการแทรกเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ข้างบนรวมถึงลำโพงเวลาคุยโทรศัพท์ ส่วนขอบอะไรนั้นก็มีความหนาใกล้ๆกันทั้งหมด ตามในเรทราคาของมันถือว่าพอรับได้ในจุดนี้

แต่ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะค่อนข้างหนาพอสมควร ถ้ามองในแง่เรทราคาประมาณนี้ก็จะได้ประมาณนี้ในหลายๆตัวส่วนการควบคุมนั้นต้องบอกว่ารองรับการเปลี่ยนแปลงได้เยอะ สลับปุ่ม หรือใช้งานแบบท่าทางได้ด้วยเช่นกัน

ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นงานออกแบบที่คุ้นๆกับ Y ก่อนหน้าครับ เน้นความเรียบๆฝาหลังตัดเรียบปกติ และ เป็นวัสดุพลาสติกตามเรทราคาทั้งหมด รวมถึงไม่มีไมค์ตัดเสียงอะไรใส่เข้ามาให้

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็น รู 3.5มม. พร้อมกับ รูไมค์ รวมถึง Micro-USB ครับยังคงใส่เข้ามาให้ในมือถือเรทราคาถูก แต่ปีหน้านั้นน่าจะไม่เห็นพอร์ตแบบนี้แล้ว ส่วนลำโพงหลักอะไรใส่มาให้ในส่วนล่างเป็นมาตรฐาน

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิม ซึ่งเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานอิสระ 2 ซิม และ 1 Micro-SD พร้อมใช้งานก็เป็นมาตรฐานสำหรับ มือถือในเรทราคาประมาณนี้

ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็น การใช้งานสแกนนิ้วด้านข้าง เป็นไม่กี่รุ่นในเรทราคา หรือรุ่นเริ่มต้นของค่ายจะใส่เข้ามาให้ในด้านข้าง ทำให้ด้านหลังเรียบดูดีขึ้นเยอะมาก และเป็นปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง ให้มาฝั่งนี้

ในส่วนของฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าการที่ย้ายสแกนนิ้วมาด้านข้างเราจะได้ฝาหลังแบบเรียบๆนั้นทำให้ดูพรีเมี่ยมและสวยอย่างมาก ส่วนการไล่เฉดสีต่างๆนั้นถือว่าดูดีและรองรับการเล่นกับแสงได้ดีมากๆแต่วัสดุนั้นจะยังคงไม่ได้ใช้งานวัสดุกระจก แต่การใช้งานโทนสีอะไรถือว่ามีความพรีเมี่ยมกว่ารุ่นพี่ซะอีกจุดนี้เครื่องจริงถือว่าสวยเอาเรี่อง การวางกล้องนั้นเราจะเห็นว่าในมุมซ้ายด้านบนเหมือนเดิมแต่มีการขยายให้คล้ายๆกับรุ่นพี่อยู่ การจัดวางต่างๆแต่ยังคงเรียงกัน 3 กล้องเรียงลงมาเหมือนเดิมเลย พร้อมกับโลโก้ที่เขียนในแนวนอนมุมซ้ายล่างของตัวเครื่องนั้นเอง

กล้องหลังนั้นยังคงให้มา 3 ตัวเช่นเดิมมาพร้อมกับเลนส์หลัก 13MP F2.2 ที่รองรับโฟกัสแบบ PDAF และมาพร้อมกับ เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร 2MP F2.4  และเลนส์สำหรับการทำละลายหลังจับระยะต่างๆที่ 2MP F2.4 เช่นกัน ส่วนทางด้านงานออกแบบเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่น Y19 เล็กน้อยตามสมัยมากขึ้นและไม่นูนเท่าไร

SPEC

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+, 270 ppi
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 460 (11 nm)
  • การ์ดจอ Adreno 610
  • RAM 8GB + ความจำ 128GB สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มได้
  • ซิมคู่
  • Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch 11
  • กล้องมุมกว้าง 13MP (f/2.2), รองรับ HDR + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2 MP (f/2.4)
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/1.8)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
  • พอร์ต micro USB 2.0 รูแจ็คหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 164.4 x 76.3 x 8.4 mm ; น้ำหนัก: 192.3 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 4G
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh
  • รองรับชาร์จเร็ว 18W
  • ตัวเครื่อง สีน้ำเงิน Purist Blue, สีดำ Obsidian Black, สีน้ำเงิน Nebula Blue

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 460 พร้อมกับ Storage 128GB RAM 8GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS  นั้นอ่านไปได้ที่ 485MB/s – เขียนไปได้ที่ 217 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 154535  คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 254/1150 คะแนน

SYSTEM UI

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเอง

การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ

Storage 128GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3 GB กว่าเท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง

อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ เป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆทำให้นึกถึงใน Android ยุคก่อนๆที่รูทและปรับเปลี่ยนหน้าตา Effect อะไรกันได้หรือจะเป็นการปรับแต่งอื่นๆถือว่าเป็นค่ายที่ปรับได้เยอะที่สุดเลยแหละ

Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอ รวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 10 หลายๆตัวนั้นเอง

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51 นิ้ว ที่เป็นติ่งหน้าจอตรงกลาง ยังไม่ได้ใช้งานหน้าจอเจอะรู ทางด้านหน้าจอใช้อัตราส่วนจอแสดงผล 20:9 ความคมชัดระดับ HD+(1600 x 720) มอบมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วย IPS และเทคโนโลยี In-cell ทำให้จอแสดงผลมีสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกรองแสงสีฟ้า เพื่อปกป้องดวงตาของคุณ เท่าที่ทดสอบนั้นแน่นอนว่าตามเรทราคาก็แอบเสียดายว่าหน้าจอยังคงเป็น HD+ เท่านั้นถ้าใครที่ใช้งานเรือธงมาก่อนแน่นอนว่ามาจับตัวนี้อาจจะรู้สึกว่าไม่คมเท่า แต่ถ้ามองกันสำหรับคนทั่วไปที่ใช้งานมือถือในเรทราคานี้อยู่แล้วก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ชอบที่สีสันและสู้แสงได้ดีงามพอสมควรเลยสำหรับทาง VIVO Y20s รุ่นนี้

ในแง่ของการสัมผัสนั้นจริงๆทางค่าย VIVO ต้องบอกตรงๆว่าเป็นค่ายที่ทำระบบและสเปกออกมาเข้ากันได้ดี มีความลื่นไหลในการใช้งาน สัมผัส หน้าจอมีคุณภาพ เพราะในหลายๆค่ายอาจจะเจอสเปกแรงก็จริง แต่พอใช้งานสัมผัส ความลื่นไหลมันไม่ดีเท่าไร แต่ไม่เจอปัญหากับค่ายนี้เลยจริงๆถือว่าเป็นจุดเด่นของ VIVO เลยครับ ส่วนมุมมองในด้านเอียงๆนั้นก็พอไหวในการใช้งานทั่วไปเป็นจอ IPS สบายๆ สีไม่ได้ดรอปหรือเพี้ยนรวมถึงมีความสว่างที่สม่ำเสมอ ถือว่าเป็นจอที่ดีนะเท่าที่ลองใช้งานมา แม้จะเป็น HD+ แต่คุณภาพสู้แสง สีตรงและสม่ำเสมอทำได้ดี

SIDE-MOUNTED FINGERPRINT SCANNER

ในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของทางค่าย เพราะว่าในรุ่นก่อนๆในเรทราคาไม่แพงนั้นจะใส่สแกนนิ้วด้านหลังมา อาจจะทำให้ดีไซน์ฝาหลังและการใช้งานอาจจะไม่ได้ทันสมัยมากนัก แต่ครั้งนี้ได้ปรับมาใช้งาน Side-Mounted Fingerprint Scanner หรือสแกนนิ้วในด้านข้างที่เป็นปุ่ม POWER ในตัวเลยทำให้เราสามารถ ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 0.33 วินาที นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีนะ ดีไซน์ดูเรียบมากขึ้นและปุ่มก็ใช้งานเวลาเปิดเครื่องได้ดีเลยแหละ

SOUND

ทางด้านเสียงนั้นในรุ่นนี้ถือว่ากลางๆ ทั่วไปไม่ได้เด่นหรือเน้นมากนักสำหรับทาง VIVO Y20S รุ่นนี้แน่นอนว่ายังคงมีรู 3.5 มาให้เสียงก็พอใช้งานทั่วไปได้ แต่จะไม่ได้มีหูฟังอะไรมาให้แล้วนะสำหรับรุ่นนี้ ส่วนเสียงนั้นเท่าที่ลองก็ถือว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากนัก เสียงกลางๆ ฟังเพลงได้ คุยโทรศัพท์ได้ แต่ถ้าคนที่เน้นฟังเพลงผ่านหูฟังมากๆก็ถือว่าพอรับไหว เสียงยังรู้สึกดังและมีกำลังขับนิดหน่อย แต่การเล่นเพลงต่างๆเสียงมันยังขาดมิติ หรือ ขับออกมาได้ไม่ครบเท่าไรนัก ถ้ามองเทียบกับในเรทนี้จริงๆมีบางตัวจะรู้สึกกำลังขับได้มากกว่า แต่มิตินั้นไม่ได้หนีกันมากครับก็ถือว่า กลางๆไม่ได้เด่น แต่ก็ไม่ได้เบาหรือแบนแห้งซะทีเดียว สำหรับตัวนี้ใช้งานแก้ขัดฟังเพลินๆ

GPS

ในการนำทางต่างๆนั้นไม่เจอหลุด แต่แอบเจอหน่วงนิดหน่อยในเรื่องของการหันและแทรคตามดีกว่าเดิมและไวกว่าเดิม ในการทดสอบใช้งานจริง โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 50 ดวง และ จับได้ 11 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 47 ดวง จากทั้งหมด 17 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละ แต่ถ้าหากไปเทียบกับ Y20 รุ่นก่อนหน้านั้นต้องบอกว่ารุ่น Y20S ถือว่าทำได้อยู่ในระดับเดียวกันและแอบไวกว่านิดหน่อย

BATTERY 5,000 MAH

การใช้งานแบตตัวนี้ถือว่าให้มาจัดเต็มเช่นเดิม 5,000 mAh พร้อมกับรองรับการชาร์จ 18W ถือว่าเหลือๆในการใช้งานเมื่อเทียบกับราคา และ สเปกนั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั่ววันได้เลยครับ ตัวแบตยังคงเยอะแต่ทำน้ำหนักตัวเครื่องได้บางเบาเช่นเดิมสำหรับตระกูล Y รุ่นนี้ เท่าที่ลองใช้งานจริงนั้นใส่ซิมใช้งานปกติถือว่ารองรับได้สบายๆ เท่าที่ลองใช้งาน 14 ชั่วโมงนั้น เปิดหน้าจอไป 9 ชั่วโมง เล่นเกมไป 2-3 ชั่วโมงเต็มๆพร้อมกับ ฟังเพลง นำทางต่างๆ ถ่ายรูปถือว่าอึดเลยนะเหลือกลับมา 22% ถือว่ายังสบายๆในการใช้งานทั่วไปทั้งวันแบบไม่ต้องกังวลอะไร เพราะหน้าจอ CPU นั้นไม่ได้กินแบตเลยทำให้เหลือๆเลยครับจุดนี้ แบตอึดมากจริงๆในการทดสอบเล่นเกมหนักขนาดนี้ครับตัวนี้

CAMERA

กล้องในรุ่นนี้ให้มาทั้ง เลนส์หลัก เลนส์จับระยะ รวมถึงมาโคร แน่นอนว่าใช้งานหลักๆนั้นคงหนีไม่พ้นเลนส์หลักที่มาพร้อมกับ 13MP F2.2 ที่รองรับโฟกัสแบบ PDAF ซะด้วย ส่วนทางด้านเลนส์จับระยะให้มา 2MP F2.4 รวมถึงเลนส์มาโคร ที่ถ่ายได้ 4 เซนติเมตรให้มาที่ 2MP F2.4 ด้วยเช่นกันจริงๆแอบน้อยไปนิดหน่อยแต่คุณภาพนั้นถือว่าเพียงพอเลยแหละ แต่ที่ลองใช้งานและค่อนข้างชอบนั้นคงจะเป็น Software ในการจัดการทั้งหมดถือว่าทำได้ว้าวพอสมควร จัดการแสงสี HDR อะไรได้สวยงามรวมถึงการจับระยะละลายหลังถ่ายคนได้เนียนเกินหน้าตามือถือเรทราคานี้มากๆครับ อีกทั้งยังได้ PORTRAIT EFFECT ทั้ง RAINBOW – MONOCHROME แบบรุ่นพี่มาด้วยทำให้การถ่ายนั้นสนุกพอสมควร แต่ก็แอบเสียดายเลนส์มุมกว้าง และ โหมดกลางคืนนิดหน่อยว่าไม่ได้ใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้

PORTRAIT

SELFIE

กล้องหน้าในรุ่นนี้ยังคงให้มาที่ 8MP เป็นเลนส์หลักในการถ่าย ซึ่งคุณภาพอะไรถือว่าโอเคใช้งานได้เลยทีเดียวในรุ่นนี้มุมมองอะไรนั้นกลางๆไม่ได้แคบและไม่ได้กว้างมากนัก เก็บส่วนใบหน้าและไหล่ได้แบบกำลังดี ถ้ายืดแขนสุดก็สามารถเก็บระยะรวมๆได้กำลังดีเลย ส่วนการถ่ายนั้นเก็บสีผิวอะไรได้ดีเลยนะมีความขาวและสว่างกำลังดีโทนค่อนข้างตรงและสวย การปรับแต่งใบหน้านั้นยังคงจัดเต็มมาให้ตามแบบฉบับค่ายนี้อยู่ และยังมีโบเก้ใส่เข้ามาให้สำหรับการละลายหลังเวลาถ่ายกล้องหน้า แต่จะไม่สามารถปรับระยะละลายหลังอะไรได้ โปรแกรมจัดการมาให้ทั้งหมด

VIVO Y20S

” แบตจัดเต็ม 5,000 mAh สเปก RAM 8GB STORAGE 128GB Snapdragon 460 “

เป็นรุ่นที่อาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสเปกส่วนอื่นๆเท่าไรนักแต่เด่นๆจะได้ RAM ที่มากขึ้น มาพร้อมกับการใช้งาน STORAGE ที่มากขึ้นก็ถือว่าเป็นส่วนหลักๆของการทำงานของตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและตอบโจทย์การทำงานได้ดีมากขึ้น ส่วนทางด้านฟีเจอร์การใช้งานยังคงโดดเด่นตามสไตล์ VIVO ทั้งเรื่องของการปรับแต่งหน้าตาการใช้งานต่างๆรวมถึงระบบช่วยเหลือ และแน่นอนว่าเรื่องของกล้องหน้าหลังในการถ่ายบุคคลนั้นยังคงโดดเด่นและการละลายหลังนั้นทำได้ดีพอสมควรทำให้ ใครที่เน้นเรื่องของกล้องรุ่นนี้ถือว่ายังคงน่าใช้งานมากๆ และการใช้งานแบต 5,000 mAh นั้นรองรับการทำงานได้ทั้งวันแบบสบายๆ และรองรับการชาร์จ 18W สูงสุด

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้สวยและสู้แสงได้ดีพอสมควร
  • สแกนนิ้วด้านข้างค่อนข้างดี ดีไซน์ฝาหลังได้สวยขึ้น
  • มาพร้อม RAM 8GB STORAGE 128GB
  • SNAPDRAGON 460
  • แบตให้มาแน่นๆ 5,000 mAh ทั้งวันเหลือๆ + (ชาร์จเร็ว 18W)
  • กล้องหลัง 3 ตัวใช้งานได้ดี
  • กล้องหลัง Portrait ทำได้ดีเกินราคา
  • กล้องหน้ายังคงไว้ใจได้ ถ่ายสวย
  • ตัวเครื่องน้ำหนักค่อนข้างเบา บางพกพาได้ง่าย
  • ระบบทำงานได้ลื่นไหล สัมผัสใช้งานติดนิ้ว

ข้อสังเกต

  • ไม่มี Nightmode หรือ กล้องมุมกว้างให้ใช้งาน
  • ยังคงใช้ Micro-USB
  • หน้าจอ HD+

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares