vivo ประเทศไทยเองก็ได้เปิดตัว vivo Y12A น้องเล็กรุ่นล่าสุดต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้พร้อมกับยังคงเน้นๆในเรื่องของแบต 5,000 mAh และ หน้าจอขนาดใหญ่รวมถึงเป็นราคาที่ไม่ถึง 4500 บาท ทำให้การจับต้องในระดับเริ่มต้นสำหรับสาวก หรือคนที่สนใจนั้นใช้งานได้ง่ายขึ้นเยอะมากๆ และสเปกภาพรวมก็เน้นใช้งานแบตอึดกล้องหน้าดีได้เช่นเดิม รวมถึงงานออกแบบนั้นยังคงมีความหรูหรากว่ารุ่นแรกๆเยอะมากเรียกได้ว่าพัฒนามากขึ้น และในรุ่นล่าสุดนี้เองปรับมาใช้งาน Snapdragon แล้วด้วยนะทำให้ไว้ใจได้และหลายๆคนนั้นชอบค่ายนี้ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

vivo Y12A มาพร้อมกับ หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+, 270 ppi ชิปประมวลผล Snapdragon 439 (12 nm)  การ์ดจอ Adreno 505 RAM 3GB + ความจำ 32GB สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มได้ ซิมคู่ Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch OS 11 กล้องมุมกว้าง 13MP (f/2.2) + กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4), LED flash, รองรับ HDR กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/1.8) เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง พอร์ต micro USB 2.0, รูแจ็คหูฟัง 3.5mm ขนาดตัวเครื่อง: 164.4 x 76.3 x 8.4 mm ; น้ำหนัก: 191 กรัม รองรับเครือข่าย 4G แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 10W ถือว่าสเปกที่ให้มานั้นรองรับการเรทราคาได้ค่อนข้างดี แต่ที่เด่นๆนั้นจะเป็นการให้แบตมามาถึง 5,000 mAh และในเรื่องของสแกนนิ้วในขอบข้างเครื่อง

vivo Y12A RAM 3GB STORAGE 32GB   วางจำหน่ายในราคา 4,499 บาท
โดยมีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน ได้แก่  Phantom Black  และ Mint Green 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง vivo Y12A
  • ที่ชาร์จ 10W
  • สายชาร์จ MICRO-USB
  • เคสใส TPU
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

เคสที่เเถมมาของ Vivo Y12A ถือว่ามีความหนาอยู่พอประมาณ วัสดุงานเหมือนกับเคสที่เเถมมากับรุ่นก่อนๆ กันกระเเทกได้ดีในระดับนึง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จอะไรต่างๆนั้นมีจุกปิดมาให้เหมือนเดิมตามเเบบฉบับของ Vivo ที่เเถมมาเหมือนกับในรุ่นก่อน

ด้วยตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกก็สามารถกระแทกได้ในระดับนึง แบบไม่หนักมากนะครับ

DESIGN

งานออกแบบนั้นดีไซน์นั้นอิงจากรุ่น Y12S ก่อนหน้านี้ชัดเจนในการวางกล้องและยังคงมีความ พรีเมี่ยมด้วยฝาหลังเรียบๆเพราะได้ย้ายสแกนนิ้วไปในด้านข้างแล้วทำให้รองรับการใช้งานได้ดีขึ้น และ ดีไซน์สวยขึ้น ฝาหลังเล่นแสงสีสวยงาม แม้จะเป็นสีเข้มแต่ก็สะท้อนแสงอะไรได้สวยงามอยู่ ออกฟ้าๆได้ในบางมุมครับ ส่วนฝาหลังนั้นยังคงเรียบๆพร้อมกับขอบ 2.5D เหมือนเดิมครับตามสไตล์ของค่ายนี้ มาพร้อมกับ  หน้าจอ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51นิ้ว และ น้ำหนักตัวเครื่อง น้ำหนัก 191 กรัมถือว่ากำลังดีเมื่อเทียบกับแบตขนาดใหญ่มากถึง 5,000 mAh

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบอิงแบบเดิมที่ใช้งาน หน้าจอ Halo FullView™ Display  IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ แบบติ่งหยดน้ำแต่ที่ชอบคือมีการสู้แสงที่ทำได้ดีเลยทีเดียว และมุมมองการใช้งานถือว่าโอเคอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาของรุ่นนี้

หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้า 8MP พร้อมกับการแทรกเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ข้างบนรวมถึงลำโพงเวลาคุยโทรศัพท์ ส่วนขอบอะไรนั้นก็มีความหนาใกล้ๆกันทั้งหมด ตามในเรทราคาของมันถือว่าพอรับได้ในจุดนี้

แต่ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะค่อนข้างหนาพอสมควร ถ้ามองในแง่เรทราคาประมาณนี้ก็จะได้ประมาณนี้ในหลายๆตัวส่วนการควบคุมนั้นต้องบอกว่ารองรับการเปลี่ยนแปลงได้เยอะ สลับปุ่ม หรือใช้งานแบบท่าทางได้ด้วยเช่นกัน

ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็น การใช้งานสแกนนิ้วด้านข้าง เป็นไม่กี่รุ่นในเรทราคา หรือรุ่นเริ่มต้นของค่ายจะใส่เข้ามาให้ในด้านข้าง ทำให้ด้านหลังเรียบดูดีขึ้นเยอะมาก และเป็นปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง ให้มาฝั่งนี้

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็น รู 3.5มม. พร้อมกับ รูไมค์ รวมถึง Micro-USB ครับยังคงใส่เข้ามาให้ในมือถือเรทราคาถูก แต่ปีหน้านั้นน่าจะไม่เห็นพอร์ตแบบนี้แล้ว ส่วนลำโพงหลักอะไรใส่มาให้ในส่วนล่างเป็นมาตรฐานครับ

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิม ซึ่งเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานอิสระ 2 ซิม และ 1 Micro-SD พร้อมใช้งาน ก็เป็นมาตรฐานสำหรับ มือถือในเรทราคาประมาณนี้

ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นงานออกแบบที่คุ้นๆกับ Y ก่อนหน้าครับเน้นความเรียบๆฝาหลังตัดเรียบปกติ และ เป็นวัสดุพลาสติกตามเรทราคาทั้งหมด รวมถึงไม่มีไมค์ตัดเสียงอะไรใส่เข้ามาให้ เล่นสีสันแบบเดียวกับฝาหลังเครื่องเช่นเดิม

กล้องหลังนั้นยังคงให้มา2 ตัวครับมาพร้อมกับเลนส์หลัก 13MP F2.2 ที่รองรับโฟกัสแบบ PDAF และมาพร้อมกับ เลนส์สำหรับการทำละลายหลังจับระยะต่างๆที่ 2MP F2.4 จะไม่มีเลนส์มุมกว้าง มาโครอะไรใส่เข้ามา รวมถึงไม่มีโหมดกลางคืน แน่นอนว่าเป็นตัวเริ่มต้น จึงพอเข้าใจได้ในเรื่องของสเปกและฟีเจอร์การถ่ายทั้งหมดของรุ่นนี้

ฝาหลังสีน้ำเงินเข้ม เล่นแสงสีสะท้อนได้สวยงาม แบบเงาแม้จะเป็นพลาสติกก็ตาม งานออกแบบต่างๆจะคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า รวมถึงการวางกล้องอะไรนั้นเป็นแนวเดียวกับรุ่นอื่นๆของตระกูล Y แต่รุ่นนี้จะให้มาแค่ 2 กล้องเท่านั้นนะ และการวางกล้องนั้นเราจะเห็นว่าในมุมซ้ายด้านบนเหมือนเดิมแต่ยังคงเรียงกัน 2 กล้องเรียงลงมาเหมือนเดิมเลย พร้อมกับโลโก้ที่เขียนในแนวนอนมุมซ้ายล่างของตัวเครื่องนั้นเอง ถือว่าดีไซน์คล้ายๆกับรุ่น Y12S ก่อนหน้านี้มากๆ

SPEC

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+, 270 ppi
  • CPU Snapdragon 439 (12 nm)
  • การ์ดจอ Adreno 505
  • RAM 3GB + ความจำ 32GB สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มได้
  • ซิมคู่ + Micro-Sd
  • Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch OS 11
  • กล้องมุมกว้าง 13MP (f/2.2) + กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4), LED flash, รองรับ HDR
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/1.8)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
  • พอร์ต micro USB 2.0
  • รูแจ็คหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 164.4 x 76.3 x 8.4 mm ;
  • น้ำหนัก: 191 กรัม
  • Bluetooth 4.2
  • รองรับเครือข่าย 4G
  • รองรับ Wifi 2.4 Ghz เท่านั้น
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 10W
  • ตัวเครื่อง สีดำ Phantom Black , เขียว Mint Green

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน SNAPDRAGON 439 พร้อมกับ Storage 32GB  RAM 3GB ส่วนทางด้านคะแนน eMMC5.1 นั้นอ่านไปได้ที่ 287 MB/s – เขียนไปได้ที่ 83 MB/s ส่วน DRL L3 ในแอป Netflix รองรับ SD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 119358 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และแรงกว่า Y12s นิดหน่อย และ Geekbench นั้นทำไปได้ 171/830 คะแนน ครับ กลางๆไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก แค่เป็นการเปลี่ยนค่ายเล็กน้อย

SYSTEM UI

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง ทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็น แล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเอง

การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ

Storage 32GB จะว่างให้ใช้งาน 25 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 3 GB นั้นใช้งานไป 2GB กว่าเท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง

อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animation เปลี่ยนได้แต่ในรุ่นนี้จะเปลี่ยนได้แค่หน้าจอตอน สแกนใบหน้าเท่านั้น ส่วนหน้าตาอื่นๆนั้นปรับไม่ได้เลย คนละแบบกับรุ่น Y20 ครับ ส่วน หน้าตา ธีมอะไรนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตามปกติ รวมถึงการเปิดหน้าจอ อัจฉริยะ หรือ การโทรแนบหูต่างๆ

Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอรวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอครับ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 10 หลายๆตัวนั้นเอง

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51 นิ้ว ที่เป็นติ่งหน้าจอตรงกลาง ยังไม่ได้ใช้งานหน้าจอเจอะรู ทางด้านหน้าจอใช้อัตราส่วนจอแสดงผล 20:9 ความคมชัดระดับ HD+(1600 x 720) มอบมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วย IPS และเทคโนโลยี In-cell ทำให้จอแสดงผลมีสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกรองแสงสีฟ้า เพื่อปกป้องดวงตาของคุณ เท่าที่ทดสอบนั้นแน่นอนว่าตามเรทราคาก็แอบเสียดายว่าหน้าจอยังคงเป็น HD+ เท่านั้นถ้าใครที่ใช้งานเรือธงมาก่อนแน่นอนว่ามาจับตัวนี้อาจจะรู้สึกว่าไม่คมเท่า แต่ถ้ามองกันสำหรับคนทั่วไปที่ใช้งานมือถือในเรทราคานี้อยู่แล้วก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ชอบที่สีสันและสู้แสงได้ดีงามพอสมควรเลยสำหรับทาง VIVO Y21A รุ่นนี้ มีสเปกที่แอบจะเป็นตัวเดียวกับทาง Y12S ก่อนหน้าเล็กน้อยครับ

ในแง่ของการสัมผัสนั้นจริงๆทางค่าย VIVO ต้องบอกตรงๆว่าเป็นค่ายที่ทำระบบและสเปกออกมาเข้ากันได้ดี มีความลื่นไหลในการใช้งาน สัมผัส หน้าจอมีคุณภาพ เพราะในหลายๆค่ายอาจจะเจอสเปกแรงก็จริง แต่พอใช้งานสัมผัส ความลื่นไหลมันไม่ดีเท่าไร แต่ไม่เจอปัญหากับค่ายนี้เลยจริงๆถือว่าเป็นจุดเด่นของ VIVO เลยครับ ส่วนมุมมองในด้านเอียงๆนั้นก็พอไหวในการใช้งานทั่วไปเป็นจอ IPS สบายๆครับสีไม่ได้ดรอปหรือเพี้ยนรวมถึงมีความสว่างที่สม่ำเสมอ ถือว่าเป็นจอที่ดีนะเท่าที่ลองใช้งานมาครับ แม้จะเป็น HD+ แต่คุณภาพสู้แสง สีตรงและสม่ำเสมอทำได้ดี

SIDE-MOUNTED FINGERPRINT SCANNER

ในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของทางค่าย เพราะว่าในรุ่นก่อนๆในเรทราคาไม่แพงนั้นจะใส่สแกนนิ้วด้านหลังมา อาจจะทำให้ดีไซน์ฝาหลังและการใช้งานอาจจะไม่ได้ทันสมัยมากนัก แต่ครั้งนี้ได้ปรับมาใช้งาน Side-Mounted Fingerprint Scanner  หรือสแกนนิ้วในด้านข้างที่เป็นปุ่ม POWER ในตัวเลยทำให้เราสามารถ ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 0.33 วินาที นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีนะ ดีไซน์ดูเรียบมากขึ้นและปุ่มก็ใช้งานเวลาเปิดเครื่องได้ดีเลยแหละ

SOUND

ทางด้านเสียงนั้นในรุ่นนี้ถือว่ากลางๆ ทั่วไปไม่ได้เด่นหรือเน้นมากนักสำหรับทาง VIVO Y12S รุ่นนี้แน่นอนว่ายังคงมีรู 3.5 มาให้เสียงก็พอใช้งานทั่วไปได้ แต่จะไม่ได้มีหูฟังอะไรมาให้แล้วนะสำหรับรุ่นนี้ ส่วนเสียงนั้นเท่าที่ลองก็ถือว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากนัก เสียงกลางๆ ฟังเพลงได้ คุยโทรศัพท์ได้ แต่ถ้าคนที่เน้นฟังเพลงผ่านหูฟังมากๆก็ถือว่าพอรับไหว เสียงยังรู้สึกดังและมีกำลังขับนิดหน่อย แต่การเล่นเพลงต่างๆเสียงมันยังขาดมิติ หรือ ขับออกมาได้ไม่ครบเท่าไรนัก ถ้ามองเทียบกับในเรทนี้จริงๆมีบางตัวจะรู้สึกกำลังขับได้มากกว่า แต่มิตินั้นไม่ได้หนีกันมากครับก็ถือว่า กลางๆไม่ได้เด่น แต่ก็ไม่ได้เบาหรือแบนแห้งซะทีเดียว สำหรับตัวนี้ใช้งานแก้ขัดฟังเพลินๆได้

GPS

ในการนำทางต่างๆนั้นไม่เจอหลุด ในเรื่องของการหันและแท็กตามดีกว่าเดิมและไวกว่าเดิม ในการทดสอบใช้งานจริง โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 40 ดวง และ จับได้ 27 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 40 ดวง จากทั้งหมด 29 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละ พัฒนาดีกว่า Y12s ก่อนหน้า

BATTERY 

การใช้งานแบตตัวนี้ถือว่าให้มาจัดเต็มเช่นเดิม 5,000 mAh พร้อมกับรองรับการชาร์จ 10W ถือว่าเหลือๆในการใช้งานเมื่อเทียบกับราคา และ สเปกนั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั่ววันได้เลยครับ ตัวแบตยังคงเยอะแต่ทำน้ำหนักตัวเครื่องได้บางเบาเช่นเดิมสำหรับตระกูล Y รุ่นนี้ เท่าที่ลองใช้งานจริงนั้นใส่ซิมใช้งานปกติถือว่ารองรับได้สบายๆ เท่าที่ลองใช้งาน 14 ชั่วโมงนั้น เปิดหน้าจอไป 11 ชั่วโมง เล่นเกมไป  3 ชั่วโมงเต็มๆพร้อมกับ  ฟังเพลง นำทางต่างๆถ่ายรูปถือว่าอึดเลยนะเหลือกลับมา 38% ถือว่ายังสบายๆในการใช้งานทั่วไปทั้งวันแบบไม่ต้องกังวลอะไร เพราะหน้าจอ CPU นั้นไม่ได้กินแบตเลยทำให้เหลือๆเลยครับจุดนี้ แบตอึดมากจริงๆในการทดสอบเล่นเกมหนักขนาดนี้ครับตัวนี้

CAMERA

กล้องในรุ่นนี้ให้มาทั้ง เลนส์หลัก เลนส์จับระยะ แน่นอนว่าใช้งานหลักๆนั้นคงหนีไม่พ้นเลนส์หลักที่มาพร้อมกับ 13MP F2.2  ส่วนทางด้านเลนส์จับระยะให้มา 2MP F2.4 จริงๆแอบน้อยไปนิดหน่อยแต่คุณภาพนั้นถือว่าเพียงพอเลยแหละ แต่ที่ลองใช้งานและค่อนข้างชอบนั้นคงจะเป็น Software ในการจัดการทั้งหมด ถือว่าทำได้ว้าวพอสมควร จัดการแสงสี HDR อะไรได้สวยงามรวมถึงการจับระยะละลายหลังถ่ายคนได้เนียนเกินหน้าตามือถือเรทราคานี้มากๆ แต่ก็แอบเสียดายเลนส์มุมกว้าง และ โหมดกลางคืนนิดหน่อยว่าไม่ได้ใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้ครับ และถ้าหากมองเทียบกับ รุ่นอื่นๆถือว่า Software ค่ายนี้จัดการออกมาได้ดีเลยนะกลางคืนสวย ไม่ฟุ้ง และ เก็บสีได้ดีกว่าที่คิดไว้พอสมควร

SELFIE

กล้องหน้าในรุ่นนี้ยังคงให้มาที่ 8MP เป็นเลนส์หลักในการถ่ายครับซึ่งคุณภาพอะไรถือว่าโอเคใช้งานได้เลยทีเดียวในรุ่นนี้มุมมองอะไรนั้นกลางๆไม่ได้แคบและไม่ได้กว้างมากนัก เก็บส่วนใบหน้าและไหล่ได้แบบกำลังดี ถ้ายืดแขนสุดก็สามารถเก็บระยะรวมๆได้กำลังดีเลย ส่วนการถ่ายนั้นเก็บสีผิวอะไรได้ดีเลยนะมีความขาวและสว่างกำลังดีโทนค่อนข้างตรงและสวย การปรับแต่งใบหน้านั้นยังคงจัดเต็มมาให้ตามแบบฉบับค่ายนี้อยู่ และยังมีโบเก้ใส่เข้ามาให้สำหรับการละลายหลังเวลาถ่ายกล้องหน้า แต่จะไม่สามารถปรับระยะละลายหลังอะไรได้นะครับโปรแกรมจัดการมาให้ทั้งหมด

VIVO Y12A 

” น้องเล็ก ปรับมาใช้งาน Snapdragon แบตเยอะ จอใหญ่ใช้งานทั่วไปสบาย “

น้องเล็กในตระกูล Y สเปกนั้นปรับเปลี่ยนเล็กน้อยมาใช้งาน Snapdragon แน่นอนว่าส่วนอื่นๆนั้นถือว่าไม่ได้หนีจากเดิมมากนักครับทั้งเรื่องของหน้าตา หรือว่าสเปกภาพรวมยังคงโดดเด่นในเรื่องของงานออกแบบที่ดูหรูหรา และแบต 5,000 mAh ที่รองรับการใช้งานได้สบายๆทั้งวัน รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่แน่นอนว่าตอบโจทย์ในยุคคนเริ่มต้นที่หามือถือใช้งานแอปทั่วไป เน้นจอใหญ่มองชัด แบตอึด และระบบหน้าตาใช้งานได้ลื่นไหลรวมถึงกล้องก็ถ่ายได้ง่ายๆครับให้ คนสูงอายุใช้งานได้ก็มองเห็นได้ชัด หรือว่าจะเป็นเครื่องสำรองใช้งานทั่วไปแบตอึดมากๆ หรือใช้เป็นเครื่องแรกๆในการเริ่มต้นใช้งานสมาร์ตโฟนก็ถือว่ารองรับได้แบบไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย แต่เสียดายแค่พอร์ตนั้น Micro-USB แอบตกยุคไปแล้วหวังว่าในปี 2022 เราจะไม่เห็นพอร์ตตัวนี้ออกมาบนมือถือแล้วนะ แต่รุ่นนี้เริ่มต้นก็พอให้อภัย

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้สวยและสู้แสงได้ดีพอสมควร
  • ปรับมาใช้งาน Snapdragon แทน MTK ในรุ่นก่อน
  • สแกนนิ้วด้านข้างค่อนข้างดี ดีไซน์ฝาหลังได้สวยขึ้น
  • แบตให้มาแน่นๆ 5,000 mAh ทั้งวันเหลือๆ
  • กล้องหลัง Portrait ทำได้ดีเกินราคา
  • กล้องหน้ายังคงไว้ใจได้
  • ตัวเครื่องน้ำหนักค่อนข้างเบา บางพกพาได้ง่าย
  • ระบบทำงานได้ลื่นไหล สัมผัสใช้งานติดนิ้ว
  • ทำราคาได้ดี เทียบกับสเปกในภาพรวม

ข้อสังเกต

  • ไม่มี Nightmode หรือ กล้องมุมกว้างให้ใช้งาน
  • ยังคงใช้ Micro-USB
  • หน้าจอ HD+

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares