Vivo V15 ตัวธรรมดา ได้ทำการเปิดตัวไปแล้วเหมือนกันซึ่งมีอะไรหลายๆอย่างที่แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะหลายๆคนอาจจะมองว่ามันเพิ่มเงินไปตัว Pro เลยดีกว่าแต่ 4 พันสำหรับบางคนมันอาจจะเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แน่นอนว่ารุ่นนี้ได้จุดเด่นหลักๆคือ กล้องหน้าแบบรุ่น Pro หน้าตาไร้ขอบ ดีไซน์อะไรแบบรุ่น Pro กันหมดเลย อีกทั้งยัง RAM 6 GB STORAGE 128 GB เท่ากันอีกด้วย แต่ว่าตัวนี้ในงบ 10990 บาทนั้นจะเป็นยังไงและอุปกรณ์อะไรแตกต่างกับรุ่นพี่มากน้อยแค่ไหนกันซึ่งเอาจริงๆแล้วดีไซน์แถบจะเหมือนกันเลยนั้นเองครับในด้านหน้าและหลัง รวมถึงได้กล้อง PopUp แล้วมันคุ้มราคาไหมกับงบเท่านี้ หรือ เพิ่มไป Pro จะดีกว่าเราต้องมาดูการใช้งานและความต้องการของแต่ละคนกันครับและหวังว่ารีวิวตัวนี้จะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ

Vivo V15 นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่คล้ายๆกับรุ่นพี่แต่มาในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าและ ได้จอใหญ่กว่า แบตเยอะกว่าที่มามากถึง 4000 mAh และใช้ CPU MTK P70 แต่ที่พิเศษคือได้ RAM 6 GB STORAGE 128 GB แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro เป๊ะๆ ถือว่าทำตลาดมาคุ้มมากๆครับ และในราคา 10990 บาทนั้นทำให้มันจับต้องได้ง่ายขึ้นแต่ก็แลกกับการที่ได้สแกนนิ้วแบบด้านหลังมาแทน รวมถึง การใช้ กล้องหลังที่ 24MP มาแทน 48MP ครับ แต่ในกล้องหน้านั้นจัดเต็มแบบเดียวกับรุ่น V15 Pro กันเลยทีเดียว อะไรหลายๆอย่างถือว่าดูคุ้มราคามากๆนะ เมื่อเทียบกับรุ่น Pro แม้จะแตกต่างกันไม่มากแต่ก็ทำให้หลายๆคนนั้นจับต้องได้ง่ายขึ้นและเน้นใช้ทั่วไปทำให้มันน่าสนใจเลยแหละ

สำหรับราคาของทาง Vivo V15 นั้นเปิดมาที่ 10,990 บาทไทยมาพร้อม 2 สีหลักๆคือ สีน้ำเงินแบบในภาพ และ ส่วนของสีแดงครับ จริงๆสวยทั้ง 2 สีเลยนะอันนี้แล้วแต่ชอบเลยแหละ

UNBOX 

ตัวกล่องนั้นมาพร้อมการออกแบบที่เหมือนกับรุ่น Pro เลยแหละ และของที่ให้มาทุกอย่างนั้นก็เหมือนกันครับรวมถึงมุมขวาบนมีการเขียนแจ้งไว้ด้วยว่า RAM 6 GB ROM 128GB ครับ เห็นรูปเครื่องทั้งหน้าและหลังชัดเจนรวมถึงสี

  • ตัวเครื่อง  Vivo V15
  • สายชาร์จแบบ Micro USB
  • Adaptor ชาร์จไฟ
  • หูฟัง 3.5 มม.
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
  • เคสใสวัสดุแข็ง พร้อมขอบสีดำ แบบเดียวกับรุ่น V15 Pro

เคสแบบเดียวกับตัว Pro ครับเป็นเคสแถมที่ดูดีกว่าทุกค่ายที่เจอมาในเรทราคานี้เลยนะ ส่วนที่เป็นวัสดุแบบฝาหลังใสแข็งและขอบเครื่องนั้นเป็นสีดำค่อนข้างดูดีพรีเมี่ยมมากๆครับรวมถึงแข็งแรงและปกป้องตัวเครื่องได้ดี ดีกว่าเคสใสนิ่มแบบแต่ก่อนที่แถมกัน ข้างหลังเป็นพลาสติกแข็งและมีจุดๆป้องกันการติดกับวัสดุฝาหลังครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอก็หุ่มขึ้นมาได้สูงและ เคสแบบนี้จะมีการเว้นช่องเปิดไว้ สำหรับกล้องหน้าเวลาเลื่อนขึ้นลงนั้นเองครับ แต่เคสส่วนพลาสติกใสนั้นต้องบอกว่าเป็นรอยได้ง่ายมากๆครับ ส่วนด้านหลังก็ต้องทำใจกันไว้เพราะพลาสติกแข็งแบบนี้ปกติครับ

DESIGN 

การออกแบบจริงๆก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเลยครับเพราะหลักๆจะเป็น CPU ภายในที่แตกต่างกัน แต่อย่างว่าด้านหลังก็มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยถ้าใครมองไม่ออกจริงๆมันคือตรงสแกนนิ้วนั้นเองครับตัวนี้จะไม่มีสแกนนิ้วใต้หน้าจอแล้วแต่เป็นสแกนนิ้วด้านหลังแทน อันนี้แหละคือจุดที่จะแยกกันว่ารุ่นไหนคือตัว Pro  ส่วนในด้านของงานประกอบวัสดุ การออกแบบรวมๆก็มีความแตกต่างและเป็นตัวเองมากขึ้นครับในด้านหลังกล้อง 3 ตัววางตำแหน่งเรียงกันพร้อมกับการออกแบบให้มันเชื่อมต่อกับกล้อง Popup ด้านบน และฝาหลังสีน้ำเงินที่เล่นแสงและวัสดุเงาพร้อมกับมีพื้นผิวข้างในสะท้อนแสงได้สวยเหมือนกัน การไล่สีอะไรทั้งหลายคงความสวยงามได้ดีครับ

ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ultra Fullview ที่มีขนาด 6.53 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่ง ขนาดใหญ่กว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D

ขอบด้านบนตัวนี้ทำได้บางมากๆบางเทียบเท่ากับขอบด้านอื่นๆเลยแหละและแน่นอนว่า ลำโพง เซนเซอร์ต่างๆก็ซ่อนตามขอบได้อย่างเนียนๆแบางๆกันไปจะเห็นแถบช่องลำโพงยาวๆ และแน่นอนไฮไลท์อีกจุดคือ กล้องหน้าแบบ Popup โผล่ขึ้นมาเลื่อนโดยอัตโนมัตินั้นเองครับมีความละเอียด 32MP ซึ่งกล้องนั้นมีความละเอียดเท่ากับรุ่น Pro

ขอบด้านล่างทำได้บางกว่าเดิมแต่ก็ยังแตกต่างกว่าด้านอื่นๆอยู่ครับ ส่วนการควบคุมนั้นก็เป็นในหน้าจอทั้งหมด 3 ปุ่มแต่ก็สามารถปรับแต่งหรือใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ในการปัดไปมาครับแล้วแต่เราจะปรับเลย

ขอบด้านบนนั้นจะเป็น ไมค์ และ รูหูฟังนั้นจะไปอยู่ด้านล่างแทนแล้วครับ แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะ และ ตัวเหลี่ยมๆนั้นคือกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเวลาใช้งานครับกินพื้นที่นิดหน่อยเลยทำให้ส่วนนั้นอาจจะต้องนูนออกมา

ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งนี้ทั้งหมดครับ ส่วนด้านขอบบนนั้นจะเห็นว่าถ้ากล้องหน้าใช้งานมันก็จะโผล่ออกมาประมาณนี้ และกล้องหลังก็จะนูนขึ้นมานิดหน่อยครับเวลาวางคว่ำจะไม่ค่อยเรียบ

ด้านซ้าย นี้เราจะเห็นปุ่มที่หลายๆค่ายนั้นจะใส่เข้ามากันเพิ่มคือปุ่มสำหรับเรียก AI หรือพวกคำสั่งเสียงนั้นเองครับ และก็สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะให้สั่งงานตัวไหนยังไงครับ Google Search หรือ  Assistant ครับ และเห็นในส่วนถาดซิมรุ่นนี้จะเป็น Triple Slot สามารถรองรับใส่ซิม 2 ซิม และก็เพิ่มเม็มได้ ซึ่งของ Pro จะแยกจากกันครับ

ด้านขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก รูชาร์จแบบ Micro-USB ซึ่งน่าเสียดายมากๆในปีนี้ยังเจอพอร์ตแบบนี้ครับ และ รูหูฟังมาอยู่ด้านล่างแล้วครับ ก็เป็นจุดแตกต่างเล็กๆน้อยสำหรับทั้ง 2 รุ่นทั้งตัว รูหูฟัง ตัวถาดซิมเป็นต้นครับ

ด้านหลังดีไซน์อะไรเหมือนกันไปหมดยกเว้นสแกนนิ้วครับ และ ตัวกล้องก็แตกต่างกันด้วยนะ แม้จะมี 3 กล้องเหมือนกันแต่ตัว Pro นั้นได้ตัวกล้องหลักที่ 48MP แต่ของ V15 นั้นได้มาเป็นตัว 24 MP + 8 MP + 5 MP นะครับเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆเลยแหละสำหรับ 2 รุ่นนี้

เทียบให้ดูกันระหวาง V15 – V15 Pro ที่ขนาดของ V15 นั้นจะใหญ่กว่าด้วยหน้าจอขนาดใหญ่กว่า และ ไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอทำให้ต้องเอาตัวสแกนนิ้วมาไว้ด้านหลังครับ ส่วนการออกแบบ วัสดุสีการใช้สีอะไรต่างๆนั้นเหมือนกันทั้งหมดครับจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแง่การออกแบบ และ สีแดงก็จะสวยไปอีกแบบนึงรวมถึงการเล่นลายต่างๆ

SPEC

  • Android 9.0+ Funtouch OS 9.0
  • หน้าจอ 6.53 นิ้ว  FHD+ (2340×1080)อัตราส่วน 19.5:9
  • CPU MediaTek Helio P70
  • GPU Mali-G72
  • RAM 6 GB
  • STORAGE 128 GB + microSD สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว – 24 ล้านพิกเซล  f1.78 + 8 ล้านพิกเซล f2.2 + 5 ล้านพิกเซล f2.4
  • กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f2.0
  • 2 ซิม Dual-Stand by
  • Wi-Fi, Bluetooth 4.2
  • Micro-USB 2.0
  • แบตเตอรี่  4,000 mAh  Dual-Engine Fast Charging 18W
  • ราคา 10,990 บาท

PERFORMANCE 

ทางด้านประสิทธิภาพกันหน่อยสำหรับ MTK P70 นั้นก็ทำได้ตามระดับของมันจะน้อยกว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ ซึ่งตัวนี้นั้นท Geekbench นั้นทำได้ 1553/5656 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ และ หน่วยความจำเป็น EMMC 5.1 อยู่นะอ่าน 290 นิดๆ ส่วน Antutu ทำคะแนนได้เกือบ 143K น้อยกว่าตัว V15 Pro ประมาณ 4 หมื่นคะแนนครับ แต่ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน ส่วน DRM L3 นะครับในรุ่นนี้ ไม่รองรับ การดูหนัง NETFLIX HD นะครับ แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro นั้นแหละ ถือว่าใช้ได้แรงตามระดับของมันครับในตัวนี้

SYSTEM UI 

ทางด้านระบบ Software ตัวนี้มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer

และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ

ในด้านของคียบอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ของทาง Kika คียบอร์ดที่ทำออกมาสำหรับ Vivo ครับ ส่วน RAM 6GB ใช้งานไปครึ่งๆ เหลือประมาณ 2.9 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128GB เหลือให้ใช้ประมาณ 110 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้

JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่ รวมถึงตั้งค่าตัวปุ่มที่เพิ่มเข้ามาด้านซ้ายของตัวเครื่องสำหรับเรียก Google Assistant ครับ ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้

Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ การโคลนแอปหรือใช้งานหน้าต่าง 2 หน้าต่างก็รองรับปกติครับสำหรับทาง Vivo

THEME

การปรับเปลี่ยนธีมก็มีมาให้ครับ สามารถเปลี่ยนได้เยอะแยะเลยแต่หลักๆนั้นจะเป็นการเปลี่ยนหน้าตาของไอคอน และ พื้นหลัง หน้าจอล็อคสะส่วนใหญ่และแอปของทาง Vivo บางแอปที่หน้าตาจะเปลี่ยนตามครับ และก็สามารถเปลี่ยนฟอนต์อะไรได้ เปลี่ยนได้อาจจะไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก แต่ก็ปรับแต่งได้นิดหน่อยสำหรับใครที่เบื่อๆหน้าตาเดิมๆครับ

SCREEN 

หน้าจอในตัว Vivo V15  นั้นเป็นหน้าจอแบบไร้รอยบากแบบเดียวกับ V15 Pro เป๊ะ แต่ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าตัวนั้นครับ ในรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอแบบ Super AMOLED Ultra FullView Display โดยเป็นขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งทำได้เต็มตามากๆเลย และในเรื่องของสีและความสดความคมชัดทำได้ดีครับ สีไม่เวอร์ และ สู้แสงได้ดีเลยแหละในการใช้งานกลางแจ้งต่างๆและด้วยการที่มันเต็มตาเต็มจอไม่มีอะไรมารบกวนทำให้เวลาดูหนัง Youtube ต่างๆสามารถขยายได้เต็มจอแบบภาพด้านบนและไม่มีอะไรมาบดบังเลย คุณภาพโดยรวมทำได้ดีแบบรุ่นพี่มันเลยแหละครับเทียบกันไม่ต่างกันเลยแต่ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าตัว V15 Pro ด้วยนะ

ในด้านตัวคุณภาพ มุมมองต่างๆในการใช้งานรองรับมุมมองได้กว้างและโทนสีอะไรต่างๆนั้นทำได้ดีเลยแหละ แม้จะเอียงมุมมองเยอะๆแต่จอก็แสดงผลสีได้ตรงไม่ต่างกับมองตรงๆแต่จะมีเรื่องของแสงที่ดรอปลงเล็กน้อยครับถือว่าเป็นจออีกรุ่นที่ทำได้ดีและในแง่ของความสวยงามมันทำได้ดีมากๆอยู่แล้วไร้ขอบจริงๆเลยแหละ และ การสู้แสง รองรับมุมมองที่หลากหลายทำให้มันค่อนข้างโอเคในการใช้งานทุกสภาพแสงและกลางแจ้งครับ หรี่ และ ปรับสุดได้ยืดหยุ่นดี

SOUND

ระบบเสียงเป็นสิ่งที่สาวก Vivo ชื่นชอบกันมานานครับ เพราะแต่ก่อนนั้นทาง Vivo จะค่อนข้างเน้นเรื่องระบบเสียงชอบมีชิพเสียงแยกมาให้อะไรแบบนี้ แต่ในรุ่นนี้นั้นเหมือนจะไม่มีมาให้นะครับในตระกูล V15 เพราะหลังจากเช็คและถามๆกันก็ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้เลย อาจจะต้องผิดหวังกันไปแต่ในแง่ของรู 3.5มม. นั้นก็ยังมีมาให้นะครับไม่ได้ตัดไปไหน ทางด้าน Software อะไรก็มีมาให้เหมือนเดิมครั้บทั้งการปรับแต่งเสียงรอบทิศทาง เน้นเบสต่างๆครับเหมื่อนรุ่นอื่นๆของ Vivo ส่วนเรื่องของเสียงกันก่อนตัวนี้เสียงที่ได้ค่อนข้างธรรมดาครับไม่ได้เด่นอะไร กำลังขับอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่น Pro มากนักแต่เหมือนตัว Pro แรงขับมามากกว่านิดนึงนะครับอันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับชิพเสียงที่มากับ CPU ที่มันคนละค่ายกันก็อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยครับ แต่ก็ไม่ได้มี ชิพเสียงแยกอะไรมาให้นะครับในรุ่นนี้

ตัวหูฟังแถมนั้นยังคงเหมือนรุ่นอื่นๆที่ให้มาก่อนหน้านี้ ไม่ได้แตกต่างกันรุ่นก่อนเลยครับเป็นหูแบบ Earbud ทรงคล้ายๆของทาง  Apple สายสีขาวตัวหูฟังแถมนั้น มีไมค์และปุ่มควบคุมมาให้สำหรับเปลี่ยนเพลง หรือ รับสายครับ ตัวเสียงหูฟังแถมก็ใช้ได้นะ ไม่ได้แหลมน่าเกลียดมีเสียงนุ่มๆ เบสมานิดหน่อย มิติเสียงฟังเพลงอะไรได้สบายครับ ถือว่าไม่เลวเลย แต่แน่นอนว่าเทียบหูแถมแบบ Inear พวกนั้นบางยี่ห้ออาจจะยังไม่ได้เพราะแบบนั้นจะเก็บเสียงและคุมเสียงได้ดีกว่า แต่แบบของ Vivo นี้ก็ใส่สบายและไม่ปวดหูครับแล้วแต่คนชอบเลย

SPEAKER

ในด้านของลำโพงในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงตัวเดียวในขอบล่างครับ เสียงที่ได้ดังแต่ออกไปทางแหลมๆนิดหน่อยไม่ค่อยมีมิติเท่าไร ลำโพงการวางแบบนี้เวลาเล่นเกมอาจจะมีบังเล็กน้อยแต่ก็สลับข้างเอาได้ไม่มีอะไรติดเพราะหน้าจอทำได้เต็มและไม่มีติ่งอะไรมากบังครับ ลำโพงค่อนข้างใกล้ๆกับ V15 Pro เลยแหละ หรืออาจจะเป็นตัวเดียวกันเลยก็ได้ครับ เพราะที่ลองมันเสียงดังใช้ได้ถ้าเรามีคนโทรเข้ามาแต่ถ้าเอามาฟังเพลงเปิดเพลงนั้นจะออกไปทางแหลมๆ เสียงร้องชัดมากกว่า และเบสไม่ค่อยมีเลยครับสำหรับด้านลำโพงตัวนี้นะ

GPS

การทดสอบ GPS ในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยแหละทั้งในแง่ของการใช้งานจริงและจากการทดสอบผ่านแอปครับตัวเครื่องรุ่นนี้ถือว่ารองรับได้ดีเลยนะหลังจากเปิดแอปนั้นก็ทำได้ดีครับแม้จะเป็นในอาคารที่ร่ม หรือจะเป็นกลางแจ้งจากที่วัดนั้นแถบไม่ต่างกันเลยทั้ง แต่จากที่ใช้งานนั้นเหมือนจะช้ากว่าตัว Pro เล็กน้อยครับส่วนในเรื่องของ จำนวนการเจอ หรือ จำนวนที่ใช้งานอยู่ครับ จับได้ 13 / 43 ในที่ร่ม และ จับได้ 15/42 ในที่กลางแจ้งทดสอบนำทางปกติครับ อัพเดทได้ไวและก็ไม่เจออาการหลุดอะไรครับทั้งลงอุโมงค์ต่างๆ แต่จำนวนอะไรพวกนี้นั้นจะได้น้อยกว่าตัว Pro เล็กน้อยครับ

BATTERY 

แบตเตอร์รี่ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีทั้งวันได้แบบสบายๆไม่ต้องกังวล รุ่นนี้จะมาพร้อมกับความจุที่ Battery 4000 mAh รองรับ Dual-Engine Fast Charging ทำให้ชาร์จได้ไวและใช้งานได้ทั้งวันถือว่าตอบโจทย์คนใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆ จากที่ลองนั้นใช้งานทั่วไปเปิด 4G และ เปิดจอค่อนข้างเยอะ เล่นเฟส เล่นเกมบ้างนิดหน่อยรวมตั้งแต่ช่วงเช้า จอเปิดมากกว่า 6 ชั่วโมง ใช้งานทั้งหมด 13 ชั่วโมงครับ แบตเหลือ 29% ถือว่าอึดจริงๆนะ เปอร์เซนต์ในการใช้งานก็ไม่ได้ลดไวด้วยหลังจากที่ลองใช้นำทางหรือพวกเล่นเกมนะครับ ถือว่าผ่านเลยแหละในจุดนี้ดีกว่าตัว  V15 Pro ในแง่ของความจุแบต และรวมถึงในการใช้งานจริงๆด้วยครับรู้สึกว่าอึดกว่ารุ่นนั้นแม้จะจอใหญ่กว่า

GAMING 

การเล่นเกมนั้นก็มี Software ที่จัดการในหลายๆอย่างมาให้ทั้งไม่แจ้งเตือน และ ตัดสายอะไรที่โทรเข้ามา โหมดต่างๆหรือจะเป็นการใช้งานปุ่ม AI ก็สามารถปิดได้ครับ และยังมีเรื่องของการปรับภาพและการแสดงผลต่างๆให้ดีกว่าเดิมในการเล่นเกม และ ไม่มีการแจ้งเตือนเวลามีคนโทรมา หรือ ตามแอปต่างๆมาให้กวนใจครับ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพจากที่ลองนั้นก็ใช้ได้นะครับ ภาพสามารถปรับได้เยอะและก็ลื่นไหลพอสมควร แต่ยังไงสำหรับคลิปทดสอบเล่นเกมนั้นสามารถติดตามได้ใน Techhangout TV Youtube เร็วๆนี้แน่นอนครับผม

CAMERA

กล้องตัวนี้ จะไม่มี 48 ล้านพิกเซลแบบรุ่น V15 Pro แต่มาพร้อมกับ 24MP ครับ แต่กล้องตัวอื่นๆรวมถึงฟีเจอร์นั้นจะมีมาให้คล้ายกันหมดเลยแหละ และ F/1.8 สำหรับกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle 120 องศาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมี F/2.2 และกล้องตัวที่สามสำหรับทำ Bokeh ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โดยมี F/2.4 ซึ่งรองรับฟีเจอร์ Live Photos, Bokeh, AI Portrait Lighting, AI Face Beauty, AI Body Shaping ซึ่งจะทำให้สามารถปรับให้ตัวคนผอมและปรับให้สูง ขาเล็กหน้าเล็กได้ทั้งหมดเลยนั้นเองถือว่าโหดมากๆ และ AI Scene Recognition รวมถึง Super Night Mode สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกันด้วยครับ ตัวคุณภาพโดยรวมทำได้ดีครับ ทั้งโทนสี และรายละเอียด

PORTRAIT 

SELFIES 

กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Pop-Up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก โดยมี F/2.0 รองรับฟีเจอร์ AI Face Shaping, AI Portrait Lighting และ AR Sticker กล้องหน้าในแบรนด์นี้ถือว่าเป็นจุดเด่นอยู่แล้วสาวๆชอบแน่มันถ่ายยังไงก็สวยเลยแหละ พร้อมกับมีแต่งหน้าให้ได้ค่อนข้างเยอะมากๆ สามารถปรับได้หมดรวมถึงการแต่งแสงแบบ Studio ที่มีมาให้เยอะมากถึง 6 แบบดังภาพข้างล่างครับทั้ง แสงไฟต่างๆ การเล่นแสงแฟลร์ และจะเป็นการทำพื้นหลังขาวดำก็มีมาให้และรวมถึงละลายหลังให้เราด้วยในส่วนของกล้องหน้าครับ รองรับการถ่ายเยอะเหมือนกัน คุณภาพจัดว่าดีเลยแหละ กล้องหน้านี้ผ่านเลยครับไว้ใจได้แบบเดียวกับของ V15 Pro เป๊ะๆเลยแหละ

VIVO V15 

” หน้าตาสวย กล้องหน้าโหด ใช้ทั่วไปสบาย จับต้องได้ง่าย “

ก็เป็นรุ่นสำหรับคนที่งบไม่เยอะและอยากใช้งานหน้าจอแบบเต็มๆ กล้องหน้าโหดๆ ตัวนี้ออกมาตอบโจทย์ครับกล้องหน้าได้ตัวเดียวกับ V15 Pro ที่มากถึง 32MP ในแบบ PopUp ด้วย ส่วนในเรื่องอื่นๆ ความจุ การออกแบบ RAM พวกนั้นมาให้เหมือนๆกัน ที่แตกต่างกันหลักๆนั้นจะเป็น CPU ที่รุ่นนี้มาใช้ MTK P70 และ ปรับลดกล้องหลังเหลือ 24MP และ สแกนนิ้วมาอยู่ด้านหลังแล้ว แต่ในด้านการใช้งาน ระบบหน้าตา ความลื่นไหลทั่วไปไม่แตกต่างกันมากครับถือว่าเป็นอีกตัวเลือกได้ดีเลย เพราะเอาจริงๆคนที่ซื้อ Vivo นั้นจะเน้นกล้องหน้าเป็นหลักครับและตัวนี้มันเอารุ่นพี่มาเลยถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี หลายๆคนอาจจะบอกว่าราคานี้มมีรุ่นอื่น สเปคแรงกว่า แต่อย่าลืมว่า กลุ่มลูกค้าแต่ละค่ายก็แตกต่างกัน และในเรทนี้ กล้องหน้าที่ดีแบบ V15 ที่เอาของรุ่น V15 Proมาเลยนั้นต้องบอกว่าหายากเลยแหละครับ ก็แล้วแต่มุมมองและคนที่ใช้งานว่าเน้นอะไรขนาดไหนอยู่ดีนะ แต่รุ่นนี้สำหรับสาวก Vivo และ อยากได้ จอสวยๆ กล้องหน้าโหด ใช้งานทั่วไป มันคือตัวเลือกที่ดีจริงๆ แม้จะมีขัดใจเรื่องพอร์ทบ้างนิดหน่อยในงบเท่านี้อะนะ

ข้อดี

  • หน้าจอเต็มตา ไม่มีติ่ง ไม่มีรอยจุดมารบกวน
  • ตัวเครื่องฝาหลัง เล่นกับแสงสวยงาม งานประกอบดี
  • กล้องหน้า แบบเดียวกับรุ่น V15 Pro คุณภาพจัดเต็ม
  • เคสแถมดูแข็งแรง ปกป้องได้ดี
  • แบตใช้งานได้อึดมากๆทั้งวันได้สบาย และ มีชาร์จไว
  • กล้องหน้า Popup ทำได้แข็งแรง และแก้ปัญหาหน้าจอติ่งได้
  • ได้ RAM 6GB STORAGE 128GB แบบเดียวกับ V15 Pro

ข้อสังเกต

  • ยังคงใช้ Micro-USB
  • ไม่มีชิพเสียงอะไรพิเศษในการฟังเพลง
  • เป็น MTK P70 + MALI อาจจะขัดใจหลายๆท่านในแง่ของ GPU
  • *เคสแถมเป็นรอยขนแมวได้ง่าย ปกติของพลาสติกใสแข็ง*

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares