ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องไหนของ MARVEL ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีมากถึง 4 ภาค ก็คงไม่พ้น THOR เพราะถ้าพูดกันตรงๆคือ ผมเองไม่ถูกใจกับ THOR 2 เรื่องแรกเท่าไร ทั้งเรื่องความสนุก ความเพลิน หรือ แม้แต่คุณภาพของมัน โดยเฉพาะ 2 ภาคแรกที่ค่อนข้างแย่ แม้ 3 จะช่วยดูดีขึ้นได้และไปในอีกแนวทางแต่ก็ยังไม่ได้ลงตัวขนาดนั้นถ้ามองเทียบกับ เรื่องอื่นๆในค่าย แต่ในที่สุดมันก็มาถึง 4 ภาคจนได้ครับในเรื่องนี้ ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นการเล่าต่อเนื่องจากเรื่องก่อนๆของหนัง MARVEL หลายๆเหตุการณ์ และ ชีวิตของตัวละคร และ มีแนวทางของหนังที่ชัดเจนในชื่อเรื่อง ความรัก และ อัสนี ซึ่งจะบอกว่าเป็นหนังรักก็ได้เช่นกัน แต่มาแบบกลางๆและมุกตลกบ้าง แอ็กชันนิดหน่อย จนบางทีมันก็ไม่ได้สุดไปซักด้านเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าดูเพลินได้ไหม บอกเลยว่าผมโอเคมากกว่า 3 ภาคก่อนหน้านี้และดูได้สนุกไปกับมัน

เนื้อเรื่อง เนื้อหาเล่าเรื่องเส้นตรงไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก มีที่มาที่ไป ถ้าเอาตรงๆคนที่ไม่เคยดูภาคก่อนหน้ามาเลยก็สามารถดูได้รู้เรื่องครับ มีการปูพื้นฐานแบบสั้นๆให้ตั้งแต่เริ่มเลย แต่อาจจะไม่ได้อินถ้าไม่เคยตามเรื่องก่อนหน้ามาและอาจจะงงๆบางจุดของหนัง แน่นอนว่าการเล่าเรื่อง จังหวะหนังคือยังไงก็เป็น TAIKA ชัดเจน ความฮา สายตลก และ จังหวะแบบนี้เราคุ้นเคยกันอยู่แต่ แต่เรื่องนี้ช่วงแรกแอบน่าเบื่อ และมุกตลกบางครั้งเราก็แบบแปลกๆเหมือนกันถ้ามองเทียบกับภาค 3 รู้สึกว่าจังหวะมันลงตัวกว่า แต่ถ้าถามความต่อเนื่อง ดูง่าย ย่อยง่ายก็ยังคงตอบโจทย์ได้ แต่แค่บางบทของหนังมันกลับได้ไม่สุดเท่าไร จะไปทางหนังรักก็ไม่สุดมาก แอคชั่นก็เบาบาง สายฮาก็แปลกๆเลยภาพรวมอาจจะไม่ได้ลงตัวในทุกมิติอะไรขนาดนั้น แต่ ดูเพลินง่ายกว่าหลายๆภาคก่อนหน้าหรือถือว่าดูดีสุดแล้วในเรื่องบท เนื้อหา และ การเล่า เพราะมันค่อนข้างเอียงไปทางความรัก ตาม ชื่อของมันและทำให้เราอินไปกับมันได้ในตอนจบ และ สเกลตัวหนังถือว่าเล็กมากๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรและเรื่องราวเล่ากันเล็กๆเลยทำให้มันไม่อลังการเท่าไรนักครับ

นักแสดงเองแน่นอนว่ายังคงยกให้กับทาง Christian Bale ที่ทำได้ดีมากๆในการเข้าถึงบทตัวละครตัวนี้ เป็นตัวร้ายที่ดูเกือบจะมีมิติเบื้องหลังดีกว่าตัวร้ายในเรื่องอื่นๆของ MARVEL นะ แต่ที่โดดเด่นกว่าคือการแสดง สีหน้า แววตาของเค้าผมว่ายังคงเก่งมากๆในเรื่องนี้ ส่วนตัวละครหลักทั้ง Chris Hemsworth ก็ยังคงทำได้มาตรฐานของเค้าเอง และ ยังคงมีแนวของตัวเองที่เด่นชัด แต่ภาคนี้ยังไม่ค่อยมีฉากให้อินเท่าไรกับตัวละครนี้เลยถ้ามองในแง่การแสดงยังคงให้ Christian Bale กลับโดดเด่นกว่านิดหน่อย รวมถึงนักแสดง Natalie Portman ที่กลับมาอีกครั้งก็ทำได้น่าสนใจ ในเรื่องของความรักทั้งคู่ และ เรื่องราวก่อนหน้า และ เรื่องนี้ด็จะเน้นไปในเรื่องความรักของทั้งสองได้ดีกว่าเดิมซึ่งนักแสดงทั้ง 3 ตัวหลักผมว่าเค้าเก่งอยู่แล้ว แต่บทมันน่าจะสามารถส่งได้มากกว่านี้หรือลึกได้อีกนิดน่าจะอินกว่านี้ ทั้งความรักของคู่พระเอก หรือ แม้แต่ความรักของตัวละครตัวร้ายซึ่งถ้าจี้ให้ลึก ฉากจบเราน่าจะมีเข้าใจได้มากขึ้นนะ

งานภาพ MARVEL ก็ยังคงเป็น MARVEL คือไม่ได้เน้นความสวย ความอาร์ตอะไรเท่าไรไม่ว่าจะกี่เรื่องก็ตาม ยกเว้น ETERNAL ที่ต้องยอมว่าเรื่องนั้นงานดีมากๆและดีอันดับต้นๆของ MARVEL เลยนะ แต่เรื่องนี้กลับธรรมดา ตามสไตล์เค้าไม่ได้เน้นอะไร มีฉากลอยๆนิดหน่อยแต่ภาพรวมเก็บงานดี แต่มุมกล้อง ฉากต่อสู้ สื่อออกมาได้เรียบๆปกติ แม้จะมีฉากที่สามารถเล่นภาพสวยๆได้แบบ ขาว ดำ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้งานภาพสวยหรือเท่ได้มากขึ้นเลย แต่ที่ผมชอบ และ ถูกใจมาเสมอกับ ผกก คนนี้คืองานเพลง เลือกเพลงได้ดีมากๆทุกเพลงที่ใช้งานเสริมเข้ามาในตัวหนัง หลายๆฉากคือถ้าสาวกเพลงเก่า rock 80s ต่างๆน่าจะพอรู้จักกันแน่นอน และใส่เข้ามาได้ดีเลยนะส่วนตัวชอบมากๆในเรื่องเพลงที่ใส่เข้ามา แต่โทนหนังหรือโทนภาพมันน่าจะได้เข้ากับเพลงมากกว่านี้เลยทำให้มันสุดไปได้แค่ด้านเดียว

ภาพรวมถ้าบอกว่าดีที่สุดใน THOR ที่เคยทำมาไหมก็ตอบตรงๆเลยว่าใช่ในที่สุด THOR ภาคนี้ถือว่าเป็นการทำหนังดีได้ซะที ในหลายๆองค์ประกอบทั้ง บท เนื้อหา เพลง และ การเล่าเรื่องมันกลายเป็นเรื่องที่ลงตัวและกลมกล่อมมากสุดและเล่นประเด็นความรักได้ดี เข้ากับแนวทางที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกและจบได้ดีลงได้เก่ง ดูง่ายเพลิน ย่อยง่าย แต่ถ้ามองไปลึกๆมันมีหลายจุดที่อาจจะปรับให้มันอิน ให้มันลึกได้มากกว่านี้แต่ก็น่าเสียดายครับ โดยรวมประทับใจมากกว่าภาคก่อนๆชัดเจนและถ้ามองในบรรดาหนัง PHASE 4 ก็ไม่ได้แย่สุดซะทีเดียวแต่เมื่อดูแล้วอาจจะไม่ได้มีฉากไหนน่าจดจำหรือ ต่อสู้พีคๆ หรือ ประทับใจหนักๆเลยในหนังเรื่องนี้ครับ ซึ่งอาจจะเป็นปกติของตระกูล THOR ไปแล้ว

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares