SONY ได้เปิดตัว SONY XPERIA 1 III และ 5 III รวมถึง 10 III รุ่นล่าสุดในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับใส่ฟีเจอร์ กล้อง หน้าจออะไรมาให้จัดเต็มทั้งหมด รุ่นเรือธง XPERIA 1 III กันก่อนที่ครั้งนี้จัดเต็มที่สุดครับ มาพร้อมกับหน้าจอ 4K OLED HDR 120HZ รองรับการใช้งานเต็มที่ พร้อมกับ RAM 12GB สูงสุด และ STORAGE 256GB รวมถึงกล้องหลังมาพร้อมกับ 3 ตัว 12MP และ เลนส์ PERISCOPE ปรับระยะ รูรับแสงได้ และยังคงใช้งานดีไซน์หน้าตาแบบเดิมทั้งหมด รวมถึง ยังคงใส่ลำโพงคู่มาให้และเน้นระบบเสียงมากขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเป็นการเสริมจุดให้ลงตัวมากขึ้นถ้ามองเทียบกับรุ่น 2 และ เรื่องกล้องยังคงเป็นจุดเด่นที่สุดของทางค่าย ทั้งการพัฒนาร่วมกับทางทีมกล้อง รวมถึงการเสริมระยะเลนส์เพิ่มเข้ามาแต่ทาง SONY เอง Hardware เทพมากๆ มาลุ้นกันว่ารอบนี้จะทำเรื่องของ Software ได้ดีขึ้นแค่ไหนกันและเรื่องของคุณภาพสำหรับสายถ่ายภาพจะเป็นยังไงนั้นมาดูกันได้เลย

SONY XPERIA 1 III หน้าจอถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งยังคงโดดเด่นที่เป็นหน้าจอ 4K เจ้าแรกที่รองรับ 120Hz และมาพร้อมคุณภาพสูง ให้หน้าจอมาที่  6.5 นิ้ว ความละเอียด (1644x3840pixels) 4K OLED HDR Display อัตราส่วน 21:9  120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation, Corning Gorilla Glass Victus protection  จัดเต็มเลยทีเดียวครับ และยังทำ Software 240Hz ได้ด้วยสำหรับความเนียนที่มากขึ้น และไม่มีติ่ง ไม่มีกล้องหน้าเจาะรูเช่นเดิม ทางด้านสเปกนั้นยังคงใช้งาน Snapdragon 888 จัดเต็มด้วย RAM 12GB และ STORAGE 256GB ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว และรองรับการชาร์จไร้สายได้ด้วยเช่นกันครับ  และ รองรับ  มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65/68 และใช้งานระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio และ DSEE Ultimate ที่ทำให้คุณภาพเสียงรองรับได้สบายในเรื่องของมิติเสียง และ ระบบเสียง HI-RES ครับสบายๆเลย และยังคงมีรู 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้เช่นเดิมในรุ่นนี้ รวมถึงลำโพงคู่ในด้านหน้า และยังพัฒนาระบบระบายความร้อน และ การเพิ่มฟีเจอร์ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าดีไซน์จะไม่เปลี่ยนมากนักแต่พัฒนาสเปกดีขึ้น กล้องหลังถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากที่เป็นการพัฒนาในรุ่นนี้ยังคงพัฒนากับทีมกล้องได้ดีอย่างต่อเนื่องครับ กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด ทั้ง 3 ระยะ ในเลนส์หลักให้มาที่  12MP F1.7 พร้อมกับ OIS  และใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2  และ เลนส์ เทเล PERISCOPE ปรับระยะได้ให้มาที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom และ มาพร้อม 3D ITOF SENSOR และ ZEISS T* Coating เช่นเดิมครับ อีกทั้งยังมี โฟกัสดวงตา และ แทรคโฟกัส รองรับ 20FPS ! ถิอว่าเรื่องกล้องไว้ใจได้ในแง่ของสเปก และ ภาพรวมน่าจะเป็นรุ่นที่จัดเต็มที่สุดของค่ายอารยธรรมแล้ว

PRICE 

SONY XPERIA 1 MARK 3 ตัวนี้เปิดตัวในประเทศไทยด้วยราคา 42,990 บาท พร้อมกับสี ดำ , ม่วง

UNBOX 

  • ตัวเครื่อง SONY XPERIA 1 III ไม่มีฟิล์มหน้าจอมาให้
  • Adaptor ชาร์จไฟ 30W PD
  • สาย USB-C ไป USB-C
  • คู่มือการใช้งาน
  • ไม่มีหูฟัง หรือ เคส มาให้ในกล่อง ***

DESIGN

งานออกแบบนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือหนีจากรุ่นที่ 2 เท่าไรแน่นอนว่าทางค่ายเองก็พยายามรักษาเอกลักษณ์ของทางค่ายตัวเองได้ดี และส่วนตัวถือว่าดีไซน์มันลงตัวมากๆแล้วนะและการปรับมาใช้งานฝาหลังแบบกระจกด้านบอกเลยว่าน่าสนใจและดูพรีเมี่ยมมากกว่าเดิม รวมถึงการรักษาอะไรทำได้ง่ายขึ้น มาพร้อมกับกล้องหลังวางตำแหน่งเดิมแต่ใหญ่มากขึ้น ส่วนทางด้านน้ำหนัก ขนาดอะไรทำได้ดีเช่นเดิมไม่ได้หนักหรือหนาแต่อย่างใดและทรงแคบจับถือได้ง่าย

หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ อัตราส่วนแบบ 21:9 และ หน้าจอเป็นหน้าจอแบบ OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K 120Hz  Cinema Wide ระบบประมวลผลภาพ BRAVIA X1 ยังคงไม่มีติ่งหน้าจอ ถือว่ารักษาการออกแบบที่ดีไว้ได้ ขอบหน้าจอล่างทำได้บาง แต่ด้านบนนั้นยังมีพอสมควร หน้าจอแบนไม่โค้ง เป็นหน้าจอแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้า

ส่วนขอบด้านบน นั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทน และ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมซ้าย เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวที่ 2 พวกนี้ครับยังมีความหนานิดหน่อย แต่แอบรู้สึกว่าบางกว่ารุ่น 2 แต่ทั้งเรื่องของตำแหน่งกล้อง ลำโพงอะไรไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่นที่แล้วเท่าไรครับ

ขอบด้านล่างหน้าจอนั้นทำได้บางขึ้นเยอะเลยเพราะการออกแบบหน้าจอทำได้ดีขึ้น และไปหนาในส่วนข้างบนแทนที่เป็นที่อยู่ขอบพวกลำโพง กล้องหน้าต่างๆ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นก็เป็นปกติแบบ Android 11 เต็มหน้าจอทั้งหมด

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นว่าเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง พร้อมกับปุ่ม Power ที่เป็นแบบสแกนนิ้วในตัว และรองรับการใช้งานกดลงไปได้แล้วครับ ถือว่าสะดวกมากๆ และมาพร้อมกับปุ่ม ชัตเตอร์สำหรับเข้ากล้องด่วนรวมถึงการถ่ายในโหมดทั่วไปและโปรเช่นกันซึ่งจะมีปุ่มเพิ่มเข้ามา ตรงระหว่าง Power และ Shutter สำหรับสั่งงานพิเศษเช่นคำสั่งเสียงครับ ซึ่งรุ่น 2 จะไม่มีนะทำให้รองรับการใช้งานได้อิสระมากขึ้น เรียกได้ว่าปุ่มเยอะมากๆเลยทีเดียวในฝั่งขวานี้

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีรู USB-C 3.1  และไมค์สำหรับรับเสียงและตัดเสียงได้ด้วย งานออกแบบนั้นเรียกได้ว่าเหมือนกับ 2 มากๆ จนคล้ายกับรุ่นนี้เป็นการพัฒนาให้มันลงตัวขึ้นในหลายๆส่วนแต่บอดี้ยังคงเดิมนั้นเองครับ

ขอบเครื่อง มีความเหลี่ยมสันเช่นเดิมเลย จะเห็นว่าดีไซน์นั้นมีความเป็นตัวเองมากๆ แม้จะมองจากด้านข้างพร้อมกับถาดซิมแบบที่เป็นแบบเปิดได้เลยไม่ต้องใช้ที่จิ้มซิม รองรับ Hybrid Slot และมาพร้อมกับซีลกันน้ำรองรับ IP68

ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นยังคงมีตำแหน่งของรู 3.5มม. และ ไมค์ตัดเสียงที่ใส่เข้ามาให้ในด้านนี้ และจะเห็นว่าขอบเครื่องนั้นมีความเหลี่ยนสันอย่างชัดเจนในมุมมองนี้ และมีความบางมากๆหน้าจอไม่โค้ง และ ฝาหลังก็เรียบตรง

ถ้ามองผ่านๆเราแทบจะไม่รู้เลยว่าตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ ถ้าไม่เห็นกล้องขนาดใหญ่ในด้านล่างพร้อมกับ Periscope ในส่วนเลนส์ล่างสุดเพราะว่า SONY เองพยายามทำให้เรื่องของดีไซน์มีความเป็นตัวเองมากที่สุด และ แตกต่างกับค่ายอื่นๆและส่วนตัวชอบแนวทางค่ายนี้มากๆ มั่นใจและไม่ตามใครจริงๆ ทำให้เราได้ฝาหลังคล้ายเดิมแต่เปลี่ยนเป็นกระจกแบบด้าน สวยงามขึ้นทั้งผิวสัมผัสเนียนมือ ไม่มีรอยนิ้วมือ และเล่นกับแสงได้สวยงาม ตัดกับกล้องที่เป็นแบบเงาได้ดี

กล้องหลังถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากที่เป็นการพัฒนาในรุ่นนี้ยังคงพัฒนากับทีมกล้องได้ดีอย่างต่อเนื่องครับ กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด ทั้ง 3 ระยะ ในเลนส์หลักให้มาที่  12MP F1.7 พร้อมกับ OIS  และใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2  และ เลนส์ เทเล PERISCOPE ปรับระยะได้ให้มาที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom และ มาพร้อม 3D ITOF SENSOR และ ZEISS T* Coating เช่นเดิมครับ อีกทั้งยังมี โฟกัสดวงตา และ แทรคโฟกัส รองรับ 20FPS !

SPEC

  • 6.5-inch (1644x3840pixels) 4K OLED HDR Display with 21:9 aspect ratio, 120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation, Corning Gorilla Glass Victus protection
  • Octa Core Snapdragon 888 5nm Mobile Platform with Adreno 660 GPU
  • 12GB RAM, 256GB (UFS 3.1) internal memory, expandable memory up to 1TB via microSD card
  • Android 11
  • Hybrid Dual SIM (nano + nano / microSD)
  • กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12MP Exmor RS sensor, ขนาด 1/1.7″ sensor, รูรับแสง f/1.7 Hybrid OIS/EIS,
  • กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.2 aperture 1/2.″124° ultra wide-angle,
  • กล้องเทเล 12MP f/2.3 (70 mm), f/2.8 (105 mm) variable aperture 1/2.9″ telephoto lens, Up to 12.5x hybrid zoom,
  • 3D iToF sensor, ZEISS T* coating, Real-Time Eye AF (Human, Animal), Real-Time Tracking
  • กล้องหน้า ความละเอียด 8MP ขนาด 1/ 4″ Exmor RS sensor, f/2.0  1.12μm , 84° มุมกว้าง
  • รูหูฟัง 3.5 mm พร้อมระบบเสียง 360 Reality Audio, 360 Reality Audio hardware decoding, 360 Spatial Sound19, Full-Stage stereo speakers, Dolby Atmos, DSEE Ultimate, Stereo Recording, Qualcomm aptX HD audio
  • สแกนนิ้วด้านข้างเครื่อง
  • มิติตัวเครื่อง : 165.1 × 71.12 × 7.62mm; หนัก: 187.1g
  • กันน้ำ กันฝุ่น (IPX5/IPX8), Dust proof (IP6X)5
  • รองรับ 5G (sub-6GHz) / 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz / 5GHz) 2 x 2 MIMO, Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS, NFC, USB 3.1 Type-C
  • แบตเตอร์รี่ 4,500mAh รองรับการชาร์จไว 30W (USB PD) Charging, Battery Care, STAMINA Mode, รองรับการชาร์จไร้สาย Qi Wireless charging, Battery Share function
  • มาพร้อมกับสี Frosted Black and Frosted Purple  และ Frosted Silver

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จัดเต็มมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 888 ตัวล่าสุดมาพร้อมกับ RAM 12GB และ ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 641158 คะแนนครับ ส่วนเรื่องของหน่วยความจำเป็นแบบ UFS 3.0 อ่านเขียนได้ที่ 1596 MB/S และ 732 MB/s ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 ตามปกติของค่ายนี้ครับ รองรับดูหนังสูงสุดครับ NETFLIX HDR และ Geekbench  นั้นทำคะแนนไปได้ 1117 และ 2692 คะแนนครับถือว่าทำได้ดีในด้านการใช้งานจริงระบบจัดการของ SONY ทำออกมาได้ลื่นไหลและเสถียรมากๆอีกค่าย และมีการอัปเดตที่ไวอันดับต้นๆของบรรดา Android เลยทีเดียวสำหรับค่ายนี้ครับ และ หน้าจอ 4K OLED 120HZ ทำได้ประทับใจมากๆ

SYSTEM UI

ทางด้านระบบนั้นมาพร้อมกับ Android 11 ค่อนข้างเพียวมากๆตามสไตล์ SONY ครับ มีการเปลี่ยนแปลงแทรกเข้ามาแค่นั้นนิดหน่อยในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆของค่ายครับ ตัวระบบลื่นไหลเอามากๆและสเถียรอีกทั้งยังอัปเดตได้ไวอันดับต้นๆของ Android ทางด้านตัวนาฬิกาก็มาคงสไตล์เดิมและมีเลขแจ้งเตือนมุมแอป จุดแจ้งเตือนอะไรมาให้ครับตัวการควบคุมนั้นมาแบบ Android 11 ใช้งานแบบ GESTURE เต็มรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิมเลยในหน้าตาภาพรวม

ทางด้าน Quick Setting นั้นจะมาพร้อมกับโทนเข้มสีฟ้า พร้อมกับไอคอนกลมๆรวมถึงการจัดการวางปุ่มอะไรได้ และสามารถปรับแสงด้านบนได้ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นจะทำได้ดีเพราะหน้าจอยาวๆ ทำให้การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้ดีและใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นหน้าจอที่แบ่งรองรับหลายๆแอป และมีให้เลือกแอปคู่ได้เลยแบบสำเร็จครับง่ายๆเลยนั้นเอง

ตัวแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google แน่นอนว่าใช้งานได้ดีและค่อนข้างเสถียร รวมถึงพิมพ์ได้ง่ายถนัดสำหรับตัวแอดมิน ส่วนเรื่องของ RAM นั้นจะมาพร้อมกับ 12 GB ใช้งานไป 5.2 GB และความจำเครื่อง 256 GB ใช้งานได้ 236GB

Gesture การควบคุมต่างๆนั้นก็ยังมีมาให้ค่อนข้างครบทั้งเรื่องของตัว SideSense ที่แตะขอบหน้าจอเครื่อง แต่รุ่นนี้ไม่ใช่จอโค้งแอบแตะยากมากๆไม่เหมือน XZ3 ส่วนเรื่องหน้าจอ Ambient ก็ยังมีมาให้และปรับแต่งได้นิดหน่อยครับ

การปรับหน้าจอ ที่รองรับเยอะมากๆคือภาพที่สำหรับการถ่ายหนังที่หน้าจอสีตรงมากๆ และการรองรับการปรับทำให้คุณภาพวีดีโอในการดูได้ดีขึ้นด้วยนั้นเอง ถือว่าเรื่องหน้าจอเป็นอีกตัวที่ทำได้ดีมากๆครับ และคุณภาพการปรับแต่งสีนั้นละเอียดมากเกินค่ายอื่นเยอะ และ จริงๆนอกเหนือจากภาพนั้น ทางด้านฟีเจอร์สั่นตามเสียง Dynamic Vibration นั้นยังคงมีอยู่และทำงานทั้งการดูหนัง ฟังเพลงในหลายๆแอปแต่เกมยังรองรับน้อย และเอาจริงๆก็ไม่ได้ใช้งานเท่าไร

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ถ้าเทียบกับรุ่น 2 นั้นถือว่าดีขึ้นทั้งคุณภาพความลื่นไหล และ การใช้งานจริง แน่นอนว่าให้หน้าจอมาที่  6.5 นิ้ว ความละเอียด (1644x3840pixels) 4K OLED HDR Display อัตราส่วน 21:9  120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation, Corning Gorilla Glass Victus protection  จัดเต็มเลยทีเดียวครับ และยังทำ Software 240Hz สูงกว่าเดิมเยอะมากๆครับ รวมถึงทางด้านสเปกการสู้แสงที่ดีขึ้น แต่ด้วยความละเอียดหน้าจอและเป็นจอที่หายากมากๆในตลากทำให้การสู้แสงเองนั้น จะได้ประมาณ 560nits อาจจะสู้แสงในกลางแจ้งโหดๆไม่ได้ดีมากนักแต่ก็เพียงพอในการใช้งานทั่วไป ซึ่งจอน่าจะมีแค่จุดนี้ที่อาจจะไม่ได้จัดเต็มแต่ส่วนอื่นๆนั้นไม่ธรรมดา และสมผัสนั้นลื่นไหลมากกว่าเดิม ความเนียนตาเวลาดูหนังเล่นเกมที่รองรับ รวมถึงมิติภาพนั้นสวยงามสมชื่อของ SONY เลยจริงๆ

แน่นอนว่ารุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ 4K OLED  ทำให้ภาพนั้นไม่เพี้ยนเลยครับ และสีสันอะไรยังคงทำได้ดี แน่นอนว่าหน้าจอตอนเปิดตัวนั้นก็มีการยืนยัน และเปรียบเทียบกับหน้าจอทั้งหน้าจอทีวี และรวมถึง Master Monitor ที่เป็นหน้าจอสำหรับถ่ายหนังก็ยังทำสีได้ตรงกันเป๊ะเป็นอีกจุดที่ทาง SONY นั้นพัฒนาร่วมกับของดีของค่ายอีกอย่างคือหน้าจอ นอกเหนือจากการพัฒนาร่วมกับทีมกล้องถือว่าเป็นการร่วมมือที่ควรจะมีการพัฒนามานานแล้วทำให้มือถือของค่ายตัวเองนั้นมีจุดเด่นหลายๆอย่างที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้วในแบรนด์หลัก ทำให้มือถือนั้นมีคุณภาพที่ใช้งานได้ดีขึ้นเยอะมากๆ และการสู้แสงก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึงครับตัวนี้ เป็นหน้าจอที่สวยและสมจริง ดูคอนเทนต์อะไรเทพที่สุดเลย และการปรับมาเป็น 120Hz น่าจะเป็นหน้าจอมือถือที่โหดที่สุดตัวนึงในตลาดตอนนี้ทั้งคุณภาพและลื่นไหล เพราะว่ารองรับ 10Bit HDR 4K ด้วยเช่นกันครับ และในการใช้งานจริงสีสันตรง และสู้แสงก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม

หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับการรองรับ Ambient Display เหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับ สามารถปรับแต่งการออกแบบได้นิดหน่อยแต่ไม่ได้เยอะแยะมากครับ การมองเห็นในเวลากลางวันก็พอมองเห็นในที่ร่มในตัวอาคาร ภายนอกก็มองเห็นอยู่พอสมควรครับเป็นแบบขาวดำนั้นจะค่อนข้างเด่น ตัวหน้าจอสามารถตั้งได้ว่าให้ทำงานตอนช่วงกี่โมงหรือตลอดเวลาได้ และสามารถเปลี่ยนหน้าตา นาฬิกา และ สติกเกอร์ในส่วนข้างล่างของหน้าจอ อะไรได้ ซึ่งไม่ได้พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนเท่าไร ในแง่ของตัวสติกเกอร์หรือการปรับเปลี่ยนต่างๆ แต่จะใส่รูปตัวเองได้เท่านั้นนั้นเองครับในตัวนี้

SOUND 

เสียงนั้นเป็นอีกจุดที่น่าเสียดายเพราะว่าเสียงนั้นไม่ได้มีการพัฒนาอะไรขึ้นเท่าไรในเรื่องของคุณภาพเสียง กำลังขับพวกนี้ เมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นแทบจะเหมือนกันเลยนั้นเอง เมื่อฟังผ่านหูฟังครับ ส่วนฟีเจอร์เสียงก็มี Atmos เข้ามาช่วยขับได้ดีขึ้นหน่อยเปิดไว้ได้ครับเสียงดีขึ้น และรองรับ DSEE ULTIMATE ด้วยเช่นกันครับขับเสียงได้ชัดกำลังขับเด่นขึ้นกว่าตัว 2 นะ แต่ก็ไม่ได้มากขึ้นหรือเด่นอะไรมากนักเพราะว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นตัวช่วยแบบ Software ซะส่วนใหญ่นั้นเอง มากกว่าถ้าอยากเสียงดีๆต้องซื้อตัวแปลงเทพๆเข้ามาช่วยในจุดนี้ครับ และรุ่นนี้ไม่ได้มีหูฟังแถมมาให้ในกล่องแล้วนะ แต่จะแถม WF1000XM4 แทนในช่วง Pre-Order ถือว่าคุ้มเลยแหละ ส่วนเสียงเท่าที่ลองเสียบสายใช้งานเสียงในย่านสูงมาแบบกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนั้นและเบสก็มาแน่นขึ้นกว่าเดิม ทำให้เสียงในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้เทพขึ้นมากถ้าใครกำลังเล็งๆไว้ ถ้าไม่ได้มีตัวแปลงอะไรเข้ามาช่วยเสริมสำหรับรุ่นนี้นะครับ ส่วนเรื่องของการอัดเสียงนั้นมีระบบตัดเสียงลมเข้ามาเสริมให้ทำให้อัดเสียงเวลา ถ่ายวีดีโอ หรือว่าพูดคุยอะไรก็สามารถทำได้ชัดเจน

SPEAKER 

ระบบเสียงเองนั้นค่ายนี้ก็ทำได้ดีนะถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนๆ พยายามทำให้ดัง สะใจมากขึ้นแต่คู่แข่งเองก็พัฒนาตามมากันเรื่อยๆและหนีไม่พ้น Samsung ที่เรื่องของลำโพง และ กันน้ำเค้าก็ทำได้ดีเลยแหละทำให้มาเทียบกันแบบนี้ SONY นั้นดีขึ้น ดังขึ้น และโดดเด่นเรื่องของตำแหน่งการวางลำโพงไว้ขอบบนหน้าจอ อันนี้บอกเลยว่าดีและได้เปรียบ แต่ถ้ามองความดัง ความกังวาน ความแน่น Samsung นั้นเด่นและดังกว่าแบบรู้สึกได้เลยนั้นเองครับในส่วนนี้

GPS

ในการทดสอบ GPS นั้นค่ายนี้ถือว่าทำได้ดีมาตลอดครับในรุ่นหลังๆคือการใช้งานนำทางในภาพจริงๆทั้งต่างจังหวัดและกทม ในช่วงนี้ที่สภาพอากาศค่อนข้างฝนตกพายุตลอดเวลาแต่นำทางนั้นทำได้ดีมากๆ คือแม่นและอัปเดตไวรวมถึงไม่เจอรวนอะไรเลย ตัวเครื่องรับได้ดีจริงๆและจากการทดสอบแอปนั้นจับได้ 25 และ เจอทั้งหมด 51 ในสภาพกลางแจ้งปกติ และ ในที่ร่มนั้นเจอ 50 จับได้ทั้งหมด 12 ที่ใช้งานอยู่ครับถือว่าโอเคในเรื่องของการนำทาง เรียกได้ว่าทางค่ายนี้ในเรือธงไม่เคยเจอปัญหาในเรื่องของการใช้งานหรือการจับตำแหน่งเลยแม้แต่น้อยครับสำหรับรุ่นนี้

BATTERY 

การใช้งานแบตเตอรี่รุ่นนี้เพิ่มมากกว่ารุ่น 2 และ กำลังไฟก็มากกว่าเดิม ทำให้ตัวแบตเองนั้นอยู่ที่ 4,500 mAh  และรองรับการชาร์จไฟเข้าสูงสุด PD 30W รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สาย และ PowerShare สำหรับการชาร์จไร้สายย้อนกลับทำให้เรา เปลี่ยน SONY เป็นแท่นชาร์จไร้สายได้ทันทีครับชาร์จไฟให้หูฟัง มือถือตัวอื่นที่รองรับไร้สายได้ทันที ส่วนตัวแบตเองนั้นให้มาเพิ่มมากกว่าเดิมถือว่าดี เพียงพอทั้งวันแบบกำลังดี ไม่ได้อึดเท่าไรนักครับ  ที่ได้ลองใช้งานจริงจังทั้งวันนั้นแบตอยู่ได้ทั้งหมด 9 ชั่วโมง จอเปิด 3-4 ชั่วโมงครับ ใช้งานนำทางหน้าจอเปิดตลอดเป็นหลัก และถ่ายรูปพวกนี้ก็พอได้เกือบทั้งวันครับ ตัวเครื่องใช้งาน กลับมาช่วงเย็นเหลือ 11% และมีโหมด ประหยัด Stamina สามารถยืดอายุได้ในยามฉุกเฉินครับ แบตตัวนี้ดีกว่าที่คิดไว้ถ้ามองจำนวนแบตและหน้าจอ แต่รวมๆนั้นไม่ได้อึดอะไรมากครับ ถ้าหากมองเทียบกับรุ่น 1/2 แรกนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักเพราะหน้าจอค่อนข้างกินแบตเลย

CAMERA

กล้องหลังถือว่าเป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงเยอะขึ้นจากรุ่นก่อนเน้นไปในแง่ของระยะการซูมต่างๆและพัฒนา Software ให้ดีขึ้น  ซึ่งสเปกอาจจะไม่หนีกันมากในแง่ของ 12MP เท่าเดิม แต่การซูมตัวเลนส์ PERISCOPE ใส่เข้ามาเพิ่มทำให้ระยะเทเลมากขึ้น และเป็นเลนส์ที่ปรับระยะได้ใช้ตัวเดียว แต่สามารถทำระยะ 2.9X และ 4.4X ซึ่งถ้าเทียบระยะเลนส์จะเป็น 16mm กว้างที่สุด และเป็น 24mm เลนส์หลัก ส่วนเทเลนั้นจะเป็น 75mm และ 105mm ซึ่งเป็นระยะที่ใช้งานได้ดีมากๆระยะนึงถ้าใครที่เคยใช้งานกล้องใหญ่มาก่อน ส่วนทางสเปกเองนั้น กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด ทั้ง 3 ระยะ ในเลนส์หลักให้มาที่  12MP F1.7 พร้อมกับ OIS  และใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2  และ เลนส์ เทเล PERISCOPE ปรับระยะได้ให้มาที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom และ มาพร้อม 3D ITOF SENSOR และ ZEISS T* Coating  และเด่นๆรุ่นนี้ Eye AF ทำงานได้โหดมากขึ้นจับได้ดีกว่าเดิม ทะลุแว่นได้เลยและสามารถถ่ายและจับไปได้รัวๆถึง 20FPS เลยทีเดียวในรุ่นนี้ ซึ่งเป็นจุดที่ทำได้จริงและใช้งานจริงได้ในหลายๆสถานการณ์

ส่วนในการใช้งานจริง ถ่ายภาพในตัว XPERIA 1 III เท่าที่ทดสอบในการใช้งานจริง คุณภาพดีขึ้นในหลายๆระยะ แต่โทนภาพหรือว่าตัว Software เองยังทำได้กลางๆในแง่ของการถ่ายสวยจบหรือว่าการเฉลี่ยแสงหลายๆภาพนั้นไม่ดีเท่าไร รวมถึงเรื่องของความร้อนขณะถ่ายนั้นเจอแจ้งเตือนได้บ้างบางครั้งในการถ่าย 5-10 นาทีแบบยาวๆซึ่งร้อนไว แต่จุดเด่นนั้นจะเป็นเรื่องหน้าตาการใช้งานที่ละเอียดที่สุดในบรรดามือถือทั้งหมด รวมถึง ไฟล์ภาพที่ดีมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งหลายๆโปรแกรมตัวนี้ถ่าย RAW และสามารถมาดึงสี แสงต่างๆได้ดีมากตัวนึงเพราะว่าไฟล์มีความดิบและไม่โดนปรุงแต่งมาเยอะ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายสวยง่ายๆจบ แต่เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปจริงจังมากๆ

สำหรับโหมดโปรนั้นปรับได้เยอะมากๆในเรื่องของการถ่ายภาพเป็นหน้าตาแบบใหม่ทั้งหมดที่พัฒนามาร่วมกันทีมงานกล้องใหญ่เลยครับ เป็นหน้าตาที่เราคุ้นเคยกันดีเลยแหละ และรองรับ EYE AF ทั้งคนและสัตว์เช่นเดิม เหล่าสาวกทาสแมวชอบแน่นอนครับรวมถึงการปรับแต่งต่างๆนั้นใช้งานได้ง่ายและอิสระมากขึ้นเยอะ ปรับได้ละเอียดมากตามภาพด้านบน แต่ข้อเสียอาจจะเป็นในการใช้งานโหมดนี้ต้องใช้ปุ่มชัตเตอร์เท่านั้น อาจจะกดลำบากมากๆในหลายๆครั้งครับและถ่ายแนวตั้งไม่ได้นั้นเองจะเน้นเป็นแนวนอนเท่านั้น แต่ข้อดีสามารถถ่ายรัวและล็อกดวงตาได้แบบรัวๆเลยเช่นกัน

EYE AF

ทดสอบถ่าย EYE AF แบบต่อเนื่อง โฟกัสดวงตา และ แทรคโฟกัส รองรับ 20FPS โฟกัสเข้าทุกภาพครับ ซึ่งในภาพทดสอบกับทั้งคน ที่ใส่แว่นก็สามารถแทรคได้ยาวๆ รวมถึง สัตว์เช่นแมวต่างๆก็ทำได้สบายๆเลย 

PORTRAIT 

การถ่ายละลายหลังสามารถถ่ายได้หลากหลายระยะซึ่งส่วนตัวจะชอบใช้งานระยะ 2.9X และผลที่ได้ออกมานั้นถือว่าสวย ซึ่งทางค่ายนี้เองจะสวยแบบสมจริงและธรรมชาติมากๆ และไฟล์สามารถเอาไปแต่งต่อได้ง่าย การเบลอสามารถปรับได้ก่อนถ่ายว่าจะเบลอมากน้อยแค่ไหน การเก็บขอบภาพทำได้ดีสวยและเนียนกว่ารุ่นก่อนๆระยะภาพสวยเช่นกัน สกินโทนดีลงตัวแต่มันจะมีความแตกต่างระหว่างเลนส์ได้ง่ายทั้งโทนสีและภาพรวม ซึ่งส่วนตัวถ้าเน้นลูกเล่นละลายหลังเบลอเยอะๆ โบเก้วงกลม โบเก้วน รุ่นนี้จะไม่ใช่แนวนั้น แต่จะเน้นคล้ายกับการเบลอพื้นฐานทั่วไปนั้นเองครับ ไม่มีลูกเล่น หรือ หน้าเนียนอะไรมากแต่จะเน้นดิบๆเรียลๆซะมากกว่าซึงถ้ารับได้ตัวนี้ทำออกมาได้ดีมากๆตัวนึงเลยทีเดียว

RAW FILE DNG

SONY เจาะกลุ่มที่แตกต่างกับค่ายอื่นๆเน้นไปในทางคนที่รักการถ่ายภาพที่เน้นไฟล์เอามาทำงานมาแต่งแน่นอนว่าจะคล้ายๆกับยุค Nokia 9 ก่อนหน้านี้ที่ไฟล์จะดิบมากๆซึ่งค่าย SONY เองก็น่าจะเป็นไม่กี่ตัวในตลาดที่ไฟล์ออกมาประมาณนี้ที่ขายในไทยอย่างเป็นทางการก็อาจจะเป็นกลุ่มนึงที่ชอบการถ่ายแล้วมาแต่งต่อทีหลังผ่านโปรแกรมมากกว่าจบหลังกล้องแบบตัวอื่นๆ ทางผมเลยขอมาลองดึงไฟล์ภาพบางส่วนว่ามันจะไปได้ประมาณไหนในรุ่นนี้มาฝากกันเล็กน้อย ซึ่งเท่าที่ลองขนาดไฟล์ประมาณ 23 MB จัดการได้ดีดึงท้องฟ้าต่างๆได้แม่นยำและโทนสีตรงพอสมควรครับ แต่ถ้าเลนส์เทเล ความคมชัดอาจจะไม่โหดมากเพราะการซูมและเซนเซอร์ที่อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าเลนส์หลัก แต่แน่นอนว่าดีกว่ารุ่น 2 ชัดเจนในระยะซูมครับ แต่เลนส์หลักก็พัฒนาขึ้นแต่อาจจะไม่ได้เห็นความต่างชัดเท่าระยะไกล

SELFIE

กล้องหน้าทางค่ายนี้ก็ยังคงไม่ได้เด่นหรือเน้นมากนักซึ่งตัวนี้กล้องหน้าเป็นตัวเดียวกับรุ่นก่อนหน้าที่เราทดสอบกันไปรุ่นที่แล้วก็ค่อนข้างธรรมดา และยิ่งสำหรับสาวๆอาจจะไม่ถูกใจเท่าไรทั้งเรื่องของ โทนสีของ สกินโทนที่แปลกๆในแสงน้อย หรือ ย้อนแสง แต่ถ้าแสงมากพอก็ถือว่าพอใช้งานได้ครับ อีกทั้งการจัดการแสงต่างๆโหมดต่างๆนั้นทำได้กลางๆและไม่ได้มีลูกเล่นอะไรเยอะแยะครับ รวมถึงการจัดการละลายหลังก็แอบแปลกๆอยู่ และการถ่ายแสงน้อยนั้นทำได้ไม่ดีเท่าไรและสั่นไหวได้ง่ายครับถ้าพูดกันตรงๆเลยสำหรับตัวนี้ ซึ่งสเปกนั้นให้มาที่ กล้องหน้า 8MP (f/2.0) ที่ใช้เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/ 4, ขนาดพิกเซล 1.12μm, และถ่ายภาพมุมกว้างได้ 84° ซึ่งเป็นตัวเดียวกับรุ่น 1 ก่อนหน้าและไม่ได้พัฒนาขึ้นมากเท่าไรแอบน่าเสียดาย และสำหรับใครสายเซลฟี่นั้นน่าจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไรทั้งงานภาพนิ่งและวีดีโอในรุ่นนี้ครับ ซึ่งรองรับแค่ FHD 30FPS เท่านั้น

CAMERA PRO

ทางด้านโหมดวีดีโอเทพนั้นใส่เข้ามาให้สำหรับสายอาชีพได้เลยทั้งเรื่องของการถ่ายไฟล์แบบดิบสีเดิมๆที่เราจะเน้นไปทำสีต่อแบบที่หลายๆคนในสายถ่ายวีดีโอนั้นใช้งานกัน รวมถึงสามารถปรับ ชัตเตอร์ FPS อะไรได้ทั้งหมดแบบในการถ่ายหนังจริงๆรวมถึง ทั้งค่าได้ทั้งหมดว่าจะเป็นโทนสีแบบไหนก่อนถ่าย อีกทั้งยังมีการบอก ไมค์ ระดับเสียงรวมถึง แบต และ Codec ด้วย อีกทั้งจุดที่ชอบมากๆคือในการปรับโฟกัสแบบ ไล่ระยะอัตโนมัติ โดยในภาพที่ 2 นั้นเราจะเห็นว่ามีการเซ็ตจุด A-B ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจุดไหนเราจะเอาชัดตรงไหนครับ และกด มันจะทำการไล่โฟกัสจาก จุด A ไปยัง B แบบเนียนๆเหมือนกันมืออาชีพ บอกเลยว่าอันนี้ถือว่าน่าสนใจและใช้งานได้เนียนตามากๆ

สำหรับงานวีดีโอสามารถถ่าย 4K 60FPS ได้ในแอป Cinema Pro ของค่ายนั้นเองซึ่งจะค่อนข้างมืออาชีพทั้งหน้าตาและคุณภาพที่ใช้งาน คนทั่วไปอาจจะลำบากเล็กน้อย ส่วนเรื่องของการถ่ายทั่วไปในแอปปกตินั้นก็ทำได้ดี ส่วนตัวยกให้เรื่องของเสียงไมค์ แน่น มิติดีมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ครับ แต่เรื่องกันสั่น หรือว่า การใช้งานการจัดการแสงอาจจะไม่ค่อยสวยจบเท่าไร ในแง่ของการเฉลี่ยแสงต่างๆ หรือความสดสวย รวมถึงจุดที่ให้บ่นคือ การเปลี่ยนเลนส์ตอนถ่ายต้องกดหยุดแล้วอัดใหม่ทั้ง 4 ระยะ ทำให้ไม่ต้องเนื่องอย่างมากในการใช้งานทำงานจริงๆครับ แต่คุณภาพนั้นดีขึ้น ระยะซูมดีกว่าเดิม แต่เรื่องร้อนยังคงมีอยู่ถ่าถ่าย 5 นาที-15นาทีกลางแจ้งก็เจอได้เช่นกันครับ

SONY XPERIA 1 MARK 3

” คุณภาพแน่น จอเทพ สำหรับสาวก คนชอบถ่ายภาพที่เน้นไฟล์ คุณภาพยืดหยุ่น “

SONY เองก็ยังคงลุยตลาดกันแบบต่อเนื่องในมือถือของตัวเองและพัฒนามาเยอะมากๆถ้ามองตั้งแต่รุ่นแรกๆหรือแม้แต่พัฒนาจากรุ่นที่หลายๆคนหรือแฟนๆอาจจะไม่ชอบ จนมาถึงจุดที่ลงตัวทั้งเรื่องของสเปกและดีไซน์ ต้องบอกว่าส่วนตัวเองชอบตระกูล 1 มากๆดีไซน์การจับถือและสเปกรู้สึกเลยว่ามาถูกทางและทำได้ดีมาก รวมถึงการร่วมมือพัฒนากล้องหลักกับทางทีม Alpha รู้เลยว่าค่ายนี้เอาจริง ซึ่งในตัวนี้ภาพรวมต้องบอกว่ามันพัฒนาจากรุ่น 2 มาแก้จุดอ่อนมาทั้งหมด แต่ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามันเป็นการเปลี่ยนรุ่นชัดๆเท่าไรเหมือนแค่ ปรับปรุงของตัวเองให้เทพขึ้น ซึ่งถ้าคนใช้รุ่น 2 อยู่แล้วอาจจะไม่ได้เน้นหรือจำเป็นต้องขยับ แต่ถ้ารุ่นอื่นๆแน่นอนว่าตัวนี้มันลงตัวที่สุดของค่ายเท่าที่เคยทำมาเลยทีเดียว ทั้งเรื่องของหน้าจอ กล้องหลัง ระยะการซูมต่างๆ รวมถึงวัสดุ ลำโพง และ Software ทั้งหลาย เรียกได้ว่า สมกับราคา ซึ่งหน้าจอก็ถือว่าเทพที่สุดแล้วในบรรดามือถือด้วยกัน แต่มันก็มักจะมีบางจุดที่แอบแปลกๆทั้งเรื่องกล้องหน้า ที่ไม่เปลี่ยนอะไรจากรุ่นก่อนหน้า หรือว่าความร้อนในการใช้งาน ระบบกล้องบางอย่างที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ซึ่งถ้ารับพวกนี้ได้ รุ่นนี้ถือว่าทำได้ประทับใจและเป็นมือถือสำหรับสาวกหรือคนที่ชอบค่ายนี้ได้ดีมากๆตัวนึง

ข้อดี

  • หน้าจอ 4K HDR OLED 120Hz ทำได้สวย และ คุณภาพดี ลื่นไหล
  • อัตราส่วน 21:9  ยังคงทำได้ดีและจับถนัด และตัวเครื่องบางเบา
  • งานประกอบแน่น วัสดุพรีเมี่ยม
  • ลำโพงคู่หน้า ตำแหน่งเสียงดี มิติเสียงเด่น
  • เลนส์กล้องร่วมพัฒนากับทาง ZEISS
  • Eye Tracking เทพขึ้น รัวภาพได้มากขึ้น
  • โหมด PRO ทั้งภาพนิ่ง และ วีดีโอ คือจุดที่หาจากค่ายอื่นไม่ได้
  • ตัวกล้องหลัง คุณภาพโดยรวมนั้นดีขึ้น ระยะใช้งานได้หลากหลายขึ้น
  • ระบบไมค์อัดเสียงในการถ่ายวีดีโอ คุณภาพสูงเสียงแน่นชัด มิติดี
  • ไฟล์กล้อง วีดีโอ สามารถเอาไปแต่ง ดึงสีได้ง่าย คุณภาพไฟล์ดีมาก
  • ประสิทธิภาพตัวเครื่อง เล่นเกม ใช้งานได้ไหลลื่น
  • ยังคงมีรู 3.5 มม. มาให้

ข้อสังเกต

  • ซอฟต์แวร์กล้องนั้นยังคงไม่เด่นในการถ่ายทั่วไป
  • ถ้าจะเปลี่ยนเลนส์ทุกระยะ การถ่ายวีดีโอ  ต้องหยุดแล้วกดอัดใหม่ / ภาพนิ่งไม่สามารถซูมต่อเนื่องได้เช่นกัน
  • กล้องหน้าตัวเดียวกับ MARK 2 ไม่เด่นเท่าไร
  • งานวีดีโอ ยังไม่มีละลายหลัง หรือ กันสั่นพิเศษมาให้
  • หน้าจออาจจะไม่สู้แสงนักในกลางแจ้ง
  • เครื่องร้อนได้ไว ถ้าถ่ายรูป หรือ เล่นเกม

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares