SONY เปิดตัว SONY XPERIA 1 IV สานต่อเรือธงตัวเทพในตระกูล XPERIA 1 แน่นอนว่าในรุ่นก่อนๆก็ถือว่าทำได้ดีในหลายๆเรื่อง แต่ก็มีบางจุดที่อาจจะยังไม่ได้ลงตัว ซึ่งพอมาเป็นรุ่น IV หรือ 4 แล้วนั้นในหลายๆส่วนทำได้ลงตัวขึ้นทันที หน้าจอดีขึ้น และ กล้องหลังดีขึ้น เหมือนทางค่ายเองก็รู้ตัวและพยายามปรับตัวพอสมควรครับ โดยเฉพาะกล้องหน้าที่รุ่นนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว หลังจากที่ใช้งานเลนส์กล้องตัวเดิมมาหลากหลายปี และ เรียกได้ว่าดีขึ้นหลายเท่าตัวครับเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และ งานประกอบ วัสดุ และ สเปกอาจจะต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่จัดเต็มมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ แม้จะมีตัว PRO-I ที่ราคาสูงกว่ามาแต่ถ้ามองเทียบกับเรือธงด้วยกันถือว่าไม่ธรรมดาเลยแหละ และทางเราก็มีไฟล์ RAW DNG มาให้โหลดใช้งานกันเผื่อใครอยากลองดูไฟล์เต็มๆ และ ไฟล์ภาพอื่นๆทั่วไปครับ

XPERIA 1 IV จะมาพร้อมหน้าจอ OLED CinemaWide ขนาด 6.5 นิ้วที่มีความละเอียด 4K, รีเฟรชเรท 120Hz, ความถี่การตอบสนอง 240Hz เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา แต่ได้ความสว่างที่มากกว่าเดิม ส่วนภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 มาพร้อม RAM 12GB + หน่วยความจำ 512GB รวมทั้งรองรับเครือข่าย 5G sub-6GHz พร้อม mmWaveในรุ่นที่วางขายในหลายประเทศ Xperia I IV ก็ถูกอัปเกรดให้มาพร้อม true periscope ระบบซูมแบบ optical ด้วยเลนส์ที่ปรับขนาดได้ระหว่าง 85-125mm ที่ซูมได้ 3.5-5.0x ส่วนกล้องอีกสองตัวที่เหลือคือกล้องตัวหลัก 12MP + กล้อง ultra-wide 12MP และเซนเซอร์ ToF แบบเดียวกับในรุ่นที่ผ่านมาพร้อมลำโพง Full-Stage stereo ที่มีระบบ 360 Reality Audio ของ Sony เองและรองรับ Dolby Atmos นอกจากนั้นภายนอกตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังใช้กระจก Gorilla Glass Victus ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย Qi wireless charging ถือว่าสเปกภาพรวมเองนั้นเปลี่ยนแปลงหน้าจอดีขึ้น ไมค์ ดีขึ้น และ กล้องหลังระยะเทเลดีขึ้น แต่ส่วนอื่นๆยังคงมีความคล้ายกับรุ่นก่อนๆอยู่

  • SONY XPERIA 1 IV ในประเทศไทยเปิดที่ราคา 48,990 บาท 

UNBOX

ตัวกล่องเองนั้นถือว่าเป็นกล่องที่บางมากๆถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกของทางค่ายที่ไม่มีอุปกรณ์ในตัวกล่องมาให้ นอกเหนือจากเครื่อง และคู่มือแบบเร่งด่วนสั้นๆบางๆเท่านั้นครับ ไม่มีสายชาร์จ และ หัวชาร์จอะไรมาให้อีกต่อไป และเป็นค่ายแรกที่ทำแบบนี้ในตลาดมือถือทั่วไปถือว่าน่าสนใจว่าในอนาคตจะมีตัวไหนทำแบบนี้กันบ้างครับ และ อาจจะมองว่าเป็นการช่วยรักษ์โลก ลดทรัพยากรไปได้อีกบางส่วนนั้นเอง

  • ตัวเครื่อง SONY XPERIA 1 IV
  • คู่มือการใช้งานแบบสั้น และ ใบรับประกัน

DESIGN

ส่วนตัวถือว่าดีไซน์มันลงตัวมากๆแล้วนะและใช้งานฝาหลังแบบกระจกด้านบอกเลยว่าน่าสนใจและดูพรีเมียมมากกว่าเดิม รวมถึงการรักษาอะไรทำได้ง่ายขึ้น มาพร้อมกับกล้องหลังวางตำแหน่งเดิมแต่ใหญ่มากขึ้นส่วนน้ำหนัก ขนาดตัวเครื่อง การจับถือเองนั้นทำได้ดีเพราะว่าตัวเครื่องมาในแนวแคบสูงทำให้เราสามารถถือมือเดียวได้แบบสบายๆเลยแหละ และ งานประกอบที่แน่นพรีเมียม และ ขอชื่นชมว่าเป็นจุดที่ทาง SONY ทำได้ดีเสมอมาในเรือธงตัวนี้

และแน่นอนว่าในส่วนหน้าจอยังคงไม่มีติ่งหน้าจอ ถือว่ารักษาการออกแบบที่ดีไว้ได้ ขอบหน้าจอล่างทำได้บาง แต่ด้านบนนั้นยังมีพอสมควร และ เป็นตัวเองได้ดีไม่ต้องตามใคร และมาพร้อมกับหน้าจอ OLED CinemaWide ขนาด 6.5 นิ้วที่มีความละเอียด 4K, รีเฟรชเรท 120Hz, ความถี่การตอบสนอง 240Hz

หน้าจอแบนไม่โค้ง เป็นหน้าจอแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าซึ่งตอบสนองได้ดีอยู่แล้วในการใช้งานและความคงทน รวมถึงการสู้แสงที่ดีขึ้น และ การควบคุมแบบไม่มีปุ่มเหมือนเดิมครับ  แน่นอนว่าลำโพงคู่ค่ายนี้ยังคงทำได้น่าสนใจ

ส่วนขอบด้านบน นั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทน และ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมขวา เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวบน ให้มาเช่นเดิมเลย และ กล้องหน้าตัวใหม่แล้ว !!! มุมกว้าง 84 องศา 12MP (f/2.0) ที่ใช้เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.9 นิ้ว, ถ่ายวิดิโอได้ 4K

ทางด้านขอบด้านซ้ายนี่มาแบบเรียบสุดๆ ไม่มีปุ่มอะไรมาให้เลย เห็นกรอบเนียนสวยเป็นวัสดุอลูแข็งแรงแน่นๆ

ด้านล่างเครื่อง มาเรียบๆ มีเพียงถาดซิมตามสไตล์ SONY ที่ไม่ต้องใช้เข็มจิ้มซิมแงะออกมาได้เลย และช่องเสียบพอร์ต USB Type-C และไมค์สำหรับรับเสียงและตัดเสียงได้ด้วย ดูสมมาตรทั้งบนและล่างออกแบบได้ดีมาก

ด้านขวาของตัวเครื่องนั้นเป็นศูนย์รวมของปุ่มต่างๆ ปุ่มเพิ่ม-ลด เสียง / ปุ่มพาวเวอร์ (เป็นสแกนลายนิ้วมือในตัว) /และปุ่มชัตเตอร์ เอกลักษณ์ของ SONY มีการทำพื้นผิวดูดีคล้ายกับกล้องใหญ่ และ ใช้งานถนัดมากๆในแนวนอน

ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นยังคงมีตำแหน่งของรู 3.5มม. และ ไมค์ตัดเสียงที่ใส่เข้ามาให้ในด้านนี้เป็นเรือธงไม่กี่ค่ายที่ใส่รู 3.5 มม. เข้ามาให้และใช้งานได้ดี แม้หลายๆคนอาจจะใช้ไร้สายกันแล้วแต่ค่ายนี้ก็ยังคงเอาใจสายดั้งเดิมได้ดี

สำหรับฝาหลังดูด้วยตาเปล่าแล้วให้ความรู้สึกเหมือนผิวด้านวัสดุฝาหลังเป็นกระจกทำสีแบบด้านๆไม่มีรอยนิ้วมือ สัมผัสลื่นไหลแต่ไม่หลุดมือ ดูดีพรีเมียมสุดๆ และ รองรับการชาร์จไร้สาย และ มี  NFC อะไรให้ครบๆพร้อมกับทรงแนวยาวเช่นเดิม ฝาหลังเรียบๆไม่มีมความนูนเว้าอะไรครับ และโลโก้ SONY สีดำเรียบๆเป็นโทนสีเดียวกับ สินค้าสีดำอื่นๆของค่ายด้วยนะ ทั้งกล้อง มือถือ หูฟังคือออกแบบโทนสีได้ดีจริงๆ เรื่องงานออกแบบค่ายนี้ยอมรับเลยครับ

ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องหลังเรียงตัวยาวดีไซน์เอกลักษณ์ และ แตกต่างกับรุ่น PRO-I พอสมควรเลยแหละ และยังคงให้ความรู้สึกเรียบหรู สวยงาม กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/1.7 นิ้ว, Hybrid OIS/EIS กล้อง ultra wide 16 mm กว้าง 124 องศา 12MP (f/2.2) เซนเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว กล้อง telephoto ขนาด 12MP (f/2.3) (85 mm FoV 28°), (f/2.8) (125 mm FoV 20°) ขนาดเซนเซอร์ 1/3.5 นิ้ว, ซูมแบบ optical ได้ 3.5-5x, เซนเซอร์ 3D iToF, เคลือบ ZEISS T*, ระบบติดตามดวงตา Real-Time Eye AF (ทั้งมนุษย์และสัตว์), Real-Time Tracking, ถ่ายวิดีโอ 4K ถือว่ากล้องดูสเปกดีขึ้นในระยะเทเล

SPEC

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว (1644×3840พิกเซล) 4K HDR อัตราส่วน 21:9, รีเฟรชเรท 120Hz, ลด Motion blur 240Hz, ความถี่การตอบสนอง 240Hz, โหมด Creator “powered by CineAlta”, DCI-P3 100%, ITU-R BT.2020 (REC.2020), Illuminant D65 White point, การแปรเปลี่ยนสี 10 bit, ชิป X1 สำหรับมือถือ, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 4nm ใช้การ์ดจอ Adreno next-gen
  • RAM LPDDR5 12GB, หน่วยความจำ (UFS 3.1) 512GB, ใส่ microSD card ได้สูงสุด 1TB
  • Android 12
  • ซิมคู่แบบ Hybrid (nano + nano / microSD)
  • กล้องหลัง
    • กล้องตัวหลัก 12MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/1.7 นิ้ว, Hybrid OIS/EIS
    • กล้อง ultra wide 16 mm กว้าง 124 องศา 12MP (f/2.2) เซนเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว
    • กล้อง telephoto ขนาด 12MP (f/2.3) (85 mm FoV 28°), (f/2.8) (125 mm FoV 20°) ขนาดเซนเซอร์ 1/3.5 นิ้ว, ซูมแบบ optical ได้ 3.5-5x,
    • เซนเซอร์ 3D iToF, เคลือบ ZEISS T*, ระบบติดตามดวงตา Real-Time Eye AF (ทั้งมนุษย์และสัตว์), Real-Time Tracking, ถ่ายวิดีโอ 4K
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 84 องศา 12MP (f/2.0) ที่ใช้เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.9 นิ้ว, ถ่ายวิดีโอได้ 4K
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm, 360 Reality Audio, ฮาร์ดแวร์ 360 Reality Audio, 360 Spatial Sound19, ลำโพง Full-Stage stereo, Dolby Atmos, DSEE Ultimate, Stereo Recording, Qualcomm aptX HD
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
  • ขนาดตัวเครื่อง: 165.1 × 71.12 × 7.62มม.; น้ำหนัก: 187.1 กรัม
  • ตัวเครื่องกันน้ำ (IPX5/IPX8), ตัวเครื่องกันฝุ่น (IP6X)
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub-6GHz / mmWave) / 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ax (2.4GHz / 5GHz) 2 x 2 MIMO, Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS, NFC
  • USB 3.1 Type-C
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 30W (USB PD), ระบบ Xperia Adaptive Charging, Battery Care, STAMINA Mode, รองรับ Qi Wireless charging, Battery Share function

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จัดเต็มมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 8 Gen 1 ตัวล่าสุดมาพร้อมกับ RAM 12GB และ ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 685727 คะแนนครับ ส่วนเรื่องของหน่วยความจำเป็นแบบ UFS 3.1 อ่านเขียนได้ที่ 1825 MB/S และ 1095 MB/s ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 ตามปกติของค่ายนี้ครับ รองรับดูหนังสูงสุดครับ NETFLIX HDR และ Geekbench นั้นทำคะแนนไปได้ 1148 และ 3240 คะแนนครับ ถือว่าทำได้ดีในด้านการใช้งานจริงระบบจัดการของ SONY ทำออกมาได้ลื่นไหลและเสถียรมากๆอีกค่าย และมีการอัปเดตที่ไวอันดับต้นๆของบรรดา Android เลยทีเดียวสำหรับค่ายนี้ครับ และ หน้าจอ 4K OLED 120HZ ทำได้ประทับใจมากๆ

SYSTEM UI

ทางด้านระบบนั้นมาพร้อมกับ Android 12 ค่อนข้างเพียวมากๆตามสไตล์ SONY ครับ มีการเปลี่ยนแปลงแทรกเข้ามาแค่นั้นนิดหน่อยในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆของค่ายครับ ตัวระบบลื่นไหลเอามากๆและสเถียรอีกทั้งยังอัปเดตได้ไวอันดับต้นๆของ Android ทางด้านตัวนาฬิกาก็มาคงสไตล์เดิมและมีเลขแจ้งเตือนมุมแอป จุดแจ้งเตือนอะไรมาให้ครับตัวการควบคุมนั้นมาแบบ Android 12 ใช้งานแบบ GESTURE เต็มรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิมเลยในหน้าตาภาพรวม

ซึ่งเมื่อใช้งาน ANDROID 12 ทำให้เราได้หน้าตาแบบใหม่สวยขึ้นใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพวก Quick Setting ต่างๆ ไอคอนแบบใหม่สะดวกมากๆส่วนตัวชอบมาก และ ฟีเจอร์เดิมๆทั้ง Side Sense ยังคงมีมาให้ครบ

ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นจะทำได้ดีเพราะหน้าจอยาวๆ ทำให้การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้ดีและใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นหน้าจอที่แบ่งรองรับหลายๆแอป และมีให้เลือกแอปคู่ได้เลยแบบสำเร็จครับ ง่ายๆเลยนั้นเอง และ รองรับ Pop Up ได้แล้วแยกหน้าแอปให้ลอยๆได้แล้วทำให้สะดวกมากขึ้นในหน้าจอแบบยาวแบบนี้ครับ ถือว่าเป็นใช้งานจอยาวได้ดีขึ้นนะ

SCREEN 

หน้าจอนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงในแง่สเปก เพราะจริงๆแล้วมันสุดๆเท่าที่มือถือจะทำได้ละครับ แต่เพิ่มแสงสว่างให้ดีขึ้นสู้แสงได้ดีกว่าเดิม มาพร้อมกับ หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว (1644×3840พิกเซล) 4K HDR อัตราส่วน 21:9, รีเฟรชเรท 120Hz, ลด Motion blur 240Hz, ความถี่การตอบสนอง 240Hz, โหมด Creator “powered by CineAlta”, DCI-P3 100%, ITU-R BT.2020 (REC.2020), Illuminant D65 White point, การแปรเปลี่ยนสี 10 bit, ชิบ X1 สำหรับมือถือ, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus จัดเต็มเลยทีเดียวครับ และ สู้แสงในกลางแจ้งดีกว่าเดิมชัดเจนอันนี้รู้สึกได้เลยครับ และ จุดที่ยังทำได้ดีคือการสัมผัสนั้นลื่นไหลมากกว่าเดิม ความเนียนตาเวลาดูหนังเล่นเกมที่รองรับ รวมถึงมิติภาพนั้นสวยงามสมชื่อของ SONY เลยจริงๆอันนี้ชอชื่นชมเลย

แน่นอนว่ารุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ 4K OLED  ทำให้ภาพนั้นไม่เพี้ยนเลยครับ และความสว่างจากของเดิม 560nits แต่รุ่นนี้ปรับให้ดีขึ้นเป็น 1000nits กันเลยทีเดียว และสีสันอะไรยังคงทำได้ดี แน่นอนว่าหน้าจอตอนเปิดตัวนั้นก็มีการยืนยัน และเปรียบเทียบกับหน้าจอทั้งหน้าจอทีวี และรวมถึง Master Monitor ที่เป็นหน้าจอสำหรับถ่ายหนังก็ยังทำสีได้ตรงกันเป๊ะเป็นอีกจุดที่ทาง SONY นั้นพัฒนาร่วมกับของดีของค่ายอีกอย่างคือหน้าจอ นอกเหนือจากการพัฒนาร่วมกับทีมกล้องถือว่าเป็นการร่วมมือที่ควรจะมีการพัฒนามานานแล้ว ทำให้มือถือของค่ายตัวเองนั้นมีจุดเด่นหลายๆอย่างที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้วในแบรนด์หลัก ทำให้มือถือนั้นมีคุณภาพที่ใช้งานได้ดีขึ้นเยอะมากๆเป็นหน้าจอที่สวยและสมจริง ดูคอนเทนต์อะไรเทพที่สุดเลยและมี 10Bit HDR  และ การที่ความสว่างสูงขึ้นใช้งานจริงๆดีขึ้นมาก

SPEAKER / SOUND 

ระบบเสียงเองนั้นค่ายนี้ก็ทำได้ดีนะถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนๆ พยายามทำให้ดัง SONY นั้นดีขึ้น ดังขึ้น และโดดเด่นเรื่องของตำแหน่งการวางลำโพงไว้ขอบบนหน้าจอ ทำได้น่าสนใจ แต่ระบบสั่นตามเสียงยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของมันเท่าไรนักในการใช้งานจริงหลายๆครั้งครับ แต่มิติเสียงดี แต่ความดังอาจจะไม่ได้สะใจมากถ้าเทียบกับ iPhone 13 Pro Max ที่ผมถืออยู่นะ แต่เรื่องไมค์ และ เสียงที่อัดพัฒนาขึ้นเยอะมากๆ ไมค์ที่ดีกว่าเดิมอันนี้เห็นผลชัดเจน  แต่เสียงผ่าน 3.5 มม. เองยังคงรองรับเช่นเดิมทั้ง HI-RES ต่างๆ DSEE Ultimate, Stereo Recording, Qualcomm aptX HD แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่น 3 เท่าไรนัก ทั้งกำลังขับหรือมิติของเสียงคล้ายเดิมมากๆครับ

CAMERA

ในส่วนของกล้อง หลังจากที่ทาง Sony ได้เปิดตัวกล้อง telephoto แบบปรับขนาดรูรับแสงได้ไปในรุ่น Xperia I III ในตอนนี้รุ่น Xperia I IV ก็ถูกอัปเกรดให้มาพร้อม true periscope ระบบซูมแบบ optical ด้วยเลนส์ที่ปรับขนาดได้ระหว่าง 85-125mm ที่ซูมได้ 3.5-5.0x ส่วนกล้องอีกสองตัวที่เหลือคือกล้องตัวหลัก 12MP + กล้อง ultra-wide 12MP และเซนเซอร์ ToF แบบเดียวกับในรุ่นที่ผ่านมา นอกจากนั้นตัวกล้องยังมาพร้อม ZEISS optics ที่ถูกปรับแต่งเพื่อสมาร์ตโฟน Xperia โดยเฉพาะ โดยการเคลือบ ZEISS T* ทำให้สามารถเรนเดอร์ภาพและ contrast ได้แม่นยำขึ้น ผ่านการลดการสะท้อนจากกล้องหลัง กล้องทั้งสามตัวรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K HDR 120fps, ระบบติดตามดวงตาและวัตถุแบบ real-time และ Alpha imaging technology ที่ประกอบด้วย Real-time Eye AF และถ่าย AF/AE HDR burst ได้ที่ 20fps ซึ่งแน่นอนว่าเราลองถ่ายกันแบบจริงจัง ทั้งโหมดปกติ หรือ การถ่าย PRO MODE ลองไฟล์ RAW DNG ด้วยเช่นกันครับแน่นอนว่าคุณภาพไฟล์ยืดหยุ่นเช่นเดิมเลย

แต่ทั้งนี้การรีวิวต้องขอพูดกันตรงๆไว้ก่อนว่าเรายังคงเจอเรื่องความร้อนแจ้งเตือนระดับสูง ในการถ่ายหลายๆครั้งไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือ ในห้างที่มีแอร์ หรือ แม้แต่ในงานต่างๆที่เป็นสภาพปิดมีแอร์ก็ตาม จะเจอได้ง่ายเมื่อถ่ายเกิน 5 นาทีขึ้นไปแม้จะไม่ได้ถ่ายต่อเนื่องรัวๆก็ตาม และจะความร้อนสูงไวขึ้นถ้าใช้งาน BOKEH MODE และ เลนส์ระยะเทเลนั้นเอง ทั้งนี้อาจจะด้วย Software ตัวแรกๆน่าจะต้องรออัปเดต พัฒนากันอีกน่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ดีกว่าเดิมครับ

PHOTO SAMPLE  :: ลิงก์สำหรับไฟล์ต้นฉบับ และ RAW ::  

PORTRAIT 

ในโหมดนี้ถือว่าละลายได้เนียนคล้ายกับ DSLR มากขึ้น แต่มีข้อจำกัดด้วยระยะห่างและถ้าใช้ TELE 3.5X ต้องอยู่ในระยะที่พอดีกับเลนส์ถึงจะคม ถ้าหากนางแบบอยู่ไกลเกินไปภาพจะเสียความคมไปเยอะมาก แม้จะโฟกัสดวงตาเข้าก็ตามครับเป็นจุดนึงที่ต้องปรับตัวและเข้าใจ และ อาจจะด้วย Hardware ก็เป็นไปได้ลองสังเกตจากภาพบุคคลที่ผมถ่าย แม้ระยะไม่ไกลแต่ก็ทำให้ความคมความชัดหายไปเหมือนกัน ยกเว้นจะระยะที่ใกล้กำลังดีเลนส์ 3.5X ถึงจะคมและเบลอสวยด้วย Software ได้ดีด้วยครับ และ แสง indoor อาจจะไม่เหมาะเท่าไรในการถ่ายโหมดนี้ครับ

TELEPHOTO  85-125 MM. 

NIGHT MODE 

LIGHTROOM 

และแน่นอนว่าไฟล์จาก SONY เองเดิมๆอาจจะไม่ได้โหดมากเพราะเน้นเอามา PROCESS มากกว่าทำให้โทนสีเดิมๆจะอารมณ์แบบกล้องใหญ่มากๆ เลยเหมาะแก่การเอามาแต่งโทน ดึงแสงสีทีหลัง เราเลยมาลองดึงไฟล์ให้ชมกันครับผ่านทาง LIGHTROOM MOBILE ถือว่ายังคงทำได้น่าประทับใจเช่นเดิมสำหรับ XPERIA 1 IV เท่าที่ไฟล์มือถือจะทำได้แล้ว แต่ความคมบางระยะจะแปลกๆ แต่มิติของภาพ และ ไฟล์ไม่ช้ำแม้จะทำหลายขั้นตอนอันนี้ถือว่าดีมาก

SELFIE

กล้องหน้าทางค่ายนี้ก็ยังคงไม่ได้เด่นหรือเน้นมากนัก ซึ่งสเปกนั้นให้มาที่ 12MP จะมาพร้อมกับความละเอียดน้อยไปหน่อย แต่ก็มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ความละเอียดเพิ่มขึ้น แต่ขนาดเซนเซอร์ก็ใหญ่ขึ้นด้วย และสามารถถ่ายวิดีโอ 4K 30FPS พร้อม HDR ได้อีก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Beauty ที่ทำให้ภาพออกมาละลายหลังและปรับความงดงามบนใบหน้าได้ ซึ่งฟังก์ชันโดยรวมค่อนข้างธรรมดาไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นัก Software มีการพัฒนาปรับมาให้คมชัดมากกว่าเดิม มุมกว้าง หรือ แม้แต่การจัดการแสงสีของตัวกล้องชดเชยแสงต่างๆ เอาเป็นว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน และ ดีสู้เรือธงด้วยกันได้ดีขึ้น เบลอเนียน และ ระยะความคมชัด ดีเทลดีมากๆแล้วครับจุดนี้ขอชื่นชมเลย

SONY XPERIA 1 IV

” เรือธง สำหรับสาวกอารยธรรม ที่ดีขึ้น ทั้ง หน้าจอ กล้องหน้า กล้องหลัง  “

รุ่นนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในมือถือระดับเรือธงสเปกสูง ที่มีความครบเครื่องและน่าสนใจมาก ๆ รุ่นหนึ่งในตอนนี้ ส่วนตัวที่ได้ลองคือประทับใจคุณภาพงานประกอบ แต่อาจจะร้อนหน่อยเวลาใช้งานจริง เรื่องงานดีไซน์ก็สวยหรูดูพรีเมียมสมราคา ขนาดเครื่องพกพาสะดวก อีกทั้งเรื่องหน้าจอ และระบบเสียงก็จัดเต็มเช่นเดิมสำหรับค่ายนี้ ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอก็ไม่ธรรมดาในการเอาไปใช้งานถ่ายหนังสั้นหรือทำงานจริงจังก็สามารถรองรับได้ พร้อมกับสเปกระดับเรือธงพร้อมให้ใช้งานได้หลากหลาย ตอบโจทย์มากสำหรับการถ่ายภาพ เล่นเกม และการทำงานทำได้ดีในภาพรวม ถ้ามองว่ามันแทบจะลบข้อด้อยในรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด เหลือแค่ไม่กี่จุดเท่าไรที่อาจจะยังต้องพัฒนาต่อ แต่ทั้งกล้องหน้า หน้าจอ กล้องหลัง ดีไซน์งานประกอบ ทุกอย่างคือที่สุดเท่าที่จะปรับและพัฒนาได้แล้วครับ ถือว่าเป็นมือถือที่ผมใช้และประทับใจในหลายๆส่วน แต่เรื่อง ความร้อนก็ยังเป็นข้อสังเกต หลักๆข้อนึงว่าจะอัปเดตและแก้ไขกันยังไงต่อไปครับ

PHOTO SAMPLE  :: ลิงก์สำหรับไฟล์ต้นฉบับ และ RAW ::  

ข้อดี

  • หน้าจอที่คุณภาพสูงที่สุดในบรรดามือถือในไทย สู้แสงดีกว่ารุ่นเดิม สวย คมชัด
  • ลำโพงตำแหน่งการวางทำได้ดี เสียงดังดี มีมิติมาก
  • กล้องหน้าดีกว่าเดิมหลายเท่าตัว คมชัด และ จัดการแสงได้ดี
  • วัสดุงานประกอบที่มีความแน่น แข็งแรง ดูดีกว่าเรือธงตัวอื่นๆ
  • ระบบเสียงไมค์ อัดเสียงทำได้ดี ตัดลมได้ดี
  • งานวิดีโอ โปรแกรมแต่งหลากหลาย เอาไปทำมืออาชีพได้ดี
  • โปรแกรมการถ่ายรูปเยอะ และ ปรับแต่งได้หลากหลายมาก
  • ไฟล์ RAW DNG ทำได้ดีมาก เอามาแต่งได้ดี
  • เลนส์หลัก และ เทเล พัฒนาขึ้น ทั้งคุณภาพ และ มิติของภาพ
  • SOFTWARE UI ยังคงทำได้ดี ลื่นไหล และ เรียบง่าย
  • NIGHTMODE ทำได้ดีกว่าเดิมเยอะมาก

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่อง Software ที่ทดสอบ ยังคงร้อนง่ายเวลาถ่ายรูป
  • กล้องโหมด AUTO ยังไม่ดีเท่าไรนัก
  • ระยะเทเล เมื่อใช้งานถ่ายระยะไกลมากๆความคมหายไป
  • อุปกรณ์ในกล่องไม่มีสายชาร์จ หัวชาร์จให้แล้ว
  • ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares