Sony เป็นค่ายที่หลายๆคนนั้นยังคงติดตามและเป็นค่ายที่ฐานลูกค้าค่อนข้างแน่นครับ แม้จะมีข่าวว่ายกเลิกการทำตลาดไปในหลายๆประเทศ และมุ่งเน้นไปแค่ไม่กี่ประเทศเท่านั้นแล้วก็ตาม แต่ทางด้านมือถือก็ยังคงไม่ตายหายไปไหนครับยังคงผลิตออกมาเรื่อยๆแต่ขายแค่บางประเทศเท่านั้น อันนี้ต้องหาใช้งานกันยากนิดนึงเพราะในไทยก็ยังไม่กลับมานั้นเอง เรือธงในปีที่แล้วมีกระแสตอบรับที่ไม่ดีเท่าไรทั้งงานออกแบบ สเปค ฟีเจอร์อะไรทั้งหลายที่ค่อนข้างแปลกๆ แต่กลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของค่ายและเอาใจสาวกมากขึ้น จัดเต็มมากขึ้นสำหรับค่ายนี้แม้อาจจะยังไม่เต็มเท่าคู่แข่งตัวอื่นๆแต่บอกเลยว่าดีกว่ารุ่นก่อนๆจากค่ายนี้เยอะ เรามาชมกันดีกว่าสำหรับรีวิว Xperia 1 ที่เป็นการตั้งชื่อครั้งใหม่ อะไรหลายๆอย่างใหม่ ทั้งดีไซน์ กล้อง ต่างๆนั้นจะมีความน่าสนใจแค่ไหนกันในรอบนี้ครับ

SONY XPERIA 1 นั้นเปิดตัวด้วยจุดเด่นที่เยอะมากๆเป็นการกลับมาที่โหดขึ้นแบบชัดเจน ชื่อใหม่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่นับ 1 ใหม่ในชื่อ XPERIA 1 ที่ปรับปรุงทั้ง ดีไซน์ กล้อง หลายๆอย่าง ทั้งหน้าจอแบบใหม่ 21:9 4K HDR เป็นเจ้าแรกที่ทำออกมาและยังได้เรื่องคุณภาพที่ตรงแบบ จอ MONITOR เทพๆได้ DCI P3 100% เป๊ะๆกันไปเลย และ กล้องหลังยังมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว 3 ระยะพร้อมกับ Dual OIS รวมถึงมีเลนส์มุมกว้างเข้ามา และ Focus  แบบใหม่รองรับ Eye AF อีกด้วยนั้นเอง ถือว่าเป็นการพัฒนากล้องร่วมกับทีม Alpha ได้ดีมากๆเลยแหละ ส่วนเรื่อง อื่นๆสเปคนั้น Snapdragon 855 มาแบบจัดเต็ม RAM 6GB, STORAGE 128 GB ไม่กั๊กแล้ว และกันน้ำ  IP68, Gorrilla Glass 6  เป็นอีกรุ่นที่ค่อนข้างครบในแง่ของสเปค และ จัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆเยอะ แต่เสียดายตัดชาร์จไร้สายออกไป และ แบตนั้นมาให้แค่ 3,330 mAh อาจจะดูน้อยกันไปหน่อยแต่ยังไงเราต้องมาลองใช้งานกันจริงๆกันอีกทีนึงครับ แต่เสียดายและยังงงๆที่ตัดชาร์จแบบไร้สายออกไปเฉยเลยสำหรับจุดนี้ครับ

สำหรับตัวนี้ยังเป็นเครื่องหิ้ว ราคา 27,500 บาท อ้างอิงจากร้านหิ้ว TREE MOBILE MBK  นะครับ มาพร้อมทั้งหมด black/grey/purple/white ครบทั้งหมด 4 สีเลยซึ่งสีสวยๆทั้งนั้นเลยแหละครับ 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง SONY XPERIA 1
  • สายชาร์จ TYPE-C ไป TYPE-C
  • Adaptor PD 18W หัวรับแบบ TYPE-C
  • สายแปลง TYPE-C ไป 3.5 มม.
  • หูฟัง InEar แบบ 3.5 มม. พร้อมจุก 3 ขนาด
  • คู่มือ
  • เคสใส TPU

เคสที่แถมมานั้นเป็นเคสแบบ TPU ใสซึ่งก็ถือว่ากระชับกับตัวเครื่องและไม่หนามากเกินไปส่วนเรื่องของการปกป้องนั้นต้องบอกว่าทำได้กลางๆครับตัวเคสนั้นหุ้มครบทั้มหมด 4 ด้านแต่แน่นอนว่าความหนามันไม่ได้มากนักเมื่อเราสังเกตดูว่าฝาหลังตรงเลนส์กล้องนั้นไม่ได้ปกป้องได้ดีเท่าไรตัวเคสนั้นทำออกมาพอดีกับเลนส์ไม่ได้เกินมาปกคลุมเท่าไร ในส่วนของด้านหน้านั้นเคสคลุมทั้งมาในส่วนขอบหน้าจอได้นิดหน่อยแต่เรื่องของความหนานั้นไม่ได้มากนักทำให้เวลาวางคว่ำของตัวเครื่องนั้นอาจจะโดนหน้าจอได้ถ้าหากไม่ระวัง ส่วนหน้าจอถ้าหากเราติดฟิล์มนั้นจะพอดีแต่ถ้าฟิล์มแบบกระจกนั้นอาจจะเลยกับตัวเคสไปได้ครับ ซึ่งเคสจริงๆอาจจะเหมาะสำหรับคนชอบอะไรบางๆไม่หนักมากนัก

DESIGN

ด้านการออกแบบเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นเป็นฝาหลังแบบโค้งๆหลังเต่าหรือเรียกกันว่า Ambient Flow แน่นอนว่ากระแสตอบรับค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยโอเคกันเท่าไร แต่มาครั้งนี้ SONY จัดเต็มให้ในการออกแบบที่หลายๆคนชอบคือเหลี่ยมๆตามสไตล์รุ่นก่อนหน้าและผสมผสานการออกแบบจอแบบใหม่ที่ 21:9 และใช้ฝาหลังเรียบๆแล้วนั้นเอง ขอบหน้าจอนั้นไม่มีติ่งสำหรับค่ายนี้และทำขอบได้ค่อนข้างบางพอสมควรเลยแหละ  ส่วนเรื่องสแกนนิ้วนั้นกลับมาใช้ตรงสแกนนิ้วขอบข้างเครื่องแล้วแต่น่าเสียดายยังไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอในค่ายนี้ครับ แต่งานประกอบนั้นยังคงทำได้ดีและแข็งแรงเหมือนเดิมรวมถึงรอยต่อวัสดุและคุณภาพวัสดุยังเป็นสิ่งที่ทำได้ประทับใจ

หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ อัตราส่วนแบบ 21:9 และ หน้าจอเป็นหน้าจอแบบ  OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K  CinemaWide ระบบประมวลผลภาพ BRAVIA X1. ด้วยถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้หน้าจอแบบนี้และยังคงไม่มีติ่งหน้าจอ ถือว่ารักษาการออกแบบที่ดีไว้ได้ ขอบหน้าจอล่างทำได้บาง แต่ด้านบนนั้นยังมีพอสมควรครับหน้าจอแบนไม่โค้ง

ขอบด้านล่างหน้าจอนั้นทำได้บางขึ้นเยอะเลยเพราะการออกแบบหน้าจอทำได้ดีขึ้นและไปหนาในส่วนข้างบนแทนที่เป็นที่อยู่ขอบพวกลำโพง กล้องหน้าต่างๆ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นก็เป็นปกติแบบ Android 9 ครับ

ส่วนขอบด้านบน นั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทนและ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมซ้าย เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวที่ 2 พวกนี้ครับยังมีความหนานิดหน่อย

ในส่วนของขอบด้านล่างเครื่องนั้นจะเป็นการออกแบบที่สมมาตรมากขึ้นทั้งหน้าและหลัง เป็นลำโพงหลัก รู Type-C และ ไมค์ครับ ส่วนวัสดุขอบเครื่องนั้นจะเป็นแบบเงาและมีขีดเสาสัญญาณในส่วนนี้ครับ

ในด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมดทุกอย่างรวมถึงสแกนนิ้ว เริ่มจากด้านล่างก่อนนั้นจะเป็นปุ่ม Shutter มันกลับมาแล้ว และ ถัดมา เป็นปุ่ม Power และ ถัดมาเป็นสแกนนิ้ว ไม่สามารถกดได้ นะครับ แยกกับปุ่ม Power ชัดเจน และ ถัดมาซ้ายสุดจะเปนปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง ของตัวเครื่อง จะเป็นด้านเดียวกันหมดเลยครับสำหรับปุ่มทั้งหมด

ส่วนในด้านซ้ายตัวเครื่อง เรียบมากๆเพราะปุ่มทั้งหมดของตัวเครื่องไปอยู่ด้านขวากันหมดเลยด้านนี้เลยมีแค่พวกขีดเสาสัญญาณ และ เห็นวัสดุเงาๆสวยๆของตัวของเครื่องทั้งหมดครับ ครั้งนี้ฝาหลังไม่นูน ไม่หลังเต่าแล้วนะ

ส่วนขอบด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์ และ ถาดซิมแบบ ใช้มือเปิดได้เลยไม่ต้องจิ้มครับยังคงเป็นข้อดีของค่ายนี้และ เมื่อถอดถามซิม เครื่องจะไม่รีตัวเองแล้วนะ รวมถึงมีซีลยางกันน้ำและรองรับ Hybrid Slot ได้ปกติ

ฝาหลังตัวเครื่องมาแบบเรียบๆ มีการเล่นกับแสงนิดหน่อยเวลาอยู่ภายนอกภายในอาคารก็จะเหลือบๆม่วงครับสวยงามเลยแหละ ส่วนฝาหลังนั้นจะมีโค้งตรงมุมเครื่องทำให้จับได้ง่ายไม่ใช่ตัดเหลี่ยมแบบตัวเดิมๆครับ โลโก้ตรงกลาง พร้อมกับ XPERIA ล่างสุด สแกนนิ้วไปด้านข้างแทน ทำให้ฝาหลังนั้นเรียบๆสวยเลยแหละ กล้องหลังมาพร้อม 3 ตัว

ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมาพร้อมกับ เซนเซอร์ และ ไฟแฟลชด้านบน และกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงแนวตั้ง พร้อมกับมี 3 เลนส์ 3 ระยะ  กล้องหลัก f/1.6, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.6″ มี OIS  กล้องเทเล  f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″ มี OISกล้องมุมกว้าง 16mm, f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″, มุมกว้าง 135 องศา ไม่มี OIS ไม่มี AF นะครับเลนส์มุมกว้าง แต่ทั้งหมดมาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งหมด จัดเต็มมากๆ

SPEC

  • ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie + SONY UI
  • หน้าจอแสดงผล 4K HDR OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ความละเอียด 1644×3840 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
  • Qualcomm Snapdragon 855
  • RAM ขนาด 6GB
  • STORAGE 128GB + microSD สูงสุดที่ 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล / กล้องตัวหลัก ระยะปกติ (F/1.6) เซนเซอร์ขนาด 1/2.6 นิ้ว เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน + OIS  / กล้องตัวที่สองเลนส์ Telephoto (F/2.4) / กล้องตัวที่สาม Wide-Angle 135 องศา (F/2.4) โหมด Cinema Pro, การตั้งค่าสีแบบ LOOK colour Setting, ฟีเจอร์ Eye AF, Bokeh Effect, ระบบการโฟกัสแบบ Hybrid Autofocus
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 1/4 นิ้ว  F/2.0
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,330 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว USB Power Delivery (USB PD) Fast Charging
  •  เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
  • ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อม High-Resolution Wireless Audio (LDAC)
  •  รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 4×4 MIMO, Bluetooth 5.0 และ NFC
  •  รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
  • ไม่รองรับ ชาร์จไร้สาย ** ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จัดเต็มมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 855 ตัวล่าสุดมาพร้อมกับ RAM 6GB และ ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 329269 คะแนนครับ ส่วนเรื่องของหน่วยความจำเป็นแบบ UFS 2.1 อ่านเขียนได้ที่ 759 MB/S และ 207 MB/s ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 ตามปกติของค่ายนี้ครับ และ Geekbench  นั้นทำคะแนนไปได้ 3350 และ 10504 คะแนนครับถือว่าทำได้ดีในภาพรวมแม้อาจจะไม่ได้คะแนนเวอร์มากนักแต่ในด้านการใช้งานจริงระบบจัดการของ SONY ทำออกมาได้ลื่นไหลและเสถียรมากๆอีกค่ายครับ

SYSTEM UI

ทางด้านระบบนั้นมาพร้อมกับ Android 9.0 ค่อนข้างเพียวมากๆตามสไตล์ SONY ครับ มีการเปลี่ยนแปลงแทรกเข้ามาแค่นั้นนิดหน่อยในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆของค่ายครับ ตัวระบบลื่นไหลเอามากๆและสเถียรอีกทั้งยังอัปเดตได้ไวไม่แพ้ Google Pixel เลย ทางด้านตัวนาฬิกาก็มาคงสไตล์เดิมและมีเลขแจ้งเตือนมุมแอพ จุดแจ้งเตือนอะไรมาให้ครับตัวการควบคุมนั้นมาแบบ Android 9 2 ปุ่มหลักๆ ปัดขึ้นจะเข้าหน้า App Drawer และ เคลียร์แอพครับ

ทางด้าน Quick Setting นั้นจะมาพร้อมกับโทนสีฟ้าขาวสว่าง พร้อมกับไอคอนกลมๆรวมถึงการจัดการวางปุ่มอะไรได้ครับและสามารถปรับแสงด้านบนได้ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นจะทำได้ดีเพราะหน้าจอยาวๆ ทำให้การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้ดีและใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นหน้าจอที่แบ่งรองรับหลายๆแอพและมีให้เลือกแอพคู่ได้เลยแบบสำเร็จครับ

ตัวแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google แน่นอนว่าใช้งานได้ดีและค่อนข้างเสถียร รวมถึงพิมพ์ได้ง่ายถนัดสำหรับตัวแอดมิน ส่วนเรื่องของ RAM นั้นจะมาพร้อมกับ 6 GB ใช้งานไป 4.1GB และความจำเครื่อง 128 GB ใช้งานได้ 116GB

Gesture การควบคุมต่างๆนั้นก็ยังมีมาให้ค่อนข้างครบทั้งเรื่องของตัว SideSense ที่แตะขอบหน้าจอเครื่อง แต่รุ่นนี้ไม่ใช่จอโค้งแอบแตะยากมากๆ ไม่เหมือน XZ3 ส่วนเรื่องหน้าจอ Ambient ก็ยังมีมาให้และปรับแต่งได้นิดหน่อยครับ และแตะเพื่อดูหน้าจออะไรต่างๆรวมถึงตั้งค่าปุ่ม Power ในการกดเข้าทางลัดที่เราปรับตั้งได้เป็นต้น

ทางด้านของระบบเสียงนั้นมาพร้อมกับ Dolby Atmos เข้ามาเสริมทางด้านการปรับแต่งเสียงของตัวเครื่องทั้งด้านหูฟังและเสียงลำโพง และสามารถปรับแบบละเอียดได้ในแอพแยกของมันครับ ส่วนฟีเจอร์เกมก็มีแทรกเข้ามาเพิ่มเติมเช่นการปรับไม่ให้แจ้งเตือน เพิ่มประสิทธิภาพต่างๆในตัวเกมทำให้แรงขึ้นเล่นได้ดีขึ้นด้วยครับ และ ทางด้านฟีเจอร์สั่นตามเสียง Dynamic Vibration นั้นยังคงมีอยู่และทำงานทั้งการดูหนัง ฟังเพลงในหลายๆแอพแต่เกมยังรองรับน้อย

ทางด้านธีมการออกแบบ Theme นั้นปรับได้ 2 แบบคือธีมเข้ม และ ธีมขาวแค่นั้นหรือจะเลือกไว้ให้ปรับตาม พื้นหลังว่าโทนออกเข้มหรืออ่อนครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนนั้นก็มี Xperia Loops เหมือนเดิมรวมถึงหน้าจอ Always On รวมถึง เด่นๆคือการปรับหน้าจอ ที่รองรับเยอะมากๆคือภาพที่สำหรับการถ่ายหนังที่หน้าจอสีตรงมากๆและการรองรับการปรับทำให้คุณภาพวีดีโอในการดูได้ดีขึ้นด้วยนั้นเอง ถือว่าเรื่องหน้าจอเป็นอีกตัวที่ทำได้ดีมากๆครับ

SCREEN

ทางด้านหน้าจอของ SONY XPERIA 1  นั้นเป็นอีกครั้งที่พัฒนามาต่อเนื่องในด้านการรองรับ 4K อีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นหน้าจอแบบ OLED และมาในอัตราส่วนใหม่ด้วยนั้นเอง ส่วนเรื่องของคุณภาพนั้นก็รองรับ HDR10 และใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ความละเอียด 1644×3840 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 และมีการพัฒนาชิพ BRAVIA X1 ที่เข้ามาช่วยนั้น รองรับการแสดงผลสีย่าน ITU-R BT.2020 และแสดงผลย่าน DCI-P3 ได้ครบถ้วนที่ 100%   ถือว่าเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องมิติของภาพ ความคมชัดและอัตราส่วนแบบใหม่นั้นทำให้เราดูหนังที่เป็นแบบ 21:9 ได้แบบเต็มตาครับทั้งใน Netflix -Youtube ทั้งหลายสามารถขยายซูมได้ และ สีที่ได้ต้องบอกว่าตรงและแม่นจริงๆ แต่เรื่องของความสว่างนั้นต้องบอกว่าแอบเสียดายที่ หน้าจอนั้นแม้จะเร่งแสงสุดแล้วแต่เมื่อใช้งานข้างนอกหรือแดดพวกนี้เมื่อเทียบกับจอตัวอื่นๆเรือธงด้วยกันนั้นจะด้อยกว่าแบบรู้สึกได้ครับเป็นอีกจุดที่น่าเสียดายในเรื่องนี้แต่เรื่องมิติของภาพ ความแม่นยำ รวมถึงความคมอันนี้ทำได้ดี

มุมมองอื่นๆกันบ้างในรอบนี้ทำได้ดีมากๆคือหน้าจอ 4K OLED ในครั้งนี้รองรับมุมมองที่กว้างมากๆ ทำให้ภาพนั้นไม่เพี้ยนเลยครับและสีสันอะไรยังคงทำได้ดี แน่นอนว่าหน้าจอตอนเปิดตัวนั้นก็มีการยืนยันและเปรียบเทียบกับหน้าจอทั้งหน้าจอทีวี และรวมถึง Master Monitor ที่เป็นหน้าจอสำหรับถ่ายหนังก็ยังทำสีได้ตรงกันเป๊ะๆ เป็นอีกจุดที่ทาง SONY นั้นพัฒนาร่วมกับของดีของค่ายอีกอย่างคือหน้าจอ นอกเหนือจากการพัฒนาร่วมกับทีมกล้องถือว่าเป็นการร่วมมือที่ควรจะมีการพัฒนามานานแล้วทำให้มือถือของค่ายตัวเองนั้นมีจุดเด่นหลายๆอย่างที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้วในแบรนด์หลัก ทำให้มือถือนั้นมีคุณภาพที่ใช้งานได้ดีขึ้นเยอะมากๆ แต่จะเสียดายเรื่องของความสู้แสงแดดเท่านั้นเอง

หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับการรองรับ Ambient Display เหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับสามารถปรับแต่งการออกแบบได้นิดหน่อยแต่ไม่ได้เยอะแยะมากครับ การมองเห็นในเวลากลางวันก็พอมองเห็นในที่ร่มในตัวอาคารครับ ภายนอกก็มองเห็นอยู่พอสมควรครับเป็นแบบขาวดำนั้นจะค่อนข้างเด่น ตัวหน้าจอสามารถตั้งได้ว่าให้ทำงานตอนช่วงกี่โมงหรือตลอดเวลาได้ครับ และสามารถเปลี่ยนหน้าตา นาฬิกา และ สติกเกอร์ในส่วนข้างล่างของหน้าจอ อะไรได้ ครับ

SOUND

ในเรื่องของเสียงนั้นเป็นอีกจุดที่น่าเสียดายเพราะว่าเสียงนั้นไม่ได้มีการพัฒนาอะไรขึ้นเท่าไรในเรื่องของคุณภาพเสียง กำลังขับพวกนี้ เมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นแทบจะเหมือนกันเลยนั้นเองเมื่อฟังผ่านหูฟังครับ ส่วนฟีเจอร์เสียงก็มี Atmos เข้ามาช่วยขับได้ดีขึ้นหน่อยเปิดไว้ได้ครับเสียงดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นตัวช่วยแบบ Software มากกว่าถ้าอยากเสียงดีๆต้องซื้อตัวแปลงเทพๆเข้ามาช่วยในจุดนี้ครับ ส่วนเสียงนั้นจากที่เทียบกับหูฟังเดิมๆก่อนจากที่แถมกับตัวแปลงเสียงที่ได้ค่อนข้างธรรมดาทั้งเรื่องของเสียงกำลังขับต่างๆนั้นแบบเดียวกับรุ่นเดิมทั้ง XZ2-XZ3 เลยแหละไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นเท่าไร เสียงในย่านสูงมาแบบกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนั้นและเบสก็มาแบบนิดเดียวครับ

ตัวหูฟังในรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับหูฟัง In-Ear ที่แถมมานั้นเป็นแบบหูฟังที่ 2 สายไม่เท่ากัน แบบ 3.5 มม. และ เป็นแบบธรรมดา InEar ปกติ สายค่อนข้างเล็ก และไม่มีอะไรเท่าไรครับปุ่มควบคุม 1 ปุ่ม และ สาย 2 ข้างยังยาวไม่เท่ากันอยู่ ไม่ค่อยเห็นหูฟังแบบนี้เท่าไรแล้วที่สายยาวไม่เท่ากันครับ ส่วนการฟังก็ต้องผ่านตัวแปลงไม่ได้แถมหูฟังแบบ Type-C มาให้อันนี้น่าเสียดายมาก เรื่องเสียงที่ได้จากตัวหูฟังก็ธรรมดาครับ เสียงกลางๆไม่ได้เด่นมากนักฟังเพลงได้แก้ขัด แต่ตัววัสดุอะไรค่อนข้างดูธรรมดาจริงๆรวมถึงตัวสายก็เล็กไปนิดหน่อย แต่ข้อดีคือใส่ได้เบาสบายใส่นานๆสบายอยู่ครับ ซึ่งถ้าให้มองภาพรวมเรื่องเสียงของค่ายนี้เหมือนจะไม่ได้เน้นมานานมาๆเหมือนหยุดพัฒนามาซักพักแล้ว ถ้าหากเรามองไป หน้าจอก็พัฒนารวมกับ Bravia กล้องก็พัฒนากับ Alpha ตอนนี้ขาดแค่เสียงที่จะพัฒนารวมกับ Walkman ของเทพอีกจุดของแบรนด์นี้ครับถ้าเมื่อไรที่ร่วมมือกันทำจริงจังน่าจะเป็นมือถือที่ลงตัวมากๆ

SPEAKER 

ส่วนเรื่องของลำโพงนั้นเป็นลำโพงคู่แบบเดิม แต่มีการย้ายตำแหน่งใหม่ ไม่ใช่ยิงตรงแบบด้านหน้าแล้ว อันนี้ก็เป็นจุดที่แตกต่างเพราะเสียงยังไงก็ไม่สู้รุ่นเดิมเท่าไรครับ ลำโพงด้านล่างนั้นดังกว่าด้านบนแบบรู้สึกได้และความดังนั้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนก็ใกล้ๆกันครับ และถ้าหากเทียบกับเรือธงเช่น S10+ พวกนั้นรุ่นนี้ยังด้อยกว่าครับผมสำหรับด้านของลำโพง ความดัง และความแน่นของเสียง แต่รุ่นนี้ดีที่มีระบบสั่นตามเบสเข้ามาให้อยู่ ทำให้ฟังเพลินๆสนุกได้ครับเพราะมันสั่นตามจังหวะเวลาดูหนัง ฟังเพลงอะไรพวกนี้เหมือนกับมีซัพอยู่ในเครื่อง

GAMING

การทดสอบเกมนั้นต้องบอกว่าด้วย CPU Snapdragon 855 นั้นแน่นอนแหละว่าเล่นได้ค่อนข้างทุกเกมอยู่แล้วแต่ที่หลายๆคนสงสัยน่าจะเป็นเรื่องความร้อน หรือจะเป็นการจับถือครับเพราะว่าอัตราส่วนแบบใหม่นั้นจะแนวยาวซึ่งจริงๆจากที่ลองนั้นแอบชอบแบบนี้นะมันจับถือง่ายกว่าเยอะเวลาเอื้อมไปขอบจอรวมถึงแนวยาวนั้นทำให้เห็นแมพอะไรที่กว้างขึ้นกว่าด้วยและเอื้อมนิ้วไม่ยาวเกินไปแบบอัตราส่วน 16:9 แบบแต่ก่อนครับ ส่วนประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องห่วงอยุ่แล้ว ส่วนเรื่องแบตนั้นลดลงไปพอสมควรครับแต่ก็ไม่ได้ไหลจนน่าเกลียดอะไร ไปลองชมกันได้เลยกับการทดสอบเกม

สำหรับฟีเจอร์การเล่นเกมที่ใส่เข้ามานั้นก็สามารถเข้าได้ตอนเข้าเกมและสามารถปรับได้ว่าจะไม่ให้แจ้งเตือนรวมถึงการใช้งาน RAM ได้เต็มที่มากขึ้นรวมถึงการปิดการใช้งาน Sidesense  และการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติด้วยก็มีมาให้ค่อนข้างครบเหมือนกับตัวอื่นๆในค่ายอื่นๆแล้วครับถือว่าเป็นข้อดีของสายเกมหลายๆคนที่น่าจะชอบฟีเจอร์พวกนี้

GPS

ในการทดสอบ GPS นั้นค่ายนี้ถือว่าทำได้ดีมาตลอดครับในรุ่นหลังๆคือการใช้งานนำทางในภาพจริงๆทั้งต่างจังหวัดและกทม ในช่วงนี้ที่สภาพอากาศค่อนข้างฝนตกพายุตลอดเวลาแต่นำทางนั้นทำได้ดีมากๆคือแม่นและอัปเดตไวรวมถึงไม่เจอรวนอะไรเลยครับ ตัวเครื่องรับได้ดีจริงๆและจากการทดสอบแอพนั้นจับได้ 32 และ เจอทั้งหมด 43 ในสภาพกลางแจ้งปกติ และ ในที่ร่มนั้นเจอ 42 จับได้ทั้งหมด 23 ที่ใช้งานอยู่ครับถือว่าโอเคในเรื่องของการนำทาง

BATTERY

การใช้งานแบตเตอรี่นั้นเป็นจุดที่หลายๆคนบ่นและแน่นอนว่าเมื่อดูจำนวนที่ให้มาแค่ 3,330 mAh นั้นถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อมาเทียบทั้งหน้าจอ 4K  และ การใช้งาน CPU Snapdragon 855 ตัวแรงจริงๆจากที่ลองนั้นก็ต้องบอกว่าแบตมันโอเคกว่าที่คิด แต่ก็ยังไม่ได้อึดอะไรมากครับคืออยู่ในระดับกลางๆเลยก็ว่าได้ ที่ได้ลองใช้งานจริงจังทั้งวันนั้นแบตอยู่ได้ทั้งหมด 11 ชั่วโมง จอเปิด 4 ชั่วโมงครับ ใช้งานนำทางหน้าจอเปิดตลอดเป็นหลัก และถ่ายรูปพวกนี้ก็พอได้เกือบทั้งวันครับ ตัวเครื่องใช้งาน กลับมาช่วงเย็นเหลือ 13% และมีโหมด ประหยัด Stamina สามารถยืดอายุได้ในยามฉุกเฉินครับ แบตตัวนี้ดีกว่าที่คิดไว้ถ้ามองจำนวนแบตและหน้าจอ แต่รวมๆนั้นไม่ได้อึดอะไรมากครับ

CAMERA

ทางด้านกล้องตัวนี้จัดเต็มมาให้ถึง 3 เลนส์หลักๆ ทั้งระยะมุมกว้าง มุมปกติ และใช้งานเทเล 2X  ครับหลักจากที่ใช้งาน กล้อง 1 ตัวมานานและ 2 ตัวในรุ่น Premium ครั้งนี้มาให้ครบตามที่เรียกร้องกัน กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับการพัฒนาร่วมกับทีมงาน Alpha ด้วยถือว่าน่าสนใจที่ใส่อะไรใหม่ๆเข้ามาช่วย มาดูกันที่สเปคกันก่อนครับ กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซลทั้งหมด / กล้องตัวหลัก ระยะปกติ  F/1.6 เซนเซอร์ขนาด 1/2.6 นิ้ว เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน + OIS  / กล้องตัวที่สองเลนส์ Telephoto F/2.4 / กล้องตัวที่สาม Wide-Angle 135 องศา (F/2.4)  ซึ่งจะมีกันสั่นมาให้ 2 เลนส์หลักครับถือว่าน่าสนใจ และ มีการเสิรมโหมด Cinema Pro, ฟีเจอร์ Eye AF, Bokeh Effect, ระบบการโฟกัสแบบ Hybrid Autofocus มาให้ครบๆเลยแหละ

ตัวกล้องนั้นจากที่ได้ลองพูดถึงฟีเจอร์ที่ชอบที่สุดคือ Eye Af นั้นจะใช้หลักการเดียวกับกล้องใหญ่คือมันจะอิงใบหน้าก่อนและไปจับตาครับ แม้อาจจะไม่ได้ไวโหดมากนักแต่ช่วยได้เยอะมากในการถ่ายคนและยิ่งในการถ่าย Portrait นั้นช่วยได้เยอะมากจริงๆเพราะทำให้คนเบลอได้ยาก ครับ ส่วนการถ่ายต่อเนื่องคนก็ยังคงชัดโฟกัสเข้าได้เป็นส่วนใหญ่เลยแหละ ส่วนเรื่องคุณภาพของการถ่าย

  • Portrait กันก่อนต้องบอกว่าโหมดนี้ยังคงต้องพัฒนาอีกเยอะครับทั้งเรื่องการโฟกัส คุณภาพ และ การละลายยังต้องพัฒนาอีกเยอะมากๆรวมถึงโทนสีในบางสภาพแสงด้วย ต้องหามุมช่วยเยอะมากๆครับ และไม่สามารถมาปรับความเบลอ หรือจุดโฟกัสทีหลังได้
  • การถ่ายทั่วไป อันนี้ขอชมว่าพัฒนาได้ดีครับจากรุ่นก่อนๆนั้นรุ่นนี้เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นทั้งเรื่องของคุณภาพ สีสันต่างๆและความคมชัดที่ดีใช้งานได้ กล้องคุณภาพสีอะไรค่อนข้างตรงในเวลากลางวัน แต่กลางคืนแอบจะมีมึนๆบ้างในเรื่องโทนสีและโฟกัสในบางช่วงครับ กล้องมุมกว้างทำได้ดีมุมกว้างมากๆจนภาพขอบจะเบี้ยวเป็นปกติครับเพราะมุมกว้างกว่าเรือธงตัวอื่นๆทำให้ภาพนั้น Distort เยอะกว่าตัวอื่นๆ และ เลนส์มุมกว้างไม่มี AF นะครับ แต่ยอมรับว่าถ่ายสนุกขึ้นเยอะ และคุณภาพไฟล์เอามาแต่งต่อได้สบายมากๆ ชอบที่สุดในบรรดารุ่นก่อนหน้านี้จริงๆ
  • ส่วนโหมดโปร นั้นทำได้ดีเพราะมีการพัฒนาขึ้นชัตเตอร์รองรับ มากกว่า 1 วินาทีแล้วในการลากชัตเตอร์ถ่ายภาพ ไปมากสุดถึง 30 วิเลยแหละ ในการถ่าย ลากไฟเส้น ถ่ายดาวทางช้างเผือก หรือ ที่กลางคืนทำได้ดีมากๆไปลองชมกันเลยครับ

PORTRAIT

PROMODE ปรับได้มากกว่า  1 วิแล้ว ! 

SELFIES

กล้องหน้าในรุ่นนี้แม้จะไม่มี AF เข้ามาแล้วแต่ก็ยังคงทำได้ดีในเรื่องของมุมกว้าง และ ความคมชัด สเปคนั้นมาพร้อมกับ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 1/4 นิ้ว  F/2.0 รูรับแสงแอบแคบไปหน่อยครับถ้ามองกันตรงๆ แต่ที่ชอบคือมุมมันกว้างเก็บได้ค่อนข้างเยอะและรวมถึงหน้าคนนั้นค่อนข้างคมชัดระยะโฟกัสทำได้ดีเลยนะ กล้องหน้ามีโหมดการถ่ายต่างๆนั้นมีมาให้คือ Portrait และการปรับหน้าเนียนครับ  ส่วนเรื่องของกล้องนั้นเมื่อเปิดไว้นานๆจะค่อนข้างปิดตัวเร็วคือมันจะบอกว่าเปิดไว้นานถ้าไม่มีการใช้งานจะปิดตัวน่าจะป้องกันเรื่องความร้อนครับ บางทีแอบไวไปหน่อย ตัวกล้องหน้าค่อนข้างโอเค แต่มันจะไม่ได้สวยใส และขาวแบบค่ายอื่นๆ และมีแสงเพี้ยนเวลากลางคืนเจอบ่อยมากๆ แต่ต้องบอกว่าให้สาวๆหลายๆคนลองนั้นไม่มีใครชอบกล้องตัวนี้เลยครับ มันค่อนข้างไม่สวยเท่าไร

VIDEO 

การถ่ายวีดีโอนั้นเป็นอีกจุดเด่นที่ในรุ่นก่อนๆนั้นทำได้ดีเรื่องของความนิ่งและการกันสั่น มาในรุ่นนี้ก็ทำได้ดีและยังรองรับ HDR อีกด้วยครับส่วนเรื่องของการรองรับนั้นยังไม่รองรับ 4K 60FPS ครับแต่ในความละเอียดอื่นๆก็รองรับทั้งหมดส่วนเรื่องของกันสั่นมาพร้อมกับ OIS-EIS ทั้งคู่ เรื่องของความนิ่งนั้นทำได้ดีมากๆในเรื่อง 1080P  นั้นถือว่าเป็นจุดที่ความละเอียดนิ่งที่สุด  แต่โทนสีของภาพนั้นยังแอบแปลกๆในเรื่องความแม่นยำในบางช่วงแสงครับ แต่ในพวก 4K นั้นยังแอบสั่นเยอะกว่าเรือธงตัวอื่นอยู่แบบชัดเจน แต่เรื่องเสียงนั้นก็ยังทำได้ดีครับ รวมถึงการถ่าย 960FPS นั้นเป้นค่ายที่ยังคงทำได้ดีในเรื่องความคมชัด FULLHD ครับใน SONY

Cinema Pro

สามารถปรับได้ค่อนข้างเยอะมากๆเหมือนกันเป็นแอพแยกเลยนะครับ จะบอก เวลาถ่าย กราฟเสียง การครอปภาพ ความละเอียด 2K-4K Framerate ต่างๆ การย้อมสี เลนส์ตัวไหน ISO Shutter WB Focus ครับผม และ บอก Codec H.256 ด้วยนั้นเอง และเมื่อถ่ายไปหลายๆไฟล์นั้น มันจะเป็นแถบ Timeline อยู่ด้านล่างหน้าจอนั้นเองครับ ถือว่าเป็นอีกค่ายที่เน้นเรื่องวีดีโออย่างมาก แต่เสียดายเรื่องเสียงยังปรับแต่งได้น้อยกว่าพวกค่าย LG ครับ แต่เรื่องของภาพนั้นปรับแต่งได้มาพอดีกับการตัดต่อและการถ่ายหนังแบบจริงจังทั้ง FPS 29.97 – 23.98 พวกนี้ครับ ซึ่งมันจะให้แบบ FlimLook มากๆและจะไม่เหมือนกับการถ่าย FPS ปกติที่ถ่ายๆกันและง่ายต่อการตัดเฟรมด้วย เรียกได้ว่าค่าต่างๆนั้นทำออกมาเพื่อสายหนังเลยจริงๆ และไม่แน่อาจจะเอาไปใช้งานจริงจังถ่ายหนังสั้นได้สบายๆเลยขอแค่กันสั่นเข้ามาช่วยอีกหน่อยจะลงตัวมากๆครับ และไฟล์ที่ได้ก็จะรองรับกับตัวโปรแกรมได้เลยแหละ ชัตเตอร์นั้นรองรับที่ 1/23.98 ถึง 1/1541.32 จะไม่เหมือนกับการถ่ายภาพนิ่งครับ และสามารถกดถ่ายภาพนิ่งได้ขณะถ่ายวีดีโอด้วย

SONY XPERIA 1

” เรือธง สำหรับสาวกอารยธรรม ที่ลงตัวมากขึ้น ปรับปรุงดีขึ้นแบบชัดเจน “

เป็นครั้งแรกที่ SONY ทำได้ดีเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ว้าวขึ้นมากเมื่อมองในค่ายตัวเอง ทั้งเรื่องหน้าจอ กล้อง การออกแบบทั้งหลายได้ยกระดับไปอีกครั้ง แต่เมื่อมองเทียบกับค่ายอื่นเทียบราคาแล้วอาจจะยังไม่ได้โดดเด่นครับแต่ถ้ามองในค่ายตัวเองถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาน่าจะลงตัวที่สุดในรอบหลายๆปี เป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้งานและประทับใจและถ่ายรุปแล้วไม่หงุดหงิดแบบรุ่นก่อนๆถือโอเคเลยแหละสามารถใช้งานได้สบายๆอีกทั้งหน้าจอแบบใหม่การจับถืออะไรก็ทำได้ถนัดมากและประสิทธิภาพที่แรงพอสมควร อีกทั้งระบบใหม่ๆที่ใส่เข้ามาาทั้งการถ่ายวีดีโอ และโฟกัสก็ช่วยได้ดี แต่ก็ยังมีบางจึดที่ขัดใจเช่นตัดชาร์จไร้สายออกไป หรือจอที่ยังสู้แสงไม่ได้โหดมากนัก หรือจะเป็นระบบเสียงที่ไม่เจอการพัฒนาเท่าไรจากรุ่นก่อนๆอันนี้แอบเสียดายจริงๆ และที่เสียดายสุดๆคือมันไม่มีศูนย์ไทยเข้ามาขายครับผม

 

ข้อดี

  • หน้าจอ 4K HDR OLED ทำได้สวย และ คุณภาพดีมากๆ
  • อัตราส่วน 21:9 จับถือได้ถนัดมือและพกพาง่ายกว่าที่คิด
  • ระบบ UI ยังคงเสถียรและลื่นไหล
  • งานประกอบแน่นไว้ใจได้ตามแบรนด์ SONY
  • ลำโพง และ ระบบสั่นตามเสียงดีกว่าเดิม
  • กล้องหลังคุณภาพทำได้ดีขึ้น รองรับมุมกว้างที่ถ่ายได้ดี
  • วีดีโอทำได้นิ่งมากๆและมีโหมด Cinepro  เข้ามา
  • Eye Tracking นั้นมีประโยชน์มากๆ
  • ประสิทธิภาพ ความแรงตัวเครื่องทำได้ดี

ข้อสังเกต

  • หน้าจอทำได้ดีจริง แต่สู้แสงยังแอบน้อยไปนิด
  • เรื่องเสียงหูฟังยังไม่เจอการพัฒนามากนัก
  • ไม่มีรองรับชาร์จไร้สาย
  • ไม่มี 4K@60fps
  • สแกนนิ้วยังแอบหน่วงๆ
  • Portrait Mode ต้องพัฒนาอีกหน่อย
  • ไม่รองรับ Wi-Fi 6

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

TREE MOBILE MBK  ชี้เป้า  TREEMOBILE เป็นร้านประจำของทีมงานเองไปซื้อเครื่องหิ้วครับ แอดแนะนำเลย ไว้ใจได้ ชี้เป้าให้เเล้วนะ เห็นถามกันมาหลายคน เพราะทางเราไม่มีขายนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares