Samsung ประเทศไทยนั้นได้เปิดตัว Galaxy S21 Ultra 5G ในประเทศไทยกันไปเรียบร้อย แต่แน่นอนว่าด้วยสเปกในไทยนั้นทุกๆครั้งจะได้ EXYNOS เป็นหน่วยประมวลผลทุกครั้งครับ แต่ในตลาดต่างประเทศอื่นๆนั้นอย่างที่ทราบกันดีจะได้ใช้งาน SNAPDRAGON 888 เป็นหน่วยประมวลผลที่หลายๆคนน่าจะชื่นชอบกันครับ ทางเราเลยขอจัดตัว S21 Ultra 5G ในสเปกมาพรีวิวกันซะหน่อย ก่อนจะไปอ่านรีวิวเต็มๆกันแน่นอนว่าสเปกอื่นๆนั้นไม่ได้แตกต่างกับตัว EXYNOS เลยแต่การเปลี่ยนหน่วยประมวลผลมาใช้งาน SNAPDRAGON นั้นก็จะส่งผลในหลายๆเรื่องทั้งการจัดการความร้อน การประหยัดแบต หรือแม้แต่เป็นการใช้งานเวลาเล่นเกม ถ่ายรูปทุกอย่างล้วนมีความแตกต่าง

Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ภายในตัวเครื่องใช้ชิป Snapdragon 888 พร้อมกับ GPU Adreno 660 ใช้งาน RAM 12GB STORAGE 256 GB มาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ขนาด 6.8 นิ้วความละเอียด Quad HD+ ที่มีรีเฟรชเรทแบบปรับได้อัตโนมัติตั้งแต่ 10-120Hz ตัวเครื่องมาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบ Ultrasonic ใหญ่กว่าเดิม 70% ภายใต้หน้าจอ และรันบนระบบปฏิบัติการ OneUI 3.1 ที่ครอบอยู่บน Android 11 ที่รองรับบริการของ Samsung ไม่ว่าจะเป็น Bixby, Samsung Health และ Samsung Pay พร้อมโมดูลกล้องหลังแบบใหม่ที่มีการตัดแบบ Contour ที่ดูเข้ากับตัวเครื่องโลหะด้านหลังอย่างไร้รอยต่อ โดยกล้องหลังมีจำนวน 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 108MP + กล้อง ultra-wide 12MP + กล้องเทเล 10MP + กล้อง Periscope 10MP รวมทั้งเซ็นเซอร์ ToF 3D ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 40MP และสามารถถ่ายวีดีโอได้สูงสุด 8K  มาพร้อม Ultra-wideband capabilities (UWB) ที่สามารถใช้ปลดล็อกรถยนต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจรถ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ AR finder ที่สามารถปล่อยข้อความเสมือน (virtual message) ที่สามารถบอกผู้ใช้งานสมาร์ตโฟน Galaxy คนอื่นให้ช่วยค้นหาของหายได้ด้วย ตัวเครื่องกันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 25W และชาร์จเร็วไร้สาย 15W รวมทั้งฟีเจอร์ PowerShare แบบไร้สายที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ Qi ได้

SAMSUNG GALAXY S21 ULTRA 5G ใช้งาน SNAPDRAGON 888 มาพร้อมกับ RAM 12 GB STORAGE 256GB เป็นเครื่องหิ้ว จากทางร้าน TREEMOBILE ณ ตอนรีวิว อยู่ที่ 35,000 บาทไทยครับ 

UNBOX

ตัวกล่องอย่างที่ Samsung ได้แจ้งไปนั้นจะเป็นการลดทรัพยากรทั้งหมดทำให้ไม่มีการแถมหัวชาร์จ Adaptor รวมถึง หูฟัง และ เคสมาให้อีกแล้วครับ ทำให้ตัวกล่องนั้นบางลงและลดการใช้วัสดุทั้งหลายได้ดีมากขึ้น ตามรอย Apple

  • ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
  • สาย USB-C ไป USB-C
  • คู่มือ
  • ฟิล์มกันรอย ติดตั้งมาให้แล้วบนหน้าจอแบบพลาสติก

DESIGN

งานออกแบบนั้นการวางกล้องยังคงไว้มุมซ้ายบนเช่นเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบส่วนของโมดูลตัวกล้องใหม่ทั้งหมดมีความนูนน้อยลงกว่าเดิมแต่ก็มีการออกแบบให้มีความโค้งมลแปลกตามากขึ้น กล้องหลังมาพร้อมกับ 5 รูหลักๆที่จะเป็น เซนเซอร์ TOF 3D ด้วยเช่นกัน และยังคงมีความใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม และยังมีเลนส์ Periscope ใส่เข้ามาให้ในเลนส์ล่างสุด แต่จะอยู่ในกรอบวงหลมเช่นเดิมแบบเดียวกับ Note 20 ก่อนหน้านี้ครับ วัสดุฝาหลังเป็นกระจกด้านเล่นแสงสวยงามและตรงโมดูลกล้องเป็นวัสดุเงินด้านทั้งหมดก็ถือว่าดูแปลกตามากกว่ารุ่นก่อนๆอยู่นะ ส่วนความหนา และ หนัก ต้องเข้าใจกันในเรื่องของทั้งสเปก แบต กล้องที่กินพื้นที่ทำให้ตัวเครื่องแอบหนักไปนิดๆ

หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ เจาะรูเช่นเดิม เป็นกล้องหน้าตรงกลางพร้อมกับใช้งาน หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ขนาด 6.8 นิ้วความละเอียด Quad HD+ ที่มีรีเฟรชเรทแบบปรับได้อัตโนมัติตั้งแต่ 10-120Hz และมีขอบหน้าจอที่บางมากขึ้นกว่าเดิมทั้งในด้านหน้าขอบบน และ ขอบล่างของตัวเครื่องครับ

ขอบด้านล่างของ S21 Ultra 5G นั้นเราจะเห็นปุ่มควบคุมทั้งหมด ที่สามารถใช้งานแบบ GESTURE ได้และขอบที่บางมากกว่าตัวก่อน แต่ยังไงนั้นขอบล่างก็จะไม่ได้บางเท่ากับขอบข้างๆ หรือขอบด้านบนเท่าไรเป็นปกติของตัวเครื่อง

หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นขอบบางที่ใกล้เคียงกับขอบข้างๆพร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรูตรงกลางในความละเอียด 40MP f2.2 และมาพร้อมกับ ลำโพง และ เซนเซอร์ต่างๆนั้นจะใส่เข้ามาตรงขอบด้านบนทั้งหมดเลยนั้นเอง

ขอบเครื่องส่วนล่างนั้นเราจะเห็นว่า มาพร้อมกับลำโพงตัวหลัก และ รู USB-C 3.1 และ รูไมค์ รวมถึงถาดซิม ที่ครั้งนี้ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD ได้แล้ว และขอบเครื่องนั้นจะเป็นวัสดุเงาทั้งหมดเป็นคล้ายๆกับโครเมี่ยมสวยงามครับ

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่าตัวกล้องนั้นหนาขึ้นจากบอดี้ และครั้งนี้เหมือนจะพยายามให้งานออกแบบนั้นเป็นชิ้นเดียวกันจากส่วนของเครื่อง เลยทำให้มุมขวานั้นขอบเครื่องจะหนาขึ้นเล็กน้อยแต่ก็เป็น Unibody มากขึ้นนั้นเองครับ

ขอบเครื่องในด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมทั้งหมด ทั้งการเพิ่ม ลด เสียง และ ปุ่ม Power ของตัวเครื่อง และมีความบางพอสมควร แต่ส่วนกล้องนั้นจะเป็นการใช้งานขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดก็ถือว่ามีความแข็งแรงมากขึ้น

ในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่าถ้าหากไม่ได้มองไปที่เลนส์กล้องนั้นถือว่ามีความบางระดับนึง แต่ในฝั่งนี้จะไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรครับ และมีเพียงขีดเสา สัญญาณเท่านั้น และตัวเครื่องก็รองรับการใช้งาน 5G ในไทยเรียบร้อย

ในด้านฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่า สีเงิน (Phantom Silver) นั้นจะเน้นไปที่ขอบเครื่องสีเงินเป็นหลัก แต่ฝาหลังนั้นจะเป็นแบบกระจกด้านที่มีการเล่นสีสันเมื่อเจอแสงเล็กน้อยทำให้จะออกอมฟ้า หรือ ว่าม่วงไปบ้างในหลายๆสภาพแสง และ โลโก้ยังคงใส่เข้ามาอยู่ในด้านล่างตัวเครื่อง และ สแกนนิ้วนั้นแน่นอนว่าเรือธงไปใช้งานบนหน้าจอทั้งหมดครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้แม้จะรองรับการใช้งานปากกา S-Pen แต่ก็ยังไม่มีการแถมหรือที่เสียบแบบในตระกูล Note ครับผม

ตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับ กล้องตัวหลัก 108MP (f/1.8) ที่ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HM3, OIS และ กล้อง Ultra Wide 120° 12MP (f/2.2) รวมถึง กล้องเทเล 10MP รองรับ OIS สามารถซูมได้ 3x และ ตัว กล้อง Periscope 10MP สามารถซูมได้ 10x, ซูมแบบ Space Zoom ได้ 100x, เซ็นเซอร์ Laser autofocus, ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่ายวิดิโอ 8K ได้ที่ 30fps รวมถึง มีการใส่ เซ็นเซอร์ ToF3D มาให้ด้วยเช่นกันครับตัวนี้

SPEC

  • หน้าจอ Dynamic Infinity-O-Edge AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว (3200 x 1440พิกเซล) Quad HD+, 515 PPI, รีเฟรชเรทแบบ Adaptive 120Hz (ปรับอัตโนมัติ 10~120Hz), ความสว่างสูงสุด 1500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm / Samsung Exynos 2100
  • RAM LPDDR5 12GB/16GB + ความจำ 128GB/256GB/512GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.1
  • กล้องหลัง
    • กล้องตัวหลัก 108MP (f/1.8) ที่ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HM3, OIS
    • กล้อง Ultra Wide 120° 12MP (f/2.2)
    • กล้องเทเล 10MP รองรับ OIS สามารถซูมได้ 3x
    • กล้อง Periscope 10MP สามารถซูมได้ 10x, ซูมแบบ Space Zoom ได้ 100x, เซ็นเซอร์ Laser autofocus, ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่ายวิดิโอ 8K ได้ที่ 30fps
    • เซ็นเซอร์ ToF3D
    • แฟลช LED
  • กล้องหน้า 40MP (f/2.2)
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น (มาตรฐาน IP68)
  • ขนาดตัวเครื่อง: 165.1 x 75.6 x 8.9มม. ; น้ำหนัก: 228 กรัม
  • รองรับ 5G SA/NSA, 4G VoLTE, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.1, UWB, GPS + GLONASS, NFC, MST
  • USB 3.1
  • แบตเตอรี่ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 25W, ชาร์จไร้สาย Qi 15W

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้แน่นอนว่าการใช้งาน Snapdragon 888 ทำให้ในเรื่องของคะแนนนั้นทำได้ดี แต่ทาง ANTUTU อาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก แต่เมื่อไรความร้อนสูง SNAPDRAGON จะคงคะแนนได้ดีกว่า ไม่ตกหนักเหมือนกับทาง EXYNOS ครับ และ ทางด้าน GEEKBENCH นั้นถือว่า SNAP จะดีกว่าในส่วนของ SINGLE CORE แต่ถ้า MULTI นั้นไม่ได้หนีกันเท่าไรนัก ทางด้าน Androbench นั้นทำไปได้สูงมากๆในการอ่านเขียน อ่านทะลุ 1900MB/s ไปแล้วพร้อมกับเขียน 800 MB/s ก็ถือว่าเร็วแรงใช้งานได้ดี  และแน่นอนว่ารองรับการดู NETFLIX HDR อะไรเต็มที่แน่นอนครับไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ รวมถึงระบบเสียงอะไรก็ทำได้เต็มที่ของระบบเลยครับ

SYSTEM UI

หน้าตาเรือธงตัวนี้ยังคงใช้งาน ONE UI 2 ตัวล่าสุดครับ  ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ และพัฒนาแก้ไขจากรุ่น 1 มาเยอะขึ้นในแง่ของความเสถียรครับและหน้าตาบางอย่างเลยทำให้ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และรู้สึกว่ามันมีความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจนในการพัฒนารอบนี้ และเปลี่ยนแปลงหน้าตาจากรุ่น Note 20 ก่อนหน้าเยอะพอสมควร

หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย

สำหรับเรื่อง RAM 12 GB  นั้นใช้ประมาณ 6.2 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ  ส่วนตัวความจุนั้น เหลือ 220 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 18.4 GB แน่นอนว่าความจุเหลือๆในการรองรับกาที่ถ่าย 8K 4K คีย์บอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ แค่ในรุ่นนี้จะไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำอะไรแล้วนะ

และเป็น S รุ่นแรกที่รองรับการใช้งานปากกาแน่นอนว่าถือว่ามีความพิเศษมากๆแต่ปากกานั้นอาจจะไม่ได้พกพาง่ายหรือเล็กเท่ากับ Note ครับจะไปคล้ายๆกับ Huawei Mate ที่ใช้ปากกาได้นั้นเอง อาจจะยังไม่ทดแทน Note ได้เต็มที่ ส่วนปุ่มด้านข้าง หรือ Gesture นั้นยังไม่ได้แตกต่างกับเดิมเท่าไร ยังดีที่ไม่ได้ตัดอะไรทิ้งออกไปครับตัวนี้

ในส่วนของจอภาพนั้นมีมาให้ปรับเปลี่ยนทั้ง โหมดมืด ปรับเปลี่ยนความลื่นไหล ฟิลเตอร์แสงฟ้า และ เปลี่ยนปุ่มนำทางได้ครับว่าจะใช้งานแบบไหน รวมถึงพวก Alwayson ก็สามารถปรับได้ เยอะแยะหลากหลายเช่นเดิมเลยครับ

THEME

ธีมการออกแบบนั้นสามารถเปลี่ยนอะไรต่างๆได้ทั้งหมดครับพวกหน้าจอ แอปต่างๆ หน้าจอ AOD พวกนี้ครับ และตัวธีมนั้นมีทั้งแบบเสียตังค์ และ ไม่เสียตังค์สามารถเลือกได้ค่อนข้างเยอะทั้งแบบน่ารักๆต่าง หรือ เท่ๆก็มีครับ แต่การเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นก็อาจจะไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก ไม่ได้เปลี่ยนพวกหน้าแจ้งเตือน หรือ ตามแอปเท่าไรครับ

SCREEN

หน้าจอทาง S21 Ultra 5G นั้นยังคงรองรับการใช้งานได้ดี แน่นอนว่าแบรนด์นี้ยังคงขึ้นชื่อเรื่องของหน้าจอครับคุณภาพสูงและมีความสวยงามรวมถึงลื่นไหลมากถึง 120Hz อีกทั้งในรุ่นนี้ก็สามารถปรับได้ในความละเอียดสูงแล้วเช่นกัน หน้าจอมาพร้อมกับ หน้าจอ Dynamic Infinity-O-Edge AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว (3200 x 1440พิกเซล) Quad HD+, 515 PPI, รีเฟรชเรทแบบ Adaptive 120Hz (ปรับอัตโนมัติ 10~120Hz), ความสว่างสูงสุด 1500nits, ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ซึ่งเป็นรหัสสูงสุดของกระจกในตอนนี้มีความแข็งแรงและทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เยอะมากครับ หน้าจอนั้นถือว่ามุมมองต่อการใช้งาน การสู้แสงนั้นรองรับได้สบายๆในการใช้งานทั้งกลางแจ้งแล้วก็กลางคืนสามารถหรี่ได้เยอะมากเช่นกัน ส่วนติดนิ้วอะไรนั้นไม่มีปัญหาครับ การสแกนนิ้วนั้นใหญ่มากขึ้นต่อพื้นที่การใช้งาน และ หน้าจอมีฟิล์มติดตั้งมาให้เรียบร้อยครับ ส่วนคุณภาพสีถือว่าดีอันดับต้นๆในตอนนี้เลย

หน้าจอในมุมมองด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่าการแสดงผลนั้นถือว่าดีและทำออกมาได้ประทับใจทั้งเรื่องของการสู้แสงสะท้อนหรือจะเป็นการใช้งานเวลาออกกลางแจ้งต่างๆ ทำให้มุมมองนั้นรองรับการใช้งานดูหน้าจอได้ดีเช่นกัน อีกทั้งทางค่ายเองยังมีการปรับโหมดความสว่างสุงสุดเพิ่มเข้ามาซึ่งในภาพนั้นก็ได้เปิดความสว่างสูงสุดแล้วด้วยเช่นกันครับ ส่วนงานออกแบบหน้าจอนั้นยังคงไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆมากนักเป็นหน้าจอแบบเจาะรูเช่นเดิมตรงกลาง และใช้งานกล้องหน้า 1 ตัว ไม่มีการใส่สแกนใบหน้าอะไรเข้ามาครับ ส่วนการสัมผัสอะไรนั้นใช้งานติดนิ้วได้ดีเช่นเดิมในการสัมผัสทั้ง เล่นเกม หรือจะเป็นการดู Content ต่างๆรองรับกับหน้าจอ 120Hz ได้เป็นอย่างดีครับถือว่าถ้าเทียบกับเรือธงด้วยกันหน้าจอค่ายนี้ถือว่าดูดีอันดับต้นๆเช่นเดิมและเป็นจุดที่ยังคงทำได้ดีและน่าประทับใจในภาพรวมครับ

SOUND

ทางด้านระบบเสียงนั้นต้องบอกเลยว่าในการที่ตัดรู 3.5 มม. ออกไปนั้นทำให้การส่งเสียงนั้นจะเป็นเสียงที่ใช้งานไร้สายทั้งหมดและระบบไร้สายแบบนี้ทำให้ขึ้นอยู่กับหูฟังเป็นหลักและระบบการส่งสัญญาณด้วยเช่นกันครับอาจจะเทียบได้ยากกว่าแบบแต่ก่อนแล้ว ซึ่งทางเราก็จะพยายามเทียบกับหูฟังที่ตัวเดียวกันในหลายๆรุ่นและไฟล์เพลงรวมถึงแนวเพลงคล้ายๆกันครับ ซึ่งตัว S21 Ultrs 5G Snapdragon ในเรื่องของเสียงนั้นไม่ได้แตกต่างกับ Exynos เท่าไรนักเสียงไม่ได้มีความพิเศษเพิ่มเติมอะไรเข้ามา กำลังขับยังคงทำได้ตามสไตล์รุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงแนวเสียงเวลาเปิดเพลงก็ไม่ได้หนีแตกต่างกันมากถ้ามองเทียบกับ S20 Ultra ก่อนหน้า รวมถึงระบบเสียงยังมี Dolby Atmos ใส่เข้ามาให้เล่เนเช่นเดิม เสียงจะออกไปในแนวทาง ใสๆ รายละเอียดดี และ มิติจิ แต่เสียงเบสอะไรอาจจะไม่ได้แน่นสะใจ

SPEAKER 

ทางด้านลำโพงรุ่นนี้ยังคงทำได้ประทับใจมากๆรุ่นนึงในบรรดา Smartphone เรือธง ถ้าไม่นับสาย Gaming ที่ลำโพงนั้นจะเด่นกว่าอยู่แล้วทั้งเรื่องของตำแหน่งและคุณภาพ แต่ถ้ามองเรือธงที่ใช้งานทั่วไปนั้น Samsung เองบอกเลยว่ามาโหดมากๆตัวนึง ในรุ่น S21 Ultra 5G ตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่ตำแหน่งเดิม รองรับระบบเสียง Dolby Atmos รวมถึงเสียงดังสะใจมากขึ้น เสียงมีคุณภาพเสียงแน่นมากขึ้น แม้ความดังอาจจะไม่ได้แตกต่างจากเดิมนัก แต่เสียงที่คุณภาพดีขึ้นนั้นรู้สึกได้ชัดเจนมากๆเลย ถือว่าจะเน้นพัฒนาคุณภาพมากขึ้นแต่ความดังอาจจะไม่ได้ต่างกัน

GPS

ในการใช้งาน Snapdragon ในการนำทางนั้นยังคงไว้ใจได้มากๆตัวนึงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆที่เคยลองไปในตัว Exynos ครับในการนำทางนั้นทดสอบนำทางจริงๆในการเดินทางไปต่างจังหวัด รวมถึงการใช้งานในเมืองบอกเลยว่า ความแม่นยำนั้นทำออกมาได้ประทับใจมากๆทั้งเรื่องของความนิ่ง จำนวนที่จับได้รวมถึง การใช้พลังงานก็ไม่ได้ลดสูบไวมากนัก รวมถึงความร้อนครับ ในการใช้งานนั้นถ้ากลางแจ้งทั่วไปนั้นจับได้ทั้งหมด 53ดวง จากที่เห็น 102 ดวง และ ในส่วนที่ร่ม หรือใต้ทางด่วน อุโมงค์ต่างๆนั้นสามารถจับได้ทั้งหมด 19 ดวง และ เจอทั้งหมด28 ดวง ถือว่ายังคงไว้ใจ Snapdragon ได้เช่นเดิมในการนำทางไม่ว่าจะรุ่นไหน และทำงานร่วมกันกับ 5G ในไทยได้แบบสบายๆ

BATTERY

การใช้งานแบตตัวนี้บอกเลยว่า Snapdragon นั้นทำออกมาได้ประทับใจ ในการกินพลังงานต่างๆนั้นรู้สึกได้เลยว่าอึดกว่าตัว Exynos อันนี้แอดมินเองทดสอบโดยการถือทั้ง 2 เครื่องและเอาไปใช้งานจริงทั้งคู่ และ ถ่ายภาพนำทางต่างๆทดสอบกันเต็มที่ และมาดูว่าวันนึงจะเหลือกันเท่าไรซึ่งทาง Snapdragon เองนั้นแบตจะได้อึดกว่า Exynos 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อง และ ความร้อนเวลาใช้งานกล้องทำได้ดีกว่า Exynos ครับถือว่าเป็นจุดหลักๆที่สัมผัสได้นะ แต่ถ้ามองว่าอึดต่างกันแบบเยอะมากไหมอาจจะไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ก็พอรู้สึกได้แค่นั้นครับผม ในภาพเราจะเห็นว่าใช้งาน 12 ชั่วโมง จอเปิด 6 ชั่วโมง เหลือกลับมา 12% และ ใช้งานทั้ง นำทาง ถ่ายรูป และ เข้าแอพทั่วไปจัดเต็ม

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้เป็นส่วนที่พัฒนามากขึ้นในเรื่องของคุณภาพ การจัดการแสงสีรวมถึงมิติของภาพต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆ การใส่เทเล 2 ตัวมาทำให้การถ่ายนั้นทำออกมาได้ประทับใจมาก 3X 10X เป็นระยะที่ใช้งานได้จริง ไม่ไกลมากเกินไป และไม่ใกล้มากเกินไปรวมถึงการโฟกัส การวัดระยะอะไรนั้นพัฒนาขึ้นไปทั้งหมดเลยเช่นเดียวกันครับตัวนี้ ทางด้านฟีเจอร์การถ่ายก็ยังคงจัดเต็มเช่นเดิม และมีโหมดการถ่ายวีดีโอแบบ มุมมองผู้กำกับใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันครับ สำหรับทางสเปก กล้องตัวหลัก 108MP (f/1.8) ที่ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HM3, OIS และ กล้อง Ultra Wide 120° 12MP (f/2.2) รวมถึง กล้องเทเล 10MP รองรับ OIS สามารถซูมได้ 3x และ ตัว กล้อง Periscope 10MP สามารถซูมได้ 10x, ซูมแบบ Space Zoom ได้ 100x, เซ็นเซอร์ Laser autofocus, ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60fps, ถ่ายวีดีโอ 8K ได้ที่ 30fps รวมถึง มีการใส่ เซ็นเซอร์ ToF3D มาให้ด้วยเช่นกันครับตัวนี้ และ การใช้งาน Snapdragon 888 ส่งผลทำให้ภาพถ่ายดีกว่าตัว Exynos แบบชัดเจนทั้งโทนสี คุณภาพในการจัดการภาพ Noise หรือจะเป็นระยะซูมที่ดีกว่า Exynos ที่ขายไทยชัดเจนมากๆครับ ตรงกับที่ต่างประเทศทดสอบ และ ทำให้ในการถ่ายใช้งานจริงๆนั้นรู้สึกเลยว่า คุณภาพโดยรวมนั้นทำได้ประทับใจและสีสันแม่นยำกว่า

PORTRAIT

TELE 3X-10X-30X-100X

SELFIES

กล้องหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหน้า 1 ตัวในความละเอียด 40MP รองรับ AF และ คุณภาพในการถ่ายถือว่าดีมาพร้อมกับการปรับระยะ 2 ระยะในภาพนิ่ง แต่การถ่ายวีดีโอเป็นแค่ระยะเดียวนะครับ สเปคของ กล้องหน้า 40MP (f/2.2) มุมภาพ 26mm (wide), 1/2.8″, 0.7µm, ใช้งาน PDAF ทำให้มันเป็นกล้องหน้าที่มี AF ไม่กี่ตัวในตลาดและจุดนี้ยังคงชมทางค่ายที่ยังใช้งานแบบนี้ครับ ส่วนเรื่องของฟีเจอร์การถ่ายรองรับทั้งการถ่าย ละลายหลังต่างๆหรือจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งโหมดกลางคืนต่างๆทำออกมาได้ดี โทนสี สกินโทนสวยงาม ไม่เวอร์ ไม่หลอกตา ขาวแบบอิ่มไม่ขาวซีดครับ รวมถึงการเปิดหน้าเนียนทำได้เนียนตาแบบกำลังดี หน้าไม่เวอร์จุดนี้ ผู้ชายหลายๆคนน่าจะใช้งานกันได้แบบไม่เขิน รวมถึงการโฟกัส ระยะโฟกัสทำออกมาได้สวย มิติภาพดีด้วยเช่นกันครับ มุมมองก็กว้างในภาพนิ่งทำให้มันเป็นกล้องหน้าที่ใช้งานได้ดีมากๆตัวนึงในบรรดาเรือธง ทั้งโทนสี คุณภาพและการที่มี AF เข้ามา

VIDEO 

งานวีดีโอนั้นทำได้ดีขึ้นชัดเจน ในเรื่องของการรองรับการถ่ายทั้งฟีเจอร์ที่เสริมเข้ามามากขึ้นทั้ง มุมมอง ผู้กำกับ หรือจะเป็นการถ่าย 8K ต่างๆที่เสริมมาอีกทั้ง โหมดกันสั่นพิเศษยังคงใส่เข้ามาให้ และ Slowmotion อะไรนั้นจัดเต็มเช่นเดิมครับ 8K@24fps, 4K@30/60fps, 1080p@30/60/240fps, 720p@960fps, HDR10+, stereo sound rec. หรือจะเป็นการซูมเสียงต่างๆก็ใส่เข้ามา และที่ชอบมากๆคือการรองรับการใช้งานหูฟัง Bluetooth ในการเป็นไมค์ไร้สายได้อันนี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่เทพและแตกต่างกับค่ายอื่นชัดเจนครับ ส่วนคุณภาพในภาพรวมนั้นทำได้ดีทั้ง สีสันการใช้งาน การกันสั่น การอัดเสียงทั้งหมด และ สกินโทนในการถ่ายกล้องหน้าก็ทำออกมาได้ประทับใจ

SAMSUNG GALAXY S21 ULTRA 5G SNAPDRAGON

” สเปคของ Snapdragon ยังคงไว้ใจได้ในหลายๆเรื่อง ลงตัวและน่าใช้งานที่สุด ! “

ในเรื่องของสเปกอื่นๆนั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ CPU จะมีผลในการจัดการหลายๆอย่างถ้าเราได้เอามาใช้งานจริงๆครับ ทั้งการประมวลผลการถ่ายภาพ การแต่งภาพหรือจะเป็นเล่นเกม ใช้งานแอปหลายๆอย่างที่มีการทำงานหนักมากขึ้น หรือจะเป็นความร้อน การกินพลังงานทุกอย่างนั้นมีความแตกต่างกับ EXYNOS แบบรู้สึกได้ครับถ้าเอามาเทียบกันหรือว่าไปจับรุ่นนั้นมาก่อนแล้วสลับมารุ่นนี้ อย่างเช่นแอดเองก็แต่งภาพบ่อย เมื่อประมวลผลเยอะๆ Snapdragon แอบทำได้ไวและเสร็จไวกว่าประมาณนี้เลย ส่วนในเรื่องของ หน้าจอ กล้อง คุณภาพ ลำโพงหรือจะเป็นงานวีดีโอ รุ่นนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆของทาง Samsung แล้ว และยิ่งได้ Snapdragon 888 มาแบบนี้ทำให้ๆหลายๆคนที่อยากเปลี่ยนเรือธงตระกูล Snap แนะนำมากๆครับ  เพราะทำให้รีดประสิทธิภาพของกล้องออกมาได้เต็มที่มากๆภาพมีความคมมากขึ้น Noise เนียนตาไม่วุ้น ระยะไกลๆไม่วุ้นเท่าไร รวมถึงโทนสีของภาพทำได้ดีกว่าด้วยเช่นกัน อีกทั้ง เรื่องของความร้อน หรือ เวลาใช้งานกล้องนานๆทำได้ดีกว่า Exynosแบบรู้สึกได้รวมถึงการใช้พลังงานด้วยเช่นกันที่จะดีกว่า 1 ชั่วโมงคร่าวๆในการใช้งานจริง ทำให้มันคือสเปคที่ควรค่าแก่การใช้งานสำหรับ สายถ่ายภาพ มากๆ มันไม่ได้ดีกว่าแค่เล่นเกม แต่มันลงตัวทั้งหมดในการใช้งานทั่วไปแล้วครับในสเปค Snap ตัวนี้

ข้อดี

  • การใช้งาน Snapdragon ส่งผลทั้งภาพถ่าย และ ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นชัดเจน
  • แบตค่อนข้างอึดกว่าเดิมแบบรู้สึกได้
  • ตัวเครื่องถือว่าจัดการความร้อนได้ดี แม้จะเป็น Snapdragon 888
  • หน้าจอสวย สู้แสงได้ดี มิติภาพดี ลื่นไหล 120Hz
  • ลำโพงดังสะใจมากขึ้นพร้อมกับคุณภาพ มิติเสียงที่แน่นขึ้น
  • กล้องหลังระยะ 10X 3X 30X คุณภาพดีใช้งานได้จริง
  • กล้องหน้า หลัง ในการถ่ายทั่วไป มิติภาพ DR ดีมาก
  • งานออกแบบ วัสดุยังคงทำได้ดีสมราคาเรือธง
  • การ Process ภาพถ่าย Snapdragon ดีกว่า Exynos ชัดเจน 

ข้อสังเกต

  • เนื่องจากเป็นเครื่องนอกต้องรับความเสี่ยงการรับประกันนอกเอาเองนะครับ
  • ตัวเครื่องแอบใหญ่พอสมควร
  • กล้องหน้า วีดีโอ มุมมองแอบแคบไปเล็กน้อย

TREEMOBILE 

TREE MOBILE MBK  ชี้เป้า  TREEMOBILE เป็นร้านประจำของทีมงานเองไปซื้อเครื่องหิ้วครับ แอดแนะนำเลย ไว้ใจได้ ชี้เป้าให้เเล้วนะ เห็นถามกันมาหลายคน เพราะทางเราไม่มีขายนะ อันนี้ก็ให้เค้าจัดส่งได้เลยครับไม่ต้องไปถึงร้านนะครับ มีบริการส่งก็สบายใจได้เลย ตอนที่รีวิวราคายังเป็น 26,990 บาท สำหรับ LG WING  // านทรีโมบายย้ายชั่วคราวมาที่ล็อค 4A-104 ใกล้บันไดเลื่อนฝั่งโตคิว 

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares