จากที่ทางเราได้ลองใช้งาน AMD Ryzen 7 4800Hs ที่เมืองนอกตอนงานเปิดตัวและได้ลองเจ้า ASUS ไปในงานนั้นต้องบอกว่าตั้งหน้าตั้งตารอเลยก็ว่าได้ในครั้งนี้ก็ได้เปิดตัวในไทยมาแล้วเรียบร้อยครับในรุ่นนี้มาพร้อมกับ สเปคจัดเต็มในเรื่องของ Ryzen 4000 Series ที่ใช้งานรหัส HS ตัวเทพพร้อมกับความเบาบางในตระกูล Zephyrus ของค่าย ROG ถือว่าลงตัวเพราะตระกูลนี้เน้นบางเบา และ สเปคแรงเอาเรื่องนั้นเอง อีกทั้งเรื่องของหน้าจอ การใช้งานส่วนอื่นๆก็ตอบโจทย์และยิ่งในยุคใหม่นั้น รุ่นนี้ก็ออกแบบมาตอบโจทย์รองรับการใช้งานได้เต็มที่มากๆเลยทั้งทำงาน เล่นเกม หรือจะเป็นสายงานอื่นๆเพราะคุณภาพหน้าจอนั้นพัฒนาขึ้นมาก ทำให้สีอะไรต่างๆนั้นไว้ใจได้แบบสบายๆ

ROG Zephyrus G15 นั้นถือว่าเป็นตัวแรก นำร่องในการเปิดใช้งาน Ryzen 4000 Series ตัวเทพล่าสุดจากทางค่าย AMD ครับที่มาพร้อมกับ  AMD Ryzen 7 4800HS (TDP 35W) ที่มีคอร์ประมวลผลแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ให้ความเร็ว 2.9 – 4.2 GHz และ L3 Cache ขนาดใหญ่ 12MB ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ 7nm ครั้งแรกของโลก พร้อมกับ Nvidia GeForce GTX1660Ti ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ROG Boost ให้ GPU Clock ที่ 1240 MHz Memory Clock ที่ 1530 MHz และ Boost Clock ที่ 1435 MHz และใช้งาน RAM 16GB DDR4 16GB แบบ 3200 MHz (รองรับการอัพเกรดสูงสุด 32GB) สตอเรจความเร็วสูงแบบ NVMe PCIe SSD ขนาด 512GB ในส่วนของ หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด FHD รีเฟรชเรทสูง 144Hz 3ms Adaptive Sync และ มาพร้อมกับ เทคโนโลยี PD charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน USB Type-C  และใช้งาน ลำโพงคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยี Smart Amp ให้เสียงคุณภาพระดับ Hires-Audio

ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU AMD Ryzen 7 4800HS  NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q RAM 16GB DDR4 SSD 512GB  15.6 IPS 240HZ ราคาอยู่ที่ 39,990 บาท  การรับประกัน 2 ปีทั่วโลก พร้อมประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty หนึ่งปีแรก โดยสามารถส่งเครื่องเข้าศูนย์บริการผ่านทาง 7-11 ได้ทุกสาขา

UNBOX

อุปกรณ์ในกล่องนั้นก็มีมาให้พอใช้งานถือว่าเพียงพอใช้งานทั้งสายชาร์จต่างๆ คู่มือ น้ำหนักและการพกพาโดยรวมนั้นค่อนข้างดีไม่หนักและพกพาได้ดีมากๆ ส่วนการออกแบบดีไซน์กล่องก็ยังคงธีมออกแบบเช่นกันครับ ส่วนในกล่องนั้นมีของมาให้ ทั้งตัวชาร์จ คู่มือต่างๆครับผม การออกแบบกล่องยังคงคล้ายกับพวกตระกูล GA502 ก่อนหน้า

DESIGN

แน่นอนว่าดีไซน์แนวคิดนั้นยังคงเป็น ROG ที่ออกแบบมาสำหรับสายทำงานมากๆ คือมันลงตัวทั้งความเรียบง่ายและความดุดันไม่มีการเล่นแสงไฟ สีลวดลายอะไรให้มันรกเลยครับ ถือว่ามันเหมือนเป็นความสมมาตรของตัวเครื่องเมื่อมองจากในทุกๆด้านเลยทีเดียว ส่วนตัวไฟด้านหลังตรงโลโก้ไม่มีแล้วนะครับถ้าใครจำกัดได้บางรุ่นจะมีไฟแดงๆครับงานประกอบความแน่นหนาของวัสดุนั้นทำได้ดี วัสดุเป็นโลหะปัดลายในส่วนภายนอกทั้งหมดแต่ในส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักนั้นเบา รวมๆนั้นถือว่าเก็บงานการออกแบบแน่นหนาแข็งแรงทำได้ดีสมกับ ROG ไม่เคยผิดหวังเลยครับ ดีไซน์ภาพรวมก็แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด

การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับ และรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ ไม่มีการเล่นขอบสีทองแดงหรืออะไรเลย เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ แต่ทางด้านฝาหลังนั้นยังมีการเล่น 2 ลวดลายอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไปไหน ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเอง

วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุพลาสติกดำด้านไม่ใช่โลหะอะไรน่าจะช่วยในเรื่องของการพกพาน้ำหนักให้มันดีกว่าเดิม ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 16GB + รวม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น 24GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซับเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 3 เส้นที่ให้มา

ตัวเครื่องรวมๆนั้นจะเป็นวัสดุพลาสติกดำ เมื่อมาดูที่ด้านข้างนั้นจะเห็นช่องระบายความร้อนต่างๆ และตัวข้อพับหน้าจอที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะไม่มีระบบยกตัวเครื่องอะไรแบบรุ่นพี่ แต่ก็ระบายความร้อนได้ดีพอสมควรเลยแหละ ส่วนตรงหน้าจอด้านหน้านั้นจะเขียนชื่อรุ่นสีดำเงาเล็กๆครับไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่ที่น่าสนใจนั้นในรุ่นใหม่ๆทั้งหมดเริ่มจะไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนะ คือตัดออกไปเลยไม่ได้ไว้ขอบล่างอะไรทั้งนั้นคือไม่มีเลยนั้นเองเพื่อความบางของหน้าจอโดยรวม และตรงแป้นคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นเป็นช่องระบายความร้อนเฉียงๆดึงลมเข้าและดึงความร้อนออกไปข้างหลังนั่นเอง

ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้ ROG มาในแบบชื่อเต็มครับ ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม

ตัวโลโก้ไม่มีไฟสีแดงแล้วนั้นเองครับในส่วนวัสดุนั้นเป็นการปัดลายกันคนละแบบและเป็นวัสดุโลหะทั้งหมดในส่วนของฝาหลังขึ้นชิ้นมาเต็มๆ เมื่อมาด้านหน้านั้นขอบจอค่อนข้างบางมากๆ และการที่ตัดกล้องหน้าออกไปทำให้ขอบด้านบนนั้นเท่ากับขอบบ้างๆได้อย่างลงตัว แต่มียางรองกันรอบๆหน้าจอได้ค่อนข้างครบและดูแข็งแรงไปในตัว หน้าจอตัวนี้เป็น 15.6 นิ้ว IPS 144HZ  ส่วนหน้าจอแบบด้านก็ทำได้ดีแต่สีอาจจะไม่สุดมากนักเท่าที่ลองทำงานคร่าวๆครับในการทำงานกราฟิกรู้สึกว่าตัวจอในรุ่น 240Hz ทำเรื่องของภาพได้ดีกว่าแบบชัดเจน ส่วน SRGB นั้นจะได้แค่ 60%

SPEC 

  • AMD® Ryzen™ 7 4800HS Processor, 2.9-4.2 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home – ASUS recommends Windows 10 Pro.
  • หน่วยความจำ 16 GB DDR4 3200MHz SDRAM Onboard memory, 1 x SO-DIMM socket for expansion, up to 24 GB SDRAM, Dual-channel
  • การแสดงผล 15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 144Hz Anti-Glare IPS
  • กราฟิก NVIDIA® GeForce® GTX 1660TI with Max-Q Design , with 6GB GDDR6 VRAM
  • สตอเรจ Solid state drive: 512GB PCIe® Gen3 SSD M.2
  • คีย์บอร์ด Backlit chicklet keyboard
  • เน็ตเวิร์คกิ้ง Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax) Bluetooth 5.0
  • อินเตอร์เฟส
    1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C with DisplayPort™ 1.4 and Power Delivery
    3 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
    1 x HDMI 2.0b
    1 x 3.5mm headphone and microphone combo jack
  • ออดิโอ 2 speakers with Smart AMP technology + Array Microphones + Hi-Res
  • แบตเตอรี่ 4 -Cell 76 Wh Polymer Battery
  • พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์ 180W power adaptor
  • ขนาด Width: 36.0cm Depth: 25.2cm Height: 1.99cm
  • น้ำหนัก NB:2.1 kg

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้เด่นๆเลยคือเจ้า CPU ตัวใหม่ที่ได้ใช้งาน AMD Ryzen 4000 Series รุ่นแรกๆของโลกและที่ขายในไทยเลย มากับเจ้า AMD Ryzen 7 4800HS ขนาด 7nm 2.9-4.2 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache  12MB แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้ และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะแยกเป็น 8GB OnBoard อัพไม่ได้ และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 24GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 512GB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน 

PCMARK

นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว Ryzen 7 4800HS นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 5303   คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,600 คะแนนครับ

3DMARK

นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 2 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5351 ถือว่าดี และในคะแนน Time Spy Extream นั้นทำไปได้ 2418 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง  ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 2 แบบ และ ในการทดสอบนั้นถ้าทดสอบในห้องแอร์นั้นจะได้ที่ 5408 และ 2601 คะแนนครับ ส่วนตัว Fire Strike และ  Fire Strike Extream  นั้นทำคะแนน 12309 และ 6220 คะแนนครับ

CINEBENCH R20 R15 / SSD 

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1558 cb/ 94.83 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผมส่วนเรื่องความร้อนนั้นตามที่แจ้งไป ทดสอบในอุณหภูมิห้อง ไม่มีเปิดแอร์ นะครับผม  ส่วนทดสอบอีกครั้งก็จะได้ประมาณ 1662 cb/ 97.73 FPS — R20ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันครับดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3387 CB เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ แต่ถ้าทดสอบอีกครั้งในอุณหภูมิที่ไม่แอร์จะได้ประมาณ  3387 CB และ Single Core 485 ครับถือว่าคะแนนทำได้ดีทั้ง Single และปกติ ส่วนตัว SSD นั้นทำการอ่านเขียนไป 1719MB/s และ 973MB/s  ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควรจริงๆถ้าใส่ตัวเทพเข้ามาน่าจะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ แต่ตัวนี้ก็สามารถใส่ได้เพิ่มอีก 1 แถวนะครับในการอัพ

SCREEN

แน่นอนว่าตัวจอรุ่นนี้ใช้งาน ขนาด 15.6 นิ้ว IPS Full HD 1920×1080 พิกเซล และเป็นจอแบบ พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare แต่ด้วยขอบบางของมันทำให้ตัวเครื่องมันนั้นมีขนาดแค่คอมพิวเตอร์ 14 นิ้วทั่วไปได้เลย และตัวคุณภาพจอนั้นต้องบอกว่าเป็นสายเกมแต่คุณภาพไม่ได้ด้อยเลยครับ สามารถรองรับการทำงานได้ แต่ๆ ในรุ่นนี้เหมือนตัวหน้าจอจะรองรับ Pantone มาตรฐานได้แต่เท่าที่ใช้งานจริงๆสีความแม่นยำ ขอบเขตสีมันดูไม่ค่อยสูงเท่าไรนักครับอันนี้เรื่องสีอาจจะดรอปกว่าตัวจอรุ่นอื่นนิดหน่อย ถ้าเทียบจอตัว 240Hz นะครับ อันนั้นจะขอบเขตสีดีกว่าแบบรู้สึกได้เลย ใครสายงานนี้ต้องเอาไปคาริเบรตกันหน่อย แต่ถ้าเอามาเล่นเกมบอกเลยว่าสบายครับ ตัวจอนั้นทำงานมาพร้อมกับ 144Hz และ Response Time 3ms บอกเลยว่าสาย FPS ภาพนั้นสมูทและลื่นไหลมากๆเวลาแพนกล้อง หันซ้ายขวาไวๆนั้นช่วยได้เยอะมากครับ ไม่เจออาการสะดุดและให้ประสบการณ์ดีกว่า 60Hz เยอะ ! และด้วยสเปคที่สามารถขับได้ทำให้มันใช้งานได้เต็มที่ด้วยพร้อมกับมี Adaptive Sync ซิงค์อัตราการรีเฟรชกับ GPU ให้เข้ากันได้ทำให้ภาพไม่ฉีกและมีความสมูทเข้าที่กันมากที่สุดด้วยนั้นเองครับแม้จะเป็นคนละค่ายก็คุยกันรู้เรื่องสบายๆ

หน้าจอด้วยความที่มันเป็นแบบ IPS ทำให้มันรองรับการทำงานแบบต้องการความแม่นยำได้อย่างดีครับ ความเพี้ยนของสี เวลาเอียงๆหรือใช้งานในมุมต่างๆแทบจะไม่แตกต่างเลยรวมถึงคุณภาพของตัวมิติสี แน่นอนว่าตัวสีอาจจะไม่ได้เทพมากเหมือนพวกสายตระกูลทำงาน แต่ก็ถือว่าดีอันดับต้นๆของสายเกมเลยแหละทำงานได้แน่ๆ และความสว่างของจอภาพนั้นมาดีมากๆทำงานเล่นเกมถ้าเจอแสงกลางวันหรือแสงเยอะๆก็ยังมองเห็นจอได้ค่อนข้างชัดและสวยงามครับ

KEYBOARD

ตัวคีย์บอร์ดมาครบทั้งตัวปุ่มเสริมในด้านบน ลูกศรในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันครับ ส่วนรุ่นนี้นั้นจะแอบแปลกตาซะหน่อยเพราะไฟนั้นเป็นสีขาวล้วนครับปรับไม่ได้ ปรับได้แค่ความสว่างเท่านั้นตัวอักษรของแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ ส่วนตัวปุ่มนั้นการออกแบบเว้นระยะห่างยังคงทำได้ดีความรู้สึกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่แค่ไม่สามารถปรับแสงไฟหรือ Effect ได้เลยนั้นเอง ส่วนพวกปุ่มการวางตำแหน่งต่างๆนั้นก็ยังคงคุ้นเคยกันได้อย่างดี การจัดวางปุ่มอะไรใช้งานได้ง่ายและเว้นระยะห่างกำลังดีครับ รวมถึงคีย์ลัดต่างๆ ปุ่ม Spacebar ก็มีขนาดกำลังดี

ปุ่มนั้นลงไประยะที่ 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี Over Stroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG ตัวอื่นๆเลยที่เคยทดสอบมานั้นเองครับรวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการหรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับอันนี้ชอบมาก

TOUCHPAD 

ตัวทัชแพดนั้นตัวนี้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือจะไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา แยกกันนะครับจะไม่เหมือนพวกรุ่น STRIX SCAR พวกนั้น ซึ่งรุ่นนี้จะเหมือนไปทางสายใช้งานทั่วไปมากกว่า แต่ก็ดูเป็นชิ้นเดียวกันและแน่นดูแข็งแรง รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ  ทัชแพดอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่สะใจอะไรมากครับขนาดกำลังดีต่อการใช้งาน โทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอป เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักการกดปุ่มก็ไม่เจอปัญหาในการใช้งานอะไรครับ

SPEAKER 

มีตัว SmartAmp + Hi-Res เข้ามาทำให้กำลังขับของตัวลำโพงนั้นดีกว่ารุ่นอื่นๆและมีมิติมากกว่าเดิมครับ การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม จริงๆคือคุณภาพเสียงลำโพงทาง ROG นั้นพยายามพัฒนาขึ้นเรื่อยๆก็ต้องบอกว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เน้นเรื่องนี้ทั้งตัว ROG และ Zenbook ถือว่าไม่ผิดหวังเลยครับในด้านนี้ แต่ความดังสะใจนั้นก็อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นอื่นๆของค่ายที่เคยทดสอบ

CONNECTOR 

พอร์ตต่างๆในด้านขวาด้านนี้ USB Type-A 3.0  ทั้งหมด 2 ช่อง และ รวมถึงช่องระบายความร้อน และ ตัว Kinsington Lock อยู่หลังสุดครับ ส่วนลำโพงนั้นจะยิงลงด้านล่างมุมขวาและซ้ายของเครื่องครับ เสียงก็ยังคงทำได้ประทับใจ จริงๆถือว่างานออกแบบในตระกูลนี้ยังคง Layout เดิมๆทั้งหมดเลยครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

ด้านนี้นั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์+หูฟังแบบ 3.5มม. ช่อง USB C 3.2 PD และ USB A 3.2 และ HDMI 2.0 รวมถึง ยังคงมีช่อง LAN และ ช่องสำหรับจ่ายไฟเข้าเครื่องครับ ในด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สายจะเป็น Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 ถือว่ารองรับการใช้งานเชื่อมต่ออะไรได้สบายๆครับแบบไร้สายและแบบมีสาย

ARMOURY CRATE 

Armoury Crate  เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync ที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลยครับผม และตัวนี้รองรับการเช็คความร้อน CPU ได้เพราะแอป
นอกอาจจะไม่รองรับในตอนนี้ครับ

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด

WORKING 

ในการทำงานจริงนั้นที่ชอบอย่างนึงก็คือประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นทำได้ดีมากๆจนน่าตกใจมันดีกว่ารุ่นก่อนหน้าแบบเยอะมากครับ เท่าที่ลองใช้งานแบบเดียวกันถือว่าจัดการทั้งการทำงานหลายๆโปรแกรมและรวมถึงในการเรนเดอร์ที่ใช้เวลาแตกต่างกันพอสมควรเลยแหละ สายทำงานต้องหันมามองเจ้านี้เยอะขึ้นมาแน่ๆการประมวลผลการทำงานของแต่ละส่วนแยกกันได้ชัดเจนและไม่มีอาการหน่วงหรือค้างอะไรแม้จะทำงานหนักๆทั้ง 3-4 โปรแกรมได้เลยครับถือว่ายกข้อดีให้กับทาง CPU Ryzen 7 ตัวใหม่ในรหัส 4800HS เลยจริงๆการทำงานเลยขอยกตัวอย่างการทำงานจริงมาให้ชมกันครับทั้งในเรื่องของงานออกแบบ งานเรนเดอร์ทำคลิป หรือจะเป็นงานด้าน 3 มิติ รองรับได้สบายและชิลมาก

AUTOCAD + PHOTOSHOP MULTITASK 

การทำงาน 3 โปรแกรมพร้อมกันไม่ได้เรนเดอร์ไปนะครับเปิดเช็ค 3 โปรแกรมพร้อมกันเป็นสิ่งที่เจอได้บ่อยมากในการทำงานเพราะ เมื่อเราแก้แปลนในภาพซ้ายมือแล้วนั้นจะอยากกลับไปเช็คว่ามุมไหนในโมเดลก็สามารถเลื่อนดูได้ ว่าตรงชั้นไหนมุมไหนโมเดลเป็นอย่างไร และเทียบกับภาพที่แต่งเรนเดอร์แล้วว่ามุมนั้นเมื่ออยู่ใน ซีนจริงๆเจออาคารไหนบ้าง เป็นยังไงวางลงตัวหรือไม่เป็นต้นในการทำงานนั้นก็รองรับได้ดีไม่มีปัญหาครับเปิด 3 โปรแกรมแบบนี้ยังเอาอยู่คือ CPU 80 และ GPU 63 ครับถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้และเครื่องยังไหวได้สบายๆครับสำหรับงานนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่สายทำงานแต่ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานหลายๆโปรแกรมนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นของ Ryzen อีกจุดนึงเลย

LUMION 10

ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับและเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 1.24 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวมาก เทียบกับ i7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมถึง ตัว Ryzen 3000 Series ก็ใช้เวลาไป 3-4 ชั่วโมงเลยครับถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะใช้เวลาน้อยมากครับ

PREMIRE PRO  

CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 25 นาที แต่ถ้าใช้งาน i7 3750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน

SKETCHUP 

ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 110 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 50-75 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับ

GAMING 

แน่นอนว่าการเล่นเกมก็เอาเรื่องเช่นเดิมในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ  เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว Ryzen 7 4800HS +GTX 1660TI จะทำได้ดีแค่ไหนกันครับรอบนี้

จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 144Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90 บ้างในบางครั้งครับ  ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 100 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป แต่ที่แตกต่างกับรุ่นก่อนคือการใช้ % CPU นั้นลดลงเยอะมากแค่ 30-40% เท่านั้นซึ่งในรุ่นก่อนๆถ้าเล่นเกมแบบนี้ เช่นตัว MW ในโหมด Warzone บอกเลยว่ากินไป 60+ แน่นอนครับ แต่รอบนี้น้อยมาก
**** ส่วนความร้อนที่โชว์จะสูงกว่าของจริงเพราะว่าทางแอปยังไม่รุ้จักกับ CPU ของจริงที่เช็คทาง ROG จะต่ำกว่าในภาพประมาณ -2 องศา  นะครับ ในส่วนของ CPU อันนี้ขอแจ้งไว้ก่อนเลย *****

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 83 CPU 96  : ULTRA
  • APEX ทำไปได้ FPS 88 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 89 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 119 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 96  : ULTRA
  • BLACK OPS 4 ทำไปได้ FPS  70 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 94  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS  77 อุณหภูมินั้น GPU 75 CPU 93  : ULTRA  

โดยรวมแล้วบอกเลยว่าใช้ CPU ได้น้อยกว่าเดิมมากครับและยังคงทำได้ดีในการขับ FPS ที่ดีขึ้นเยอะมากนิ่งขึ้นเยอะแม้จะเห็นว่ามีความร้อนเยอะแต่เอาจริงๆคือมันไม่ตกหรือหน่วงเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้ารุ่นก่อนจะเจอบ้างแต่ครั้งนี้สุดมากครับอันนี้ต้องขอชมการพัฒนาครั้งนี้ ส่วนในเรื่องการใช้งานและมีเล่นเกม+สตรีมขึ้นในเพจด้วยก็ทำได้ดีมากๆครับลองไปชมคลิปข้างล่างได้เลย ในการใช้งาน สตรีม+เล่นเกม ปรับภาพสูงสุดครับในตัว ROG G14 ตัวนี้

ROG ZEPHYRUS G15

” CPU ตัวนี้คือจุดเด่น ดึงประสิทธิภาพทั้งหมดให้ดีขึ้นกับราคาและสเปคที่คุ้มค่า “

ต้องบอกว่าประทับใจจริงๆในเรื่องของประสิทธิภาพที่ครั้งนี้พูดได้เลยว่า AMD เค้ามาจริง สุดจริงครับทั้งเรื่องประสิทธิภาพและการใช้งานจริงเป็นไปตามที่กล่าวในพรีเซนต์และทั้งการทำงานและเล่นเกมนั้นตอบโจทย์ทั้งหมด ในเรื่องสเปคส่วนอื่นๆก็ทำได้ดี ทั้งลำโพง วัสดุงานออกแบบรวมถึง พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆให้มาครบรองรับ PD และเป็น USB 3.2 ทั้งหมดให้มาพร้อมกับความเบาบางเช่นเดิม และงานประกอบที่ไว้ใจได้ ส่วนจุดที่แอบบ่นอาจจะเป็นเรื่องของหน้าจอขอบเขตสีที่รอบนี้แอบดูน้อยไปกว่าตัวอื่นนิดหน่อย ถ้าเอามาทำงาน และ ไฟคีย์บอร์ดปรับสีไม่ได้ รวมถึง ในเรื่องของ RAM ที่เป็นออนบอร์ด 1 อันนั้นเองครับอาจจะอัพได้ไม่สุดมากนัก รวมถึงตัวเลขความร้อนแอบสูงแต่ไม่มีผลกับกระสิทธิภาพเท่าไรนะที่ลองดู ส่วนตัวด้านอื่นๆก็ยังคงทำได้ดีถ้ารับพวกที่กล่าวไปได้ก็ถือว่าคุ้มในงบ 4 หมื่นบาทครับ ถ้าเน้นประสิทธิภาพ งานออกแบบเรียบๆและใช้งานทั่วไปเล่นเกม ทำงานเรนเดอร์แบบหนักๆได้สบายมาก

ข้อดี

  • งานออกแบบเน้นเรียบๆใช้งานทั่วไป งานประกอบดี
  • หน้าจอขอบทำได้ค่อนข้างบาง ดีไซน์ได้ในขนาด 14 นิ้ว
  • ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง CPU ทำได้ค่อนข้างดี เร็วและแรง
  • Ryzen 7 4800Hs ทำได้น่าประทับใจทั้งทำงานเล่นเกม
  • ประสิทธิภาพภาพรวมโดดเด่นจากรุ่นก่อนหน้าเยอะมาก
  • สเปคให้มาครบ RAM 16GB ไม่ต้องไปอัพอะไรเพิ่ม
  • รองรับ WiFi 6
  • รองรับ PD Charging 65W
  • เสียงลำโพงทำได้ดี กำลังขับ และ คุณภาพของเสียง
  • รับประกัน 2 ปี ทั่วโลก  และ มี Perfect Warranty

ข้อสังเกต

  • ไม่มีกล้องมาให้ใช้งาน
  • หน้าจอยังทำได้ระดับกลางๆ
  • RAM เป็น OnBoard อัพได้แค่ 1 ช่อง
  • ใช้งานตัว GTX MAX-Q

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares