หลังจากที่ทางเราได้ไปร่วมงาน AMD ที่ อเมริกานั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสเจ้า ROG G14 ซึ่งในตอนนั้นเองจะอยู่ในสเปคที่ยังไม่ได้เป็นตัวผลิตจริงครับแต่ก็ได้ลองสัมผัสได้ลองเล่นเกมไปถือว่าทำได้ดีมากๆในเรื่องของประสิทธิภาพความลื่นไหลแต่ต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้นเราไม่สามารถดูการใช้งาน CPU หรือความร้อนอะไรได้เต็มที่เท่าไรนักก็แอบเสียดายพอสมควรเพราะต้องมารอเครื่องจริงกันอีกที และในวันนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วครับเราได้เครื่อง ROG G14 ส่งตรงจาก USA มาที่ไทยแต่ต้องแจ้งกันก่อนเลยว่า สเปคที่รีวิวนั้น ยังไม่ใช่สเปคที่จะเอามาขายไทยแบบเป๊ะๆครับอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อยแต่ทางด้าน CPU นั้นคงไม่พลาดใช้งานตัวนี้แน่นอนครับสำหรับ Ryzen 9 4900HS ตัวแรงพร้อมกับ RTX 2060 MAX-Q ตัวเทพของค่ายอีกด้วยใน ROG Zephyrus G14 รุ่นนี้ แน่นอนว่ารุ่นที่เข้าไทยอาจจะได้จอตัว 14 นิ้วแบบที่รีวิวเข้ามาเพื่อเพิ่มความพกพาอะไรที่สะดวกขึ้นครับ

ROG ZEPHYRUS G14 นั้นแจ้งอีกครั้งกันเข้าใจผิด ตัวที่รีวิวยังไม่ใช่ตัวที่ขายไทยนะครับในหลายๆออฟชั่นหรือสเปค แต่สามารถอิงดีไซน์ CPU อะไรคร่าวๆได้รวมถึงการระบายความร้อนพวกนี้ครับ ในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 9 4900HS ตัวใหม่ล่าสุดกับสถาปัตยกรรม 7nm พร้อมกับ GPU Nvidia RTX 2060 MAX-Q 6GB DDR6 และในเรื่องของ RAM มาพร้อมกับ 16GB DDR4 3200 นะครับเป็นแบบ 8 Onboard และ ใส่มาอีก 8 ส่วนทางด้านความจุนั้นมาพร้อมกับ Intel 660p 1TB NVMe และส่วนของหน้าจอนั้นให้มา 14 นิ้ว IPS FHD 120HZ 1 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync และให้หน้าจอแบบด้านมาครับ ในรุ่นที่เรารีวิวน่าเสียดายว่าไม่มี Anime Matrix ในส่วนของด้านหลังที่เป็นลูกเล่นนะครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักให้มาที่ 1.6 KG ถือว่าพกพาได้ง่ายและบางเบาเอาเรื่อง ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบพอสมควรครับ เป็น USB 3.2 ทั้งหมดทั้ง USB-C และ USB-A รองรับ PD ด้วยนะครับในส่วนของ USB-C และลำโพงให้มา 4 ตัวจัดเต็มเสียงดีมากก รองรับ Dolby Atmos technology เป็นลำโพงหลัก 2 ตัว และ ลำโพง ทวีตเตอร์ 2 ตัวด้านบน

ROG ZEPHYRUS G14 มาพรอมกับ RYZEN 9 4900HS + RTX 2060 MAX-Q  RAM 16GB + 1TB SSD และหน้าจอ 120Hz ครับ แต่เข้าไทยอาจจะมีเปลี่ยนสเปค จอหรืออื่นๆก็รอติตตามกันอีกทีครับ และอาจจะมี Anime Matrix เข้ามาด้วยก็ได้ และอาจจะเป็นสเปคแบบนี้เลยก็เป็นไปได้เช่นกันครับ

UNBOX

ตัวกล่องนั้นออกแบบมาแตกต่างกันพอสมควรเลยกับรุ่นก่อนๆคือเห็นกล่องแล้วบอกเลยว่าสวยมากครับ มันยังคงเอกลักษณ์ลายตัดขวางของ ROG ไว้อยู่แต่ครั้งนี้มีการเล่นสี ขาวดำ และมีลายกราฟิกแทรกเข้ามาครับก็ถือว่าแปลกใหม่ดี เป็นลายของฝาหลังและ Anime Matrix นั้นเองแต่น่าเสียดายตัวที่เรารีวิวไม่ได้ใส่เข้ามาครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็ให้มาเหมือนๆกับเดิมคือ ตัวเครื่อง ADAPTOR 180W แบบเดียวกับรุ่น G15 และ คู่มือต่างๆครับ

DESIGN

งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับและดีไซน์ลงตัวสวยงามมากขึ้นมีความทันสมัยและเรียบง่ายขึ้น โลโก้มีการเปลี่ยนมาเป็นแค่มุมซ้ายพร้อมกับแถบโครเมี่ยมรวมถึงเขียนชื่อเต็มของยี่ห้อและ Since มาให้เรียบร้อย ส่วนฝาหลังนั้น จะเป็นแบบแบ่งครึ่งเช่นกันวัสดุสีขาวด้านแต่รักษาง่ายมากพร้อมกับตระแกรงเป็นรูๆ ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่มีไฟข้างหลังแต่มันเป็นฟีเจอร์ที่ต้องรอดูว่าตัวขายไทยนั้นจะใส่มาให้ไหมครับ ส่วนทางด้านขนาดและน้ำหนักบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ พกพาได้ง่าย บางเบา สเปคแรงและตัวเครื่องเล็กมากๆเท่าๆกับพวก 13 นิ้วได้เลยทำให้มันพกพาไปไหนมาไหนได้ทุกวันแบบสบายๆ และสามารถทำงานได้แบบเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพอีกด้วยครับในรุ่นนี้

งานออกแบบในภาพรวมนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจตั้งแต่มันเปิดตัวแล้วก็ว่าได้ทั้งการใช้งานวัสดุ ความบางเบาการพกพาอะไรที่ง่ายขึ้น และยังได้ ความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น อะไรพวกนี้นะครับถือว่าสบายๆในเรื่องวัสดุใช้งานวัสดุดีสวยงามขึ้นรูปชิ้นเดียวเช่นเดิมรอยต่อน้อยครับและป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี ตัวเครื่องสีขาว ฝาข้างในจะเป็นสีเงินและปุ่มคียบอร์ดสีเงินไฟขาว นะครับ เปลี่ยนสีไฟไม่ได้นะ ส่วนขอบหน้าจอบางมากๆแต่จะไม่มีกล้องหน้ามาให้อีกแล้วนะครับเป็นปกติของตระกูลนี้ไปแล้วนั้นเอง และขอบรอบหน้าจอเป็นสีดำ

ฝาหลังขอเน้นๆหน่อยในรุ่นนี้ต้องบอกว่าอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อีกครั้งของค่ายในการใช้ฝาหลังแบนี้วัสดุพลาสติก ขาวด้านสวยงามพร้อมกับโลโก้มุมซ้ายล่างที่มีเขียน EST 2006 มาด้วยครับเน้นความเรียบง่ายทันสมัยขึ้น ฝาหลังจะแบ่งเป็น 2 โซนคือส่วนทึบและแบบมีการเจาะรูครับ แน่นอนว่าการเจาะรูคือมันไว้สำหรับแสดงผลตัวไฟ Anime Matrix ด้วยแต่ในรุ่นนี้ไม่มีมาให้นะครับเลยเป็นการเจาะรูเฉยๆให้มีลูกเล่นของฝาหลังแน่นอนว่ามันดูดีและสวยงามกว่าแบบเดิมเยอะมากครับถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของทางค่ายนี้ในตระกูล Zephyrus G

ส่วนของฐานนั้นเราจะเห็นส่วนระบายความร้อนเยอะพอสมควรครับ และในรุ่นนี้นอกจากฐานแล้วก็มีพัดลม 2 ตัวและยิงออก ด้านหลังและด้านข้างด้วยเช่นกันครับสำหรับระบายจัดเต็มมากและดูดลมเข้าจากด้านล่าง ในตัวนี้มียางรอง 4 จุดและตัวเครื่องมี Ergo Lift สำหรับยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อระบายความร้อยที่ดีขึ้นด้วย ส่วนทางด้านลำโพงจะอยู่ซ้ายขวาตรงล่างของภาพ และ มีลำโพงในส่วนของด้านบนอีกด้วยครับเป็นทั้งหมด 4 ตัวเลย และ เมื่อแกะฝาหลังมาแล้วจะเห็น Heat Pipe เยอะมากทั้ง 5 เส้นแน่นๆและมาพร้อมกับพัดลมแบบใหม่ 2 ตัวพร้อมระบบดักฝุ่น รวมถึง มีช่องใส่ SSD – RAM มาให้อย่างละ 1 ซึ่งใส่มาให้แล้วนั้นเองครับ ส่วน RAM จะเป็น Onboard 8GB และ ใส่มาให้อีก 8 ครับเพิ่มสูงสุดน่าจะได้ 24GB โดยประมาณในรุ่นนี้นะ ส่วนลำโพงการจัดวางอะไรเป็นระเบียบและแข็งแรงมาก

ในช่องระบายด้านหลังนั้นยังคงเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิมเลยมีเว้าเข้าไปพร้อมโชว์ตัวช่องระบายลมและมีเขียนชื่อรุ่นไว้ครับ แน่นอนว่าไฟสถานะนั้นจะเห็นเมื่อเปิดฝาออกมาแล้วจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆที่จะเว้าไปเยอะกว่านี้ ส่วนช่องระบายนั้นทำมุมเอียงขึ้นและลงทำให้สามารถยิงลมออกมาเป็นแบบ 2 ทิศบนล่างได้ ไม่ได้ยิงแค่ตรงๆแบบในรุ่นก่อน

ส่วนของ ERGO LIFT นั้นจะเห็นว่าใส่มาให้ในสายเกมมิ่งนอกจากจะทำให้ในการใช้งานสะดวกแล้วยังช่วยอย่างมากในการเพิ่ม Airflow ของตัวเครื่องทำให้ลมเข้าจากข้างล่างและดูดออกไปในด้านบนได้และทำให้เครื่องไม่ร้อนและระบายได้ดียกขึ้นมาได้เยอะแน่นอนว่าตรงส่วนที่ยกนั้นเป็นแถว การ์ดจอ และ CPU ด้วยนั้นเองครับถือว่าช่วยได้ ทางด้านคียบอร์ดนั้นเป็นปุ่มสีเงินแบบเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับไฟสีขาว ทางด้านปุ่มเปิดปิดมาในทรงใหม่ ซึ่งบางรุ่นจะมีการใส่สแกนนิ้วมาให้ด้วยครับ แต่เท่าที่ลองในตัวรีวิวนั้นจะไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามานะครับ

ทางด้านขอบหน้าจอนั้นทำได้ค่อนข้างบางมากๆและแลกมาด้วยความบางทำให้มันไม่มีกล้องมาให้นะครับส่วนความบางนั้นจะใกล้กับตัว G15 แต่ตัวนั้นขอบด้านบนจะบางกว่านิดหน่อยในเรื่องของการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากครับถ้าไม่ได้เอามาเทียบกัน ส่วนขอบเป็นพลาสติกสีดำพร้อมยางรองมาให้รอเครื่องตามขอบหน้าจอทั้งหมดเลย ทางด้านในส่วนที่วางมือนั้นเป็นวัสดุด้านพร้อมกับป้องกันรอยนิ้วมือรวมถึงมีลำโพงให้เสียงแหลม ทวีตเตอร์มาให้ทั้ง 2 ข้างถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่เสียงดีอันดับต้นๆในตอนนี้เลยครับและมิติเสียง ความดังดีมาก มีลำโพงหลักในด้านล่างอีกนะ และรองรับระบบเสียง ATMOS ด้วยครับบอกเลยว่าเรื่องเสียงค่ายนี้เค้าเน้นเอาเรื่อง

SPEC ( ยังไม่ใช่ตัวขายในไทย ) GA401IV

  • Windows 10 Home
  • AMD Ryzen 9 4900HS
  • NVIDIA® GeForce RTX™ 2060
    6GB GDDR6 VRAM (Boost Clock: 1298MHz, 65W)
  • 16GB DDR4 3200MHz SDRAM
  • 1 TBM.2 NVMe PCIe 3.0
  • 14-inch Non-glare Full HD (1920 x 1080) IPS-level panel, 120Hz, 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync
  • Backlit chicklet keyboard
  • 2 x 2.5W speakers with Smart AMP technology
    2 x 0.7W tweeter, Array Microphones
    With Dolby Atmos technology
  • 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C with DisplayPort™ 1.4 and Power Delivery
    1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C
    2 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
    1 x HDMI 2.0b
    1 x 3.5mm headphone and microphone combo jack
    1 x Kensington lock
  • 180W power adaptor
    Support Type-C PD 3.0 up to 65W
  • Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
    Bluetooth 5.0
  • Regular: 1.6kg

PERFORMANCE 

ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU 7nm ตัวเทพสุดของค่ายคือตระกูล 9 AMD Ryzen 4000 Series รุ่นแรกๆของโลกและมากับเจ้า AMD Ryzen ต 4900HS ขนาด 7nm 3.0-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache  12MB TDP 35W  แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้และมากกว่าตัว 7 4800HS ถึง 200GHz และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะแยกเป็น 8GB OnBoard อัพไม่ได้ และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 24GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่องเท่านั้นและมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งานครับในรุ่นนี้

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว Ryzen 9 4900HS นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 5251  คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,800 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS อาจจะไม่ได้แตกต่างกันเยอะมากจริงๆอาจจะประมาณ 8-9% ครับในตัวนี้

3D MARK 

ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 2748 ถือว่าดีต้องชม RTX 2060 ที่ช่วยในเรื่องนี้ครับคะแนนทำได้ดีเลย และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 3051 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 80CPU GPU 65 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 6739 และ FIRE STRIKE ULTRA 3495 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 2060 MAX-Q ครับส่วนความร้อนถ้าในห้องแอร์ก็จะดีขึ้นและคะแนนจะทำได้สูงกว่าที่แจ้งไปประมาณ 500 คะแนนครับโดยประมาณ

CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK 

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1850 cb/ 96.51FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผม และเทียบกับ RYZEN 7 4800HS จะมากกว่าประมาณ 200 ครับไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีผลในการเรนเดอร์ ส่วนเรื่องความร้อนนั้นตามที่แจ้งไป ทดสอบในอุณหภูมิห้อง ไม่มีเปิดแอร์ นะครับผม  ส่วนทดสอบอีกครั้งก็จะได้ประมาณ 2022 cb/ 99.73 FPS — R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันครับดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 4180 CB เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และดีกว่า Ryzen 7 4800 HS พอสมควรเลยแหละ เพราะในรุ่น 7 4800hs ทำได้แค่ 3387 เท่านั้นถือว่าต่างกันเยอะเอาเรื่อง และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD นั้นทำการอ่านเขียนไป 1615MB/s และ 1698MB/s  ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควรจริงๆถ้าใส่ตัวเทพเข้ามาน่าจะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ทั้งนี้รอดูราคากันอีกที และตัวนี้ไม่รองรับการใส่เพิ่มนะครับ ซึ่งถ้าเทียบ G15 นั้นในตัว RYZEN 7 จะทำได้พอกันแต่รุ่นนั้นจะใส่เพิ่มได้อีกแถว แต่ในรุ่น G14 นั้นไม่สามารถเพิ่มได้แล้ว

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 14 นิ้ว จริงๆมันมี 3 สเปคคือ จอ 60Hz -120Hz และ 2K 60Hz ครับซึ่งตัวที่เรารีวิวจะเป็นตัวสเปค FHD 120Hz  Non-glare Full HD (1920 x 1080) IPS-level panel, 120Hz, 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync ในเรื่องของสเปคถือว่าทำได้ดี ใช้งานจริงนั้นทำได้ดีเช่นกัน สู้แสงดีกว่าเดิมครับและสีที่แม่นยำกว่าเดิมด้วยการรองรับ SRGB100%  และได้การรับรองหน้าจอสีที่ดีจากทาง Pantone แน่นอนว่าสายทำงานก็ถูกใจสิ่งนี้แน่ๆครับ กราฟิก ทำงาน Artwork ได้สบายๆ  และ ด้วยการที่เป็นจอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ลื่นๆ เพราะมีระบบ Adaptive-Sync เข้ามาช่วยทำงานร่วมกันกับการ์ดจอ RTX เป็นเทคโนโลยีที่ราคาสูงพอสมควร ส่วน ตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย คือเดี๋ยวนี้หน้าจอนั้นเป็นสายเกมแต่ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับและทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น

การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ต้องตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 120Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง คือมันเป็นจอเกมที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ทั้งรองรับมุมมองที่กว้าง Refreshrate 120Hz และ จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนและดีกว่าตัว G15 แบบชัดเจนทั้งเรื่องสีสัน มิติของภาพ และความแม่นยำในการทำงานต่างๆแม้จะไม่ใช่ 144Hz แต่ในภาพรวมจอตัว G14 ที่เรารีวิวนี้คุณภาพดีกว่าชัดเจนครับผม ก็ใครที่เน้นเรื่องสีสันความเป๊ะตัวนี้ทำได้ดีมากๆ

KEYBOARD 

ระยะคียบอร์ดถือว่าแปลกใหม่อันนี้หลังจากที่รีวิวมาหลายๆตัวระยะกดอันนี้ลึกและให้ความรู้สึกดีกว่าทุกรุ่นของ ROG ก่อนหน้านี้เลยครับ คียบอร์ดนั้นมีไฟสีขาวสีเดียวเท่านั้นแน่นอนว่าถ้ามีคียไทยอาจจะมองยากแน่นอนไฟแสงแบบนี้กับแป้นพิมพ์สีนี้ครับ ส่วนตัวรีวิวยังคงเป็นตัวนอกอยู่นะครับเลยไม่มีคียบอร์ดไทยมาให้ ซึ่งในแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.2 มม. ทำให้รับกับนิ้วมือได้ดีครับและระยะการกดนั้นลึก 1.7 มม. รวมถึงมีพวกเทคโนโลยีการกดรัวๆเวลาเล่นเกม เทคโนโลยีตัว OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และเครลมอายุการใช้งานมากถึง  20 ล้านครั้ง และแน่นอนว่าปุ่ม Spacebar แบบใหญ่กว่าเดิมพร้อมกับ ปุ่ม FN ข้างบนที่เราคุ้นเคยกันดี และปุ่ม 4 ปุ่มพิเศษคือ เพิ่ม ลดเสียง และ ปิดไมค์ รวมถึงเข้า ROG อันนี้ทำได้ค่อนข้างสะดวกเลยแหละ

หลังจากที่ลองนั้นต้องบอกว่าแอบชอบระยะการกดปุ่มของรุ่นนี้มากกว่าตัวอื่นๆคือความเด้งรับกับมือนิ้วเวลากดเล่นเกมรวมถึง ระยะของมันรู้สึกว่าดีกว่าตัว G15 หรือรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้แบบชัดเจนเลยนะทั้ง น้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย อีกทั้งการยกตัวเครื่อง Ergo Lift อาจจะมีผลทำให้ใช้งานได้ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่า รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการหรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับยังคงใส่มาให้เหมือนกับรุ่นอื่นๆ ส่วนปุ่มปิดไปไว้มุมขวาบน และ บางรุ่นจะมีสแกนนิ้ว

TOUCHPAD 

การใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ  ทัชแพดอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่สะใจอะไรมากครับขนาดกำลังดีต่อการใช้งานโทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10  สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอพก็รองรับการทำงานได้ดีครับผม และ เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักการกดปุ่มก็ไม่เจอปัญหาในการใช้งานอะไรครับทั้งซ้ายและขวา แต่รู้สึกแอบเล็กไปแค่นั้น อาจจะด้วยขนาดของ 14 นิ้วเลยทำให้มีข้อจำกัดของการวางอะไรพวกนี้เพราะจะเห็นว่ามันจะชนขอบทั้งบนและล่างแล้วนั้นเอง

SPEAKER 

เรื่องของลำโพง จัดเต็ม 4 ตัว พร้อมลำโพง TWEETERS เพราะ ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่รุ่มเดิมนั้นจะเป็นการยิงลงข้างล่างแต่ในครั้งนี้มันเสริมมาให้ 2 ตัวเป็นลำโพงเสียงแหลม TWEETER ให้มาในด้านบน 2 ตัวซ้ายขวาครับและ ลำโพงหลักยังคงยิงลงข้างล่างอยู่ ในเรื่องของเสียงตัวนี้ไม่ได้มีการแจ้งว่ารองรับ Hi-res อะไรหรือใช้ ESS หรือไม่นะครับไม่มีข้อมูลยืนยัน แต่เสียงนั้นรองรับ Dolby Atmos ด้วยทำให้การรองรับนั้นเสียงมีมิติและมีความดังเอาเรื่องมากๆดีกว่าตัวอื่นที่เคยทดสอบ หรือเอาง่ายๆเทียบกับตัว G15 ที่มีอยู่คือตัว G14 นั้นทำได้ดีกว่าแบบชัดเจน เสียงดัง มีติ เสียงเบสอะไรชัดเจน แยกเสียงดี เวทีเสียงโอเคมากๆครับถือว่าเป็น ลำโพงบน Gaming Notebook ที่ดีที่สุดก็ว่าได้ในตอนนี้ต้องลองเลย เรื่องเสียงของลำโพงในแบรนด์นี้พัฒนาขึ้นไวมากครับ

CONNECTOR

ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้มีมาให้เพียงพอครบๆครับ ส่วนในด้านหลังนั้นจะเห็นว่าไม่มีพอร์ตอะไรมาให้แต่ให้ดูว่ามันมีช่องระบายอากาศแบบ 2 มุมมาให้เนื่องจากรุ่นก่อนๆจะเป็นแค่ยิงตรงแต่อันนี้ทำแบบ 3D ทำให้สามารถรับอากาศปล่อยอากาศแบบเฉียงบน และ เฉียงล่างได้เลยครับถือว่าช่วยได้ดีกว่าเดิมพอสมควรเลยแหละ ส่วนโลโก้รุ่นนั้นยังคงมีมาให้ท้ายเครื่องเหมือนเดิมเขียนว่า ZEPHYRUS ครับบอดี้โดยรวมจะเป็นสีเงิน และ สีขาวคลีนๆดีครับ

ในด้านซ้ายตัวเครื่องนั้นจะเป็น ช่องระบายลม และช่องไฟเข้า DC IN จะเห็นมีพอร์ต HDMI 2.0b และ USB-C 3.2  PD DisplayPort™ 1.4  ครับรวมถึงยังคงมี 3.5 มม. สำหรับหูฟัง และ ไมค์ ครับ จะไม่มีช่อง RJ45 สำหรับเสียบ LAN แล้ว

ส่วนทางด้านขวานั้นจะเป็น USB-C 3.2 พร้อมกับ USB-A 3.2 ทั้ง 2 ช่อง และ มีช่องระบายความร้อน และ KensingtonLock รวมถึงจะเห็นว่าไม่มี ช่องสำหรับใส่ micro-sd หรือ SD-Card แล้วเป็นปกติของพวกเกมมิ่ง

WORKING

Ryzen 4000 Series นั้นถือว่าเด่นๆทั้งการเล่นเกมและในการทำงานจริงนั้นที่ชอบอย่างนึงก็คือประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นทำได้ดีมากๆจนน่าตกใจมันดีกว่ารุ่นก่อนหน้าแบบเยอะมากครับ เท่าที่ใช้ตัว Ryzen 9 นั้นมันจัดการได้ดีมากๆในการเรนเดอร์ที่ไวกว่าตัว Ryzen 7 4800HS แบบรุ้สึกได้ในหลายๆโปรแกรมครับโดยเฉพาะตัว Premire Pro และ Lumion ครับ โดยทำการทดสอบทั้งหมดเหมือนกันกับที่เคยทดสอบเลยทั้งตัวไฟล์และตั้งค่า ลองใช้งานแบบเดียวกันถือว่าจัดการทั้งการทำงานหลายๆโปรแกรมและรวมถึงในการเรนเดอร์ที่ใช้เวลาแตกต่างกันพอสมควรเลยแหละ สายทำงานต้องหันมามองเจ้านี้เยอะขึ้นมาแน่ๆการประมวลผลการทำงานของแต่ละส่วนแยกกันได้ชัดเจนและไม่มีอาการหน่วงหรือค้างอะไรแม้จะทำงานหนักๆทั้ง 3-4 โปรแกรมได้เลยครับถือว่ายกข้อดีให้กับทาง CPU Ryzen 4000 ตัวใหม่ในรหัส 4900HS เลยจริงๆการทำงานเลยขอยกตัวอย่างการทำงานจริงมาให้ชมกันครับทั้งในเรื่องของงานออกแบบ งานเรนเดอร์ทำคลิป หรือจะเป็นงานด้าน 3 มิติ รองรับได้สบายและไวมากครับ

AUTOCAD + PHOTOSHOP MULTITASK 

ทำงานจริงมันมากกว่า 2 โปรแกรมแน่นอนในสายงานของผมเอง การทำงาน 3 โปรแกรมพร้อมกันไม่ได้เรนเดอร์ไปนะครับเปิดเช็ค 3 โปรแกรมพร้อมกันเป็นสิ่งที่เจอได้บ่อยมากในการทำงานเพราะ เมื่อเราแก้แปลนในภาพซ้ายมือแล้วนั้นจะอยากกลับไปเช็คว่ามุมไหนในโมเดลก็สามารถเลื่อนดูได้ ว่าตรงชั้นไหนมุมไหนโมเดลเป็นอย่างไร และเทียบกับภาพที่แต่งเรนเดอร์แล้วว่ามุมนั้นเมื่ออยู่ใน ซีนจริงๆเจออาคารไหนบ้าง เป็นยังไงวางลงตัวหรือไม่เป็นต้นในการทำงานนั้นก็รองรับได้ดีไม่มีปัญหาครับเปิด 3 โปรแกรมแบบนี้ยังเอาอยู่คือ CPU 77 และ GPU 62 ครับถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้และเครื่องยังไหวได้สบายๆครับสำหรับงานนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่สายทำงานแต่ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานหลายๆโปรแกรมนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นของ Ryzen อีกจุดนึงเลย และในความลื่นไหลเปลี่ยนไปมานั้นไม่ได้แตกต่างกับ Ryzen 7 แบบชัดเจนอะไรมากครับแต่ก็รู้สึกว่าเวลาเลื่อนภาพมันลื่นกว่านิดหน่อยในตัวนี้ครับ

SKETCHUP 

ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 110 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 36 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับไวกว่าตัว 4800HS ประมาณ 15 นาทีเลย

PREMIRE PRO  

เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 21 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 3750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน แต่ตัว 7-9 นั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกันแบบเยอะมากแต่ก็มีผลบ้างนิดหน่อยครับ

LUMION 10

ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับและเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 1.12 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวมาก เทียบกับ Ryzen 7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 1 ชั่วโมงครึ่ง และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 ตัวก่อนทำไปตั้ง 3ชั่วโมง แต่รุ่นนี้ไวขึ้นเยอะมากครับอันนี้แตกต่างกันมาก

GAMING 

การเล่นเกมสำหรับตัว RYZEN 9 ตัวแรงนี้ก็เอาเรื่องเช่นเดิมในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมที่กำลังเป็นกระแสครับรวมถึงหลายๆเกมที่กินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ ไม่ต่างกับตัว G15 เลยครับแน่นอนว่าขอแจ้งอีกครั้งว่า สเปคที่รีวิวยังไม่ใช่ตัวขายจริงในไทย และ โปรแกรมทดสอบ ดูอุณหภูมิจะสูงกว่าความจริงประมาณ 1-3 องศานะครับ แน่นอนว่า เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว Ryzen9 4900HS +RTX 2060MAX-Q จะทำได้ดีแค่ไหนกันครับรอบนี้

ต้องบอกว่าสายเกมไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับการรัน FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 120Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 80-96 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 3ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 98 บ้างในบางครั้งครับ ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 100 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป แต่ที่แตกต่างกับรุ่นก่อนคือการใช้ % CPU นั้นลดลงเยอะมากแค่ 20-30% เท่านั้นและน้อยกว่าตัว Ryzen 7 4800HS อีกด้วยนะเมื่อเทียบในเกมเดียวกันครับ แน่นอนว่าในรุ่นก่อนๆถ้าเล่นเกมแบบนี้ เช่นตัว MW ในโหมด Warzone บอกเลยว่ากินไป 60+ แน่นอนครับ แต่รอบนี้น้อยมากและลื่นไหลมากเกินที่คาดไว้เลยแหละสำหรับรอบนี้ แต่ความร้อนอาจจะดูสูงแต่ใช้งานจริงไม่เจอดรอปหรือหน่วง หรือ FPS ตกเลยครับ

**** ส่วนความร้อนที่โชว์จะสูงกว่าของจริงเพราะว่าทางแอปยังไม่รุ้จักกับ CPU ของจริงที่เช็คทาง ROG จะต่ำกว่าในภาพประมาณ -2 องศา  นะครับ ในส่วนของ CPU อันนี้ขอแจ้งไว้ก่อนเลย *****

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 91  : ULTRA
  • APEX ทำไปได้ FPS 92 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 95 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 105 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 97  : ULTRA
  • BLACK OPS 4 ทำไปได้ FPS  75 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 94  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS  80 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 91  : ULTRA  

โดยรวมแล้วบอกเลยว่าใช้ CPU ได้น้อยกว่าเดิมมากครับและยังคงทำได้ดีในการขับ FPS ที่ดีขึ้นเยอะมากนิ่งขึ้นเยอะแม้จะเห็นว่ามีความร้อนเยอะแต่เอาจริงๆคือมันไม่ตกหรือหน่วงเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้ารุ่นก่อนจะเจอบ้างแต่ครั้งนี้สุดมากครับอันนี้ต้องขอชมการพัฒนาครั้งนี้ ส่วนในเรื่องการใช้งานและมีเล่นเกม+สตรีมขึ้นในเพจด้วยก็ทำได้ดีมากๆครับลองไปชมคลิปข้างล่างได้เลย ในการใช้งาน สตรีม+เล่นเกม ปรับภาพสูงสุดครับในตัว ROG G14 ตัวนี้

ARMOURY CRATE 

Armoury Crate  เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync ที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเองในรุ่นที่รองรับแต่น่าเสียดายว่ารุ่นนี้ไฟมีแค่สีขาว  และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลยครับผม และตัวนี้รองรับการเช็คความร้อน CPU ได้เพราะแอป นอกอาจจะไม่รองรับในตอนนี้ครับ เช่นเดียวกันกับตัว Ryzen 7 เลยเพราะมันค่อนข้างใหม่นั้นเองครับในตัว G14

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด แต่รุ่นที่เรารีวิวจะไม่มี ไฟข้างหลัง  AniMe Matrix ที่ปรับได้นั้นเองครับเสียดาย

BATTERY 

สายเกมมิ่งนั้นอาจจะต้องบอกว่าเรื่องของแบตอาจจะพอเข้าใจกันได้ว่ามันคงไม่ได้อึดเหมือนพวกสายทำงาน Ultrabook พวกนั้นแน่นอนครับจากการใช้งานจริงๆเลย เราคงไม่ได้เล่นเกมบนแบตแน่ๆแหละ แต่เอาที่แอดมินเองได้ไปใช้งานจริงจังข้างนอกคือเขียนข่าว ตัดต่อรูปนิดหน่อยและทำงานทั่วไปใช้งานข้างนอกได้ 4-5 ชั่วโมงแบบเปิดไฟเปิด wifi อะไรปกตินะครับ แน่นอนว่าพอใช้งานได้แต่คงไม่ได้อึดอะไรมากตามภาษาเกมมิ่ง และความแรงของมันแต่ถ้าเอาแบบประหยัดแบตแบบสุดๆนั้นมันก็สามารถขึ้นเลขโชว์ไปได้ 7-8 ชั่วโมงถ้าเปิดแบบ Silient รวมถึง เปิดโหลดประหยัดพลังงานและปิดไฟอะไรทั้งหมดก็พอยืดอายุได้และ Stanby ได้นานพอสมควรครับ แต่ถ้าใช้งานจริงแบบคนทั่วไปใช้ 4 ชั่วโมงคือเวลาปกติเลยครับทำงาน Word+PS+CHROME พวกนี้ทำงานพอรับได้อยู่เหมือนกัน

ROG  ZEPHYRUS G14 

” เมื่อประสิทธิภาพแรง จอสวย มาพร้อมกับขนาดที่พกพาได้ง่าย บางเบา ลงตัวอยู่นะ !”

เป็นสายเกมบอกเลยว่าจอ 14 นิ้วพกพาได้ง่ายขึ้นบางเบาขึ้น แต่ประสิทธิภาพบอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มมากขึ้นครับ มาพร้อมกับ CPU Ryzen 9 4900HS ตัวแรงสุดบอกเลยว่าทำได้ดีทั้งในเรื่องของการเล่นเกม และ รองรับการทำงานได้ดีมากๆทั้งการเรนเดอร์งานและทำงานหลากหลายโปรแกรมได้ดีรวมถึงเรนเดอร์โมเดล 3 มิติครับ ส่วนทางการเล่นเกมนั้นเร็วแรงเอาเรื่องการดัน FPS โหดขึ้นกว่าเดิมลื่นไหลรองรับกับหน้าจอและการ์ดจอได้ดีครับแต่ในเรื่องความร้อนนั้นอาจจะมีสูงพอสมควรในหลายๆจังหวะแต่ประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ดรอปเลยครับ ส่วนความร้อนเวลาใช้งานนั้นแอพยังรองรับไม่เต็มที่อาจจะไม่ถึงแบบในภาพแต่ก็ลดไปได้ประมาณ 1-3 องศาได้ครับ ส่วนในการใช้งานอื่นๆนั้นบอกเลยว่า หน้าจอแม่นสีตรง ลำโพงทำได้ดังมีมิติมากๆ เสียงชัดเจน รวมถึงพอร์ตเชื่อมต่อครบครันอย่างมากทำให้มันน่าสนใจจริงๆในรุ่นนี้ แต่ด้วยขนาด 14 นิ้วอาจจะเล็กไปสำหรับบางคน แต่ก็เน้นพกพาทำงานได้ดีขึ้น

ข้อดี

  • หน้าจอ 120Hz คุณภาพในตัวสีครอบคลุม และ แม่นยำ รวมถึงเล่นเกมลื่นไหล
  • ระบบเสียง ลำโพง 4 ตัว บนล่างทำได้ดี เสียงดัง และ มิติมาเต็ม
  • เป็นเครื่อง 14 นิ้วที่เบาบาง พอพาไปทุกวันได้แบบสบายๆ
  • Ryzen 9 4900HS ทำได้ดีและประสิทธิภาพจัดเต็มอย่างมาก
  • ระบายความร้อนและ Ergo Lift ยังคงทำได้ดีครับในการใช้งานทั่วไป
  • RTX 2060 จัดการในแง่ของการเล่นเกมได้ดี แม้จะเป็น MAX-Q
  • แป้นพิมพ์ระยะการกดต่างๆดีกว่าในรุ่นก่อนๆ
  • ดีไซน์งานออกแบบเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน สวยและลงตัวขึ้น
  • พอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบเพียงพอต่อการใช้งาน
  • แบตใช้งานได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง

ข้อสังเกต 

  • ยังไม่ใช่สเปคที่จะขายในไทย ตัวนี้ส่งมาจาก AMD USA ครับ
  • ไม่มีไฟข้างหลัง AniMe Matrix
  • SSD ความเร็วในการอ่านเขียนค่อนข้างน้อยกว่าที่คิด
  • ไม่มี Thunderbolt 3
  • แป้นพิมพ์กับสีไฟขาวมองยากอีกแล้ว
  • ไม่มีกล้องหน้าเช่นเดิม

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares