ROG Zephyrus G นั้นเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมค่อนข้างมากในแง่ของความคุ้มค่า สเปคและการใช้งานในภาพรวม รวมถึงการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายพกพาได้ง่ายบางเบาจึงเป็นรุ่นที่ขายดี และมีความนิยมเยอะมาก อีกทั้งใช้งานหน้าจอเทพ 120Hz ด้วยในรุ่นก่อนหน้าทำให้อะไรหลายๆอย่างมันค่อนข้างลงตัวเลยแหละ ส่วนในครั้งนี้ได้มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกคือในเรื่องของหน้าจอเป็น 240Hz ทำงานร่วมกันสเปคที่สามารถขับความลื่นไหลออกมาได้สบายๆแบบ Ryzen 7 +GTX 1660TI MAX-Q พร้อมกับจัดเต็ม RAM 16GB มาให้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และแน่นอนว่ายังคงใช้งาน SSD 512GB อยู่เลยทำให้ในภาพรวมรุ่นนี้ ครบจบ ไม่ต้องอัพเพิ่มไม่ต้องแกะเครื่องอัพเกรดอะไรแล้ว ซื้อไปจบพร้อมใช้งาน พร้อมสตรีม ได้เลยแค่ลงโปรแกรมแค่นั้นถือว่าจัดเต็มมากๆในงบไม่ถึง 4 หมื่นบาทครับ และในการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงบ้างในหลายๆด้าน รวมถึงหน้าจอเทพนั้นจะเป็นยังไงไปชมกัน

ROG Zephyrus G GA502DU นั้นเป็นซีรีส์ ROG ที่ค่อนข้างเน้นความบางเพราะมันบางมากๆที่ 19.9 มิลลิเมตร  เบาแค่ 2.1 กิโลกรัม และในรุ่นใหม่นี้นั้น มาพร้อมหน้าจอใหม่ที่โหดกว่าเดิม และ สเปคที่ ครบจบ ไม่ต้องอัพอะไรเพิ่ม ซื้อแล้วใช้งานทันทีครับ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขอบบาง 15.6″ Full HD พาเนล IPS 240Hz ส่วนทางด้านการออกแบบยังคงความสวยงามสไตล์ ROG ไว้ได้อย่างดีและแน่นอนว่าคุณภาพของวัสดุนั้นยังคงไว้ใจได้ครับ ส่วนเรื่องสเปคนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มเลยแหละ เพราะได้ปรับมาใช้ CPU ของค่ายแดงใช้ตัว AMD Ryzen 7 3750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q พร้อมด้วย RAM 16GB DDR4 และให้ SSD 512GB  PCIEe M.2 และ Wi-Fi A + Bluetooth 5.0 รวมถึง Windows 10 แต่ไม่มีกล้องหน้ามาให้รวมถึงตัวปุ่มไฟคีย์บอร์ดนั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้นะครับจะเป็นสีขาวตามภาพเลยสำหรับรุ่น G นี้

ASUS ROG Zephyrus G GA502 AMD Ryzen 7 3750H   NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q RAM 16GB DDR4 SSD 512GB  15.6 IPS 240HZ ราคาอยู่ที่ 39,990 บาท 

UNBOX

อุปกรณ์ในกล่องนั้นก็มีมาให้พอใช้งานถือว่าเพียงพอใช้งานทั้งสายชาร์จต่างๆ คู่มือ น้ำหนักและการพกพาโดยรวมนั้นค่อนข้างดีไม่หนักและพกพาได้ดีมากๆ ส่วนการออกแบบดีไซน์กล่องก็ยังคงธีมออกแบบ แบบเดิมไม่ได้หนีจากเดิมครับ แน่นอนว่ามันเป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก GA502 ตัวคุ้นรุ่นเดิมแต่ครั้งนี้เปลี่ยน สเปคภายในและหน้าจอโหดขึ้น

DESIGN

แน่นอนว่าดีไซน์แนวคิดนั้นยังคงเป็น ROG ที่ออกแบบมาสำหรับสายทำงานมากๆคือมันลงตัวทั้งความเรียบง่ายและความดุดันไม่มีการเล่นแสงไฟ สีลวดลายอะไรให้มันรกเลยครับ ถือว่ามันเหมือนเป็นความสมมาตรของตัวเครื่องเมื่อมองจากในทุกๆด้านเลยทีเดียว ส่วนตัวไฟด้านหลังตรงโลโก้อะไรก็มีสีแดงนิดหน่อยไม่ได้สว่างอะไรมากครับและ งานประกอบความแน่นหนาของวัสดุนั้นทำได้ดี วัสดุเป็นโลหะปัดลายในส่วนภายนอกทั้งหมดแต่ในส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักนั้นเบา รวมๆนั้นถือว่าเก็บงานการออกแบบแน่นหนาแข็งแรงทำได้ดีสมกับ ROG ไม่เคยผิดหวังเลยครับ ดีไซน์ภาพรวมก็แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด

การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับและรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ ไม่มีการเล่นขอบสีทองแดงหรืออะไรเลย เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ แต่ทางด้านฝาหลังนั้นยังมีการเล่น 2 ลวดลายอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไปไหน ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเอง

วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุพลาสติกดำด้านไม่ใช่โลหะอะไรน่าจะช่วยในเรื่องของการพกพาน้ำหนักให้มันดีกว่าเดิม ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 16GB + รวม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น เป็น 24GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซัฟเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 3 เส้นที่ให้มา

ตัวเครื่องรวมๆนั้นจะเป็นวัสดุพลาสติกดำ เมื่อมาดูที่ด้านข้างนั้นจะเห็นช่องระบายความร้อนต่างๆ และตัวข้อพับหน้าจอที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะไม่มีระบบยกตัวเครื่องอะไรแบบรุ่นพี่แต่ก็ระบายความร้อนได้ดีพอสมควรเลยแหละ ส่วนตรงหน้าจอด้านหน้านั้นจะเขียนชื่อรุ่นสีดำเงาเล็กๆครับไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่ที่น่าสนใจนั้นในรุ่นใหม่ๆทั้งหมดเริ่มจะไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนะ คือตัดออกไปเลยไม่ได้ไว้ขอบล่างอะไรทั้งนั้นคือไม่มีเลยนั้นเองเพื่อความบางของหน้าจอโดยรวม และตรงแป้นคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นเป็นช่องระบายความร้อนเฉียงๆนั้น ก็ทำงานโดยการระบายความร้อนออกไปข้างหลังนั่นเอง

ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้ ROG มาในแบบชื่อเต็มครับ ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม

ตัวโลโก้นั้นจะเป็นไฟสีแดงแบบไม่ได้แรงมากนักดูค่อนข้างยากถ้าใช้งานกลางวัน แต่ถ้าที่มืดๆนั้นก็จะเห็นค่อนข้างชัดเลยแหละ ส่วนวัสดุนั้นเป็นการปัดลายกันคนละแบบและเป็นวัสดุโลหะทั้งหมดในส่วนของฝาหลังขึ้นชิ้นมาเต็มๆ เมื่อมาด้านหน้านั้นขอบจอค่อนข้างบางมากๆ และการที่ตัดกล้องหน้าออกไปทำให้ขอบด้านบนนั้นเท่ากับขอบบ้างๆได้อย่างลงตัว แต่มียางรองกันรอบๆหน้าจอได้ค่อนข้างครบและดูแข็งแรงไปในตัว หน้าจอตัวนี้เป็น 15.6 นิ้ว IPS 240HZ ซึ่งหน้าจอตัวนี้แหละคือจุดแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า และ ยังให้สเปค RAM 16GB เสริมเข้ามาด้วยแบบจัดเต็ม

SPEC

  • AMD® Ryzen™ 7 3750H Processor, 2.3 GHz (6 M Cache, up to 4.0 GHz)
  • ระบบปฏิบัติการ
    Windows 10 Home – ASUS recommends Windows 10 Pro.
  • หน่วยความจำ
    16 GB DDR4 2400MHz SDRAM Onboard memory, 1 x SO-DIMM socket for expansion, up to 24 GB SDRAM, Dual-channel
  • การแสดงผล
    15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz Anti-Glare IPS-level Panel with 72%
  • กราฟิก
    NVIDIA® GeForce® GTX 1660TI with Max-Q Design , with 6GB GDDR6 VRAM
  • สตอเรจ
    Solid state drive:
    512GB PCIe® Gen3 SSD M.2
  • คีย์บอร์ด
    Illuminated chiclet keyboard
  • WebCam
    External Camera (1080p@60FPS), optional
  • เน็ตเวิร์คกิ้ง
    Wi-Fi
    Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac)
    Bluetooth
    Bluetooth® 5.0
  • อินเตอร์เฟส
    1 x COMBO audio jack
    1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2) with display supportDP1.4
    3 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
    1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
    1 x HDMI, HDMI support HDMI 2.0
    1 x AC adapter plug
  • ออดิโอ
    Built-in 1 W Stereo Speakers with Dual-Array Microphone
    Smart AMP
    Supports Windows 10 Cortana
    ASUS Sonic Studio
  • แบตเตอรี่
    4 -Cell 76 Wh Polymer Battery
  • พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์
    Plug type :ø6.0 (mm)
    Output :
    20 V DC, 9 A, 180 W
    Input :
    100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
  • ขนาด
    NB:
    36 x 25.2 x 1.99 cm (WxDxH)
  • น้ำหนัก
    NB:
    2.1 kg
  • VR
    VR Ready

PERFORMANCE

ในเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่องครั้งนี้เป็นการจับคู่กันระหว่าง AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งในตัวเองนั้นมีการ์ดจอติดเครื่องมาให้คือ Radeon RX Vega 10 และในส่วนการ์ดจอแยกนั้นเป็นตัวค่ายเขียวกันบ้างเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยีใหม่สุดจากทาง Nvidia ด้วยการใช้งาน GTX 1660 Ti Max-Q 6GB GDDR6 และให้ RAM มาบนเครื่อง 8GB Onboard + 8GB แยกทำให้จัดเต็มกว่าเดิมเป็น 16GB  และในด้านหน่วยความจำนั้นเป็น SSD 512GB และสามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก 1 ช่องเลยนั้นเองถือว่าสเปคการอัพเกรดนั้นค่อนข้างสะดวกมากๆ

3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4318 ถือว่าดีกว่า GTX 1060 แบบชัดเจนและในส่วนของ Firestrike 10438  ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 75 และ GPU 67 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าจัดการได้ดีอยู่

PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงแต่น้อยกว่าตัว S นิดหน่อยซึ่งตัวนี้ทำไปได้ 3,519  คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU – 79  GPU 64 องศาครับผม

CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง  ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 1336 CB เลยครับ  R15 นั้นทำได้ 619 /72 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบาย และยิ่งไปกว่านั้นคือ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 78 และ GPU 70 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าดีกว่าที่คิดจริงๆเรื่องความร้อนครับ และใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD 512GB แบบ M.2 NVMe  การอ่านที่ 1366MB/s และเขียนที่ 997MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างไวและใช้งานได้สบายรวมถึงสามารถอัพเกรดได้อีก

SCREEN

หน้าจอครั้งนี้จัดเต็มปรับมาใช้งาน 240Hz ถ้าใครเล่นสาย FPS น่าจะเข้าใจกันดี ส่วนในเรื่องของความสว่างก็มามากกว่าเดิม และทำได้สู้แสงดีกว่าเดิมครับและสีที่แม่นยำกว่าเดิมด้วย แต่อาจจะไม่ได้เท่าตัวที่รองรับ มาตรฐาน Pantone นะครับ และด้วยการที่เป็นจอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นเนียนตามากๆครับ และในส่วนของตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย คาริเบทนิดหน่อยใช้งานได้เลยครับ คือเดี๋ยวนี้หน้าจอนั้นเป็นสายเกมแต่ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับ และทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น และ ด้วยความที่มันเน้นพกพามากขึ้นก็ทำให้หลายๆคนเลือกเอาไปใช้งานงานกันหลากหลายมากขึ้นนั้นเองครับตัวเดียวครบๆจบเลย

การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ต้องตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 240Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง คือมันเป็นจอเกมที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ทั้งรองรับมุมมองที่กว้าง Refresh rate 240Hz และ จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้น แต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้นมากพอสมควรครับ

KEYBOARD

ตัวคีย์บอร์ดมาครบทั้งตัวปุ่มเสริมในด้านบน ลูกศรในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันครับ ส่วนรุ่นนี้นั้นจะแอบแปลกตาซะหน่อยเพราะไฟนั้นเป็นสีขาวล้วนครับปรับไม่ได้ ปรับได้แค่ความสว่างเท่านั้นตัวอักษรของแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ ส่วนตัวปุ่มนั้นการออกแบบเว้นระยะห่างยังคงทำได้ดีความรู้สึกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่แค่ไม่สามารถปรับแสงไฟหรือ Effect ได้เลยนั้นเอง ส่วนพวกปุ่มการวางตำแหน่งต่างๆนั้นก็ยังคงคุ้นเคยกันได้อย่างดี การจัดวางปุ่มอะไรใช้งานได้ง่ายและเว้นระยะห่างกำลังดีครับ รวมถึงคีย์ลัดต่างๆ รวมถึงปุ่ม Spacebar ก็มีขนาดกำลังดี

ซึ่งระยะของปุ่มนั้นลงไประยะที่ 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี Over Stroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG ตัวอื่นๆเลยที่เคยทดสอบมานั้นเองครับรวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการหรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับอันนี้ชอบมากๆ

TOUCHPAD 

ในด้านการใช้งานตัวทัชแพดนั้นตัวนี้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือจะไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา แยกกันนะครับจะไม่เหมือนพวกรุ่น STRIX SCAR พวกนั้น ซึ่งรุ่นนี้จะเหมือนไปทางสายใช้งานทั่วไปมากกว่า แต่ก็ดูเป็นชิ้นเดียวกันและแน่นดูแข็งแรง รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ  ทัชแพดอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่สะใจอะไรมากครับขนาดกำลังดีต่อการใช้งาน โทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10  สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอปก็รองรับการทำงานได้ดีครับผม และ เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักการกดปุ่มก็ไม่เจอปัญหาในการใช้งานอะไรครับทั้งซ้ายและขวา

SPEAKER 

ลำโพงตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ยิงลงข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวาเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาทำให้กำลังขับของตัวลำโพงนั้นดีกว่ารุ่นอื่นๆและมีมิติมากกว่าเดิมครับ การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม จริงๆคือคุณภาพเสียงลำโพงทาง ROG นั้นพยายามพัฒนาขึ้นเรื่อยๆก็ต้องบอกว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เน้นเรื่องนี้ทั้งตัว ROG และ Zenbook ถือว่าไม่ผิดหวังเลยครับในด้านนี้ แต่ความดังสะใจนั้นก็อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นอื่นๆของค่ายที่เคยทดสอบ

CONNECTOR

การเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆในรุ่นนี้มีมาให้ครบเหมือนเดิมครับทั้งด้านซ้ายและขวา แต่ในด้านหลังนั้นไม่มีพอร์ตอะไรครับเป็นการบอกชื่อรุ่นและช่องระบายความร้อนทั้ง 2 ฝั่ง เมื่อมองด้านหลังจะเป็นตัววัสดุของฝาหลัง ที่ขัดลายค่อนข้างสวย และเป็นการเล่นลวดลายขีดต่อเนื่องมาถึงตรงกลางครับ แต่จะไม่มีการเล่นครีบระบายสีทองแดงอะไรครับเป็นแบบเรียบๆเลยรุ่นนี้ ซึ่งจะแตกต่างกับ ROG รุ่นอื่นๆที่เราคุ้นเคยกันนั้นเอง อันนี้อาจจะทำให้คนทั่วไปนั้นใช้งานจับถือได้ง่ายขึ้นก็เป็นได้ครับ ด้านนี้นั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์+หูฟังแบบ 3.5มม. ช่อง USB C 3.0 และ USB A 3.0 และ HDMI 2.0 รวมถึง ยังคงมีช่อง LAN และ ช่องสำหรับจ่ายไฟเข้าเครื่องครับ ในด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สายจะเป็น Bluetooth 5 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac ที่มี RangeBoost Multi-antenna Wave 2

ในด้านขวาด้านนี้ USB Type-A 3.0  ทั้งหมด 2 ช่อง และ รวมถึงช่องระบายความร้อน และ ตัว Kinsington Lock อยู่หลังสุดครับ ส่วนลำโพงนั้นจะยิงลงด้านล่างมุมขวาและซ้ายของเครื่องครับ เสียงก็ยังคงทำได้ประทับใจ

GAMING 

ที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ  เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว Ryzen 7 +GTX 1660TI จะทำได้ดีแค่ไหน และครั้งนี้มาพร้อมกับ RAM 16GB แล้วด้วยครับ

จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 240Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90 บ้างในบางครั้งครับ ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 200 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 77 CPU 90  : ULTRA
  • APEX ทำไปได้ FPS 88 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 89 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 75 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 91  : ULTRA
  • BLACK OPS 4 ทำไปได้ FPS  71 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 85  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS  70 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 90  : ULTRA  

โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีถ้ามองในแง่ สภาพอากาศทั่วไป เสียงพัดลมก็ดังตามปกติครับผม ระบายความร้อนได้ดีกว่าที่คิด เพราะที่ลองๆมานั้นการจัดการความร้อนพวกนี้ Ryzen จะเย็นกว่านิดหน่อยครับ  FPS ที่ขับออกมาได้ก็น่าพอใจครับ ถ้าใครกลัวเรื่องความร้อนอาจจะเล่นใช้งานในห้องแอร์ก็จะสามารถช่วยได้อีกระดับนึงเลยครับ

BATTERY

ทางด้านอายุแบตนั้นต้องเข้าใจกันก่อนเลยว่ามันไม่อึดแน่ๆด้วยสเปคและหน้าจอครับและยิ่งเป็นพวกสายเกมแบบนี้แล้วการใช้งานข้างนอกแบตอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรครับจากที่ทดสอบนั้นใช้งานได้ประมาณ 4 ชั่วโมงในการใช้งานแบบทั่วไปเปิดทุกอย่างปกติครับ ตัดต่อรูปนิดหน่อย แต่ถ้าเปิดทิ้งไว้เล่นเพลงอะไรทั่วไปไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไรเยอะจะได้ 5-6 ชั่วโมงไม่เกินนี้ครับแน่นอนว่าด้วยหน้าจอ 240Hz และสเปคที่จัดเต็มมาให้เลยทำให้อายุแบตนั้นไม่ได้อึดเท่าไรนั้นเองแต่อย่างน้อยก็สามารถใช้งานได้ 3 ชั่วโมงขึ้นแบบสบายๆได้ครับโดยที่เปิดอะไรทุกอย่างปกติเลย

ARMOURY CRATE 

Armoury Crate  เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync ที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลยครับผม

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด

ROG ZEPHYRUS G GA502DU

” จอโหดสเปคแน่น จัดเต็มไม่ต้องอัพเพิ่ม ใช้งานได้ทันทีหลังซื้อ ! “

ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ทำออกมาได้ดีตอบโจทย์จากรุ่นเดิมในงบไม่เกิน 4 หมื่นบาทที่สามารถเอาไปใช้งานได้เลยไม่ต้องไปอัพอะไรอีกแล้ว ซื้อเสร็จก็พร้อมเล่นเกม พร้อมทำงานเลยครับไม่ต้องไปวุ่นวายกับมันอีก และด้วย RAM 16GB และ  หน้าจอ 240Hz ที่เปลี่ยนเข้ามาทำให้มันคุ้มค่ากว่าเดิมไปอีกครับ และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะสำหรับคนที่เน้นใช้งานจบๆไม่ได้เน้นแสงสีไฟอะไรมากนัก เน้นทำงานทั่วไป เล่นเกมเอาเรื่อง พกพาได้บางเบาและรวมถึงเสียงลำโพงอะไรค่อนข้างดีเลยแหละในภาพรวมเลยทำให้มันคุ้มค่าอีกแล้วในตระกูลนี้ มาพร้อม Ryzen ด้วยแต่การขับ FPS บอกกันตรงๆว่าอาจจะไม่สู้ Intel แต่ ถ้ามองในเรื่องความร้อนจัดการได้ดีกว่าค่ายนั้นพอสมควรเลยแหละครับ ส่วนข้อสังเกตถ้ารับได้ก็พวกเรื่อง ไม่มีกล้องหน้า ไม่มีการปรับแต่งไฟอะไรพวกนี้ ถ้ารับได้ก็จัดไปสบายๆครับสำหรับ ROG G

ข้อดี

  • หน้าจอ IPS 240HZ คุณภาพทำได้ดีมากและลื่นไหลสุด
  • SSD M.2 NVMe 512GB
  • RAM 16 GB จัดเต็มไม่ต้องอัพอะไรแล้ว 
  • AMD Ryzen 7 3750H +GTX 1660TI ทำงานได้แรงและลื่นไหลมาก
  • อัพเกรด ได้ทั้ง SSD + RAM เพิ่มเติม
  • การออกแบบ พกพาเรียบหรู บางและเบา
  • ระบบระบายความร้อนทำได้ดีเหมือนเดิม
  • แบตอาจุใช้งานได้ 5-6 ชั่วโมงใช้งานทั่วไป
  • มี Windows 10 มาให้เลย
  • ประกัน 2 ปี เคลมทาง 7-11 ได้เลย

ข้อสังเกต 

  • ไม่มีตัวอ่าน SD Card Reader
  • ไฟคีย์บอร์ดปรับเปลี่ยนสีไม่ได้
  • ไม่มีกล้องหน้า Webcam
  • ยังไม่มีพอร์ต Thuderbolt 3

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares