ROG Phone เป็นสมาร์ตโฟนที่ต้องบอกว่า เดินหน้าลุยสาย Gaming อย่างเต็มตัวพร้อมกับเป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามาลุยตลาดนี้ตั้งแต่ยุค ROG Phone 1 และ ไม่ใช่แค่มือถือ แต่มาพร้อมกับบรรดา Gaming Accessory ทั้งหลายที่จัดเต็มมากขึ้นเรื่อยๆต้องบอกเลยว่าเป็นค่ายที่มีอุปกรณ์หลายๆตัวของเล่นเยอะมากที่สุดในบรรดา Gaming Smartphone ทั้งหมดแล้ว และทำให้มันมีจุดเด่นและมีความแตกต่างกับค่ายอื่นชัดเจน มาจนถึงรุ่น ที่ 4 ในชื่อ ROG Phone 5 ครับ แน่นอนว่าเลี่ยงการใช้ชื่อ 4 เพราะว่าตัวเลขการออกเสียงความหมายไม่ค่อยดีนักในเมืองจีน เลยใช้ชื่อ 5 แทน และรุ่น 5 นี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในด้านหลัง และ หน้าจอก็มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงสเปกในหลายๆส่วนก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วยทั้งหน้าจอ 144Hz 300Hz ในการตอบสนองที่ดีกว่าเดิม แบต 6,000 ที่ชาร์จไว 65W และระบบ AIR Triggers 5 ที่ดีขึ้น และครั้งนี้เราจะมาอยู่ในรุ่นพิเศษ หรือว่ารุ่นที่เทพที่สุดในตัว ROG Phone 5 Ultimate นั้นเองมาพร้อมกับสีขาว และ จะมีจุดเด่นๆทั้ง จอด้านหลังขาวดำ พร้อมกับการแตะสั่งงานฝาหลังได้ รวมถึง สเปกที่แรง RAM 18GB และ ความจุ 512 GB แรงกว่าคอมหลายๆเครื่องไปอีก

ROG PHONE 5 ULTIMATE มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 888  มาพร้อมกับ RAM 18GB และหน่วยความจำ 512GB UFS 3.1 ที่มากกว่ารุ่นปกติครับ ถือว่าสเปกเหลือๆต่อการใช้งาน จัดเต็มด้วยหน้าจอ Samsung AMOLED 144HZ 6.75 นิ้วขนาดใหญ่ขึ้น ไม่มีติ่งเช่นเดิม แต่การตอบสนองไวขึ้น ที่ 300Hz รองรับ สัมผัส 24.3ms ที่น้อยที่สุดในบรรดามือถือ และ ใช้งาน HDR 10+ รองรับ Delta E<1 และหน้าจอ E4  และยังคงวางลำโพงคู่ในด้านหน้าให้ทั้งหมด ขนาดใหญ่ขึ้นเสียงดีขึ้น พร้อมกับระบบเสียง HI-RES และ DAC  ESS SABRE PRO ในรหัส ES9280AC Pro ในตัวถ้าผ่านรู 3.5 มม. นั้นเอง อีกทั้ง ยังใช้งานแบต 6,000 mAh ที่แยกเป็น 2 ก้อนรองรับการชาร์จไว 65W จัดเต็มมากขึ้น และให้มาพร้อมกับในกล่องเลยครับ รวมถึงยังคงใช้เคส และ ตัวพัดลม รวมถึงหูฟังให้แยกมานอกกล่องด้วยนะ ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มาพร้อมกับ IMX686 Quad bayer 64MP และเป็น 16MP F.18 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.75 ที่รวมพิกเซลให้เก็บแสงสีได้ดีขึ้นใน ตัวเลนส์หลัก พร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 13MP และ มาโคร 5MP น่าเสียดายว่าไม่มีเทเลมาให้ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าสาย Gaming เลยไม่เน้นมากครับ ส่วนกล้องหน้านั้นให้มาที่ 24MP  F2.45 มาพร้อมกับ การรองรับละลายหลังเช่นเดิมครับ มาพร้อมกับบอดี้กระจกที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดในด้านหลัง ไม่มี Aero ที่มุมเครื่องแล้วเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่อีกครั้งในรุ่นนี้ครับถือว่าภาพรวมสเปกอะไรนั้นจัดเต็มมากขึ้น และยังมีการแตะขอบเครื่อง สัมผัสขอบเครื่อง บีบเครื่องได้เช่นเดิม และสำหรับรุ่น ULTIMATE จะรองรับการแตะฝาหลัง และ มีหน้าจอด้านหลังเสริมเข้ามาและสีขาวฟ้าสวยงามอย่างมาก

PRICE 

นอกเหนือจากรุ่นที่สูงที่สุดแล้วแน่นอนว่า ราคาตัวนี้จะเปิดตัวมาที่ 18GB / 512GB ในราคา 39,990.- พิเศษ เมื่อซื้อ ROG Phone 5 Ultimate จะได้รับ ROG Ultimate Fan Gift Collection รวมมูลค่า 3,990.- ไปด้วยถ้าอยากได้ต้องรีบหน่อยเพราะของแถมมีจำนวนจำกัด นะครับ ซึ่งจะเป็นกล่องด้านบนนั้นเองใหญ่มากๆ และข้างในมีของเยอะแยะเลยทีเดียว เมื่อเปิดออกมาเราจะเห็น MASK และ แผ่นสำหรับติด

นอกเหนือจากหน้ากากแล้วเองนั้น ยังมีทั้งสติกเกอร์ และแผ่นสำหรับติดเสื้อผ้า กระเป๋าผ้าได้ด้วยเช่นกัน และมองมาด้านล่าง เราจะได้หมวก ROG สุดเท่สีดำ พร้อมกับผ้าเช็ดตัว ROG สีขาวดำสวยงาม และ ในกล่องด้านขวานั้นจะเป็นกล่อง LEGO ตัวต่อ เป็นรูปโลโก้แบบ 3 มิติแบบในคู่มือเลยทีเดียว ส่วนกล่องล่างนั้นจะเป็นไพ่เท่ๆจาก ROG

UNBOX

มาถึงตัวกล่องมือถือกันบ้างตัวนี้หน้าตากล่องจะแตกต่างกับรุ่น 5 ปกติเช่นกันทั้งสีสันและการออกแบบ รุ่นนี้ขึ้นชื่อว่ารุ่นสูงสุดแน่นอนว่าไม่ธรรมดา มาพร้อมกล่องครอบด้วยสีเงินสวยงาม และเมื่อเปิดออกมาเจองานภาพสวยงามข้างในลูกเล่นเล็กๆน้อย และตัวกล่องหลักก็เป็นทรง 3 เหลี่ยม ตัดมุมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน มาในโทนสีขาวดำเท่มากๆ และมีขนาดใหญ่กว่ากล่องรุ่น 5 ปกติเยอะมากเช่นกัน และยังคงมีลูกเล่น AR สแกนเป็น แอนิเมชันสวยๆเหมือนเดิม

เมื่อเปิดมาข้างในจะเป็นหนังสั้นที่เราสามารถสแกนอ่านเป็นแบบ AR 3 มิติได้ด้วยภาพแต่ละช่องจะเคลื่อนไหวครับ สามารถเปิดใช้งานบนมือถือ ROG เท่าน้ันด้วยนะ ฟีเจอร์ลูกเล่นเบาๆครับในตัวนี้ ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องให้มาครบเช่นเดิม และ รอบนี้พัดลมใส่เข้ามาในกล่องแล้ว แต่น่าเสียดายว่าไม่มีหูฟังแถมมาให้ในตัวกล่อง ROG นี้นะครับ

ตัวเคสนั้นยังคงให้หน้าตาพลาสติกสีขาวใส แตกต่างกับรุ่นปกติครับ แต่งานออกแบบคล้ายกับรุ่นทั่วไปเลย แต่เปลี่ยนเป็นสีใสเท่านั้น  การเว้าอะไรใหม่ทั้งหมด แน่นอนว่าด้วยการปกป้องอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไร แต่จะเน้นความสวยงามและปกป้องรอยขนแมวพื้นฐานมากกว่า ไม่ได้เน้นกันกระแทกครับ ดีไซน์ยังคงอิงจากรุ่นก่อนมีการเปิดด้านหลังโชว์หน้าจอ และ เว้นช่องสำหรับ แตะนิ้วสั่งงานตรงฝาหลังเสริมเข้ามาให้ด้วยซึ่งรุ่นนี้จะรองรับแตะตรงฝาหลังเล่นเกมได้ด้วยนะ

พัดลมยังคงให้มา แต่รุ่นนี้จะแถมมาให้ในกล่องนะครับ แตกต่างกับรุ่นปกติที่นอกกล่อง งานออกแบบดีไซน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดเมื่อเทียบกับรุ่น 2-3 ก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบใหม่ การระบายอากาศแบบใหม่ พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ ทำให้รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด พร้อมได้เปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นแบบ Pin แทนแล้วครับ แต่เสียบในตำแหน่งคล้ายเดิมอยู่นะ มาพร้อมกับไฟ RGB และ ขาตั้งให้ในตัวสวยงาม

DESIGN

งานออกแบบจริงๆ บอดี้หน้าจอหลายๆส่วนนั้นไม่ได้หนีจากรุ่น 5 ปกติครับใส่เคสด้วยกันได้เลย แต่จะแตกต่างสเปกการรองรับภายในมากกว่า และด้านหลังเส้นสายงานออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมกับใส่หน้าจอ ขาวดำ ROG VISION เสริมเข้ามาให้ปรับแต่ง จะแจ้งเตือน เวลาคนโทรเข้า ชาร์จไฟ และเล่นเกมโหมดต่างๆก็จะแสดงด้านหลังทั้งหมด พร้อมกับรุ่นนี้จะเป็นสีขาวฟ้า แตกต่างกับรุ่นปกตืที่จะเป็นสีดำแดงนั้นเองรวมถึงเส้นสายลวดลายต่างกันหมดแต่ในแง่คุณภาพ น้ำหนัก สเปกกล้องหน้า/หลัง ส่วนหน้าจอทั้งหลายนั้นเหมือนกันทั้งตระกูลนะครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงนัก

ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.75 นิ้วใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาพร้อมกับหน้าจอแบบไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิม และยังคงมีขอบไว้ให้จับได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าบางลงกว่าเดิมครับ มาพร้อมกับสเปกหน้าจอ SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล  ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz และ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม

ขอบด้านล่างนั้นพื้นที่ไม่ต่างกับด้านบนเท่าไรนัก มาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิมเยอะมากๆ และเสียงยังคงเด่นดังเช่นเดิม ส่วนปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานแบบปุ่ม 3 ปุ่ม หรือ ว่า Gesture ก็รองรับได้

ทางด้านขอบบนนั้นใส่ลำโพงมาให้บนขอบหน้าจอเช่นเดิม และมาพร้อมกล้องหน้า 24MP F2.45 และมาพร้อมไฟแจ้งเตือนในด้านหน้า ซึ่งต้องบอกว่า Smartphone รุ่นใหม่ๆเริ่มจะตัดออกไปเยอะมาก แต่รุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาให้

ในฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นปุ่มทั้งหมด ทั้งสีฟ้าในปุ่ม Power และ ปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียงจะเห็นว่ามีไมค์แทรกเข้ามาให้ด้วยในฝั่งซ้าย อันนี้ถือว่าค่อนข้างแปลกตาครับ อาจจะเน้นใช้งานในแนวนอนเวลาเล่นเกม เรื่องเสียงไมค์น่าจะดีขึ้นนั้นเองเพราะว่าตำแหน่งเวลาเล่นเกมก็ถือไว้ด้านบนพอดีทำให้รับเสียง คนพูดได้ดีกว่าแบบขอบล่างเครื่องนั้นเอง ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าก็ใส่เข้ามาให้ในตำแหน่งนี้ และส่งผลเวลาใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงลม หรือ Mic Focus ด้วยเช่นกันครับ

ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นว่ามีการแทรกไมค์ อัดเสียง ตัดเสียงมาให้อีก 1 ตัว ดูกลมกลืนไม่ได้ใหญ่มากนัก ช่วยในเรื่องของฟีเจอร์การตัดเสียงลม และ ดูดเสียงคนพูด ส่วนกล้องหลังนั้นไม่ได้นูนออกมาอะไรเยอะมากในตัวนี้ครับ

ในขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่า รู3.5 มม. กลับมาแล้วพร้อมกับ USB-C ตัวที่ 2 ในเครื่องนี้ และรูไมค์ทำให้เรื่องของไมค์รุ่นนี้มีมาถึง 3 ตัวแล้ว ในขอบบน ขอบล่าง และขอบข้างเครื่องนั้นเองครับ จัดเต็มมากๆเลย

ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นเด่นชัดคือ ถาดซิมสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อตรงกลาง ที่มีจุกยางปิดมาให้ที่ครั้งนี้เปลี่ยนจาก USB-C ทั้ง 2 ช่องเป็นพอร์ตแบบ Pin 1 อันแทนแล้วอาจจะส่งผลให้ใช้อุปกรณ์เก่าบางตัวไม่ได้ครับ แต่ก็ทำให้เชื่อมต่อนั้นเสียบอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าแบบเดิม นั้นเอง

ฝาหลังมีการออกแบบพิเศษใหม่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปชัดเจนทั้งเส้นสายตรงบริเวณกล้องออกแบบใหม่ทั้งหมด ฝาหลังสีขาวสวยงามตัดกับสีดำสีฟ้าได้ลงตัว พร้อมกับหน้าจอด้านหลัง และแน่นอนว่า การสัมผัสสั่งงานฝาหลังตรงบริเวณ เหนือถาดซิมสีฟ้า และ ใต้กล้องหลังในส่วนใต้แฟลชในแนวขอบเครื่องนั้นเองจะเป็นจุดพิเศษที่แตกต่างกับรุ่นทั่วไปแต่วัสดุงานประกอบ กล้องหลังนั้นจะเป็นทรงเดียวกันทั้งหมดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของดีไซน์หลักๆเท่าไรนัก

ROG PHONE 5 ใช้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีการรวมเซนเซอร์ QUAD BAYER ที่ใช้การรวมพิกเซลเหลือ 16MP แต่จะได้เหมือนเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเองครับจาก พิกเซลพื้นฐานที่ 64MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.7 รูรับแสง F1.8 มาพร้อมกับ เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) ให้มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับไฟแฟลช และจะเห็นว่ามีไมค์เสริมเข้ามาให้ในด้านหลังด้วย ทำให้ทั้งเรื่องนั้นมีทั้งหมด 4 ตัวเลยทีเดียวในเครื่องนี้ครับ แต่เหมือนกล้องเลนส์มุมกว้าง และ มาโคร นั้นจะใช้งานเลนส์ตัวเดิม ส่วนตัวเลนส์หลัก 64MP เช่นเดิมครับ ซึ่งรุ่น ULTIMATE จะมีการออกแบบเส้นสายอะไรให้แตกต่างกับรุ่นปกติ แต่รูปทรงของกล้องนั้นจะเหมือนกัน

หน้าจอ ROG VISION ขนาดกำลังดีสีขาวดำ มาพร้อมกับการรองรับการปรับแต่งได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหน้าหลัก หรือ หน้าการชาร์จ ไฟสว่างสวยและรองรับความคมชัดได้ดี เรียกได้ว่าโดดเด่นและแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนมากครับ แต่น่าเสียดายยังคงเป็นแบบขาวดำก่อนยังไม่มีสีสันอะไรมากนัก พร้อมกับเลข 05 ประจำรุ่นนี้ และส่วนที่บอกว่าเป็นการสั่งงานฝาหลัง เล่นเกมจะอยู่มุมซ้ายล่างของภาพที่เป็นเส้นๆนูนๆบางๆนั้นเองครับที่มีตัว R และ มุมขวาของภาพที่จะเป็นเส้นนูนๆขีดๆสีขาว ส่วนนั้นจะรองรับการแตะสัมผัสฝาหลังได้ด้วยถือว่าปุ่มจะเยอะกว่ารุ่นปกติชัดเจนครับ

สำหรับพัดลมในรุ่นนี้ดีไซน์อะไรได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่เห็นชัดเจนเลยว่าดีไซน์มีความกว้าง กินพื้นที่ข้างๆมากขึ้น พร้อมกับ งานออกแบบที่มีเส้นสายมากกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นแค่เหลี่ยมๆตรงๆเท่านั้นครับ มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองเลยไม่ต้องมีฐานแยกแบบรุ่นก่อนๆ  และเมื่อกางขาออกมานั้นจะเป็นสีกราฟิก น้ำเงินแดง การวางขาตั้งนั้นถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีครับ ส่วนในฐานล่างนั้นมีรู  3.5มม. มาให้พร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จได้ และที่สำคัญนั้น ในตัวพัดลมจะเห็นปุ่ม ข้างๆพัดลม 2 แง่งนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับเล่นเกมที่เราตั้งค่าได้ว่าจะทำอะไรบ้างครับ

SPEC

  • หน้าจอ 6.75 นิ้ว ใช้งาน SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล  ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz และ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 888  7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 660
  • RAM LPDDR5 18GB + storage (UFS 3.1) 512GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย ROG UI
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0)
  • กล้องหน้า 24MP (f/2.45)
  • ลำโพง 7-magnet stereo ที่มาพร้อม smart amplifier NXP TFA9874 คู่, ไมโครโฟน 4 ตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน ASUS Noise Reduction
  • ชิปเสียง ESS SABRE PRO HIRES ES9280AC Pro
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • จอ ROG VISION ขาวดำในด้านหลังเครื่อง 
  • AIR TRIGGERS 5 ที่สามารถ เลื่อน แตะ กด ได้มากกว่าเดิม พร้อมปุ่มหลังเครื่องบนตัวพัดลม
  • เพิ่มการแตะสั่งงานฝาหลัง เฉพาะรุ่น ULTIMATE 
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Bluetooth 5.1, USB Type-C, NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ที่รองรับ Hyper Charge 65W, รองรับการชาร์จผ่านหัวชาร์จ 65W และ QC4.0 / PD3.0

PERFORMANCE

สำหรับทางด้านคะแนนนั้นตัวนี้แน่นอนไม่ต้องห่วง มาด้วยกับ Snapdragon 888 ที่รองรับการ Overclock สูงสุด มาด้วย RAM 18 GB คะแนนทำไปได้ ประมาณ 819857 ส่วนหน่วยความจำ UFS3.1 ขนาด 512 GB ไม่ต้องห่วงจุดนี้ ทำการเขียนพุ่งไป 2011 ส่วนคะแนน Geekbench ก็ทำได้ 1125 / 3556 ถือว่าแรงกว่ารุ่นปกติใหลายๆส่วนเพราะว่า RAM มากกว่าด้วยเช่นกัน ถือว่าสบายและแรงที่สุดแล้วในบรรดา GAMING รวมถึงความปลอดภัย DRM L1 ดูหนังอะไรสบายๆ คมชัดสูงสุด ลำโพงคู่แน่นๆไปเลยครับ และหน้าจอแสดงผลออกมาได้สว่างสวยมาก

SYSTEM UI

สำหรับหน้าตาตัวนี้เป็นการใช้หน้าตาการออกแบบทั้งหมดธีมไปทางสายเกมเลยทีเดียว มีสแกนใบหน้าอะไรมาให้ด้วยแต่ยังคงอิงการออกแบบของ ASUS UI มานิดหน่อย มีหน้าหลักมี App drawer มาปกติปัดขึ้นมาได้เลยครับสะดวกดีเหมือนกัน พร้อมกับหน้าจอเปลี่ยนได้ตามสภาพเช่นเปิด X MODE ธีมจะเปลี่ยนเป็นสีแดงรวมถึงมี Animation เปิดกล่องจะเป็นสีแดงและสวยงามเลยในพื้นหลังของตัวนี้ครับ และ หน้าตาเปลี่ยนได้หลากหลายตามใจชอบได้ครับ

หน้าตาการใช้งาน Quick setting นั้นก็มีมาให้เหมือนเดิมเข้าได้ง่ายและเป็นธีม ดำส้ม เมื่อลากลงมาเพิ่มอีกนั้นจะเป็นการเปิดปิดโหมดต่างๆได้ค่อนข้างเยอะเช่นพวก บีบเครื่อง x-mode แตะขอบเครื่องและอีกมากมายเลย และยังสามารถแบ่งหน้าจอได้ไม่ได้ตัดออกไปไหนสำหรับฟีเจอร์พื้นฐานของ Android และเป็นหน้าต่างแยกได้ด้วย

ทางด้านคีย์บอร์ดเองนั้นยังคงใช้งาน G Board เช่นเดิมและทางด้าน STORAGE 512 GB ถือว่าเยอะมากๆตัวนึงในตลาด เหลือๆใช้งานได้ 498 GB โดยประมาณเลยแหละเรียกได้ว่าเก็บทุกไฟล์ไม่ต้องลบเลยทีเดียว พร้อมกับ RAM 18 GB บ้าพลังมากๆตัวนึงมากกว่ารุ่นปกติเช่นกันทำให้เหลือๆ 14GB ในการใช้งานทั่วไปเกินพอมากๆครับ

การปรับแต่งเสียงสั่นก็สามารถปรับได้ ความแรงในการสั่นรวมถึงรูปแบบการสั่นพวกนี้ครับ ฟีเจอร์อื่นๆก็มีมาให้เยอะครับไม่ว่าจะเป็น แอปคู่ ระบบบีบตัวเครื่อง ระบบแตะขอบเครื่อง Gesture พวกนี้มีมาให้ครบเลยแหละ และ ความปลอดภัยก็ยังมีสแกนใบหน้าที่ค่อนข้างไวมากๆ สแกนนิ้ว และ แอนิเมชันสภาพอากาศที่สวยงาม เวลาฝนตกจะสวยเลย

หน้าจอยังมี Always on  มาให้ครับสามารถปรับเปลี่ยนได้ 6 แบบพัฒนาขึ้นนิดหน่อย ยังไม่มีแทรกอะไรใหม่ๆเข้ามา และส่วนของการปรับหน้าจอได้ว่าจะเอากี่ Hz และ โทนสีอะไรต่างๆครับผม และ Zenmotion นั้นก็เปลี่ยนชื่อแล้วแต่เรื่องของการ ควบคุมได้ทั้งหมด ทั้งวาดตัวอักษร ยกเพื่อรับสายอะไรพวกนี้ แตะเพื่อเปิดหน้าจอ

Gesture ทั้งหลายก็มีพวกเคาะหน้าจอ คว่ำจอเพื่อเงียบอะไรพวกนี้ปัดนิ้วไปมาค่อนข้างเยอะมากเลย และ ยังมีพวก AI ตัวช่วยได้อีกในหลายๆจุดครับ และ ระบบบีบตัวเครื่องว่าจะให้ทำอะไร เข้าโหมดมือเดียวเปิดแอป สั่งงานต่างๆแบบเดียวกับรุ่นแรกเลยนั้นเองครับผม และสามารถเลือกได้ว่าตอนปิดหน้าจอ กับ เปิดหน้าจอแล้วจะให้ทำงานยังไง

THEME

 ธีมการออกแบบเปลี่ยนได้ตามสไตล์ครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้พิเศษกันหน่อยคือมีส่วนของ ROG โดยเฉพาะครับจะเป็นสายเกมกันเลยมีให้เลือกหลายแบบครับโทนฟ้าขาว  หรือ โทนดำ และ ใครไม่ชอบแบบเกมก็มีหน้าตา ASUS UI มาให้เลยจะไม่เหมือนสายเกมเลยนั้นเอง และเปลี่ยนทั้งของ ICON / พื้นหลัง หน้าจอโทร หน้าจอตอนล็อกอะไรพวกนี้ครับผม และโทนสีแอปในบางแอปที่มากับเครื่องก็มีเปลี่ยนให้และมี หน้าตาร่วมกับเกม พิเศษเป็นภาพเคลื่อนไหวเพิ่ม

SCREEN

หน้าจอจัดเต็ม 6.75 นิ้วรองรับ AMOLED 144Hz FHD+ DCIP3 HDR10+ ความเที่ยงตรงของสีที่สูงมาก ๆ โดยมีค่า Delta E <1  และ ความไวสัมผัส 300Hz มีค่าความหน่วง touch latency เพียง 24.3ms  ใช้กระจก Gorilla Glass Victus และ ใช้งานหน้าจอชนิด E4  หน้าจอในรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ ความถี่อะไรนั้นยังคงเท่าเดิมนะครับแน่นอนว่าสำหรับสายเกม ดีกว่าจอตัวอื่นๆแบบสัมผัสได้เวลาเลื่อนใช้งานต่างๆครับ รวมถึงเวลาสัมผัสนั้นมันติดนิ้วและลื่นไหลมากๆ ถ้าได้ใช้จอนี้นานๆจะกลับไปใช้จอเดิมๆไม่ได้แน่นอนครับ เพราะมันจะเป็นความหน่วงแบบชัดเจน และภาพมันติดตาไปแล้วกับความเนียนแบบนี้ แต่ในตอนนี้ส่วนของเกมที่รองรับนั้นอาจจะยังมีน้อยเลยอาจจะหาความแตกต่างได้ยากเวลาเล่นเกมครับแต่ ถ้าใช้งานทั่วไปแค่เลื่อนดูภาพหรือ Facebook ก็เจอความแตกต่างแล้วนะ มาที่เรื่องของสีตัวจอรองรับมาตรฐานสีทั้งหมดที่มีได้ สวยสดและสู้แดดได้ดีมากครับ สีดำสวยและดูเนียนไปกับหน้าจอได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมไม่เจอสีเทาๆเวลาปิดจอแล้วมองเอียงๆแล้วรวมถึงสีค่อนข้างดีและสวย ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเป็นหน้าจอที่ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีมากๆตัวนึงและดีกว่าเรือธงตัวอื่นในแง่การตอบสนอง

หน้าจอตัวนี้นอกเหนือจากการที่ปรับเรื่องของการตอบสนองให้ไวที่สุดแล้วนั้นยังส่งผลในเรื่องของมุมมองของหน้าจอรวมถึงความสว่างและความเพี้ยนที่ดีขึ้นอย่างมากครับเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ จริงๆถ้ามองสเปกนั้นต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากถ้ามองแค่ Hz หรือว่า ความละเอียดแต่มันส่งผลในการใช้งานจริงๆทั้งเรื่องของการสัมผัส การตอบสนอง และความสวยงามรวมถึงมุมมองของหน้าจอด้วยเช่นกันครับ และด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้การใช้งานเต็มตากว่าเดิมพอสมควรเลยแหละ และยังคงเป็นหน้าจอแบบเต็มตา ไม่ได้มีติ่งหน้าจอหรือเจาะรูอะไรจุดนี้ถือว่าดี และมีความดำ สนิทมากกว่าเดิมชัดเจนครับถือว่าสเปกไม่ได้หนีกันมาก แต่คุณภาพการใช้งานดีขึ้นทุกๆด้านเลยครับ

แน่นอนว่ายังคงใส่ใช้งาน Always On เข้ามาให้แต่ยังคงไม่ได้มีให้ปรับหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไรนักทั้งเรื่องของหน้าตา หรือ ว่าการใช้งานยังคงเหมือนกับรุ่น 3 ก่อนหน้าทั้งหมด รวมถึงความสว่างต่างๆที่ยังคงใช้งานได้ดีครับ

ROG VISION

ROG Vision เป็นหน้าจอ Matrix display ที่หลังเครื่อง ที่สามารถปรับแต่งได้เอง หน้าจอแบบโมโนโครม สีขาวดำสว่างสวยและมองเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเป็นจุดหลักที่แตกต่างกับทั้ง ROG PHONE 5 PRO / ROG PHONE 5 ปกติชัดเจนมากๆ ซึ่งรุ่น ULTIMATE จะเป็นแบบสีขาวดำเท่านั้นแตกต่างกับรุ่นอื่นๆและแน่นอว่าปรับแต่งเองได้ด้วยเช่นกัน เขียนชื่อเอง หรือว่าจะเป็นเอาจากรูปถ่ายมาขึ้นก็สามารถทำได้แต่จะได้เป็นสีขาวดำ ถือว่าลูกเล่นที่น่าสนใจมากๆ และ แจ้ง % ในการชาร์จแบต หรือว่าเตือนสายเรียกเข้า เข้าโหมด X อะไรได้ทั้งหมด หรือเขียนชื่อตัวเองได้ และ ภาพที่ได้ออกมาในการใช้งานภาพถ่ายจริงถือว่าชัดเหมือนกัน และ ตัวหนังสือรองรับภาษาไทยได้ด้วยนะ !

SOUND

รูหูฟัง ROG PHONE5 ULTIMATE ยังใส่เข้ามาให้จากที่รุ่น 3 นั้นได้ตัดออกไปครับทำให้ต้องใช้งานตัวเสริมเท่านั้น และระบบเสียงนั้นไม่ใช่เล่นๆครับมาพร้อมกับการใช้งาน ชิปเสียง ESS ตัวเทพตัวนึงเลยแหละ เพราะว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับ DAC  ESS SABRE PRO ในรหัส ES9280AC Pro ทำให้เรื่องของการขับเสียงนั้นผ่านตัว 3.5 มม. รองรับการอ่านเสียง อ่านไฟล์ HI-RES ได้แบบสบายๆ รวมถึงทำให้สายฟังเพลงน่าจะชอบกัน แน่นอนว่าส่งผลทั้งเรื่องของกำลังขับ ทั้งการเล่นเกม ฟังเพลงต่างๆ เสียงที่ออกมานั้นถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ของค่าย ESS ที่อาจจะแปลกนิดๆเมื่อมาอยู่ใน มือถือสาย Gaming ครับ ทำให้เสียงเวลาเล่นเกมก็ต้องบอกว่ามีคุณภาพที่ดีขึ้นระดับนึง แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นเพราะถ้าเกมไม่ได้ออกมา เน้นเสียงมากนักก็ไม่แตกต่าง ยกเว้นแค่ กำลังขับที่โหดขึ้น แต่เมื่อไรที่เอามาฟังเพลงอันนี้บอกเลยว่าคุณภาพมาแน่นขึ้นกว่า มือถือค่ายอื่นๆชัดเจน เสียงขับออกมาชัด ดีเทลเคลียร์ใส แถมมิติเสียง เวทีเสียงทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ รู้สึกเลยว่าคุณภาพนั้น เด่นดีขึ้นมากจริงๆ ฟังเพลงบอกเลยตัวนี้ทำได้โหด

GPS

GPS ตัวนี้บอกเลยว่าสบายครับจริงๆ ASUS ในเรื่องการนำทางถือว่าดีจากที่แอดมินลองตัวเรือธงก่อนหน้านี้และในตัวนี้จับได้ไวและแม่นดีครับในการทดสอบขับรถและนำทางไม่เจออาการหลุดอะไร อีกทั้งลงในอุโมงค์ต่างๆก็ทำได้ดีครับส่วนในเรื่องจากการทดสอบผ่านแอปนั้นทั้งบนรถและกลางแจ้งทำได้ไม่แตกต่างกันมากครับ จับได้ทั้งหมด 36 ดวง จากทั้งหมด 96 ไม่หนีกันมากส่วนเรื่องระยะเวลาหลังจากเปิดแอปประมาณ 1 วิก็เริ่มจับได้ตามภาพแล้วครับ ถือว่าไว้ใจได้และในรุ่นแรกนั้นในส่วนนี้ก็ถือว่าทำได้ดีไม่แตกต่างกันเลย และในที่กลางแจ้งนั้นสามารถทำได้ 47 ดวง ทั้งหมด 96 ดวงถือว่าจำนวนการใช้งานทั่วไปสบายๆและนำทางจริงในความเร็วสูงก็เหลือๆแล้วครับในเรื่องนำทางนี้

GAMING

ในการปรับแต่งทางด้านประสิทธิภาพนั้นจะเป็นส่วนของแอปที่เสริมเข้ามาที่หน้าตาสวยงามและสามารถปรับแต่งได้เยอะมากๆครับ ทั้งเรื่องของสถานะของตัวเครื่องบอกว่า CPU GPU วิ่งที่เท่าไรอุณหภูมิเท่าไร และระบบในภาพรวมความร้อนเท่าไร ความจุ แรม ใช้งานกันไปเท่าไรแบบละเอียดอย่างมากครับสำหรับรุ่นนี้ รวมถึงทางด้านประสิทธิภาพนั้นสามารถปรับได้ 3 ระดับแต่ถ้าระดับสูงสุดนั้นจะต้องเสียบพัดลมใช้งานก่อนถึงจะปรับได้สูงสุด และทางด้านหน้าจอนั้นสามารถปรับได้ว่าจะเอากี่ Hz และสามารถปรับแยกแต่ละแอปเล่นเกมได้ด้วยครับถือว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว รวมถึงสามารถปรับความไวในการสัมผัสได้ด้วยว่าจะเอาค่าประมาณไหน ไวหรือหน่วงแค่ไหนในการสัมผัส ในการเลื่อน หรือ แตะ ปรับได้ละเอียดมากครับ รวมถึงตัว การเชื่อมต่อก็รองรับการปรับแต่ง และรวมถึงจอด้านหลัง ROG VISION

AIR TRIGGER 5

เป็นอีกฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าทางค่ายใส่เข้ามาและพัฒนามาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนครับ แต่ในครั้งนี้นอกเหนือจากแตะขอบเครื่องแล้วนั้น ยังสามารถทำอะไรได้เยอะกว่าเดิมเยอะมาก ทั้ง Slide หรือการเลื่อนขอบเครื่อง / การปัดเป็นจุดๆ Swipe / หรือการแตะ Tap แตะแบบเต็มๆ / และ การแตะแยกซ้ายขวาในแต่ละข้าง ทำให้แตะสูงสุด 4 ปุ่มในขอบเครื่อง สามารถปรับแต่งได้ทั้งเรื่องของน้ำหนัก การแตะ ความไวในการแตะขอบเครื่อง การสั่นตอบสนองของปุ่ม หรือจะเป็นความหน่วงของตัวปุ่มสัมผัสเรียกได้ว่าปรับได้เยอะ และสามารถตั้งค่าแบบวางนิ้วพักนิ้วแบบไม่มีการทำงานได้ และ สำหรับรุ่น ULTIMATE จะรองรับสัมผัสที่ฝาหลังเครื่องได้มากกว่ารุ่นปกติ ตามภาพข้างบนนั้นเอง

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 3 เลนส์ตัวเดียวกับรุ่นปกติเลยนะครับ  น่าเสียดายว่า ในเรื่องของเลนส์ สเปกมันไม่ได้หนีจากรุ่น 3 เท่าไรนัก ทั้ง เลนส์ และ พิกเซลทั้งหมด กล้องเลนส์หลักให้มา IMX686  64MP และมาพร้อมกับ (f/1.8) 1/1.7”  0.8 µm pixel size พร้อมระบบโฟกัส PDAF แต่น่าเสียดายว่ายังคงไม่มี OIS ใส่เข้ามาให้ครับ ส่วนทางด้านเลนส์ที่ 2 นั้นจะเป็นเลนส์มุมกว้าง 125 องศา และไม่มี AF อะไรครับ  พร้อมกับ  Real-time distortion correction ส่วนตัวที่ 3 นั้นเป็นแค่เลนส์ มาโครเท่านั้น 5MP จริงๆแอบเสียดายน่าจะใส่เลนส์ เทเลเข้ามาให้น่าจะตอบโจทย์ยุคนี้มากกว่าเยอะเลยครับ ส่วนทางด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพนิ่งนั้นจัดเต็มเหมือนกันรองรับทั้ง การถ่ายละลายหลัง การถ่ายโหมดกลางคืน มุมกว้างต่างๆแต่การซูมอะไรยังไม่ได้เด่นเท่าที่ควรในเรื่องของการถ่าย ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านัก เพราะว่า ROG Phone ก็ยังคงเน้นไปเรื่องของการระบายความร้อน การเล่นเกม เรื่องกล้องยังไม่ได้ฟีเจอร์หลัก ซึ่งภาพก็จะเหมือนกับรุ่นทั่วไปไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไรนักในกล้องหน้าหลัง

SELFIE

สำหรับกล้องหน้านั้นให้มาที่ 24MP (f/2.4) คุณภาพนั้นถือว่าใช้งานทั่วไปได้ รองรับการถ่าย ละลายหลัง หน้าเนียนอะไรครบๆเลย แต่รู้สึกว่ารอบนี้รูรับแสงนั้นจะเป็น 2.4 จากที่รุ่นเดิม 2.0 ครับแน่นอนว่าส่งผลในเรื่องการถ่ายกลางคืนกว่าเดิมนิดหน่อย แต่เรื่องของความละเอียดอะไรนั้นเท่าเดิมเลยครับ และจากเท่าที่ลองนั้นก็ถือว่าใช้ได้เลยในการถ่ายนั้นสามารถเห็บขอบภาพได้ดีในการเบลอและแต่งหน้าได้หลากหลาย เรื่องของ Softwareในการถ่ายย้อนแสงยังคงทำได้ไม่ดีเท่าไรนักในกล้องหน้ารุ่นนี้อาจจะไม่ได้สวยมากนัก จริงๆความรู้สึกของภาพทั้งการถ่ายกลางวันหรือกลางคืนนั้นโทนสีดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน สกินโทนอะไรดูสวยและเนียนตามากขึ้นไม่เพี้ยน แต่เรื่องของคุณภาพใกล้กันครับ

ROG PHONE 5 ULTIMATE

” ที่สุดของตระกูล ROG PHONE 5 สเปกแน่น ดีไซน์เด่น  เล่นเกมได้ทุกรูปแบบ “

เมื่อถามถึงความเป็นที่สุดแน่นอนว่าตัวนี้ทำได้น่าสนใจ ทั้งสเปกที่ให้มาบ้าพลังมากๆที่ RAM 18 GB และแน่นอนว่าการออกแบบต่างๆที่แตกต่างกับรุ่น 5 ปกติชัดเจนแบบนี้ทำให้ตัวนี้น่าสะสมและสาวกน่าจะชอบกัน รวมถึงความพิเศษในงานออกแบบฝาหลัง โทนสีที่สวยงามทำให้ตัวนี้เป็นมือถือ GAMING ที่น่าสนใจมากๆตัวนึงในตลาด ทั้งเรื่องของหน้าจอ ความลื่นไหล ลำโพงคู่หน้า ระบบเสียง อุปกรณ์เสริมต่างๆนั้นค่ายนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังแน่นอน และที่สำคัญคือการใช้งาน Snapdragon 888 ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพนั้นโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ รวมถึง การใช้งานด้านการเล่นเกม ระบบเสียง HIRES ภาพรวมนั้นเป็นรุ่นที่ลงตัวมากๆในบรรดา Gaming Smartphone

ข้อดี

  • หน้าจอยังคงมีการพัฒนาในแง่ของ การตอบสนอง ความสวยงาม การสู้แสงได้ดี
  • งานประกอบ คุณภาพดีแน่น วัสดุแข็งแรง และ สวยงาม
  • RGB ด้านหลังสวยงามมากขึ้น ไล่แสงสีได้ แถมมีรุ่นที่มีหน้าจอข้างหลังให้เลือก
  • ลำโพงยังคงโดดเด่นที่สุด และ มีความดัง และ คุณภาพมากที่สุด
  • ระบบเสียง 3.5 มม. กลับมาแล้ว พร้อม ESS PRO DAC ตัวเทพ
  • ตัวเคสดีไซน์สวยงาม รองรับการใช้งานได้ดี
  • ระบบสั่งงานขอบเครื่อง และ ด้านหลังส่วนพัดลมทำออกมาได้ดี อิสระมากขึ้น
  • Snapdragon 888 รองรับการใช้งานได้ดีเช่นเดิม และ OC ให้โหดขึ้นจาก ROG
  • แบตยังคงอึดเช่นเดิม และมาพร้อมกับชาร์จไวที่มากขึ้นกว่าเดิม
  • อุปกรณ์เสริม ยังคงโดดเด่นของ ROG ทำออกมาได้ดี
  • มาพร้อม RAM 18 GB + STORAGE 512 GB
  • มีหน้าจอด้านหลัง พร้อมสั่งงานด้านหลังเครื่องได้เพิ่มเติมจากรุ่นปกติ

ข้อสังเกต

  • เรื่องของกล้องยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม สเปกเดิมทั้งหมด
  • หน้าจอ 144Hz FHD+ ยังคงมีสเปกใกล้เคียงของเดิม
  • อุปกรณ์เสริมบางอย่างใช้ของเดิมไม่ได้แล้ว จากการออกแบบ ขนาดที่เปลี่ยนไป

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares