realme ได้ลุยตลาดเรือธงกับเค้าบ้างแล้วในครั้งนี้มาพร้อมกับเรือธงที่สเปคจัดหนักจัดเต็มที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ในแบรนด์นี้และเป็นการยกระดับตัวเองไปอีกขั้นกล้าสู้กับเรือธงตัวอื่นๆแล้ว ในแง่ของ สเปค และ วัสดุรวมถึง สิ่งต่างๆที่ใส่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ ลำโพง กล้องหลังที่มาพร้อมกับ 64MP และ ยังคงใส่มุมกว้าง และ เลนส์ระยะเทเล เสริมเข้ามา และซูมได้ 20X กล้องหน้าที่โหดเอาเรื่อง และยังรองรับเสียง Hi-Res อีกด้วยและในเรื่องของการชาร์จไว 50W ที่สูงมากๆในบรรดาเรือธงตอนนี้ครับ ถือว่าเป็นค่ายที่ก้าวกระโดดจริงๆในตลาดมือถือเพราะเริ่มมาไม่นานแต่ออกรุ่นมาเยอะและแต่ละตัวนั้นสเปคอะไรคุ้มเอาเรื่องเลย และในรุ่น X2 Pro นั้นก็เป็นรุ่นที่จัดเต็มที่สุดเลยก็ว่าได้ 

realme X2 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับตัวเองไปทั้งหมดเป็นเรือธงที่โหดสุดๆอีกตัวครับ ในเรื่องของหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ ติ่งหยดน้ำขนาด 6.55 นิ้ว FHD+ อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 91.7% รองรับ HDR10+, DC Dimming 2.0, รีเฟรชเรท 90Hz และความเร็วในการตอบสนอง 135Hz เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอของมันจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม โดยมันสามารถปลดล็อกหน้าจอได้ใน 0.23 วินาทีจากรุ่นที่แล้ว 0.36 วินาที นอกจากนี้มันมีลำโพง Stereo คู่, Dolby Atmos, Hi-Res และการสั่นแบบ 4D ทางด้าน CPU Snapdragon 855+ พร้อมการ์ดจอ Adreno 640 และมาพร้อมการกระจายความร้อนที่ดีกว่าเดิม โดยมี liquid cooling นอกจากนี้ยังมี Hyper Boost 2.0 เพื่อให้เฟรมเรทคงที่ และมี Touch Boost 2.0 ที่เพิ่มอัตราการตอบสนองเพิ่มขึ้น 35% แบตเตอรี่ของมันมีขนาด 4,000mAh ที่มาพร้อมชาร์จเร็ว SuperVOOC 50W โดยสามารถชาร์จแบตได้ 60% ใน 15 นาที และ 100% ได้ใน 35 นาที อีกทั้งมันยังรองรับ USB-PD และชาร์จเร็วของ Qualcomm 18W ได้ด้วยเช่นกัน ส่วน สเปคที่ขายในไทยนั้นจะเป็น RAM 12 GB STORAGE 256 GB

realme X2 Pro เปิดราคาในประเทศไทย RAM 12 GB STORAGE 256 GB – 19,999 บาท
มาพร้อมด้วยกันทั้งหมด 2 สี  Lunar White  และ  Neptune Blue

UNBOX

สำหรับตัวกล่องนั้นหน้าตาอะไรยังคงแนวเดียวกับรุ่นอื่นๆครับเป็นรูปตัวเครื่องชัดเจนในด้านหน้าพร้อมกับสีตัวเครื่องครับส่วนชื่อเรื่องในด้านขวา ซ้ายของกล่องก็บอกชื่อรุ่นครับแน่นอนว่าตัวกล่องยังคงออกแบบกับรุ่น XT ครับส่วนอุปกรณ์นั้นให้มาค่อนข้างครบเหมือนเดิมแต่ค่ายนี้ยังคงไม่มีหูฟังมาให้เช่นเดิมครับแม้จะเป็นเรือธง แอบเสียดายนิดๆ

  • realme X2 Pro
  • ตัวเคส TPU ใสสีดำ
  • ที่ชาร์จ SUPER VOOC 50W
  • สายชาร์จ USB-C รองรับ  SUPER VOOC 50W
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสนั้นทำออกมาได้กระชับ และมีความหนาเหมือนกับรุ่น XT ก่อนหน้าแต่ครั้งนี้เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดีกว่าเดิมนิดนึงครับ ตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วเครื่องแอบมืดขึ้น แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวาง ตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ ซึ่งเคสปกติทั้วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ และเป็นการออกแบบเดียวกันกับ realme XT เลยครับที่จะปกป้องได้ค่อนข้างดีและตัวเคสอะไรนั้นจะเป็นแบบเดียวกันเลย

DESIGN

ในแง่ของการออกแบบในเครื่องรุ่นนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่น XT อยู่บ้างแต่ถ้ามองเทียบกับ X2 ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากครับกล้องเอามาวางไว้ตรงกลาง แต่ที่แปลกจริงๆคงจะเป็นเรื่องของการวางโลโก้นั้นเองที่ไว้มุมขวาแบบแปลกๆที่ไม่ค่อยเจอในมือถือเท่าไร ส่วนทางวัสดุนั้นใช้ Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง ส่วนงานประกอบ น้ำหนักอะไรทำได้ดีครับ ไม่ได้หนาและไม่หนักเท่าไร แต่กล้องนั้นยังแอบนูนมาพอสมควรเท่าๆกับรุ่นก่อนหน้าครับ ถ้าเรียบๆไปน่าจะสวยเลยสำหรับเรือธงอันนี้แอบเสียดายอยู่บ้าง และที่สำคัญคือยังมีรูหูฟัง 3.5 มาให้อยู่อันนี้แหละเด่นๆเลย

หน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว  ดีไซน์การออกแบบเป็นติ่งหยดน้ำแบบเดิมครับ มาในความละเอียด (2400 x 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 Fluid AMOLED หน้าจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, HDR10+, 100% DCI -P3 color gamut, ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ถือว่าหน้าจอโหดและสัมผัสทำได้ดีที่สุดแล้วในแบรนด์นี้ครับ

หน้าจอขอบด้านบนนั้นเป็นที่อยู่ของติ่งหน้าจอแบบหยดน้ำซึ่งมีขนาดเล็กลงครับและเป็นกล้องหน้า IMX 471 16MP F2.0 แบบเดียวกันกับ  XT รวมถึงเซนเซอร์อะไรต่างๆก็อยู่ข้างๆกล้องครับ แต่จะเห็นว่าช่องลำโพงยาวมากๆและจุดนี้แหละทำให้เสียงนั้นดีมากในส่วนของลำโพงคู่ครั้งนี้สู้เรือธงได้สบายๆดังและมีมิติมากๆ ไว้ชมกันรีวิวเต็มครับ

ในส่วนหน้าจอขอบล่างนั้นมีความบางขึ้นเล็กน้อยครับ โดยปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่บนหน้าจอทั้งหมด สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้ครับรวมถึง ตำแหน่งสแกนนิ้วก็อยู่ในช่วงใกล้ๆล่างขอบจอครับสำหรับตัวนี้พอๆกับของ XT

และขอบเครื่องในด้านล่างนั้น จะเห็นว่ามีลำโพงหลักตัวแรก และ ช่อง USB-C รวมถึง รูไมค์ และ ยังคงมีรู 3.5 มม. อยู่ด้วยนั้นเองครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหนถือว่าเป็นเรือธงที่ยังคงมี 3.5 มม.กันอยู่อันนี้น่าใช้งานเลยแหละ

ในด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Dual Sim Slot อันนี้เป็นจุดสำคัญที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆเลยแหละ น่าเสียดายครับ แต่เรื่องของความจุตัวเครื่องก็จัดเต็มมาให้แล้ว 256GB เหลือๆเลย เหมือนจะมีซีลยางกันฝุ่น กันน้ำมาให้นิดหน่อยแต่ไม่รับรองการรับการลงน้ำนะครับ ได้แค่กระเด็นๆเบาๆ และปุ่ม Power พร้อมขีดสีส้มๆในด้านขวาครับ

ในส่วนขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นแค่ตัวรูไมค์ตัดเสียง และ จะเห็นส่วนของฝาหลังที่โค้งลงมารับมือเล็กน้อยครับ

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลด เสียง และจะเห็นฝาหลังแบบโค้งที่เข้ามาที่ขอบเครื่องทำให้จับได้ถนัดกว่าเดิม ส่วนทางด้านวัสดุนั้นทำได้ดีขึ้นและขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมแบบด้านเนียนๆสวยกว่าตัว XT อยู่ครับ

กล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 1/1.72″, ขนาดพิกเซล 0.8μm (f/1.8), LED flash, EIS, เลนส์เทเล 13MP เซนเซอร์ 1/3.4″, ขนาดพิกเซล 1μm(f/2.5), ซูมแบบ hybrid ได้ 20x, 2.5cm macro, เลนส์กว้าง ultra-wide 115° 8MP เซนเซอร์ 1/3.13″, ขนาดพิกเซล 1.4μm(f/2.2) , เลนส์จับความลึก 2MP (f/2.4), ขนาดพิกเซล 1.75μm, slow-motion 960fps ไฟแฟลชนั้นจะแยกมาข้างนอก และ มีวงแหวน realme Ring มาในกล้องหลักบนสุดครับ แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นนูนขึ้นมาพอสมควรเลยเท่าๆกับ XT

ในส่วนของฝาหลังนั้นจะเป็นสีขาวเหลือบๆเล็กน้อยเล่นกับแสงสีได้ดีและสวยงามวัสดุใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งชิ้น และกล้องหลังวางตรงกลาง 4 ตัวแนวตั้งครับเรียงกันตรงๆเลย และโลโก้ที่วางแปลกๆในมุมขวาล่างกล้องครับเลยไม่สมมาตรเท่าไร เพราะกล้องหลังวางกลางแล้วน่าจะให้มันสมมาตรกว่านี้ แต่ชอบงานประกอบ วัสดุนั้นทำได้ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ครับ น่าจะเพราะการใช้กระจกและวัสดุโดยรวมที่ดีขึ้นเลยทำให้ฟิลลิ่งมันดีกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนเลย

SPEC

  • หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว (2400 x 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 Fluid AMOLED หน้าจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, HDR10+, 100% DCI -P3 color gamut, ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 Protection
  • ชิปเซต Octa-Core Snapdragon 855 Plus (1 x Kryo 485 at 2.96GHz + 3 x Kryo 485 at 2.42GHz + 4 x Kryo 385 at 1.8GHz) 7nm พร้อมการ์ดจอ 675MHz Adreno 640
  • RAM 12GB LPDDR4X พร้อม Storage 256GB (UFS 3.0)
  • Android 9.0 (Pie) ที่ครอบด้วย ColorOS
  • Dual SIM แบบ Hybrid Slot
  • กล้องหลัง 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 1/1.72″, ขนาดพิกเซล 0.8μm (f/1.8), LED flash, EIS, เลนส์เทเล 13MP เซนเซอร์ 1/3.4″, ขนาดพิกเซล 1μm(f/2.5), ซูมแบบ hybrid ได้ 20x, 2.5cm macro, เลนส์กว้าง ultra-wide 115° 8MP เซนเซอร์ 1/3.13″, ขนาดพิกเซล 1.4μm(f/2.2) , เลนส์จับความลึก 2MP (f/2.4), ขนาดพิกเซล 1.75μm, slow-motion 960fps
  • กล้องหน้า 16MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471 (f/2.0), ขนาดพิกเซล 1.0μm
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วแบบ In Screen display
  • 3.5mm audio jack รองรับ ระบบเสียง Hi-Res Audio
  • ลำโพงคู่ Stereo Speakers รองรับ Dolby Atmos
  • 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz) 2×2 MIMO, Bluetooth 5, GPS, GLONASS,
  • USB Type-C
  • ขนาดตัวเครื่อง: 161×75.7×8.7mm; น้ำหนัก: 199 กรัม
  • แบตเตอรี่ 4,000mAh พร้อม SuperVOOC fast charging 50W (10W/5A)

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน CPU ตัวแรงที่สุดในตอนนี้ Snapdragon 855+ พร้อมกับ RAM 12 GB และ หน่วยความจำเป็น UFS 3.0 256 GB ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 469K ต้องบอกว่าคะแนนโหดเอาเรื่องเลยครับส่วนคะแนนการอ่านเขียน ทำไปได้เกือบ 1500 และ เขียนไป 400 ครับและ Geekbench นั้นทำคะแนนไปได้ที่  669 /2969คะแนน และ Divevine L1 อยู่นะครับในการเช็ค ผ่านตัว DRM info สามารถดู Netflix HD ได้แน่นอนครับแอดมินดูมาแล้ว โดยรวมนั้นถือว่าสเปคโหดเอาเรื่องที่สุดแล้วของค่ายนี้ ในแง่ของประสิทธิภาพสบายๆครับ

SOFTWARE UI

หน้าตาระบบรุ่นนี้ยังคงอิงจากรุ่นก่อนหน้าครับ และทำให้มันเรียบขึ้นและคล้าย Android One มากขึ้น และมาใช้ Colour OS 6.1 ที่มีฟีเจอร์เข้ามาเพิ่มเติมนิดหน่อย ร่วมกับ Android 9 หน้าหลักๆนั้นยังคงมีมาคล้ายๆเดิมครับการแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับ แต่แอพติดเครื่องยังมีมาเยอะพอสมควร พวกแอพนอกเหนือจาก Google ครับ

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลมแล้ว จากที่เป็๋นสี่เหลี่ยมก่อนหน้า การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็มครับ รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 256GB นั้นเหลือใช้งานได้ 242 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 5.20จาก12 GB ครับ

ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space ก็ยังมีมาให้ครับพร้อมปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ส่วนที่เพิ่มเข้ามานั้นจะเป็น realme Lab สำหรับการทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆก่อนจะปล่อยออกมาในรุ่นอื่นๆก็จะมีอัปเดตมาให้ลองกันเรื่อยๆ โดยล่าสุดที่เจอคือ โหมดกลางคืนทำให้ทุกอย่างมันธีมเข้มไปหมดเลยอันนี้ชอบมากๆ และ มีผลไปถึงพวกแอปภายนอกได้ด้วยครับ ถือว่าน่าสนใจเลยแหละ ถนอมสายตาได้ดีด้วยครับ

Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

THEME

ตัวการปรับแต่งธีมนั้นรองรับการเปลี่ยนพอสมควรครับซึ่งมีให้เลือกค่อนข้างเยอะจากที่รุ่นแรกๆนั้นปรับแต่งไม่ได้แต่ตอนนี้ปรับแต่งมาแล้วทำให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้นและเปลี่ยนทั้งตัวหน้าตาไอคอน แอพ และรวมถึงพื้นหลังต่างๆ แต่การเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่ได้เยอะเท่าไร แต่ธีมที่ดูนั้นมีอัปเดตมาเรื่อยๆและมีหน้าตาสวยๆเข้ามาให้เลือกใช้งานเยอะขึ้นกว่าเดิมครับ

SCREEN

ทางด้านหน้าจอก็เป็นจุดที่อัพเกรดขึ้นแบบชัดเจนครับทั้งเรื่องของความสวยงามและคุณภาพของตัวหน้าจอ ในหลายๆครั้งนั้นแบรนด์นี้จะโดนบ่นเรื่องหน้าจอที่สัมผัสไม่ไว และไม่โหดมีหน่วงกันเล็กน้อยแต่ในครั้งนี้ได้แก้ไขทั้งหมดโดยเป็นหน้าจอที่โหดสุดๆอีกรุ่นทั้งเรื่องของความคมชัดสวยงามการสัมผัสที่ไว และรวมถึงอัตราการตอบสนองที่ไวมากๆ หน้าจอนั้นอัพเกรดเป็น 90Hz และ การสัมผัสนั้นไวมาก 135Hz เลยทีเดียวครับติดนิ้วมากๆ ในส่วนของหน้าจอก็สามารถปรับได้ว่าจะเอา 60-90Hz ครับ ช่วยประหยัดแบตได้นิดหน่อย ส่วนเรื่องของสเปคนั้นมาพร้อมกับ ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 x 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9 Fluid AMOLED หน้าจอโค้งแบบ 2.5D ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz, HDR10+, 100% DCI -P3 color gamut, ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 และ ความสว่างสูงสุดมากถึง 1000 NITS เลยทีเดียวสำหรับหน้าจอในรุ่นนี้

ในเรื่องของมุมมองของตัวภาพนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยแหละ เพราะถ้าหากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านั้นมุมมองอาจจะไม่ได้โหดมากเพราะทางค่ายเองก็ยังไม่เคยทำมือถือเรือธงกันออกมา แต่ในครั้งนี้ในเมื่อมาลุยตลาดเรือธงแล้ว ทุกอย่างมันยกระดับไปอีกครั้งเลยแหละทั้งเรื่องของ สีสัน มุมมอง การสัมผัส รองรับการใช้งานกลางแจ้งได้สบายมากๆ อีกทั้งยังให้สีที่มีมิติพอสมควร และเนียนตา มุมมองเอียงๆยังไงสียังไม่ดรอปเลยครับ แต่เรื่องของความละเอียดอาจจะแค่ FHD+ เท่านั้นจะเท่าๆกันกับ 7T นั้นเอง และหน้าจอเผลอๆอาจจะใช้งานรุ่นเดียวกันด้วยครับ ทางด้านหน้าจอนอกเหนือจาก ความละเอียดแล้วนั้นไม่มีจุดไหนให้ต้องกังวลเลย สบายๆและเป็นหน้าจอที่ดีอีกรุ่นเลยครับ

ในส่วนของ Always On ค่ายนี้ยังคงปรับเปลี่ยนอะไรได้น้อยมากๆ หรือปรับเปลี่ยนไม่ได้เลยแอบเสียดายจริงๆในส่วนนี้น่าจะทำให้ปรับเปลี่ยนหรือแต่งได้แล้วครับไหนๆก็เรือธงทั้งที เพราะถ้าหากเทียบค่ายอื่นๆก็จะมีลูกเล่นที่เยอะพอสมควรครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งหน้าตา การออกแบบ สี หรือจะเป็นการแต่งให้ตัวละครต่างๆ หรือถ้าง่ายๆเลยคือสามารถเปลี่ยนได้ 3 แบบ นิดหน่อย หรือ เปลี่ยนสีอะไรได้ก็ยังดี แต่ในรุ่นนี้น่าเสียดายว่าไม่มีการเปลี่ยนอะไรได้เลยครับได้แค่แบบในภาพเท่านั้น และตำแหน่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพื่อป้องการหน้าจอไม่ให้ Ghost นั้นเองครับ

FINGERPRINT

ความไวแค่ 0.23 วิเท่านั้น ของการสแกนนิ้วครับถือว่าน่าสนใจเลย ยังคง สแกนนิ้วได้ดีอันดับต้นๆครับในเรื่องของความไวและความแม่นยำ รุ่นนี้คือไวมากจริงๆต้องกล้าพูดเลยว่าเทียบเรือธงที่เป็นคู่แข่งกันได้สบายครับในเรื่องของความไวและแม่นยำ และ เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่าตัวแสงไฟนั้นเป็นสีขาวส้มตรงกลาง เป็นแบบเดียวกับรุ่นใหม่ๆที่ออกมาปีนี้ มาแทนที่พวกแสงสีฟ้า เขียว และจากที่ลองนั้นแสงสีขาวทำได้ดีกว่าพอสมควร

SOUND HI-RES

ระบบเสียงค่ายนี้ใส่ใจมากขึ้นแล้วถือว่าเป็นข้อดีเลยแหละเพราะทุกครั้งที่เรารีวิวจะบ่นเรื่องเสียงมาโดยตลอดว่าไม่ได้มีการพัฒนาหรือปรับปรุงอะไรสำหรับค่ายนี้เลย แต่ในครั้งนี้นั้นได้มีการอัพเกรดมาแล้ว โดยการใช้ชิปเสียงเข้ามาที่ทำให้ระบบเสียงนั้นรองรับการอ่าน Hi-Res ได้เลย รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูงมาให้ แต่เรื่องของยี่ห้อหรือแบรนด์นั้นยังไม่ชัดเจนว่าใช้ตัวไหนครับ ส่วนในการใช้งานจริงๆในรุ่นนี้ไม่ได้มีหูฟังมาให้ในกล่อง อันนี้แอบเสียบดายเพราะไหนๆจะเป็นเรือธงแล้วครับ ส่วนเรื่องของเสียงนั้นจากที่ได้ลองฟังผ่านทางหูฟัง iBasso นั้นได้ยินชัดๆเลยว่าเสียงมันดีขึ้นครับ ทั้งเรื่องของกำลังขับ ที่ดีกว่าเดิมแบบชัดเจนในการฟังเพลงทั้งผ่านแอป Spotify หรือจะเป็นไฟล์ Flac ที่ความละเอียดสูง นั้นขับได้ดีกว่าเดิมพวกรายละเอียดเสียงมาดี เสียงขับได้เยอะ มิติเสียงดี เบสมาสะใจขึ้น แต่รายละเอียดความใสนั้นอาจจะยังไม่ได้โหดมากเท่าไร แต่ถ้ามองในบรรดาเรือธงทั้งหมดช่วงนี้ถือว่าอันดับต้นๆได้เลย เพราะหลายๆค่ายนั้นเริ่มไม่ได้เน้นในเรื่องของเสียง หรือการใช้ชิปเสียงโหดๆกันมานานมากแล้วในสมัยนี้ครับ

SPEAKER 

ทางด้านลำโพงนั้นเป็นครั้งแรกของทาง realme  ที่ใส่ลำโพงคู่เข้ามาครับ และสามารถใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ได้ด้วยเรื่องของคุณภาพเสียง มิติเสียงนั้นไว้ใจได้เลยส่วนทางลำโพงคู่นั้นเป็นลำโพงคู่ที่ดีอันดับต้นๆในบรรดาเรือธงในเรทราคานี้เลยครับ เสียงดังสะใจและมิติมากๆ ตำแหน่งแบบเดียวกับหลายๆรุ่นเช่น 7T ก็แอบคล้ายๆกันเสียงดังพอๆกันเลยถือว่าสะใจขึ้นเยอะครับ และเสียงเมื่อเทียบกับทาง XT นั้นมีการพัฒนาขึ้นแบบชัดเจน ด้วยลำโพงที่ดีกว่า ดังกว่า มิติดีกว่าและแยกซ้ายขวาชัดเจนเวลาเล่นเกม ทำให้ลำโพงรุ่นนี้ไม่ผิดหวังและทำได้ดีมาก

GPS 

ในการนำทางนั้นทำได้ดีต่อเนื่องจากรุ่นเดิมเลยครับ และจากที่ใช้งานจริงและใช้แอปทดสอบเช่นเคยครับ ก็จับได้ทั้งหมด 18 ดวง จากทั้งหมด 46 ดวงครับ ที่บังเช่นใต้ทางด่วนพวกนี้ครับ ส่วนของกลางแจ้งจับได้ทั้งหมด 30 ดวง จากทั้งหมด 49 ดวง นะครับ ใกล้ๆกับเรือธงและรุ่นอื่นๆที่ลองกันมา และใช้งานได้ดี ส่วนการเรียกใช้งานแอป หรือ เวลาหลังจากเปิดแอปนั้นก็ทำได้ค่อนข้างไว ถือว่าทำได้แม่นยำดีครับในการนำทางใครที่เน้นในเรื่องนี้รุ่นนี้แนะนำครับ

BATTERY 

แบตเตอร์รี่ตัวนี้ยังคงให้มาที่ 4,000 การจัดการพลังงานมันทำได้ดีครับ จากที่เคยทดสอบแบรนด์นี้มาพอสมควร  แม้จะใช้งาน Snapdragon 855+ ก็ตามถือว่าประหยัดเอาเรื่องเลย และยังได้ใช้งานเทคโนโลยีชาร์จไวมาเหมือนเดิม ในการทดสอบนั้นต้องบอกว่าทั้งวันได้ จากที่ลองใช้งานหนักๆ 8-9 ชั่วโมง ใช้งานนำทางต่อเนื่อง 1-2 ชั่วโมงเต็มๆครับ และ เปิดเพลง ถ่ายรูป วีดีโอ เล่นเกมไป 1 ชั่วโมงกว่า ถือว่าทำได้ดีนะ และ แบตเหลือ 32 % ครับ ซึ่งหน้าจอเปิดทั้งหมด 4 ชั่วโมง และ ใช้งานทั้งหมด 9 ชั่วโมงถือว่าอึดมากๆครับแต่ถ้าจอเปิดโหดๆยังไงก็ทั้งวันสบายๆ

SUPER VOOC 50W 

อันนี้โหดของจริงยอมรับเลย เพราะว่าตอนที่เห็นโปรโมทไม่คิดว่าเค้าจะนับจาก 0-100% แต่พอมาลองแล้วนั้นบอกเลยว่าโคตรโหดครับ มันไวจริงๆโชว์เป็น% แบบเลขทศนิยม 2 ตำแหน่งเลยไวที่สุดเท่าที่เคยลองมาเลยในค่ายนี้ครับและชาร์จไวและไม่ร้อนด้วยอันนี้คือจุดสำคัญเลย เทคโนโลยีเค้าเจ๋งจริงๆในเรื่องนี้ Super VOOC 50W นั้นจะจ่ายไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ของมันมีขนาด 4,000mAh  สามารถชาร์จแบตได้ 60% ใน 15 นาที และ 100% ได้ใน 35 นาที อีกทั้งมันยังรองรับ USB-PD และชาร์จเร็วของ Qualcomm 18W ได้ด้วยครับ

GAMING 

สำหรับในเรื่องของการเล่นเกม Realme X2 Pro ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่เหมาะกับการเล่นเกมมากๆเเละในรอบนี้ Realme ทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลำโพงคู่สองตัวที่บอกทิศทางเสียงได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงหน้าจอเเสดงผล 90hz ทำให้เล่นเกมได้ลื่นที่สุดเท่าที่ได้ลองมือถือของ Realme การตอบตอบสนองการใช้งานเรื่องของการทัชทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นเดิม บอกเลยว่าใครที่เล่นเกม Call Of Duty Mobile , Pubg Mobile , Freefire จะต้องชอบอย่างแน่นอน นอกจากนั้นในรุ่นนี้ก็ยังใส่ระบบระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ดีมากๆ ตัวเครื่องหลังจากทดสอบประมาณ 41 นาที ตัวเครื่องมีอุณหภูมิความร้อนสูงสุด 42 องศาเท่านั้น เเต่เรื่องของการกินแบตอาจจะกินเยอะกว่ารุ่นอื่นหน่อยเพราะเท่าที่ทดสอบ 40 นาที กินเเบตอยู่ประมาณ 12% แต่ก็ไม่ต้องกลัวเพราะรุ่นนี้เท่าที่ทดสอบไปด้วยเล่นไปด้วย 30 นาที ได้เเบตราวๆประมาณ 70% นิดๆครับ

CAMERA

กล้องหลังนั้นมีการพัฒนาขึ้นใช้งานกล้อง 64MP แต่รองรับการซูมอะไรที่ดีกว่าเดิมครับ กล้องเทเลที่ดีกว่าเดิม โดยมาพร้อมกล้อง 4 ตัว ตัวหลักนั้นใช้ 64MP ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung GW1 1/1.72″, ขนาดพิกเซล 0.8μm (f/1.8),EIS, และที่พัฒนาขึ้นชัดๆคือตัว เลนส์เทเล 13MP เซนเซอร์ 1/3.4″, ขนาดพิกเซล 1μm(f/2.5), ซูมแบบ hybrid ได้ 20x , และ เลนส์ 2.5cm macro ที่อยู่ในตัว เลนส์มุมกว้าง ultra-wide 115° ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ 1/3.13″, ขนาดพิกเซล 1.4μm(f/2.2) ,  และ เลนส์จับความลึก 2MP (f/2.4), ขนาดพิกเซล 1.75μm, slow-motion 960fps จะเห็นได้ชัดว่า เรื่องของเทเลที่ดีกว่าเดิม ใช้งาน Optical 2X – Optical Hybrid 5X และ Digital Hybrid 20X แบบเดียวกับ Reno2 ครับผม และ มาโครที่ใกล้กว่าเดิม และ มีโฟกัส ทำให้เรื่องกล้องมันยืดหยุ่นขึ้นครับ และทางด้าน Software ก็มีการพัฒนาขึ้นอยู่เหมือนกัน เรามาชมตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยย

PORTRAIT 

NIGHTSCAPE

TELE 

SUPER MACRO 

SELFIES

ในส่วนของกล้องหน้านั้นยังคงใช้งานกล้องหน้าคล้ายกับรุ่น XT มาพร้อมกับความละเอียด 16MP F2.0 IMX 471 และ รองรับการถ่าย Portrait ละลายหลังปกติครับ และแน่นอนว่ายังมี AI Beauty และในครั้งนี้กล้องหน้าสามารถถ่าย NightScape ได้ด้วย ทำให้ที่มืดนั้นสบายๆเลย ในเรื่องของมุมภาพนั้นก็จะเท่ากันครับแน่นอนว่าไม่ได้กว้างมากนักส่วนตัวคุณภาพนั้นก็ยังคงทำได้ดีในเรื่องของความใสเนียนของตัวผิวหรือโทนสีผิวนั้นค่อนข้างดีครับไม่ได้เวอร์และไม่ได้หลอกตาเกินไปครับ แต่โทนสีในบางสภาพแสงแอบแปลกๆอยู่บ้างเล็กน้อย

VIDEO 

การถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้รองรับ 4K 60FPS / 4K 30FPS /FHD 60FPS /FHD 30 FPS และรองรับ 960FPS HD ในการถ่าย Super Slowmotion และยังมีกันสั่นเทพเข้ามาด้วยครับแน่นอนว่าเรื่องการถ่ายวีดีโออันนี้จัดเต็มเลย แต่เรื่องของกล้องมุมกว้างนั้นรองรับแค่ FHD 30FPS เท่านั้นนะครับแอบเสียดายเหมือนกัน ส่วนเรื่องของกันสั่นนั้นอยู่ในระดับกลางๆเพราะมีแค่ EIS เท่านั้นเลยอาจจะไม่ได้เนียนมาก ส่วนเสียงนั้นทำได้ดีระดับนึงเลยถ้าถือใกล้ๆ แต่ถ้าถือกล้องหน้าอาจจะดรอปไปบ้างเพราะระยะไกลกว่าเดิมหน่อยครับ ส่วนกันสั่นกล้องหน้านั้นไม่ค่อยดีเท่าไร จริงๆมันมี EIS ช่วยอยู่นะแต่รู้สึกเหมือนจะไม่ได้ทำงานอาจจะรออัปเดตขายจริงอีกครั้งครับ ส่วนเรื่องของสีนั้นทำได้ดีเมื่อมาดูจอคอมครับ แต่ตอนถ่ายสียังไม่ค่อยดีและเรื่อง Noise ที่อาจจะเยอะไปหน่อยด้วยเวลามืดมากๆครับ

REALME X2 PRO

“ลุยเรือธง สเปคโหดสุดแรงเต็มตัว ทุกอย่างยกระดับขึ้น น่าใช้งานขึ้นกว่าเดิม !”

เรียกได้ว่าเป็นการลุยตลาดเรือธงที่ไม่ใช่เล่นๆ สเปคแรง ในทุกๆส่วนของมือถือทั้งเรื่องของ CPU ที่จัดเต็ม Snap 855+ พร้อมกับ RAM 12 GB รวมถึง 256GB ในความจุและใช้งาน UFS 3.0 ด้วยเช่นกันถือว่าจัดเต็มจริงๆ และหน้าจอก็ยังมาพร้อม OLED 90HZ รองรับ HDR DCI-P3 และ ยังสัมผัสได้ไวติดนิ้วเอาเรื่อง หรือจะเป็นลำโพงคู่ครั้งแรกของค่ายนี้มาพร้อม Dolby Atmos และรองรับระบบเสียง Hi-Res ด้วยครับในการฟังผ่านหูฟัง และ เรื่องแบตนั้นมี ชาร์จไว 35 นาทีเต็มมาให้ด้วย และใช้งานจริงๆอึดมากๆทั้งวันสบายเลย คือหลายๆส่วนมันจัดเต็มจริงๆ และน่าใช้งานครับ ส่วนราคานั้นอาจจะดูแรงไปแต่อย่าลืมว่ามันได้ทั้ง RAM ชาร์จไว กล้องต่างๆที่ให้มาดีมากๆ รวมถึง แบตที่อึดกว่าหลายๆรุ่นในการใช้งานจริง และยังรองรับระบบเสียงที่ดีพอสมควรครับก็เป็นจุดที่แตกต่างกับเพื่อนบ้าน ส่วนเรื่องที่ขอบบ่นนิดๆอาจจะเป็น กล้องเวลากลางคืนยังแปลกๆอยู่บ้าง และไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD ครับ

ข้อดี

  • หน้าจอ OLED ทำได้ดี 90Hz และ สัมผัสไวติดนิ้ว
  • มาพร้อม Snapdragon 855+ และ RAM 12GB + UFS 3.0
  • ตัวเครื่องงานประกอบ วัสดุทำได้ดี พรีเมี่ยม
  • ลำโพงคู่ เสียงดัง และ มีมิติ มีคุณภาพ
  • ชาร์จไวมากๆ 30 นาทีเต็ม Super VOOC 50W
  • กล้องหน้าหลัง ถ่ายได้ง่าย มีโหมดให้เลือกหลากหลาย
  • ยังคงมีรู 3.5 มม. พร้อมรองรับ Hi-Res

ข้อสังเกต

  • ยังไม่รองรับการกันน้ำ IP Rating
  • กล้องหลังคุณภาพกลางคืนยังไม่ดีเท่าไร
  • กล้องหน้ายังไม่รองรับ 4K
  • ไม่สามารถเพิ่ม Micro SD  ได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares